81
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: 24, มิถุนายน, 2568, 09:29:08 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๘/๑๙) ๑.อภิธรรม ๗ คัมภีร์ พระอภิธรรมปิฎก= แบ่งเป็น ๗ คัมภีร์ (เรียกย่อหรือหัวใจว่า สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ) คือ (๑)ธัมมสังคณี -รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้วอธิบายทีละประเภทๆ (๒)วิภังค์ -ยกหมวดธรรมสำคัญ ๆ ขึ้นตั้งเป็นหัวเรื่องแล้วแยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด (๓)ธาตุกถา -สงเคราะห์ข้อธรรมต่าง ๆ เข้าในขันธ์ อายตนะ ธาตุ (๔)ปุคคลบัญญัติ -บัญญัติความหมายของบุคคลประเภทต่างๆ ตามคุณธรรมที่มีอยู่ในบุคคลนั้น (๕)กถาวัตถุ -แถลงและวินิจฉัยทัศนะของนิกายต่างๆ สมัยสังคายนาครั้งที่ ๓ (๖)ยมก (ภาค ๑, ภาค ๒) ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ๆ (๗)ปัฏฐาน หรือ มหาปกรณ์ (ภาค ๑, ภาค ๒, ภาค ๓, ภาค ๔, ภาค ๕, ภาค ๖) อธิบายปัจจัย ๒๔ แสดงความสัมพันธ์เนื่องอาศัยกันแห่งธรรมทั้งหลายโดยพิสดาร การสวดอภิธรรม ๗ คัมภีร์=ครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ แสดงแก่พุทธมารดาฟัง ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พร้อมทั้งเหล่าเทวดาทุกชั้นที่พากันมาฟังธรรมที่ชั้นดาวดึงส์ ทำให้เหล่าเทวดาได้บรรลุธรรมพร้อมกัน มีพระโสดาบัน เป็นเบื้องต่ำ และอนาคามีเป็นเบื้องสูง ใช้เวลาในการแสดง ๓ เดือน (๑ พรรษา) การสวดพระอภิธรรมศพ=พระสงฆ์นำเอาพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ มาสวดในงานศพ ก็เพื่อเจริญกุศลและอานิสงส์ต่างๆ ดังต่อไปนี้ (๑)เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจความจริงของสังขาร ที่เกิดมาแล้วก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา โดยมีศพให้ดูเป็นตัวอย่างเบื้องหน้า (๒)เพื่อเป็นอีกอุบายวิธีหนึ่ง ในการป้องกันมิให้พระสัทธรรม หรือพระอภิธรรมอันตรธานไป (๓)เพื่อให้คนทั่วไปได้ฟังไว้เป็นอุปนิสัยปัจจัยในภายหน้า แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ขณะฟัง หากตั้งใจฟังด้วยดี จิตก็ย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ และการที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธินั้น จัดเป็นบุญชั้นสูงอย่างหนึ่ง ที่ทางพระเรียกว่า “ภาวนามัย” คือบุญที่เกิดจากการมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ และน้อมอุทิศบุญนี้ให้เป็นส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ได้ (๔)เชื่อกันว่าพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์นี้ ใครสวดครบ ๗ ปีร่างกายจะไม่เน่าเปื่อย เมื่อหมดบุญก็ขึ้นสวรรค์ทันที หรืออีกตัวอย่างหนึ่งตามตำนานเล่าว่า…ในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า ค้างคาว ๕๐๐ ตัว ซึ่งเกาะอยู่ที่ผนังถ้ำ และงูเหลือมแก่ๆอีกตัวหนึ่ง ได้ฟังพระสวดสาธยายพระอภิธรรม เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ครบ ๖๒ กัป จึงลงมาเกิดเป็นลูกชาวประมง ต่อมาทั้ง ๕๐๐ คนก็บวชเป็นศิษย์ของพระสารีบุตร