Username:
Password:
บ้านกลอนน้อยฯ
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล
>>
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
>>
กลอน ร้อยกรองหลากลีลา
>>
คนในกระจก
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: คนในกระจก (อ่าน 3716 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ฤทธิ์ ศรีดวง
ผู้มีจินตนาการ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
89
ออฟไลน์
ID Number: 331
จำนวนกระทู้: 6
|
|
คนในกระจก
«
เมื่อ:
23, มกราคม, 2559, 09:19:34 AM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
คนในกระจก
๑.เข็มนาฬิกาอันว้าวุ่น
ยังคงหมุนเวียนวนคล้ายคนเขลา
อาจกัดกร่อนความฝันของวันเยาว์
จมสำเภาลำใหญ่ก่อนใบกาง
…………………………………..
๒.ฝนเดือนมิถุนาราวฟ้ารั่ว
กระจกมัวเป็นฝ้าทั่วหน้าต่าง
รถเมล์ติดบนถนนเครื่องยนต์คราง
ฟ้าเปรี้ยงปร้างแปลบสายประกายฟ้า
เขาเกาะราวรถเมล์ด้วยมือกร้าน
คราบเหงื่องานจับเสื้อขี้เกลือหนา
ผู้โดยสารมากมีต่างที่มา
ต่างดวงตาเหม่อลอยไร้รอยยิ้ม
ชายหนุ่มทอดตาผ่านแผ่นกระจก
ฝนยังตกหนักจนถนนปริ่ม
ไฟแดงยังวาววับสีทับทิม
คราบสนิมโลหะ..ขยะลอย
๓.ภาพเงาบนหน้าต่างนั่นต่างหาก
ที่กระชากให้เขาแทบก้าวถอย
ดวงตาที่มุ่งมั่นมาเกินร้อย
ไฉนร่อยหรอไปตามวัยวัน
กลายเป็นคนเมืองผู้หมองหม่น
เห็นแก่ตนสับปลับและอับฝัน
พฤติกรรมเมื่อก่อนเขาเกลียดมัน
พริบตานั้น..พระเจ้า!.เขาเป็นเอง
๔.จึงปิดสองตาหลับอย่างสับสน
ฟังเสียงฝนรินหยดหลังรถเก๋ง
ไพเราะราวมนต์สะกดแห่งบทเพลง
ที่ป๋องเป๋งกราดดังบนหลังคา
ภาพหลังคาบ้านมุงสังกะสี
เขรอะขุยขี้สนิมเป็นคราบหนา
ภาพเคยอยู่กับน้องที่ท้องนา
เคยหาปลาไล่จับกันกับน้อง
พอย่ำค่ำเฮฮาใต้ผ้าห่ม
ฟังเสียงลมซัดซ่า..เสียงฟ้าร้อง
ตอนนี้เมื่อฝนมาฟ้าคะนอง
ก็เผลอมองนอกหน้าต่างอย่างเดียวดาย
เพราะสองบ่าแบกหามแต่ความหวัง
มีบางครั้งบางหนที่หล่นหาย
ด้วยยังเป็นสะเก็ดแห่งเม็ดทราย
ใช่เพชรพรายเหมือนดังที่ตั้งใจ
กี่พ่ายแพ้แก่โลกจนโชกช้ำ
เกรงจะทำให้แม่ต้องร้องไห้
ถูกกัดกร่อนด้วยโลกศิวิไลซ์
กร่อนจนไฟหรี่ลงเป็นวงควัน
จนลืมทุกข์สุขที่ให้ชีวิต
ลืมมิ่งมิตรเรไรสหายขวัญ
ลืมคำแม่บอกเขาเมื่อเยาว์วัน
ว่าเชื่อมั่นลูกชายชื่อ..สายชล
๕.สูดหายใจไอเหงื่อเข้าเยื่อปอด
สองตาทอดมองพรายของสายฝน
ขอหวนกลับคืนขั้วแห่งตัวตน
เพื่อตั้งต้นด้วยจินต์ด้วยวิญญาณ
นึกถึงแม่ถึงพ่อ..ลูกขอโทษ
บนโลกโหดไม่มีปาฏิหาริย์
หากวันหนึ่งวันใดดอกไม้บาน
เกิดจากงานจากสมองจากสองมือ….
