Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา >> ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม >> - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -  (อ่าน 64307 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #15 เมื่อ: 10, สิงหาคม, 2561, 11:37:17 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพใน Internet

<<< ก่อนหน้า                 ต่อไป  >>>                   .

- ม้าสิงโต,เหรา -

ยังมีม้าหิมพานต์อีกสองชนิด
เทพประสิทธิ์ผสมพันธุ์ไร้ปัญหา
ปั้นรูปลักษณ์ยักแยกให้แปลกตา
ประดับป่าหิมพานต์นิทานคดี

"โตเทพอัสดร"กายแดงแสด
ทนสู้แดดลมฝนไม่รนหนี
หางและกีบแดงชาดร่างพาชี
หลังคอมีขนเขียวมิเหมือนใคร

ส่วนหัวเป็นสิงโตดูโอ่อ่า
ห่อนกินหญ้ากินแต่เนื้อสัตว์น้อยใหญ่
พ่อเป็นลาแม่พาชีผสมไว้
เป็น“ฬ่อ”ให้ใช้งานอย่างทานทน

"อัสดรเหรา"ม้าสุดท้าย
ผสมสายพันธุ์น้ำสำเร็จผล
ตัวเป็นม้าสีม่วงดูพิกล
ด้วยส่วนบนหัวเห็นเป็นเหรา.....

      - "โตเทพอัสดร"  เป็นสัตว์หิมพานต์แบบผสมระหว่างสิงโตกับม้า มีลักษณะทั่วไปเหมือนดุรงค์ไกรสร กล่าวคือมีหัวเป็นสิงโต และมีร่างเป็นม้า แต่เมื่อพิจารณาลึกๆแล้วมีความแตกต่างจาก ดุรงค์ไกรสร โดยโตเทพอัสดรมีร่างกายเป็นม้าสีแสด หางและกีบสีแดงชาด หัวเป็นสิงโต คอ หลังและขนสร้อยคอสีเขียว คำว่า “อัสดร” มาจากภาษาสันสกฤต “อสฺสตร” หมายถึง ม้าดี หรือสัตว์ผสมที่เกิดจากพ่อที่เป็นลา และแม่ที่เป็นม้า โตเทพอัสดรเป็นสัตว์ล่าเนื้อเป็นอาหารเช่นเดียวกับดุรงค์ไกรสร สัตว์ที่เป็นเหยื่อของโตเทพอัสดรมีตั้งแต่ สัตว์เล็กสัตว์น้อย จนไปถึงสัตว์ขนาดใหญ่ในป่าหิมพานต์ เช่นกวาง วัว ควาย
      - "อัสดรเหรา"  เป็นสัตว์ผสมระหว่างสัตว์ตระกูลม้าและเหรา ในตำรากล่าวว่ามีผิวกายสีม่วงอ่อน สัตว์ตระกูลเหรานี้ บางทีก็วาดเหมือนจระเข้ บ้างก็วาดออกมาเหมือนมังกร

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๗ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


อัสดรเหรา
(กายเป็นม้าสีม่วงอ่อน หัวเป็นแบบมังกร มีเขาและเครา)
Cr. Photo By คุณดา ดา


รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, กร กรวิชญ์, กรกช, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..

บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #16 เมื่อ: 11, สิงหาคม, 2561, 11:27:37 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet : ปลาอานนท์ 3
Artist : Likit Nisetanakarn

- ปลาในหิมพานต์ -

หิมพานต์มีปลานานาชนิด
รูปลักษณ์ผิดแผกไปมีหลายหน้า
“เหมวาริน”เหมภิรมย์ผสมปลา
หัวหงสาเหมเห็นเป็นปลาอะไร

อัน“กุญชรวารี”นี้นามช้าง
แต่เรือนร่างที่เห็นเป็นปลาใหญ่
หัวและขานั้นเห็นเป็นช้างไป
ว่ายน้ำไวดั่งปลาชาญวารี

“มัจฉนาคา”ปลาปนนาค
เนื่องมาจากนาคาปลาจู๋จี๋
ผสมพันธุ์ลูกเกิดมาหัวนาคี
ตัวหางมีเพศปลาทุกประการ

“มัจฉาวาฬ”นั้นชัดเป็นสัตว์น้ำ
ว่ายผุดดำธาราสนุกสนาน
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่นอนแช่ธาร
นามปลาวาฬคือปลาใหญ่ในหิมวันต์....

      - “เหมวาริน”  สัตว์ใต้น้ำในป่าหิมพานต์ เป็นร่างผสมของเหม กับปลา
      - “กุญชรวารี”  เป็นสัตว์ใต้น้ำ มีความแปลกประหลาดที่มีเพียงหัวและขาหน้าเท่านั้นที่เป็นช้าง นอกนั้นเป็นปลา แต่กลับสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วมาก (หากมีขาทั้ง 4 ข้าง มีหางและครีบอย่างปลา เรียก "วารีกุญชร")
      - “มัจฉนาคา”  มาจากคำสองคำ คือ 'มัจฉา' ปลา และ 'นาคา' นาค ดังนั้นมัจฉนาคาจึงมีพื้นฐานของนาคและปลา มีส่วนหัวเป็นนาค ลำตัวและหางเป็นปลา
      - “มัจฉวาฬ”  มาจากคำว่า 'มัจฉา' ปลา และ 'วาฬ' ในที่นี้หมายถึงใหญ่ มัจฉวาฬเป็นสัตว์เลี่ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่ใต้น้ำ ตามที่นักจิตรกรโบราณได้อธิบายไว้ อย่างไรก็ตาม มัจฉวาฬก็เป็นสัตว์ที่จินตนาการขึ้นให้เหมือนกับสัตว์ประเภทปลาที่มีฟันอันแหลมคม