ครั้นได้ฟังพระอภิธรรมอีกครั้งก็บรรลุอรหันต์ทั้ง ๕๐๐ รูป กับอีก ๑ รูป (งูเหลือมแก่ในอดีตชาติ) และ “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม” วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย กล่าวไว้ “การสวดสาธยายพระอภิธรรมนี้ เทวดาชอบฟัง มนต์บทนี้ แม้แต่สวดในใจเทวดาก็ยังฟัง” ธมฺมสงฺคณี=ธัมมสังคณี คัมภีร์ที่ ๑ มีคำสวดเป็นภาษาบาลี ดังนี้ กุสลาธมฺมา ~ ธรรมทั้งหลายเป็นกุศล คือไม่มีโทษอันบัณฑิต ติเตียน มีสุขเป็นวิบากต่อไป อกุสลาธฒฺมา ~ ธรรมทั้งหลายเป็นอกุศล คือมีโทษอันบัณฑิต ติเตียน มีทุกข์เป็นวิบากต่อไป อพฺยากตา ธมฺมา ~ ธรรมทั้งหลายที่เป็น อัพยากฤต คือท่านไม่พยากรณ์ว่า เป็นกุศล หรืออกุศล คือเป็นธรรมกลาง ๆ กตเม ธมฺมา กุสลา ~ ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลเป็นไฉน ยสฺมึ สมเย ~ในสมัยใด กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ ~ จิตที่เป็นกุศลอันหยั่งลงสู่กามย่อมเกิดขึ้น โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ ~ เป็นไปกับโสมนัส ประกอบด้วยญาณ รูปารมฺมณํ วา ~ ปรารภอารมณ์ คือรูป หรือมีรูปเป็นอารมณ์บ้าง สทฺทารมฺมณํ วา ~ ปรารภอารมณ์ คือเสียง หรือมีเสียงเป็นอารมณ์บ้าง คนฺธารมฺมณํ วา ~ ปรารภอารมณ์ คือกลิ่น หรือมีกลิ่นเป็นอารมณ์บ้าง รสารมฺมณํ วา ~ ปรารภอารมณ์ คือรส หรือมีรสเป็นอารมณ์บ้าง โผฏฺฐพฺพารมฺมณํ วา ~ปรารภอารมณ์ คือโผฏฐัพพะ สิ่งที่กายถูกต้อง หรือมีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์บ้าง ธมฺมารมฺมณํ วา ~ ปรารภอารมณ์ คือ ธรรม เรื่องที่เกิดแก่ใจ หรือมี ธรรมเป็นอารมณ์บ้าง ยํ ยํ วา ปนารพฺภ ~ ปรารภอารมณ์ใด ใด บ้างก็ดี ตสฺมึ สมเย ~ ในสมัยนั้น ผสฺโส โหติ ~ ความประจวบต้องกันแห่งอายตนะภายในภายนอก และวิญญาณ ย่อมมี ฯลฯ อวิกฺเขโป โหติ ~ ความไม่ฟุ้งซ่านย่อมมี เย วา ปน ตสฺมึ สมเย อญฺเญปิ อตฺถิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา อรูปิโน ธมฺมา ~ ก็หรือว่า ธรรมทั้งหลายอันไม่มีรูป ที่อาศัยกันเกิดขึ้นแม้เหล่าอื่นใดมีอยู่ในสมัยนั้น อิเม ธมฺมา กุสลา ~ ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล วิภงฺโค=วิภังโค เป็นคัมภีร์ที่ ๒ มีคำสวดเป็น ภาษาบาลี ดังนี้ |
82
เมื่อ: 24, มิถุนายน, 2568, 06:43:49 AM
|
||
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร อันธพาล เมื่อผู้เฒ่า ชาวขะแมร์ แผ่อำนาจ กัมพูชา ทั้งชาติ อาจสิ้นสูญ ผืนแผ่นดิน แร้นแค้น แสนอาดูร ทุกข์เพิ่มพูน มากมาย หลายชีวี เพราะยะโส โอหัง พังทั้งชาติ ลุอำนาจ มีให้เห็น เป็นสักขี กระด้าง กระเดื่อง ขอมปฐพี ทุกข์ฤดี ปรากฎตัว อยู่ทั่วไป ใช้เล่ห์กล อุบาย แสนอุบาทว์ หวังพิฆาต หมู่ศัตรู ร่วมสมัย ประชาชน ด่าวดิ้น ใกล้สิ้นใจ หลงเหลือไว้ รอบตัว พวกสอพลอ อันธพาล สื่อสังคม ขื่นขมทั่ว ภัยใกล้ตัว ทั่วไทย ใกล้สึกหรอ โจรขะแมร์ ต้องเรียนรู้ คู่เพียงพอ หยุดเกิดก่อ หยุดสร้างกรรม ทำร้ายไทย คนเรียนไพร ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ |
83
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดสำรับ กาพย์ห่อโคลง ๐-...
