บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
 ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพใน Internet - ม้าสิงโต,เหรา -
ยังมีม้าหิมพานต์อีกสองชนิด เทพประสิทธิ์ผสมพันธุ์ไร้ปัญหา ปั้นรูปลักษณ์ยักแยกให้แปลกตา ประดับป่าหิมพานต์นิทานคดี
"โตเทพอัสดร"กายแดงแสด ทนสู้แดดลมฝนไม่รนหนี หางและกีบแดงชาดร่างพาชี หลังคอมีขนเขียวมิเหมือนใคร
ส่วนหัวเป็นสิงโตดูโอ่อ่า ห่อนกินหญ้ากินแต่เนื้อสัตว์น้อยใหญ่ พ่อเป็นลาแม่พาชีผสมไว้ เป็น“ฬ่อ”ให้ใช้งานอย่างทานทน
"อัสดรเหรา"ม้าสุดท้าย ผสมสายพันธุ์น้ำสำเร็จผล ตัวเป็นม้าสีม่วงดูพิกล ด้วยส่วนบนหัวเห็นเป็นเหรา..... |
- "โตเทพอัสดร" เป็นสัตว์หิมพานต์แบบผสมระหว่างสิงโตกับม้า มีลักษณะทั่วไปเหมือนดุรงค์ไกรสร กล่าวคือมีหัวเป็นสิงโต และมีร่างเป็นม้า แต่เมื่อพิจารณาลึกๆแล้วมีความแตกต่างจาก ดุรงค์ไกรสร โดยโตเทพอัสดรมีร่างกายเป็นม้าสีแสด หางและกีบสีแดงชาด หัวเป็นสิงโต คอ หลังและขนสร้อยคอสีเขียว คำว่า “อัสดร” มาจากภาษาสันสกฤต “อสฺสตร” หมายถึง ม้าดี หรือสัตว์ผสมที่เกิดจากพ่อที่เป็นลา และแม่ที่เป็นม้า โตเทพอัสดรเป็นสัตว์ล่าเนื้อเป็นอาหารเช่นเดียวกับดุรงค์ไกรสร สัตว์ที่เป็นเหยื่อของโตเทพอัสดรมีตั้งแต่ สัตว์เล็กสัตว์น้อย จนไปถึงสัตว์ขนาดใหญ่ในป่าหิมพานต์ เช่นกวาง วัว ควาย - "อัสดรเหรา" เป็นสัตว์ผสมระหว่างสัตว์ตระกูลม้าและเหรา ในตำรากล่าวว่ามีผิวกายสีม่วงอ่อน สัตว์ตระกูลเหรานี้ บางทีก็วาดเหมือนจระเข้ บ้างก็วาดออกมาเหมือนมังกร
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ *ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต |
อัสดรเหรา (กายเป็นม้าสีม่วงอ่อน หัวเป็นแบบมังกร มีเขาและเครา) Cr. Photo By คุณดา ดา

รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, กร กรวิชญ์, กรกช, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, เชนนิช, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, กรกช, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กรกช, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, กลอน123, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, พรานไพร, กลอน123, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, พรานไพร, น้ำหนาว, กลอน123, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, พรานไพร, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, เนื้อนาง นิชานาถ, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, กลอน123, น้ำหนาว, เอกราช, ก้าง ปลาทู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
 ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ - สภาพของป่าหิมพานต์ -
หิมวันตประเทศทั่วเขตป่า เป็นอาณาเขตแคว้นแดนสวรรค์ สัตว์นานาป่าไม้หลากหลายพันธุ์ เป็นแดนอันรื่นรมย์อุดมดี
ไร้ฤดูร้อนหนาวและหน้าฝน ไร้กาลต้นกลางปลายในทุกที่ เย็นสบายโปร่งปลอดตลอดปี พรรณไม้มีดอกงามสองสามเดือน
มีภูเขามากมายหลายหมื่นยอด แม่น้ำทอดสายใหญ่ยาวไร้เขื่อน ห้าสายนั้นไหลจากป่ามาบ้านเรือน เป็นเสมือนเส้นโลหิตชีวิตชน
ชื่อ“คงคา,ยมุนา,สรภู” ไหลลงสู่เมืองมนุษย์ดุจสายฝน “อจิรวดี,มหิ”พิมล หล่อเลี้ยงคนพืชสัตว์ไม่ขาดตอน
“แม่คงคา”ธารสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ เลี้ยงชีวิตชาวชมพูอยู่สลอน มีตำนานขานเล่าชาวนาคร ฟังดูก่อนเชื่อหรือไม่ตามใจนะ..... |
ในป่าหิมพานต์ไม่มีฤดูหนาวร้อนและฝน ปลอดโปร่งเย็นสบาย ปีหนึ่งๆต้นไม้จะออกดอก ๑ เดือนบ้าง ๒ เดือนบ้าง ๓ เดือนบ้าง มียอดเขา ๘๔,๐๐๐ ยอด มีแม่น้ำใหญ่ ๕ สาย คือ คงคา ยมุนา สรภู อจิรวดี มหิ ไหลลงสู่ดินแดนมนุษย์ในชมพูทวีป
“แม่คงคา” อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ไหลลงมาจากเขาหิมาลัย ตำนานได้กล่าวถึง “แม่คงคา” ว่านางเป็นลูกสาวคนโตของท้าวหิมวัต เจ้าแห่งขุนเขาหิมาลัย กับนางเมนา มีน้องสาวคือ อุมา หรือบรรพตี ผู้เป็นมเหสีของพระศิวะ แต่เดิมแม่คงคาอยู่บนสรวงสวรรค์ เหตุที่นางต้องลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อชำระบาปให้แก่มวลมนุษย์ ก็เพราะมีสาเหตุสำคัญปรากฏมหากาพย์รามายณะ ว่าพระเจ้าสคร (สะ-คะ-ระ) พระราชาองค์ที่ ๓๗ แห่งสุริยวงศ์ มีลูกที่เกิดจากเมียเอกหนึ่งคนชื่อ อัสมัญชะ และมีลูกชายอีก ๖๐,๐๐๐ คนที่เกิดจากมเหสีรอง
เจ้าชายอัสมัญชะ องค์รัชทายาทประพฤติตัวเหลวไหลจนถูกพระราชบิดาขับไล่ไส่ส่งออกจากเมือง ส่วนเจ้าชายอีกหกหมื่นนั้น ล้วนนำความคับแค้นให้แก่ท้าวสคร มิว่างเว้นแต่ละวัน วันหนึ่งท้าวสครประกอบพิธีอัศวเมธ กาลเวลาผ่านไปครบหนึ่งปี ม้าสำคัญในพิธีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยฝีมือของพระอินทร์ พระราชาส่งโอรสทั้ง ๖๐,๐๐๐ คน ให้นำม้ากลับมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ให้ไปตายเสีย การค้นหาติดตามไปยังทุกที่ทุกทางแล้วก็ไม่พบ เจ้าชายทั้งหกหมื่นต่างด่ำงดิ่งไปใต้ดินสู่ก้นลึกของพิภพคือบาดาล ปรากฏว่าม้าซึ่งอยู่ใกล้อาศรมพระฤษีกบิล (ฤษีตาไฟ) ในขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ราชโอรสทั้งหกหมื่นต่างก็กรูกันไปจับม้าสำคัญ พระกบิลฤษีลืมตาขึ้นทันที บังเกิดเป็นไฟกรดเผาผลาญเจ้าชายทั้ง ๖๐,๐๐๐ คนมอดไหม้เหลือแต่โครงกระดูกและเถ้าถ่าน อังคารธาตุกองพะเนินดังถูเขาเลากา
ฝ่ายเจ้าชายอังศุมัตโอรสของอัสมัญชะได้ติดตามพระน้าทั้งหกหมื่นไปเรื่อย ๆ จนมาถึงอาศรมของพระกบิลฤษี อังคุมัตเป็นคนนอบน้อมเข้าไปขออนุญาตจากพระฤษีก่อน จึงได้ม้ากลับมาแต่พระองค์กลับรู้สึกสลดต่อเหตุการณ์ ยามนั้นพญาครุฑได้มาบอกให้ใช้น้ำจากแม่คงคาชำระล้างเพื่อวิญญาณของพวกเขาไปสู่สรวงสวรรค์ พระราชาจึงให้อังคุมัตขึ้นครองราชสมบัติ ส่วนพระองค์เข้าไปบำเพ็ญตบะในป่าเพื่อ เพื่อทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระคงคาช้านานจนสิ้นอายุขัย พระคงคาก็หาได้มาไม่ ราชาองค์ต่อ ๆ มากระทำพิธีบวงสรวงอ้อนวอนพระแม่คงคา ก็ยังไม่สำเร็จ
จนในที่สุดพระราชาภคีรถทำได้สำเร็จ หากแต่พระแม่คงคากระโจนลงจากสวรรค์ มุ่งสู่แผ่นดินด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ซึ่งวิธีที่รุนแรงเช่นนั้น แผ่นดินโลกย่อมแตกกระจายในชั่วพริบตาเดียว พระศิวะจึงยื่นมวยผมออกไปรองรับสายคงคาอันแรงจัด เมื่อพระคงคาสิ้นฤทธิ์ พระเป็นเจ้าก็ปล่อยให้พระคงคาไหลลงสู่เบื้องล่าง.
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
 ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ - ภูเขาใหญ่ในหิมพานต์ -
สามพันโยชน์เป็นอาณาเขตป่าสวรรค์ ที่สูงนั้นห้าร้อยโยชน์ลิ่วเชียวหละ ภูเขาใหญ่เจ็ดล้อมรอบขอบขัณฑะ บรรพตะเจ็ดนามตามตำนาน
“จุลกาฬบรรพต”สีดำน้อย อยู่ต่ำต้อยสูงโยชน์หนึ่งตำราขาน สูงสองโยชน์ดำมาก “มหากาฬ” สามโยชน์ธารไหล“อุทกปัสสะ”ตาม
พญากวางทองเนาเทือกเขานี้ น้ำดินดีปราศภัยให้เกรงขาม สูงสี่โยชน์“จันทปัสส”จรัสงาม เป็นสนามพญาฝูงนกยูงทอง
สูงห้าโยชน์“สุริยปัสสะ” สุริยะสีสว่างกว่าใดผอง สูงหกโยชน์“มณีปัสส”แสนน่ามอง สีแดงส่องสาดปลั่งทั้งมณฑล
สูงเจ็ดโยชน์“สุวรรณปัสส”สาดส่อง แสงสีทองระยิบลอยเป็นฝอยฝน สระน้ำใหญ่ให้ช้างดื่มล้างตน ชื่อที่คนรู้ชัด “สระฉัททันต์”
พญาช้าง“ฉัททันต์”นั้นแปลว่า มี“หกงา”งามสมช้างสวรรค์ เขายอดนี้มีพฤกษานานาพรรณ หนึ่งพฤกษ์นั้นพุ่มใหญ่คือไทรทอง.... |
ป่าหิมพานต์มีอาณาบริเวณ ๓,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่สูงเพราะตั้งอยู่บนยอดเขา ๘๔,๐๐๐ ลูก ที่สูง ๕๐๐ โยชน์ ล้อมรอบด้วยภูเขาใหญ่ ๗ ลูก คือ
จุลกาฬบรรพต ซึ่งมีสีดำพวยพุ่งเล็กน้อย, มหากาฬบรรพต ซึ่งมีสีดำพวยพุ่งออกมามาก, อุทกปัสสบรรพต มีน้ำพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย เป็นที่อยู่ของพญากวางทอง และฝูงกวาง, จันทปัสสบรรพต มีแสงสีดุจดั่งแสงจันทร์คืนวันเพ็ญ เป็นที่อยู่ของพญายูงทองและผองนกยูง, สุริยปัสสบรรพต มีแสงสีดุจดวงอาทิตย์ (ไม่พบข้อมูลภายใน), มณีปัสสบรรพต มีแสงสีดุจแสงแก้วมณีพุ่งออกมา (ไม่พบข้อมูลภายใน), สุวรรณปัสสบรรพต เป็นยอดสูงที่สุด มีแสงสีทองพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา บนเขานี้มีสระน้ำใหญ่ชื่อ สระฉัททันต์ สำหรับให้โขลงช้างอาศัยดื่มอาบ มีพญาช้างชื่อ ฉัททันต์(แปลว่า หกงา) เป็นช้างใหญ่สูง ๘๘ ศอก ตัวยาว ๑๒๐ ศอก งวงมีสีเงินยาว ๕๘ ศอก มุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสระมีต้นไทรใหญ่รอบวง ๕ โยชน์ สูง ๗ โยชน์ กิ่งยื่นสี่ทิศยาว ๖ โยชน์ ปริมณฑล ๑๒ โยชน์ เป็นที่อาศัยของโขลงช้าง สัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในเขาลูกนี้ล้วนเป็นสีทองทั้งสิ้น.