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


เหมวาริน
(หัวเป็นเหมราช ลำตัวมีครีบและหางเป็นปลา)
Cr. Photo By คุณดา ดา



กุญชรวารี
(ส่วนหัวและขาหน้าเป็นช้าง ลำตัวและหางเป็นปลา)
Cr. Photo By คุณ Megaman X



วารีกุญชร
(มีร่างกายเป็นช้าง มีครีบบนแผ่นหลัง ครีบเท้า และหางอย่างปลา)
Cr. Photo By คุณดา ดา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, เชนนิช, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, กรกช, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #17 เมื่อ: 12, สิงหาคม, 2561, 10:22:17 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- เงือก,ควาย,เสือ,ศฤงคมัสยา -

ปลาประหลาดนำมากล่าวกลุ่มสุดท้าย
ดำผุดว่ายในน่านธารสวรรค์
ชื่อหนึ่ง“นางเงือก”งามตามกรรมพันธุ์
ผสมกันคนกับปลาเป็นปลาแปลง

ท่อนบนเป็นสาวมนุษย์สุดสวยแสน
ด้วยเทพแถนเทวัญปั้นปรุงแต่ง
เธอจึ่งเป็นนางฟ้าปลาจำแลง
เทพีแห่งหมู่ปลามัจฉาชล

ฝูง“ปลาควาย”ว่ายมานั่นน่ะหรือ
“หัวกระบือ”ควายล้วนชวนฉงน
“ตัวเป็นปลา”มาเฉวียนว่ายเวียนวน
เหมือนชวนคนลงวารีขึ้นขี่ควาย

ว่ายคลาคล่ำตามมานั่น“ปลาเสือ”
ประหลาดเหลือหัวพยัคฆ์ฝากความหมาย
ตัวเป็นปลาสืบเชื้อพันธุ์เสือกลาย
ยังไว้ลายที่หัวให้กลัวเกรง

“ศฤงคมัสยา”ปลาวิเศษ
เกิดจากเพศพิษณุสู้งานเก่ง
น้ำท่วมโลกหมดหล้าฟ้าวังเวง
องค์เทพเร่งแปลงเป็นปลามาลากเรือ

      - “นางเงือก”  คือสรรพสิ่งที่เกี่ยวกับทะเลซึ่งได้รับการกล่าวถึงในเกือบทุกวัฒนธรรม นางเงือกได้ถูกบรรยายไว้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงสวย ที่มีร่างกายช่วงล่างเป็นปลา
      - “ปลาควาย”  มาจากคำ ๒ คำ คือ 'ปลา' กับ 'ควาย' ปลาควายมีส่วนหัวเป็นกระบือ ลำตัวเป็นปลา
      - “ปลาเสือ”  มีส่วนหัวเป็นเสือ ลำตัวเป็นปลา
      - “ศฤงคมัสยา”  มีเขางอกออกมาจากหน้าผาก เป็นปลาวิเศษ คือร่างจุติของพระวิษณุ กิจกรรมหลักของปลาตัวนี้คือจะช่วยลากเรือเมื่อน้ำท่วมโลก

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๙ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


นางเงือก
(ช่วงบนเป็นสาวงาม ช่วงเอวลงมามีหางเป็นปลา)
Artist : อ. จักรพันธุ์ โปษยกฤต



ศฤงคมัสยา
(เป็นปลาขนาดใหญ่ มีเขางอกตรงหน้าผาก)
Artist : คุณโอม รัชเวทย์



พยัคฆ์นที (ปลาเสือ)
(กายช่วงบนและสองขาหน้าเป็นเสือ ช่วงล่างเป็นปลา)
Cr. Photo By คุณดา ดา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กรกช, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #18 เมื่อ: 13, สิงหาคม, 2561, 10:54:30 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet

- กิเลนหิมพานต์ -

พวกกิเลนเป็นสัตว์ประหลาดลักษณ์
จีนรู้จักก่อนใครยลไม่เบื่อ
“กิเลน”เพศผู้,เมียไม่มีเจือ
สองคำเมื่อรวมเป็น“กิเลน”พลัน

หัวมังกรเขาเดียวไม่เก้งก้าง
ตัวแบบกวางผิวเป็นเกล็ดคลุมกายมั่น
หางเหมือนวัวกีบเหมือนม้าเป็นสำคัญ
รู้จักกัน“กิเลนจีน”เห็นชินตา

“กิเลนไทย”คล้ายจีนจากบอกเล่า
มีสองเขากีบคู่ดูสง่า
อิทธิพลจีนขยายถ่ายทอดมา
ไทยศรัทธาโดยซื่อเชื่อถือตาม

“กิเลนปีก”ไร้เขาเป็นเผ่าใหม่
โบยบินได้ด้วยปีกกล้าน่าเกรงขาม
ส่วนเท้าเป็นกรงเล็บแลดูงาม
มักเรียกนามเล็บกิเลนเป็นมังกร

