
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๑.ตา หู เป็นต้น มีที่ไหน มารมีที่นั่น
กาพย์ทีฆปักข์
๑."สมิทธิ"ถามพุทธ์องค์.................เหตุไร
จึงเรียกว่า"มาร"ได้...........................กล่าวขาน
หรือกำหนดไว้"มาร".........................ที่เป็น
พุทธ์องค์ท่านเปรียบว่า....................นี่แล
๒.สิ่งแท้คือที่ใด.............................."มีตา"
"มีรูป"จากเห็นหนา............................เกิดรู้
ธรรมรู้แจ้งพาเกิด..............................ทางตา
ใครมี"หู"ย่อมรู้...................................ทางหู
๓."ใจ"พรั่งพรูด้วยธรรม...................ใจแจ้ง
เกิดรู้ทางใจแฝง................................"มาร"จริง
ย่อมบัญญัติแจงได้...........................คือมาร
แต่ขาดสิ่งนี้แล้ว................................ไร้มาร
๔.งานของมารเกี่ยวพัน...................กั้นขวาง
ล่อมิให้ใครสร้าง...............................ความดี
ทำให้ตายล้างผลาญ.........................รอนราน
มารแบ่งคลี่ห้าอย่าง...........................หลอกลวง
๕.หนึ่งบ่วง"กิเลสมาร"......................กีดกั้น
การทำดีสะบั้น...................................จิตหมอง
กิเลส"โลภ"ดั้นพร้อม..........................โกรธ,หลง
ปิดทางตรองหมดสิ้น..........................กุศล
๖.ก่นสอง"ขันธมาร"คือ.....................ขันธ์ห้า
"รูป,เวท์นา,สัญญา".............................ลำบาก
"สังขาร,วิญฯ"พาเดือดร้อน..................มิรู้
ยึดติดยากถอนจาก............................ชั่วมัว
๗.จั่วสาม"อภิสังฯมาร.........................รวมบาป
ที่ทำมาก่อนงาบ...................................เหี้ยมเกรียม
อกุศลปราบจิต.....................................พร้อมเลว
ไม่ลุเปี่ยมความดี..................................ได้เลย
๘.เผยสี่"เทวปุตฯ"...............................มิจฉาฯ
ไม่ใฝ่กุศลมา.........................................กีดกัน
คอยขัดขวางพร่าบุญ............................ความดี
สร้างภาพหวั่นกลัวยาม..........................สมาธิ์
๙.ห้า"มัจจุมาร"คือ...............................ความตาย
จะคอยตัดชีพวาย..................................เสียก่อน
สร้างความดีฉายล้ม................................ไม่เสร็จ
กัมมัฏฯรอนตัดชีพ..................................ขวางทาง
๑๐.มารกร่างเกิดทำลาย.......................กุศล
ศีล,สมาธิ์เสื่อมดล...................................ลดลง
ศีล,สมาธิ์พ้นผลัก...................................."ปัญญา"
ขัดประสงค์มิพาน....................................อริย์มรรค
๑๑.จักพรางมารอย่างไร.......................วิธี
พุทธ์องค์ชี้ใจมี.......................................สติ
พิศโลกว่างรี่จาก....................................ตัวตน
มิเผลอลิช่องมาร....................................แทรกแซง ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา : ตา หู เป็นต้น มีที่ไหน มารมีที่นั่น :สังยุตตนิกายนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๔๖
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๙๙
สมิทธิ=พระสมิทธิเถระ
มาร=ผู้ทำให้ตาย แบ่งเป็น ๕ อย่าง ๑) กิเลสมาร คือกิเลสทำให้มีความประพฤติไม่ดี คอยขัดขวางไม่ให้ทำความดี ๒) ขันธมาร คือขันธ์ที่บกพร่องแล้วเป็นมารผลาญตัวเอง คือขันธ์ที่คอยกีดขวางการทำดี เช่น ต้องการฟังธรรมแต่หูหนวก ๓)อภิสังขารมาร คือ ความคิดนึกประกอบด้วยอารมณ์เป็นมาร เพราะ เป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิด ชาติ ชรา ขัดขวางมิให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ ๔)เทวปุตตมาร คือ เทวดาที่เป็นมาร เช่น ท้าววสวัตตี จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี ๕)มัจจุมาร คือความตายที่ตัดโอกาสทำความดีของเรา
กัมมัฏฯ=กัมมัฏฐาน คือ การทำสมาธิหรือการสงบทางใจ มี ๒ อย่าง ๑) สมถกัมมัฏฐาน การทำจิตใจให้สงบ ๒)วิปัสสนากัมมัฏฐาน คือ การเพียรใช้สติ สัมปชัญญะ เข้าไปกำหนดสิ่งที่เกิดขึ้นทางกาย,ใจ เพื่อให้เกิดปัญญาหยั่งรู้อย่างแจ่มแจ้ง
พุทธ์องค์=พระพุทธองค์
มิจฉาฯ=มิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิดตามทำนองคลองธรรม
สมาธิ์=สมาธิ
(ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต)