Username:
Password:
บ้านกลอนน้อยฯ
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล
>>
ห้องเรียน
>>
ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย
>>
ฉันท์พาลีสอนน้อง
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ฉันท์พาลีสอนน้อง (อ่าน 19890 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
65535
ออฟไลน์
ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10399
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
|
ฉันท์พาลีสอนน้อง
«
เมื่อ:
02, ตุลาคม, 2558, 01:25:20 AM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
ฉันท์พาลีสอนน้อง
ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet
ฉันท์พาลีสอนน้อง :
ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง สันนิษฐานว่า เป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส จารึกอยู่ที่ผนังด้านในศาลาหน้าพระมหาเจดีย์หลังใต้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
ฉันท์พาลีสอนน้อง
เป็นวรรณกรรมคำสอนข้าราชการ ถึงแนวทางปฏิบัติในการรับราชการใกล้ชิดพระราชา และปลูกฝังความจงรักภักดี เรื่องพาลีสอนน้องเป็นคำสอนที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยผู้แต่งใช้โครงเรื่อง จากเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพาลีถูกศรพระรามใกล้จะสิ้นชีวิต ได้เรียกสุครีพ ซึ่งเป็นน้อง และองคต ซึ่งเป็นบุตร มาสั่งสอน เนื้อหาคำสอนมาจากวสติวัตร ซึ่งเป็นคำสอนในอรรถกถาชาดกเรื่อง วิธุรบัณฑิตชาดก
ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet
พาลี
เป็นใคร และคำ
"พาลีสอนน้อง"
มาจากไหน ลองมาอ่านที่มาย่อ ๆ ถือว่าอ่านนิทานเพลิน ๆ กันก่อนครับผม
พาลี
เป็นลิงในวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ มีน้องชายชื่อ
สุครีพ
ปกครองเมืองขีดขินอยู่ มีฤทธิ์เดชมาก ทำความชอบจนได้รับพรจากพระอิศวร ว่าหากสู้กับใครก็ตาม ให้กำลังของคู่ต่อสู้ลดลงครึ่งหนึ่ง และกำลังครึ่งหนึ่งนั้นให้ย้ายมาสถิตเพิ่มกับพาลีแทน จึงเรียกได้ว่าเก่งเทียบเท่าหนุมานหรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ เก่งขนาดว่าหยุดศรของพระรามได้และเคยสู้กับทศกัณฐ์แบบตัวต่อตัวชนะมาแล้ว เคยแย่งนางมณโฑจากทศกัณฐ์มาได้และมีลูกกับนางมณโฑชื่อ องคต อีกด้วย อีกทั้งยังเคยจับทศกัณฐ์มาให้องคตเตะเล่นตั้งเจ็ดวัน
เรื่องราวเริ่มต้นกันที่ครั้งหนึ่งนั้น ก่อนหน้าที่โลกจะเกิดมหาศึกขึ้นระหว่างมนุษย์กับยักษ์ โดยพญายักษ์ชื่อทศกัณฐ์ได้ลักพานางสีดา มเหสีของพระรามไป พระรามจึงต้องตามไปรบกับทศกัณฑ์เพื่อชิงตัวนางสีดากลับมา พระอินทร์และพระอาทิตย์ทราบเรื่องนั้นก่อนหน้า จึงต้องการช่วยเสริมกำลังพลให้พระราม จึงได้มากุ๊กกิ๊กกับนางกาลอัจนา ภรรยาของพระฤๅษีองค์หนึ่ง เพื่อหวังให้บุตรของตนเป็นกำลังให้พระรามในอนาคต และนางกาลอัจนาก็ให้กำเนิดบุตรของทั้งสองมาจริง ๆ บุตรของพระอินทร์มีกายสีเขียว บุตรของพระอาทิตย์มีกายสีแดง ส่วนบุตรีซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ของพระฤๅษีองค์นั้นชื่อว่า นางสวาหะ หรือแม่ของหนุมานในเวลาต่อมานั่นเอง
ต่อมาพระฤๅษีจับได้ว่า ทั้งสองไม่ใช่ลูกของตน จึงได้สาปให้เป็นลิง และได้ขับไล่ไป พระอินทร์และพระอาทิตย์ผู้เป็นพ่อจึงสร้างเมืองให้ทั้งสองปกครองอยู่ ชื่อว่าเมืองขีดขิน โดยให้ลูกของพระอินทร์ผู้พี่ (กายสีเขียว) เป็นเจ้าเมือง ขานนามว่า "พระยากากาศ" และลูกของพระอาทิตย์ (กายสีแดง) เป็นอุปราช ขานนามว่า "สุครีพ" เพื่อรอวันได้พบกับพระราม และทั้งสองก็ปกครองด้วยความเที่ยงธรรมตลอดมา
ล่วงกาลต่อมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่รามสูรสู้กับเทพอรชุน และรามสูรจับอรชุนฟาดเข้ากับเขาพระสุเมรุ ทำให้เขาพระสุเมรุเอียง พระอิศวรจึงประกาศหาผู้ที่จะดันเขาให้ตรงเหมือนเดิม พระยากากาศและสุครีพได้เข้าร่วมหน่วยอาสาดันเขาพระสุเมรุให้ตรงอย่างเดิม ทำให้พระอิศวรพอใจมาก มอบอาวุธตรีเพชรและประทานพรดังกล่าวให้กับพระยากากาศ และประทานชื่อให้ใหม่ด้วยว่า "พาลีธิราช" และมอบนางดาราเทวีให้สุครีพ โดยใส่ผอบฝากพาลีไปให้ พาลีสัญญาว่าจะนำไปมอบให้สุครีพ หากผิดคำสัตย์ ขอให้ตายด้วยศรพระนารายณ์ แต่สุดท้ายพาลีได้ยลโฉมนางก็ลืมคำสัตย์และเก็บนางไว้เชยชมเสียเอง โดยสุครีพก็ชิลล์ ๆ มิได้ว่ากระไร อันเนื่องมาจากความเคารพรักในตัวพี่ชายนั่นเอง นับได้ว่าเป็นความผิดเดียวของพาลีและเป็นความผิดที่นำการวิบัติมาสู่ตนเองโดยแท้
ต่อมามีเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการหนึ่งคือ มีควายเริงฤทธิ์ชื่อ ทรพี ผู้ที่รอดจากการฆ่าของผู้เป็นพ่อ (ทรพา) โดยผู้เป็นแม่ได้นำไปฝากเทวดาให้อารักษ์และเลี้ยงดูไว้ ครั้นเมื่อเติบโตมาก็ได้เฝ้าวัดเทียบรอยกีบเท้าของพ่ออยู่ตลอด (อันเป็นที่มาของคำว่า
วัดรอยเท้า
) จนเมื่อรอยเท้าเท่าของทรพาแล้ว ก็ได้กลับไปสู้กับทรพา และได้ฆ่าทรพา ผู้เป็นพ่อของตนเองตายไป (อันเป็นที่มาของคำว่า
ลูกทรพี
) และคะนองเดชขนาดบุกไปตะลุยสวรรค์ ทำให้เหล่านางฟ้าและเทวดาได้รับความเดือดร้อน พระอิศวรจึงให้พาลีไปจัดการกับทรพี พาลีจึงได้สู้กับทรพี สู้กันนานหลายวันก็ไม่รู้แพ้ชนะ เพราะทรพีเองก็มีเทวดาอารักษ์อยู่ที่ขาทั้งสี่และเขาทั้งสอง พาลีจึงลวงทรพีเข้าไปในถ้ำสุรกานต์ และสั่งสุครีพไว้ว่า หากว่าเห็นเลือดไหลออกมาจากถ้ำเป็นเลือดสีจาง ๆ แสดงว่าเป็นเลือดตน ให้สุครีพรีบปิดปากถ้ำขังทรพีไว้ เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก และให้ปกครองเมืองขีดขินต่อจากตน แต่หากเห็นเลือดที่ไหลออกมาเป็นสีข้น ๆ แสดงว่าเป็นเลือดของทรพี ก็แสดงว่าตนชนะแล้ว ไม่ต้องปิดปากถ้ำ
หลังจากสั่งความเสร็จแล้ว จึงไปสู้กับทรพี และฆ่าทรพีได้สำเร็จ เหล่าเทวดานางฟ้าดันบ้าจี้ดีใจ บันดาลให้ฝนตกลงมาห่าใหญ่เพื่อเฉลิมฉลอง ทำให้เลือดข้น ๆ ของทรพีที่ไหลออกมานั้นสีจางลง สุครีพเห็นดังนั้นก็เข้าใจผิด คิดว่าพาลีพลาดท่าถูกฆ่าตาย จึงปิดปากถ้ำเสียตามคำสั่งของพาลี แล้วกลับเมืองไป ทำให้พาลีโกรธสุครีพมาก คิดว่าสุครีพคิดคดทรยศตน หลังจากพังถ้ำออกมาแล้ว ก็ขับไล่สุครีพไป ละเว้นโทษตายเพราะเห็นว่าเป็นน้อง มิวายที่สุครีพจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง
สุครีพจึงระเห็จออกจากเมืองมา เพราะจะสู้กับพาลีก็สู้ไม่ได้ และเจอกับพวกของพระราม เนื่องจากหนุมานเสนอแก่พระรามว่าจะมาชวนสุครีพไปร่วมทัพด้วยพอดี จึงบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระรามทราบ พระรามจึงรับปากจะปราบพาลีให้ โดยให้สุครีพหลอกพาลีมาสู้กัน และตนจะลอบแผลงศรใส่พาลีให้ (แหม่ ช่างสมชายชาตรียิ่งนัก
) สุครีพจึงไปท้าพาลีสู้กัน ขณะกำลังสู้กัน พระรามก็แผลงศรพรหมาศใส่พาลี แต่พาลีกลับใช้มือเปล่าจับศรของพระรามไว้ได้ และได้พบกับพระราม จึงสนทนากัน พระรามจึงกล่าวความผิดของพาลีที่เสียสัตย์ต่อพระอิศวรในครั้งอดีตกาล และบอกว่าตนคือพระนารายณ์อวตารมา พาลีจึงนึกได้ถึงคำสัตย์ของตน สำนึกได้และยอมรับถึงความผิดตน พระรามก็บอกว่า กระนั้นเราจะขอเลือดเพียงครึ่งหยดมาหยดลงบนปลายศร แล้วก็พ้นคำสาปไป ไม่ต้องตาย จะเหลือเพียงแผลเป็นเท่าขนาดของเส้นผมผ่าเจ็ดส่วน แต่พาลียึดถือศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใด ขอยอมตายดีกว่าให้กายมีแผลเป็น ปล่อยศรให้ปักตัวเองตาย ก่อนตายได้ฝากฝังสุครีพและองคตไว้กับพระราม แล้วเรียกสุครีพและองคตมาสั่งเสีย ปลูกฝังให้กตัญญูและจงรักภักดีต่อเจ้านาย จึงเป็นที่มาของคำว่า
"พาลีสอนน้อง"
นั่นเอง มาดูกันเถิดว่า พาลีได้สอนอะไรแก่น้องบ้าง
•
กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย
คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ปลายฝน คนงาม
,
กร กรวิชญ์
,
ลิตเติลเกิร์ล
,
ตูมตาม
,
หญิงหนิง พราววลี
,
น้ำหนาว
,
กอหญ้า กอยุ่ง
,
ลมหนาว ในสายหมอก
,
รพีกาญจน์
,
ขวดเก่า
,
ก้าง ปลาทู
,
Paper Flower
,
อิงดาว พราวฟ้า
,
เส้นชีวิต ดำเนินไป
บันทึกการเข้า
..
รวมบทกลอน "
ที่นี่เมืองไทย...
"
รวมบทกลอน "
ร้อยบุปผา
"
รวม
บทประพันธ์ทั่วไป
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
กลบท
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
ฉันท์
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอน
สุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย
บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
65535
ออฟไลน์
ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10399
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
|
Re: ฉันท์พาลีสอนน้อง
«
ตอบ #1 เมื่อ:
02, ตุลาคม, 2558, 01:32:41 AM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
Re: ฉันท์พาลีสอนน้อง
ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet
ฉันท์พาลีสอนน้อง
ผู้แต่ง : สันนิษฐานว่า เป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส
ที่มา : ตำราประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ
๐ ปางปิ่นขีดขินบุเรศ
ผู้สมเยศพาลี
สู้เสียสละชี
พิตเพื่อสงวนกาย
๐ แผลแผลงแท่งพรหมาศ
แต่ผมพาดฤๅพานรคาย
กุมศรตรัสเรียกสาย
สวาทคู่คัพโภทร
๐ สุครีพพระนุชน้อง
ธพร่ำพร้องนุสนธ์สอน
อ้าพี่จะเมื่อมรณ์
อาไลยหลั่งจักสั่งสาร
๐ สูเนากับโอรส
คือองคตทั้งอาว์หลาน
ฉลองเรณุบทมาลย์
บำเรอรักษ์พระจักรา
๐ เฝ้าแหนอย่าห่างองค์
พิศณุพงศกระษัตรา
ว่างเว้นทิวาผา
สุขกิจนิทรานาม
๐ เล่นหลงพะวงพะวัก
สนุกนักมักก่อการ
ทุกขโทษภัยพาล
พึงระมัดประหยัดยำ
๐ ยามท้าวบรรทูลถาม
อย่าขานความแต่เบาคำ
แถลงถ้วน บ ควรอำ
อรรถแสร้งจักแบ่งบัง
๐ เฝ้าไท้อย่าอ่าโถง
ณะพระโรงรแวงรวัง
พระสนมอย่านึกหวัง
ชำลักลอบชำเลืองแล
๐ ทูลสนองคดีใด
เมื่อพักตร์ไท้ ธ ผันแปร
สบเนตรอย่าห่างแห
เสนอถ้อยคอยสำราญ
๐ ชอบช่องจึงพร้องพจน์
ใช่ช่องงดอย่าทูลสาร
เกรงเกลือกรำคาญดาล
อดูรไหม้หไทยหมอง
๐ อลงกรบัณฐรอาศน์
รัตนราชบรรลังก์ทอง
อย่าหวังขึ้นนั่งลอง
พนักอิงแลพิงเขนย
๐ ยามเฝ้าอย่าใกล้องค์
ทรนงว่าคุ้นเคย
ไกลนักจักล่วงเลย
พระเนตรลับรับสั่งหา
๐ สถิตย์สถานประมาณกลาง
บ ชิดห่างพอเสาวนา
นุสนธ์ซึ่งพระบัญชา
ทุกสิ่งทราบสนองทูล
๐ ปางท้าว ธ รางวัล
ผู้ใดบันบำเหน็จปูน
พึงอวยพึงอนุกูล
โองการตรัสอย่าทัดทาน
๐ เข้าเฝ้าพึงเพลาภักษ์
อย่าอิ่มนักภุดดาหาร
เหลือล้นกังวลการ
อุทรทุกขจักขุกเคือง
๐ ราชทรัพย์สำหรับคลัง
อันมูนมังอเนกเนือง
หน่ายขวนจักปล้นเปลือง
ประโยชน์ถวิลเปนสินตน
๐ แขกเมืองอย่าหมายมิตร
สนิจสนองนุสนธ์สน
ทนาแหนงรแวงกล
รังเกียจไท้ฤไทยราน
๐ แถวทางระหว่างฉนวน
บมิควรจักเหื่อมหาญ
เที่ยวท่องลำพองพาล
อำเภอแผกอย่าแปลกปลอม
๐ ห่อนเกินโองการประกาศ
บันโดยราชมโนถนอม
ควรขลาดอาชญาจอม
จักรพรรดิกระษัตรีย์
๐ สิงหาศน์บัญชรไชย
อย่าร่วมไท้ทฤษฎี
พูนภัยจัญไรมี
ประหยัดยิ่งเร่งกลัวเกรง
๐ คิดคุณผู้ผ่านเผ้า
ทุกค่ำเช้าพึงยำเยง
บุญพระแต่โพ้นเพรง
มาอำรุงผดุงไท
๐ เป็นปิ่นจุธาธเรศ
ธำรงเศวตฉัตรไชย
ควรนบเคารพใน
บทรัชนิรันดร
๐ อย่าขัดพระอัธยา
อิศราธิเบศร
ฤๅก่อกระลำพร
ทุรยศในบทมูล
๐ ห่อนเหอมอหังการ
บริบาลบดีศูรย์
สวามีภักดีนุกูล
กิจกอปกตัญญู
๐ อีกกัตเวที
พิรย์ภาพค้ำชู
เฝ้าแหน บ ห่างภู
ธรราชฤๅคลาดคลา
๐ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ
บมิชอบประทุษฐทา
รุณโทษพิโรธสา
หัสงดพึงอดใจ
๐ ปางท้าว ธ บรรหาร
ให้พิจารณ์คดีใด
ผดุงกิจพินิจฉัย
บัญชาชอบรบอบธรรม์
๐ ทูลแถลงแสดงกล
ยุบลราชแต่สัตย์สรรพ์
สนองเนตรสนองกรรณ
มกุฎเกล้าธมดล
๐ อย่าถวิลว่าท้าวรัก
กำเริบศักดิ์สูงสกนธ์
จิตรเจียมเสงี่ยมตน
ประพฤติต่ำยำเยงไท
๐ ยามเฝ้าสำรวมองค์
ฤๅทรนงฤไทยใน
ทำชอบ ธ ขอบใจ
จักโปรดปรานบำนานปูน
๐ ชุบเลี้ยงภิญโญยศ
ปรากฏเกียรติเพ่อมพูน
เพื่อผลไพบูลย์
ภักดีบาท บ ขาดแคลน
๐ อาสาเมื่อมีศึก
บ แหนงนึกจักกลัวแกลน
ต่อสู้ริปูแทน
พระคุณท้าวฤๅหนาวภัย
๐ ไป่คิดชีวิตวอด
แม้เมื่อมอด บ อาไลย
เชิดชื่อระบือไตร
ภพเลื่องบันฤๅแถลง
๐ จงจำนุสาสน์สาร
สองอาว์หลานกูแจ้งแจง
มาตยานุวัตรแสดง
สำหรับเสวกากร ฯ
๐
พา
ลีกระบี่ราชผู้
พงศ์พา นรินทร์ฤๅ
ลี
ลาศคลาดหาวหา
พระน้อง
สอน
แสดงแห่งมาตยา
นุวัตรเร่ง เรียนพ่อ
น้อง
สดับรับรสพร้อง
พร่ำแล้วลาญชนม์ ฯ
- จบฉันท์พาลีสอนน้อง -
ฉันท์พาลีสอนน้อง
ที่มา : ตำราประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ
•
กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย
คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ปลายฝน คนงาม
,
กร กรวิชญ์
,
ลิตเติลเกิร์ล
,
รพีกาญจน์
,
ตูมตาม
,
หญิงหนิง พราววลี
,
น้ำหนาว
,
กอหญ้า กอยุ่ง
,
ลมหนาว ในสายหมอก
,
ขวดเก่า
,
ก้าง ปลาทู
,
Paper Flower
,
อิงดาว พราวฟ้า
,
เส้นชีวิต ดำเนินไป
บันทึกการเข้า
..
รวมบทกลอน "
ที่นี่เมืองไทย...
"
รวมบทกลอน "
ร้อยบุปผา
"
รวม
บทประพันธ์ทั่วไป
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
กลบท
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
ฉันท์
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอน
สุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย
บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา
-----------------------------
=> อ่านข้อกำหนด กฎระเบียบต่าง ๆ - สมาชิกใหม่ ทักทาย แนะนำตัวที่นี่
=> ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม
=> ห้องกลอน คุณคนบอ มือสี่
=> สารบัญกลอน สมาชิกนักกลอน
-----------------------------
ห้องเรียน
-----------------------------
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน
=> ห้องเรียนฉันท์
=> ห้องเรียน กลบท
=> ห้องเรียน โคลงกลบท
=> ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท
=> ห้องศึกษา กาพย์ โคลง ร่าย
=> ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย
=> ห้องฟัง การขับ เสภา และอื่น ๆ
-----------------------------
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
-----------------------------
=> กลอน ร้อยกรองหลากลีลา
=> คำประพันธ์เนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
=> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม
=> กลอนเปล่าสบาย ๆ
=> กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ
=> โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต
=> กลบท
=> นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป
=> ห้องนั่งเล่นพักผ่อน
===> เส้นคั่นสวย ๆ
===> รูปภาพน่ารัก
กำลังโหลด...