      - “กิเลนจีน”  ในตำนานจีนมีหัวเป็นมังกร มีเขาเดียว (เขาแบบกวาง) มีร่างกายแบบกวาง ผิวกายปกคลุมด้วยเกล็ด หางเหมือนหางวัว มีกีบเหมือนม้า สัตว์วิเศษนี้ประกอบไปด้วยเบญจธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และ โลหะ กล่าวกันว่า กิเลนมีชีวิตยืนยาวหลายพันปี พจนานุกรมจีน อธิบายกิเลนต่างออกไป ว่า กิเลนมีหัวเหมือนสุนัข แต่มีกายเป็นกวาง หางเป็นวัว กีบเหมือนม้า มีขนแผงคอหลากสี ขนใต้ท้องมีสีเหลือง มีสีกาย ๕ สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว และ ดำ ตัวผู้มีเขา ๑ เขา ตัวเมียไม่มีเขา สามารถเดินบนผิวน้ำได้
      - “กิเลนไทย”  แม้ว่ากิเลนจะได้รับอิทธิพลจากประเทศจีน วัดหลายแห่งในไทยก็มีกิเลนเช่นกัน แบบฉบับของกิเลนไทย แตกต่างจากแบบจีนบ้าง โดยปกติแล้ว กิเลนไทยมีเขา ๒ เขา และมีกีบคู่ ต่างจากแบบดั้งเดิม
      - “กิเลนปีก”  ดูแปลกตากว่ากิเลนอีก ๒ ชนิด โดยกิเลนปีก ไม่มีเขาแม้แต่เขาเดียว หากแต่มีปีกคล้ายนก ๑ คู่ อีกอย่างที่ผิดแผกไป ก็คือเท้าที่เป็นกรงเล็บ ไม่เหมือนเท้าแบบกีบเหมือนกิเลนอีก ๒ ชนิดนั้น

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต



กิเลนจีน
(หัวเป็นมังกร กายเป็นกวางมีเกล็ดปกคลุมตลอดตัว มีเขาเดียว เท้าเป็นกีบ)
ขอบคุณเจ้าของรูปภาพจาก Internet




กิเลนไทย
(หัวเป็นมังกร กายเป็นกวางมีเกล็ดปกคลุมตลอดตัว มีเขาสองเขา เท้าเป็นกีบ)
Cr. Photo By คุณ Megaman X



กิเลนปีก
(ไม่มีเขา มีปีกคล้ายนก มีเท้าเป็นกรงเล็บ)
Artist : คุณโอม รัชเวทย์



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ปิ่นมุก, ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, พรานไพร, กลอน123, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #19 เมื่อ: 14, สิงหาคม, 2561, 10:38:36 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณรูปภาพจาก Internet (ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดประตูสาร)
Cr. Photo By คุณสอนสุพรรณ

- สัตว์ป่าหิมพานต์ประเภทกวาง -

“มารีศ”ร่างเป็นสัตว์ประหลาดนัก
หัวเป็นยักษ์ขังขึงอยู่ครึ่งท่อน
ตัวเป็นกวางย่างเหยาะอรชร
เอวองค์อ่อนอวดตัวยั่วยวนตา

นางละครรามเกียรติ์ไทยเรียนรู้
ม้ารีศผู้แปลงร่างนางยักษา
เป็นกวางทองลวงพระรามลักษณ์ตามมา
จนสีดาถูกยักษ์ลักพาไป

“พานรมฤค”นามเห็นเป็นลิงเนื้อ
เกิดจากเชื้อลิงกวางพันทางใหม่
กินพฤกผลนานาสาแก่ใจ
เป็นลิงในร่างสมันพันธุ์พานร

“อัปสรสีหะ”นี่ประหลาด
ชนสังวาสกวางกลับเกิดอัปสร
คนครึ่งกวางร่างงามทุกแง่งอน
บ้างว่าท่อนล่างเห็นเป็นสิงโต.....

      - “มารีศ”   เป็นหนึ่งในตัวละครยักษ์เรื่อง รามายนะ (รามเกียรติ์). เป็นบุตรของนางยักษ์ชื่อ กากนาสูร และเป็นญาติของทศกัณฑ์ ในเรื่อง ทศกัณฑ์ต้องการจับตัวนางสีดา จึงสั่งมารีศให้จำแลงกาย เป็นกวางทองไปล่อนาง แผนนี้เกือบสำเร็จลุล่วง แต่ท้ายที่สุด มารีศก็โดนพระรามแผลงศรใส่ ในรูปวาดมารีศจึงเป็นรูปสัตว์ประหลาด กึ่งยักษ์กึ่งกวาง
      - “พานรมฤค”  พานร แปลว่า ลิง ในบาลีและสันสกฤตใช้ว่า วานร (แปลว่าคนหรือ?) ไทยเรามาแผลง ว เป็น พ จึงเป็นพานร ถ้าเป็นหัวหน้าลิงก็ใช้ว่า พานรินทร์ คือ พญาลิง พานรมฤค เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันกับเทพนรสิงห์, อัปสรสีห์ คือท่อนล่างเป็นสัตว์ประเภทมีกีบ คำว่า "มฤค" มีความหมายเนื้อทราย เก้ง กวาง เป็นต้น ถ้าเป็นตัวเมีย ก็ใช้ว่า มฤคี แต่ ถ้าเปลี่ยนเป็น มฤคราช, มฤคินทร์, มฤเคนทร์ ก็หมายถึง ราชสีห์ กลาย เป็นสัตว์ร้ายมีอำนาจขึ้นมาทันที ไม่ดูขลาดเหมือนกวาง เหมือนอีเก้ง และโดยเหตุที่เป็นลิง ก็มักจะถือผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารของโปรดไว้ด้วยเสมอ
      - “อัปสรสีหะ”  เป็นสัตว์เพศเมียครึ่งคนครึ่งกวาง  เพศผู้เรียกว่า “นรสิงห์” อาศัยอย่างอุดมสมบูรณ์ในป่าพิมพานต์ บางตำนานกล่าวว่าท่อนล่างเป็นสิงโต