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 10:18:45 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
84
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 10:10:46 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
หยิบบอระเพ็ดโยนไกลทิ้งได้ทัน หลักฐานนั้นลับหายในพริบตา ![]() |
85
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 05:13:57 PM
|
||
เริ่มโดย กรกช - กระทู้ล่าสุด โดย กรกช | ||
ตอบตรงๆนะ ม่ะรุเหมือนกัน ไม่มีเฉลย แฮ่... แต่น่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องนะครับ เพราะจุดอื่นๆ ไม่แตกต่าง เทคนิคของคนที่เอาภาพนี้มาทาย อยู่ตรงที่วางภาพแบบ บน-ล่าง ไม่ได้วางแบบ ซ้าย-ขวา ทำให้การเปรียบเทียบภาพมองได้ยาก แม่ญิงลิตฯเก่งมากจ้ะ ที่ตอบถูกต้อง ![]() |
86
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 03:54:54 PM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๗/๑๘) ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ๑๒๓.เก้าปัจจัยนำ......หนุนสหชาติธรรม......ที่เกิดพร้อมพร่าง เข้าสู่อารมณ์....สมกับตนพลาง....ทำกิจเสร็จสาง....ตามหน้าที่ตน ๑๒๔.สัมปยุตต์ฯครัน......ธรรมประกอบกัน......เป็นปัจจัยด้น ทำพร้อมสี่อย่าง....บ้าง"เกิด"พร้อมยล...."ดับก็ดับรน....มี"อารมณ์"เดียว ๑๒๕."อยู่ที่เดียวกัน"......จิต,เจตสิกนั้น......เป็นปัจจัยเชียว หน้าที่ต่างกัน....พลันสัมปยุตต์ฯเปรียว....ประกอบชิดเทียว....เป็นเนื้อเดียวเลย ๑๒๖."วิปปยุตต์ปัจจ์ฯ"......ธรรมปัจจัยชัด......มิเข้ากันเผย เช่นนาม,ปัจจัย....ไซร้แก่"รูป"เอย....เป็นวิปป์ยุตต์ฯเอ่ย....ไม่เข้ากันแล ๑๒๗."อัตถิปัจจโย"......มีธรรมอยู่โข......เป็นปัจจัยแผ่ เพราะยังตั้งอยู่....มิจู่ดับแฉ....เพื่อหนุนธรรมแน่....ให้เกิดผลตน ๑๒๘.เช่นนามขันธ์สี่......เป็นอัตถิฯรี่.....ปัจจัยกันท้น ดิน,น้ำ,ไฟ,ลม....สม"นามรูป"ดล....คราชีพเกิดตน....เป็นอัตถิฯกัน ๑๒๙."นัตถิปัจจโย"......ไร้ปัจจัยโอ่......ไม่มีธรรมดั้น จะหนุนธรรมสืบ....คืบต่อไปพลัน....เช่นเจตสิกครัน....เกิดดวงหนึ่งเอย ๑๓๐.ดวงหนึ่งอยู่บ่ง......ยังมิดับลง......สองมิเกิดเผย เหมือนแสงสว่าง....พลางลับแล้วเอ่ย....ความมืดมาเลย....เกิดมีขึ้นนา ๑๓๑."วิคตปัจจ์ฯ......ธรรมปลาตชัด......คือธรรมดับหนา หนุนธรรมให้คลาด....ปราศจากพา....เกิดเช่นเดียวกล้า....นัตถิปัจจ์ฯแล ๑๓๒."อวิคต์ปัจจ์ฯ......ธรรมไร้ปราศจัด.....ยังมิดับแฉ ปัจจัยช่วยเหลือ....มีเอื้อกันแน่....เช่นเดียวกันแท้....อัตถิปัจจัย ๑๓๓.สรุปความหมาย.....สวดอภิธรรมปราย.....กล่าวธรรมยิ่งไข "จิต,เจตสิก"กริบ...."รูป,นิพพาน"ไว้....สภาพธรรมไซร้....ถือไร้บุคคล ๑๓๔.มีแต่สิ่งรวม.....ประชุมกันสรวม.....จิต,เจตสิกด้น และนิพพานครือ....ส่วนชื่อเรียกนั่น....เรียกนี่แล้วพลัน....ล้วนสมมตินาม ๑๓๕.สวดพระอภิธรรม......แจงความจริงล้ำ.....ชีพกอปรรูป,นาม รูปคือกายเชิด....เกิดด้วยธาตุผลาม...."ดิน,น้ำ,ไฟ"ลาม...."ลม"ประชุมกัน ๑๓๖.นามกอปรด้วย"จิต"......เจตสิกประชิด.....ทำงานร่วมสรรค์ นามขันธ์สี่มา....