๖.สายฝนเริ่มสร่างซา..ม่านฟ้ามืด
ล้อเคลื่อนครืดเสียงหึ่งอย่างดึงดื้อ
ผิวน้ำท่วมกระเพื่อมไหวกระพือ
เมืองนี้หรือสวรรค์ชนชั้นกลาง
เสียงน้ำไหลผ่านล้อลงท่อใหญ่
ที่ภายในมีแต่สิ่งกีดขวาง
เจ้ามีจุดหมายใดที่ปลายทาง
อาจแตกต่างกับข้าราวฟ้าดิน
หลับตาลงปล่อยว่าง..จนว่างเปล่า
ควันเขม่าเครื่องยนต์ยังพ่นกลิ่น
มายืนกลางร่มไม้..น้ำไหลริน
แล้วออกบินสู่แดนสุดแสนไกล….
๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ปลายฝน คนงาม
,
Thammada
,
กร กรวิชญ์
,
ลิตเติลเกิร์ล
,
ลมหนาว ในสายหมอก
,
น้ำหนาว
,
ก้าง ปลาทู
,
ขวดเก่า
,
ปลาย อักษร
,
Mr.music
,
มุกดาริน
,
Black Sword
,
รพีกาญจน์
,
หญิงหนิง พราววลี
,
หนูหนุงหนิง
,
มยุเรศ เมรี
บันทึกการเข้า
Thammada
ผู้มีจินตนาการ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
1150
ออฟไลน์
ID Number: 332
จำนวนกระทู้: 83
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
|
Re: คนในกระจก
«
ตอบ #1 เมื่อ:
24, มกราคม, 2559, 11:43:39 AM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
Re: คนในกระจก
๐ ต้นสาย-ปลายทาง ๐
๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางท้องทุ่ง
หลงฟ้ารุ้งเรืองลออทอถัก
ป่าเขาเขียวเทียวธารเคยผ่านพัก
ซึ่งฟูมฟักจิตใจและไมตรี
๐ คือความงามตามบทคนบ้านป่า
ดินน้ำฟ้าเกลียวกลมสมศักดิ์ศรี
ต่างผูกพันกันก่อเพียงพอดี
ตามวิถีเวิ้งว้างห่างเมืองกรุง
๐ เมื่อสมมุติฉุดฉันในวันหนึ่ง
ทิ้งทางซึ่งสันโดษจะโรจน์รุ่ง
กล่อมการไปจากป่ามาปรับปรุง
จำต้องมุ่งมั่งมีดีกว่าเดิม
๐ คนบ้านป่ามาไกลไฟความฝัน
ด้วยวันนั้นในรู้สึกซึ่งฮึกเหิม
ยิ้มละไมไม่ท้อการต่อเติม
ทั้งริเริ่มและร้างกลางเมืองคน
๐ ล้มลุกหลายเส้นทางระหว่างหวัง
และหลายครั้งเริ่มล้าเหมือนฟ้าหม่น
มองความหมายหลายด้านการดิ้นรน
เริ่มสับสนทุกทีกับชีวิต
๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางเมืองใหญ่
หลงวิไลลวงตาว่ามีสิทธิ์
ความจริงทิ้งความฝันมันมืดมิด
แท้หลงผิดเพียงตนคนเดินดิน
๐ การไปถึงซึ่งฝันมันไม่ง่าย
เหมือนถมทรายลง'เลหรือจะบิ่น
เมืองยิ่งใหญ่ยิ่งไร้น้ำใจริน
เหมือนมลทินท้องฟ้าที่พร่ามัว
๐ เยื่อใยใจมนุษย์ชำรุดหลับ
เมื่ออยู่กับหน้ากากซากสลัว
จึงถอดทิ้งทางไทแก่ใจตัว
สำนึกทั่วถึงถิ่นดินน้ำฟ้า
๐ คิดถึงบ้านผ่านภาพความอบอุ่น
ตักเคยคุ้นคำใจในห่วงหา
หนักหน่วงช่วงไหนหนอในน้ำตา
ลูกแม่จ๋าถึงท้อแต่พอเพียง
๐ คำอาทรก่อนการก้าวกลับหลัง
หากกล้ำกลืนคืนฝั่งมาฟังเสียง
เพลงสายลมโลมร่ำใส่สำเนียง