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


มารีศ
(กายช่วงบนเป็นยักษ์ ช่วงล่างเป็นกวาง)
Cr. Photo By คุณ Fibo4me



พานรมฤค
(กายช่วงบนเป็นลิง ช่วงล่างเป็นกวาง)
Cr. Photo By เว็บมติชนออนไลน์



อัปสรสีห์ (เพศเมีย)
(กายช่วงบนเป็นมนุษย์ผู้หญิง ช่างล่างเป็นกวาง)
Artist : คุณโอม รัชเวทย์



นรสิงห์ (เพศผู้)
(กายช่วงบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย ช่างล่างเป็นกวาง)
Artist : คุณโอม รัชเวทย์



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, พรานไพร, กลอน123, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #20 เมื่อ: 15, สิงหาคม, 2561, 10:40:45 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ช้างเอราวัณ
ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet

- แรด ระมาด ช้างเอราวัณ -

เขมรเรียก“แรด”ป่าว่า“ระมาด”
ช่างไทยวาดภาพสรุปผิดผลุบโผล่
คล้าย“สมเสร็จ”เท็จถนัดวาดไว้โว
รู้ผิดโผพลันแก้ถูกแน่นอน

พาหนะเทพแห่งไฟใช้ระมาด
จตุบาทเช่นช้างม้ามวลกาสร
มี“นอ”ตั้งดั่งว่างากุญชร
โด่เดียวงอนดูงามทุกยามยล

“เอราวัณ”ช้างทรงองค์อินทร์เจ้า
มีเรื่องเล่าหลากหลายสายสับสน
เป็นเทพบุตรฤทธิ์แรงแปลงร่างตน
เป็นคชาพาหน”เอราวัณ”

      - คำว่า “ระมาด” ภาษาเขมรแปลว่า “แรด” เป็นสัตว์หิมพานต์ที่มีตัวตนอยู่จริงในโลกมนุษย์ แต่อาจจะเพี้ยนไปบ้าง เพราะระมาด หรือแรด เป็นสัตว์ป่าหายาก ศิลปินไทยในสมัยโบราณไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วระมาดหน้าตาเป็นอย่างไร จึงได้แต่วาดตามคำอธิบาย ระมาดที่ปรากฎในศิลปะไทยจึงดูคล้ายกับตัวสมเสร็จ ซึ่งมีจมูกเป็นงวงสั้น ๆ   ตามประวัติศาสตร์แล้วคนไทยในกรุงเทพฯ มีโอกาสได้เห็นแรดตัวจริงก็เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๕ เจ้าเมืองน่านส่งลูกแรดถวายตัวหนึ่ง จากนั้นรูปแรดที่มีในตำราสัตว์หิมพานต์ก็ถูกยกเลิกไป ไม่เขียนแบบสมเสร็จอีก ระมาดหรือแรดนี้เป็นพาหนะทรงของพระอัคนี เทพเจ้าแห่งไฟ ของศาสสนาฮินดู

      - “ช้างเอราวัณ”  ในเรื่องรามายณะ และความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึงพระอินทร์ร่างกายสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง ๓ เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ  เชือกหนึ่งพระพรหมเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรีเมขลไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์

      ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกำลังมากที่สุดในหมู่ช้างทั้ง ๓ เชือก และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จไปไหน เอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา ๗ งา งาแต่ละงายาวถึง ๔ ล้านวา งาแต่ละงามีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบ ๗ กลีบ มี ๗ เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ ๗ หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี ๗ ชั้น แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง แต่ละห้องมี ๗ บัลลังก์ แต่ละบัลลังก์มีเทพธิดาสถิต ๗ องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ ๗ นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ ๗ ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประมาณ ๑๙๐,๒๔๘,๔๓๓ นาง เทพธิดา บริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ ๑๓,๓๓๑,๖๖๙,๐๓๑ นาง เศียรทั้ง ๓๓ ของช้างเอราวัณมีอุเปนทเทพยดา สถิตเศียรละ ๑ องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทำช้างเอราวัณ เป็นช้าง ๓ เศียร

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต

ช้างเอราวัณ
Cr. Photo By คุณ tiger's nest



ระมาด (แรดในโลกหิมพานต์)
Cr. Photo By คุณ Laser



แรด (ในโลกจริง)
ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, พรานไพร, น้ำหนาว, กลอน123, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #21 เมื่อ: 16, สิงหาคม, 2561, 11:28:21 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- ช้างหิมพานต์ -

“กรินทร์ปักษา”ปีกหางมีอย่างนก
บินโผผกทั่วประเทศระเห็จหัน
ขนปีกหางแดงชาดอัศจรรย์
ด้วยกายนั้นดำสนิทติดปีกบิน

“วารีกุญชร”เท้าตัวหัวเป็นช้าง
ที่มีต่างคือครีบหลังหางเท้าถิ่น
เป็นครีบปลาช่วยให้ว่ายวาริน
เที่ยวหากินในทะเลทุกเวลา

“ช้างเผือก”ผ่องพรรณลักษณ์ช้างศักดิ์สิทธิ์
มากมีฤทธิ์กระเดื่องเรืองเดชกล้า
ช้างคู่บุญเครื่องทรงองค์ราชา
ประดับบารมีบุญญาธิการ...