เวทนารู้ครัน....สัญญา,จำมั่น....สังขาร,คิดปรุง ๑๓๗.อีกวิญญาณบ่ม......รู้แจ้งอารมณ์......ผ่านตา,หู..ผลุง สัจจะธรรมหนา....ปัญญาญาณจรุง....ลุนิพพานฟุ้ง....กิเลสสิ้นพลัน ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : ๑)อภิธรรมปิฎก พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๖๔๘ ๒)คำแปลอภิธรรม ๗ คัมภีร์ https://www.watsacramento.org/w-article-074B-t.htm พระไตรปิฎก = เป็นคัมภีร์ที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้า รวม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งเป็น ๓ หมวดใหญ่ ๆ คือ (๑)พระวินัยปิฎก ว่าด้วยพระวินัยสิกขาบทต่าง ๆ ของภิกษุและภิกษุณี มี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ (๒)พระสุตตันตปิฎก ว่าด้วยพระสูตรซึ่งเป็นพระธรรมเทศนาของพระโคตมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก ที่แสดงแก่บุคคลต่างชั้นวรรณะและการศึกษา ต่างกรรมต่างวาระกัน มีทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง มีรวม ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ (๓)พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยปรมัตถธรรม ซึ่งเป็นธรรมะขั้นสูง อธิบายด้วยหลักวิชาล้วนๆ โดยไม่อ้างอิงเหตุการณ์และบุคคล มีรวม ๔๘,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรม =ว่าด้วยเรื่องของปรมัตถธรรม มี ๔ ประการ อันได้แก่ (๑)จิต (๒) เจตสิก (๓)รูป และ (๔)นิพพาน เป็นสภาวธรรม ล้วนๆ ทางพระอภิธรรมถือว่าบุคคลนั้นไม่มี มีแต่สิ่งซึ่งเป็นที่ประชุมกันของ จิต เจตสิก รูป เท่านั้น |
87
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 02:55:37 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ข้าวหอม | ||
บังเอิญเห็นเหตุการณ์ผ่านมาพบ กระโจนหลบข้างเรือนบอกเพื่อนลั่น ![]() |
88
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 05:57:18 AM
|
||
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร เยียวยา กายและใจ รวมกันไว้ เป็นมนุษย์ จิตพิสุทธิ์ รู้ชั่วดี มีความหมาย มิใช่เป็น มนุษย์ เพียงรูปกาย แต่ทำร้าย โลกา พาระทม ทั้งแผ่นดิน ผืนป่า มหาสมุทร ไม่ยั้งหยุด ทำร้าย ให้ขื่นขม เพราะมนุษย์ ใจต่ำช้า แสนโง่งม ไร้เกลียวกลม กระจายตัว ทั่วอาณา ธรรมชาติ ขาดสมดุล หนุนนำให้ ทุกกลไก ล้วนพิการ เกินรักษา ถึงเวลา ทุกชีวิต จักนำพา พร้อมเยียวยา คืนอุดม ให้สมบูรณ์ เป็นมนุษย์ ต้องเรียนรู้ รับผิดชอบ สนองตอบ ธรรมชาติ ไม่สิ้นสูญ พัฒนา สัมพันธ์ แสนเกื้อกูล ไร้อาดูร คงอยู่ คู่ตะวัน คนเรียนไพร ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ |
89
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: 23, มิถุนายน, 2568, 05:42:36 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๖/๑๙) ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ๑๐๑.วัตถุหกมี....."ตา"ที่ตั้งปรี่.....จักขุวิญญาณ นามขันธ์สี่....ที่อิงประสาน...."ดิน,น้ำ,ลม"พาน....และ"ไฟ"เช่นกัน ๑๐๒."อุปนิสสะฯ"......เป็นนิสัยปะ......อารมณ์กล้าสรรค์ เกิดตามติดมา....ธรรมหามีคั่น....เกิดแรงกล้าพลัน....ไม่เกี่ยวอารมณ์ ๑๐๓.เหตุทำตนเอง......ทั้งดี-ชั่วเผง......ปกติสม หาหลักพึ่งตริ....อุปนิสัยบ่ม....ทำจนชินจม....ทั้งเลวหรือดี ๑๐๔."ปุเรชาตะฯ"......ธรรมเกิดก่อนจะ......เป็นปัจจัยชี้ ยังมิดับไซร้....ปัจจัยหนุนคลี่....จิต,เจตสิกปรี่....ทำงานต่อไป ๑๐๕.เปรียบดวงอาทิตย์.....ดวงจันทร์ประชิด.....ยังมิดับไข สัตว์โลกพึ่งพิง....เกิดดิ่งอาศัย....ในโลกนี้ไซร้....ไปตลอดกาล ๑๐๖."ปัจฉาชาตะฯ"......ธรรมเกิดหลังนะ.....เป็นปัจจัยสาน จิต,เจตสิกชี้....เกิดทีหลังชาญ....หนุนรูปฯก่อนพาน....ครบอายุแล ๑๐๗.อายุรูปนาม......เท่าอายุนำ......จิตสิบเจ็ดแฉ รูปธรรมอยู่ได้....นานไซร้จิตแน่....อุปถัมภ์แท้....อยู่เจริญชม ๑๐๘."อาเสวนาฯ"......ธรรมหน้าที่หนา.....เสพบ่อยอารมณ์ ชวนะจิตชี้....รี่แล่นเร็วสม....ช่วยธรรมเดียวบ่ม....ให้เกิดขึ้นครัน ๑๐๙.ชวนะจิต......เป็นกุศลชิด......เกิดหนึ่งดวงสรรค์ ก็ปัจจัยหนุน....เกิดลุ้นต่อพลัน....ดวงสอง,สามยัน....ดวงที่เจ็ดเอย ๑๑๐.ถึงดวงที่เจ็ด.....ตัวเจตนาเด็ด......กิจสำเร็จเผย คล้ายเรียนวิชา....มาแล้วเพิ่มเอ่ย....อย่างเดียวกันเคย....สิ้นการเร็วแล ๑๑๑."กัมมปัจจ์ฯ"ไซร้.....กรรมเป็นปัจจัย.....จิต,เจตสิกแฉ เจตนาแจง....ปรุงแต่งจิตแล้....รูปเกิดพร้อมแท้....ด้วยจิต,กรรมเอย ๑๑๒.จิต,เจตสิกรับ......รูปารมณ์ฉับ.....เกิดโลภขึ้นเผย แสดงออกมา....กาย,วาจาเคย....อำนาจโลภเอ่ย....มูลเจตนา ๑๑๓.กรรมหลายที่ทำ.....เป็นปัจจัยหนำ.....เพาะพืชพันธ์หนา เจตนา,จิตดับ....ลับไปแล้วครา....กรรมเจตนา....ส่งผลต่อไป ๑๑๔."วิปากปัจจ์ฯ"......วิบากธรรมจัด.....ผลดี,ชั่วไข วิบากนามขันธ์....สี่ครันปัจจัย....หนุนซึ่งกันไซร้....เกิดกัมม์รูปฯแล ๑๑๕.ช่วย"จิตต์รูปฯ"เกิด.....วิบากที่เชิด.....ปัจจัยหนุนแฉ คล้ายชราพราก....วิบาก"ชาติ"แท้....แรกทารกแน่....หนุนชราต่อมา ๑๑๖."อาหารปัจจ์ฯ"รี่......อาหารมีสี่......หนุนรูป-นามหนา "กวฬิงฯ"ก้อน....ข้าวป้อนกายนา...."ผัสสาหาร"หล้า....เลี้ยงเวทนาเอย ๑๑๗."มโนสัญญา"ไซร้.....เจตนาจงใจ.....หนุนพูด,คิดเผย "วิญญาณาหาร"....พานอาหารเอ่ย....รูป,เวทนาเปรย....สังขาร,สัญญา ๑๑๘."อินทรีย์ปัจจ์ฯ".....ธรรมปัจจัยชัด.....อินทรีย์ยิ่งหนา ทำยี่สิบสอง....ครองหน้าที่กล้า....ของตนเองนา....ปัจจัยต่อกัน ๑๑๙."ฌานปัจจโย"......ฌานปัจจัยโด่.....อารมณ์แน่วครัน กอปรด้วย"วิตก"....ยก"วิจาร"ดั้น...."ปีติ"ไวพลัน....รู้"เวทนา" ๑๒๐."เอกัคค์ตา"เกิด......อารมณ์เดียวเทิด.....ปัจจัยหนุนกล้า นามขันธ์สี่ล้ำ...กัมมช์รูปหล้า....จิตตชรูปหนา....เกิดขึ้นพร้อมตน ๑๒๑.อีกฌานมีสอง....."อารมณ์ณูฯ"ตรอง.....สมถะล้น "ลักขณูฯ"จัด....วิปัสส์นายล....สองฌานหนุนท้น....ปัจจัยซึ่งกัน ๑๒๒."มัคคปัจจ์ฯ"พรู......ธรรมนำทางสู่.....สุคติสรรค์ ทุคติ,นิพพาน....ผ่านมรรคเก้าครัน....ทั้งกุศลดั้น....อกุศล,กลาง |
90
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดสำรับ กาพย์ห่อโคลง ๐-...
เมื่อ: 22, มิถุนายน, 2568, 10:08:25 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||