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ณพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบในเน็ต |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
 ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ - สระใหญ่ในหิมพานต์ -
พื้นฐานแท้หิมพานต์นั้นคือ“เขา" เป็นลำเนาพรรณไม้ใหญ่น้อยผอง อีกฝูงสัตว์ประหลาดลักษณ์มากก่ายกอง “เขา”จึงต้องเป็นป่ามหัศจรรย์
มีสระใหญ่ในป่าเจ็ดสระอยู่ เรื่องน่ารู้สาระสระสวรรค์ “อโนดาต,กรรณมุณฑะ”สระใกล้กัน “รถการะ,สระฉัททันต์”นั้นเรียงราย
“กุณาละ,มันทากินี”มีน้ำเปี่ยม ล้วนยอดเยี่ยมสระงามมากความหมาย นาม“สีหปปาตะ”สระสุดท้าย ยากขยายความวิจิตรพิสดาร
“อโนดาต”สระใหญ่ไทยรู้ชื่อ นามเลื่องลือเรื่องยาวที่เล่าขาน ความเป็นอย่างไรในตำนาน ย่นให้อ่านเพียงย่อพอได้ความ
ด้วยเป็นสระกายสิทธิ์แสนประหลาด พื้นสระดาดด้วยหินไม่แบกหาม “มโนศิลา”คิดครันพลันเกิดตาม ส่วนดินงามเกิดเป็น “หอรดาล”... |
ป่าหิมพานต์ ความจริงเป็นภูเขา เรียกว่าภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต เมื่อมองลักษณะรูปร่างแล้ว เรียกภูเขาหิมพานต์ แต่เมื่อมองเห็นมีต้นไม้มาก และสัตว์นานาอาศัยอยู่แล้ว ก็ควรเรียกป่าหิมพานต์ เขาหิมพานต์ยังประกอบด้วยยอดเขาย่อย ๆ อีกมากมาย ในเขาป่าหิมพานต์นี้ มีสระสำคัญๆ อยู่ ๗ สระ คือ ๑. สระอโนดาต ๒. สระกรรณมุณฑะ ๓. สระรถการะ ๔. สระฉัททันต์ ๕. สระกุณาละ ๖. สระมันทากินี ๗. สระสีหปปาตะ
สระอโนดาต เป็นสระที่เราได้ยินชื่อบ่อยที่สุด ธารน้ำทั้งหลายในป่าหิมพานต์ย่อมไหลลงมารวมที่สระอโนดาตนั้น พื้นสระอโนดาต เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อมโนศิลา บริเวณที่เป็นดิน ก็เป็นดินกายสิทธิ์ชื่อหรดาล น้ำในสระใสสะอาดบริสุทธิ์ ท่าอาบน้ำ มีมากมาย เป็นที่สรงสนานแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย รวมถึงเหล่าผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่น ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค เทวดา เป็นต้น.
เรื่องสระอโนดาตยังไม่จบ ยกไปให้อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ครับ
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ณ พิพิธภัณธ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ขอขอบคุณเว็บเจ้าของเรื่องและภาพทุกภาพในเน็ต |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บ้านกลอนน้อยฯ
|
Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
 ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ - ขุนเขารอบสระอโนดาต -
“สระอโนดาต”มีเขาขึ้นรายรอบ เป็นคันขอบคุ้มสระอัครฐาน ห้ายอดกูฏพูดตามความตำนาน งามตระการตื่นตาติดตรึงใจ
“สุทัสนกูฏ”สุดเลิศล้ำ เป็นทองคำเรืองรองผุดผ่องใส ยอดโค้งงุ้มดุจปากกาเห็นแต่ไกล ปกป้องให้อโนดาตปราศสูรย์จันทร์
“จิตรกูฏ”เขาแก้วพราวแพรวแสง เรียงตำแหน่งสุทัสสนะนั่น โอบล้อมสระอโนดาตวิลาสอรัญ เช่นเดียวกันกับสุทัสสนะทำ
“กาฬกูฏ”จุดเด่นดำนิลหน่วง เป็นแร่พลวงสัณฐานทั้งสูงต่ำ เหมือนสุทัสสนะยอดเขานำ ต่างที่ดำดั่งสีมณีนิล
“คันธมาทนกูฏ”เขาสุดหอม ไม้หมดพร้อมดอกต้นใบผลสิ้น หอมตรลบอบอวลรื่นรวยริน ทั้งดมกลิ่นกินถูกเป็นหยูกยา.... |
รอบสระอโนดาต มีขุนเขารายรอบอยู่ ๕ ยอดได้แก่ ยอดเขาสุทัสสนะ (สุทัสสนกูฏ), ยอดเขาจิตตะ (จิตรกูฎ ), ยอดเขากาฬะ (กาฬกูฎ), ยอดเขาคันธมาทน์ (คันธมาทนกูฏ), ยอดเขาไกรลาส (ไกรลาสกูฏ)
ยอดเขาสุทัสสนะ เป็นทองคำ มีรูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต และปลายยอดมีสัณฐานโค้งงุ้มดังปากกาโอบปิดด้านบนสระอโนดาตไว้ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์แสงจันทร์ตรง ๆ ยอดเขาจิตตะ เป็นรัตนะ(แก้ว) รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ยอดเขากาฬะ เป็นแร่พลวงมีสีนีล รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ยอดเขาคันธมาทน์ รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ด้านบนเป็นพื้นราบเรียบ อุดมไปด้วยไม้หอมนานาพันธุ์ ทั้งไม้รากหอม แก่นหอม กระพี้หอม เปลือกหอม สะเก็ดหอม รสหอม ใบหอม ดอกหอม ผลหอม ลำต้นหอม ทั้งยังอุดมไปด้วยไม้อันเป็นโอสถนานาประการ ในวันอุโบสถ(วันพระ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ วันอุโบสถข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม... ภายในเขาคันธมาทน์ มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่า “ถ้ำนันทมูล” เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน........
เต็ม อภินันท์ สถาบันกวีนิพนธ์ไทย ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ขอขอบคุณเว็บฯเจ้าของเรื่องและภาพในเน็ต |
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|