      - “กรินทร์ปักษา”  หรือช้างบินมีผิวกายที่ดำสนิท มีปีกและหางเป็นอย่างนกสีแดงชาด สามารถบินได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว นอกจากส่วนปีกและหางแล้ว กรินทร์ปักษามีลักษณะ ไม่ต่างจากช้างทั่วไปนัก โดยมีงาคู่หนึ่งเอาไว้ใช้ในการปกป้องตัวและหักกิ่งไม้หรือพืชผัก ส่วนงวงมีไว้หยิบจับสิ่งของ ดื่มน้ำ ดมกลิ่นและทำให้เกิดเสียงร้อง
      - “วารีกุญชร”  คนทั่วไป มักจำวารีกุญชรสลับกับกุญชรวารี สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดนี้เป็นสัตว์ประสม ระหว่างช้างกับปลา เราสามารถแยกแยะระหว่างวารีกุญชรและกุญชรวารีได้ค่อนข้างง่าย โดยวารีกุญชรนั้นมีร่างกายเกือบทั้งตัวเป็นช้าง มีอวัยวะบางส่วนที่เป็นปลาเช่น ครีบบนแผ่นหลังครีบเท้าและครีบหาง    
         ส่วนกุญชรวารีนั้น มีช่วงตัวท่อนแรกเป็นช้าง ช่วงหลังเป็นปลา กุญชรวารี จึงมีเท้าเพียง ๒ ข้าง ลำตัวและหางเป็นปลาหมด สัตว์ทั้ง ๒ นี้อาศัยอยู่ในทะเลสามารถว่ายและดำน้ำได้ดีเยี่ยม
      - “ช้างเผือก”  ตำนานเกี่ยวกับช้างเผือกมีอยู่คู่คนไทยมาช้านาน เชื่อกันว่าช้างเผือกมีอิทธิฤทธิ์เหนือช้างสามัญ ว่ากันว่ามีพลังดุจเทพแห่งสงคราม สำหรับกษัตริย์ของประเทศไทยและพม่าแล้ว การได้ครอบครองช้างเผือกเป็นอะไรที่สำคัญยิ่ง องค์ใดที่มีช้างเผือกหลายเชือก จะเป็นกษัตริย์ที่เกรียงไกร และจะนำพาบ้านเมืองสู่ความรุ่งโรจน์ หากช้างเผือกสิ้น ก็เป็นลางบอกเหตุเภทภัยแก่ตัวกษัตริย์และแผ่นดินที่ปกครอง ราชันย์ในยุคก่อนจึงมุ่งมั่นที่จะได้ช้างเผือกมาอยู่ในความครอบครอง องค์ใดมีมากตัวก็สามารถให้ราชาเมืองอื่นเป็นของขวัญ เพื่อความเป็นมิตร บางครามีการก่อสงครามแย่งชิงช้างเผือกก็มี ในประเทศไทย ช้างเผือกเคยเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เพราะเชื่อว่าสัตว์ชนิดนี้ศักดิ์สิทธิ์

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


กรินทร์ปักษา
(กายสีดำ มีปีกและหางอย่างนก เป็นสีแดงชาด)
Cr. Photo By คุณดา ดา



วารีกุญชร
(มีร่างกายเป็นช้าง มีครีบบนแผ่นหลัง ครีบเท้า และหางอย่างปลา)
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



กุญชรวารี
(ส่วนหัวและขาหน้าเป็นช้าง ลำตัวและหางเป็นปลา)
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



ช้างเผือก
(มีกายสีขาวหรือชมพูคล้ายสีหม้อใหม่)
Cr. Photo By คุณ old technician



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, พรานไพร, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #22 เมื่อ: 18, สิงหาคม, 2561, 12:01:15 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet

- ควายป่าหิมพานต์ -

“ควาย,กระบือ,มหิงสา,กาสร”ชัด
ล้วนเป็นสัตว์สี่เท้าเขาตระหง่าน
เป็นตระกูลสัตว์ป่าหิมพานต์
มาอยู่บ้านทั่วเขตเกษตรกรรม

ควายฉลาดคราดไถลากล้อเลื่อน
เป็นทั้งเพื่อนทั้งทาสอุปถัมภ์
รามเกียรติ์เขียนเรื่องไว้ให้เราจำ
พ่อลูกทำศึกใหญ่ไร้ปรานี

“ทรพีทรพา”ลูกฆ่าพ่อ
มีต้นตอจากยักษ์ไร้ศักดิ์ศรี
เกิดราคะหน้ามืดปล้ำ“มาลี”
สิ้นคดีถูกสาปส่งลงเป็นควาย

นามกระบือทรพาราคะหลาก
ยิ่งมีมากฝูงเมียไม่เสียหาย
ถ้าเกิดลูกเพศผู้รู้แล้วร้าย
รีบฆ่าตายไม่เหลือเป็นเชื้อตน

“มังกรวิหค”ควายสวรรค์พันธุ์ผสม
สามเกลียวกลมนกวัวมังกรสนธิ์
หัวมังกรร่างโคเข้าระคน
ปีกหางปนวิหคนกมังกร...

