๏ ไม้งามยามเมื่อได้.....เชยชม
จิตชื่นระรื่นรมย์............สุขซึ้ง
รวงโปรยกลิ่นอวลฉม....หอมกรุ่น
สมค่านาม “เอื้องผึ้ง”....อร่ามล้ำผกาสวรรค์๚
๏ ตะวันผันสู่ห้วง..........อัมพร
“ม่อนไข่”บานสลอน......รับฟ้า
ยามโชยกลิ่นกำจร........สดชื่น แท้นา
ประหนึ่งสร้อยระย้า.......น่าล้วนชวนถนอม๚
๏ พยอมหอมกรุ่นล้ำ.......... “มาลัยแดง”
ชูช่อบานรับแสง................รุ่งเช้า
ชมพูม่วงแซมแซง..............ผุดผาด
พิศเพ่งคลายรุ่มเร้า.............เมื่อเข้าคิมหันต์๚
๏ พันธุ์เอื้องไทยแต่ครั้ง.......เบาราณ
ลือเลื่องมาเนิ่นนาน.............นักแล้ว
“มัจฉานุ”ตระการ................สง่า
พิลาศงามเพริศแพร้ว...........หนึ่งเอื้องเมืองสยาม๚
๏ กล้วยไม้งามชื่อพ้อง........หนึ่งเมือง
นามว่า “กุหลาบเหลือง”.......พิลาศล้ำ
รวยรินกลิ่นประเทือง............ประทับ จิตเฮย
ไม้ถิ่น “โคราช” ย้ำ..............ชื่อนั้นงามไฉน๚
๏ อีกไม้งามชื่อตั้ง...........ตามสถาน
งามดั่งสาวสคราญ...........แรกแย้ม
“กุหลาบน่าน” นามขาน.....นานเนิ่น
บานเบ่งขับสีแต้ม............โลกแพร้วสีสัน๚
๏ อันดามันหนึ่งด้าว...............เรืองรอง
นามว่าเมืองระนอง.................ถิ่นใต้
มีไม้คู่แดนทอง......................เคียงถิ่น
ลือเลื่องทั้งไกล-ใกล้..............ชื่อ“เอื้องเงินหลวง”๚
๏ ดุจยวงทองสล้าง..................ภิรมย์
“ช้างกระ” ตระการสม...............แซ่ซ้อง
ดอกขาวม่วงชวนชม.................โดดเด่น
นามเรียกขานสอดคล้อง............เช่นช้างสอางค์สม๚
๏ เพลินภิรมย์เมื่อจ้อง............“ช้างแดง”
ไพรพฤกษ์ซุกตัวแฝง..............ร่างเร้น
หลอกล่อหมู่แมลง...................รายรอบ
กลิ่นกรุ่นบ่ห่อนเว้น.................ไป่ร้างจางหาย๚
๏ กำจายกลิ่นยั่วเย้า..........ภุมริน
“ช้างเผือก” พิสุทธ์สิน.......เส่นห์ล้น
ขาวนวลพร่างโสภิน...........มิสร่าง
ใครเล่าจักเลี่ยงพ้น............เสน่ห์เจ้าบุปผา๚
๏ ผกางามแห่งท้อง.......พฤกษ์ไพร
แฝงกิ่งอิงอาศัย............คบไม้
“เอื้องคำ”ผ่องอำไพ......นวลเด่น
ดรุณีนิยมใช้................เสียบไว้มวยผม๚
๏ งามคมคายคลับคล้าย.....อิสตรี
มีทั่วเขตวนาลี................ใหญ่น้อย
กลิ่นหอมอ่อนพอดี...........โชยชื่น
"ไอยเรศ"พวงย้อย...........ม่วงแต้มแซมขาว๛