จะจำเรียงขวัญขื่นให้ชื่นบาน
๐ ตะวันเคลื่อนคล้อยบ่ายบนฟ้ากว้าง
ความเวิ้งว้างวาดวันอันอ่อนหวาน
แมกไม้สายน้ำใสละไมมาน
ซึ่งกล่อมการกลับป่ามาเตือนตน
๐ อ้อมกอดแห่งขุนเขาเข้าโอบอุ้ม
มากมิตรรุมล้อมเรียงเสียงสับสน
สาระสุขทุกข์เข็ญความเป็นคน
เพื่อจะพ้นพบพร่างกลางดวงแด
๐ สัมผัสเพลงกล่อมกล้าเมื่อมาถึง
ห้วงคำนึงหวานไหวในกระแส
พ้นภาระรุ่มร้อนความอ่อนแอ
ที่ผันแปรเปลี่ยนเป็นเช่นกำลัง
๐ เพื่อปลุกเร้าแรงคนขึ้นมาใหม่
จึงชูใจจมเจ็บเก็บความหวัง
สู่สายตาท้าทายทุกพ่ายพัง
แล้วลุกหยั่งยินดีฟ้าสีทอง
๐ เส้นสัญจรจากนั้นพลันปรากฏ
แจ้งจรดลำเนาแห่งเผ่าผอง
ผ่านภาพฝันวันหวังเคยรังรอง
ซึ่งสอดคล้องแต่ตนบนความจริง.
บันทึกต้นสาย-ปลายทาง (เขื่อนน้ำงึม2 ถึง ฮิโรชิม่า)
ธรรมดา
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ลิตเติลเกิร์ล
,
กร กรวิชญ์
,
น้ำหนาว
,
ลมหนาว ในสายหมอก
,
ก้าง ปลาทู
,
รพีกาญจน์
,
Mr.music
,
หญิงหนิง พราววลี
,
ขวดเก่า
,
Black Sword
,
ปลายฝน คนงาม
,
หนูหนุงหนิง
,
มุกดาริน
,
มยุเรศ เมรี
,
ปลาย อักษร
,
Toom Na
บันทึกการเข้า
..
สารบัญบทกลอน "ธรรมดา"
..
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา
-----------------------------
=> อ่านข้อกำหนด กฎระเบียบต่าง ๆ - สมาชิกใหม่ ทักทาย แนะนำตัวที่นี่
=> ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม
=> ห้องกลอน คุณคนบอ มือสี่
=> สารบัญกลอน สมาชิกนักกลอน
-----------------------------
ห้องเรียน
-----------------------------
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน
=> ห้องเรียนฉันท์
=> ห้องเรียน กลบท
=> ห้องเรียน โคลงกลบท
=> ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท
=> ห้องศึกษา กาพย์ โคลง ร่าย
=> ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย
=> ห้องฟัง การขับ เสภา และอื่น ๆ
-----------------------------
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
-----------------------------
=> กลอน ร้อยกรองหลากลีลา
=> คำประพันธ์เนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
=> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม
=> กลอนเปล่าสบาย ๆ
=> กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ
=> โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต
=> กลบท
=> นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป
=> ห้องนั่งเล่นพักผ่อน
===> เส้นคั่นสวย ๆ
===> รูปภาพน่ารัก
กำลังโหลด...