      - “ทรพี-ทรพา”  ในตำนานว่ามียักษ์อยู่ตนหนึ่งชื่อ "นนทกาล" มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูวังสวรรค์ ของพระศิวะ (เขาไกรลาส) ยักษ์ตนนี้ได้ทำผิดกฎโดยปลุกปล้ำนางฟ้านาม"มาลี" พระศิวะทรงกริ้วจึงสาป นนทกาลไปเกิดเป็นควาย มีนามว่า "ทรพา" และจะต้องถูกสังหารโดยลูกของตัวเอง ผู้มีชืื่อว่า"ทรพี" จากนั้นจึงจะพ้นคำสาป นนทกาลเกิดเป็นควาย หลายเมีย เขาจะฆ่าลูกที่เกิดเป็นตัวผู้ทุกตัว เมียทรพาตัวหนึ่ง หนีไปคลอดลูกที่อื่นและเป็นตัวผู้ ได้รับการเลี้ยงดูโดยเทวดา และตั้งชื่อควายตัวนี้ว่า"ทรพี" ทุกวันทรพีจะวัดขนาดกีบ(ตีน)ของมันกับของพ่อ เมื่อใหญ่เท่ากันจึงถือว่าพร้อมที่จะสู้ ในที่สุดทรพา ก็ถูกลูกของตนฆ่าตายตามคำสาปของพระเป็นเจ้า
      - “มังกรวิหค”  เป็นสัตว์ ๔ ขาที่มีลักษณะของ มังกร นก และวัว ผสมกัน ส่วนหัวมีลักษณะของมังกร ส่วนตัวเป็นวัว มีสีม่วง มีปีกและหางเหมือนนก

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๔ สิงหคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


ทรพี(สีคล้ำ) -ทรพา(สีเผือก)
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



มังกรวิหค
(กายเป็นวัวสีม่วง หัวเป็นมังกร มีปีกและหางเหมือนนก)
Cr. Photo By คุณดา ดา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, เนื้อนาง นิชานาถ, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #23 เมื่อ: 18, สิงหาคม, 2561, 11:05:14 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet

- ลิงและสุนัขในหิมพานต์ -

“กบิลปักษา”วานรผสมนก
ลิงวิหคผกผินเที่ยวบินร่อน
ตัวสีดำหน้าตาเป็นวานร
ร่างอีกท่อนเป็นนกปีกเขียวนิล

หางเหมือนนกเหมือนไก่ก็ไม่แน่
มันมักแปรเปลี่ยนไปตามใจถวิล
มะม่วงชมพู่ผลไม้ถือไว้กิน
และชอบบินกว่าเดินเหาะเหินไป

“มัจฉานุ”ลิงปลาผสมเพศ
เกิดจากเหตุหนุมานพานรใหญ่
เสพสังวาสนางปลาทองผ่องอำไพ
ปรากฏในรามเกียรติ์ที่เรียนกัน

สัตว์ประเภทสุนัขนาม“ขิหมี”
เป็นนามที่แปลกหูให้ขำขัน
เป็น“หมาหมี”หรือไรให้งงงัน
สีขนมันเหลืองทั้งร่างหางพุ่มพวง....

      - “กบิลปักษา”  เป็นสัตว์ประหลาดกึ่งนกกึ่งลิง โดยมีปีกนกติดอยู่ที่หัวไหล่ และ มีหางเหมือนนก โดยปกติระบายสีกายเป็นสีดำ โดยเหตุที่ลิงชอบผลไม้ ช่างวาดภาพจึงให้ถือต้นไม้มีผล (บางตำราว่าถือมะม่วงและชมพู่ ) ทำให้น่าดูยิ่งขึ้น ที่พิเศษก็คือในบางตำราถือว่า ทั้งลิงทั้งนกต่างก็มีหาง ผู้เขียนภาพเสียดายหางลิงไม่กล้า ตัด ก็เลยทำให้มีทั้งสองอย่าง เมื่อหางลิงตวัดขึ้น หางนก หรือหางไก่ก็ห้อยลง
      - “มัจฉานุ”  เป็นสัตว์ที่มีกายเป็นลิงมีหางเป็นปลา เป็นตัวละครหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นบุตรของ หนุมาน กับนางปลาชื่อ นางสุวรรณมัจฉา
      - “ขิหมี”  เป็นสัตว์ประเภทสุนัข ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก ในงานเขียนสมัยเก่าก่อน ขิหมีมีรูปร่างเป็นสุนัขสีเหลืองมีขนแผงคอและหางเป็นพุ่มตรงปลาย เป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและเนื้อ แต่โดยส่วนมากมักกินเนื้อเป็นหลักและออกล่าเพียงตัวเดียว มีประสาทรับกลิ่นกับขาที่แข็งแรงไว้เพื่อการไล่ล่าโดยเฉพาะ อาหารส่วนใหญ่เป็นสัตว์ตัวเล็กกว่าจำพวกกระรอก กระต่าย เมื่อมันเจ็บป่วยก็จะหาหญ้ากินเหมือนกับสุนัขในปัจจุบัน

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


กบิลปักษา
(กายเป็นลิงสีดำ มีปีกที่หัวไหล่ มีหางเหมือนนก)
Cr. Photo By คุณดา ดา



มัจฉานุ
(บุตรแห่งหนุมานกับนางสุวรรณมัจฉา มีกายเป็นลิงมีหางเป็นปลา)
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



ขิหมี
(กายสุนัขสีเหลืองมีแผงคอเหมือนสิงโต หางเป็นพุ่มตรงปลาย)
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #24 เมื่อ: 19, สิงหาคม, 2561, 11:12:38 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : คุณปุราณ

- จระเข้,ปูหิมพานต์ -

จระเข้หิมพานต์นั้นสองชนิด
หนึ่ง“กุมภีนิมิต”สัตว์สองช่วง
เทวดากึ่งจระเข้ควง
อยู่บนสรวงและแล่นทั่วแดนดิน

สอง“เหรา”ร่างกึ่งนาคมังกรอยู่
ยาวคล้ายงูมีเกล็ดหุ้มตัวสิ้น
สี่ขาเช่นจระเข้เคยเห็นชิน
เป็นสัตว์กินเนื้อสัตว์สารพัน

ยังมีสัตว์ประเภทปูรวมอยู่ด้วย
เรื่องเล่าช่วยขยายความเพิ่มขำขัน
จะเท็จจริงอย่างไรไม่ว่ากัน
ก้ามปูมันเป็นกลองฟ้าร้องดัง.....


        สัตว์ประเภทจระเข้มี ๒ ชนิด คือ กุมภีนิมิต ๑   เหรา ๑

      - “กุมภีนิมิต”  เป็นร่างผสมระหว่างเทวดากับจระเข้ ส่วนบนเป็นเทวดา ตั้งแต่สะโพกลงมาเป็นจระเข้
      - “เหรา”  มีหลักฐานอ้างอิง ในพจนานุกรมให้ความหมายเหราว่า "จระเข้" หรือสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายนาค เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และกินเนื้อ ข้อมูล จากหนังสือชุดจิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ เรื่องสัตว์หิมพานต์ โดย อุดม ปรีชา อธิบายว่า เหรา มีรูปร่างครึ่งนาคครึ่งมังกร หัวกับลำตัวเหมือนนาค แต่มีขาเหมือนมังกร ตัวยาวคล้ายงู มีเกล็ดตลอดตัว รูปวาดเหราในจิตรกรรมไทยเป็นรูปครึ่งนาคครึ่งมังกร คือ หัวกับลำตัวเป็นนาค แต่มีขา ๔ ขา เหมือนมังกรหรือจระเข้ ตัวยาวมีเกล็ดตลอดตัว พม่านิยมทำรูปเหราประดับพุทธสถาน น่าสังเกตว่า ศิลปกรรมไทยทางภาคเหนือนิยมทำรูปพญานาคถูกเหราคาบไว้ครึ่งตัว
      - “ปู”  เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งในป่าหิมพานต์ มีหลักฐานอ้างอิงในเรื่องเล่าต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของพระพุทธเจ้าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เคยเสวยพระชาติเป็นช้าง อาศัยอยู่ริมหนองในป่าหิมพานต์ ซึ่งมีชื่อว่า "หนองปู" หนองแห่งนี้เป็นที่อาศัยของปูยักษ์ เจ้าปูยักษ์ตัวนี้จะนอนรอจับช้างที่มาอาบน้ำเป็นอาหาร พระพุทธองค์ในร่างของช้างนั้น ได้กระทืบเจ้าปูยักษ์จนแหลก มีเพียงก้ามปู ๒ ก้ามที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ก้ามทั้ง ๒ ลอยไหลไปตามน้ำ หนึ่งในนั้นได้ถูกกษัตริย์องค์หนึ่งนำไปทำเป็นกลองยาว ส่วนอีกก้ามหนึ่งนั้นได้ถูกยักษ์เก็บไปเป็นกลองสงคราม หลายปีต่อมาเหล่ายักษ์ได้พ่ายแพ้ให้แก่พระอินทร์ พระองค์ได้เก็บกลองสงครามของเหล่ายักษ์ไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จากตำนานนี้เชื่อกันว่า ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า นั้น เกิดจากกลองนี้นี่เอง

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑
*ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


เหรา
(หัวกับลำตัวเป็นนาค มีขา ๔ ขาเหมือนมังกร มีเกล็ดตลอดตัว)
Cr. Photo By คุณ Megaman X



กุมภีนิมิต
(กายช่วงบนเป็นเทพ ตั้งแต่สะโพกลงมาเป็นจระเข้)
Artist : คุณโอม รัชเวทย์



ปู
ขอบคุณผู้เป็นเจ้าของภาพจาก Intetnet



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, เอกราช, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #25 เมื่อ: 20, สิงหาคม, 2561, 11:31:04 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet

- นาค, คนธรรพ์, นารีผล -

สัตว์ป่าหิมวันต์พันธุ์ล่าสุด
นาคมนุษย์ให้เรียนรู้อยู่กลุ่มหลัง
นาคพันธุ์งูอยู่บาดาลโอฬารวัง
ใต้ที่ตั้งเขาสุเมรุเป็นภพตน

พันธุ์มนุษย์มีสองที่จัดสรร
หนึ่งคนธรรพ์เทพมนุษย์สืบนุสนธิ์
ชาญดนตรีสีเป่าดีดเคล้าระคน
เพลงมีมนต์กล่อมโลกย์เศร้าโศกมลาย

“นารีผล”พืชสวรรค์พันธุ์พิเศษ
ผลเป็นเพศนารีที่เฉิดฉาย
งดงามจนเทพธิดานางฟ้าอาย
เป็นที่หมายปองทั้งเทพคนธรรพ์....


      - “นาค”  เป็นศัตรูของครุฑ มีที่อาศัยอยู่บริเวณบาดาลใต้เขาพระสุเมรุ เป็นนาคพิภพ มีวิมาน ปราสาทเงิน ปราสาททอง ดอกบัวสวยงามตระการตา ฤทธิ์พิเศษของนาคคือสามารถแปลงตน จำแลงกายได้ นาคมีสองประเภทย่อยคือ ถลชะ เกิดบนบก และ ชลชะ เกิดในน้ำ นาคที่เกิดบนบกจะแปลงกายได้แต่ตอนที่อยู่บนบก ส่วนนาคที่เกิดในน้ำจะแปลงกายได้แต่ในน้ำ
      - “คนธรรพ์”  อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ เผ่าพันธุ์ของคนธรรพ์เป็นนักดนตรีโดยสายเลือด พวกเขาฉลาดในการเลียนเสียงเครื่องดนตรีทุกชนิด มีเรื่องเล่าที่โด่งดังที่สุดคือเรื่องของ กากี (Khakee) ซึ่งกล่าวว่า กากี คือหญิงสาวงดงามเป็นที่หมายปองของ กษัตริย์ พญาครุฑ และคนธรรพ์ เพราะเหตุนี้ทั้งสามจึงต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวนาง ต่อมาเรื่องเล่านี้ได้กลายเป็นพลอตเรื่องสำคัญของละครเศร้า หรือรักสามเศร้าดังเป็นที่ทราบกันแล้ว
      - “มักกะลีผล”  หรือ “นารีผล” เป็นพืชวิเศษชนิดหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ ว่ากันว่า นารีผล ขั้วลูกอยู่ด้านบนศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงาม ปานเทพธิดา บางครั้งฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้ากิเลสสงบรำงับ จะทดสอบจิตตนก็เหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่นก็มี พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้วฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา นารีผลจึงเป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไปเชยชม

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑
ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบทุกภาพในเน็ต


พญานาค
(งูใหญ่มีหงอน มีเกล็ดตลอดลำตัว)
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์



คนธรรพ์
(เทพผู้ชำนาญการแห่งดนตรี)
ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet



มักกะลีผล (นารีผล)
(พรรณไม้ที่มีผลเป็นหญิงสาวงดงาม)
Artist : อ. ช่วง มูลพินิจ



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, กลอน123, น้ำหนาว, เอกราช, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #26 เมื่อ: 21, สิงหาคม, 2561, 11:22:37 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- สภาพของป่าหิมพานต์ -

หิมวันตประเทศทั่วเขตป่า
เป็นอาณาเขตแคว้นแดนสวรรค์
สัตว์นานาป่าไม้หลากหลายพันธุ์
เป็นแดนอันรื่นรมย์อุดมดี

ไร้ฤดูร้อนหนาวและหน้าฝน
ไร้กาลต้นกลางปลายในทุกที่
เย็นสบายโปร่งปลอดตลอดปี
พรรณไม้มีดอกงามสองสามเดือน

มีภูเขามากมายหลายหมื่นยอด
แม่น้ำทอดสายใหญ่ยาวไร้เขื่อน
ห้าสายนั้นไหลจากป่ามาบ้านเรือน
เป็นเสมือนเส้นโลหิตชีวิตชน

ชื่อ“คงคา,ยมุนา,สรภู”
ไหลลงสู่เมืองมนุษย์ดุจสายฝน
“อจิรวดี,มหิ”พิมล
หล่อเลี้ยงคนพืชสัตว์ไม่ขาดตอน

 “แม่คงคา”ธารสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
เลี้ยงชีวิตชาวชมพูอยู่สลอน
มีตำนานขานเล่าชาวนาคร
ฟังดูก่อนเชื่อหรือไม่ตามใจนะ.....


            ในป่าหิมพานต์ไม่มีฤดูหนาวร้อนและฝน  ปลอดโปร่งเย็นสบาย  ปีหนึ่งๆต้นไม้จะออกดอก ๑ เดือนบ้าง ๒ เดือนบ้าง ๓ เดือนบ้าง   มียอดเขา ๘๔,๐๐๐ ยอด   มีแม่น้ำใหญ่ ๕ สาย คือ คงคา ยมุนา สรภู อจิรวดี มหิ  ไหลลงสู่ดินแดนมนุษย์ในชมพูทวีป

            “แม่คงคา” อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ไหลลงมาจากเขาหิมาลัย
      ตำนานได้กล่าวถึง “แม่คงคา” ว่านางเป็นลูกสาวคนโตของท้าวหิมวัต เจ้าแห่งขุนเขาหิมาลัย กับนางเมนา   มีน้องสาวคือ อุมา  หรือบรรพตี   ผู้เป็นมเหสีของพระศิวะ   แต่เดิมแม่คงคาอยู่บนสรวงสวรรค์  เหตุที่นางต้องลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อชำระบาปให้แก่มวลมนุษย์   ก็เพราะมีสาเหตุสำคัญปรากฏมหากาพย์รามายณะ  ว่าพระเจ้าสคร (สะ-คะ-ระ) พระราชาองค์ที่ ๓๗ แห่งสุริยวงศ์  มีลูกที่เกิดจากเมียเอกหนึ่งคนชื่อ  อัสมัญชะ และมีลูกชายอีก ๖๐,๐๐๐  คนที่เกิดจากมเหสีรอง

      เจ้าชายอัสมัญชะ องค์รัชทายาทประพฤติตัวเหลวไหลจนถูกพระราชบิดาขับไล่ไส่ส่งออกจากเมือง   ส่วนเจ้าชายอีกหกหมื่นนั้น   ล้วนนำความคับแค้นให้แก่ท้าวสคร มิว่างเว้นแต่ละวัน  วันหนึ่งท้าวสครประกอบพิธีอัศวเมธ  กาลเวลาผ่านไปครบหนึ่งปี  ม้าสำคัญในพิธีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยฝีมือของพระอินทร์   พระราชาส่งโอรสทั้ง ๖๐,๐๐๐ คน  ให้นำม้ากลับมาให้ได้  ไม่เช่นนั้นก็ให้ไปตายเสีย  การค้นหาติดตามไปยังทุกที่ทุกทางแล้วก็ไม่พบ  เจ้าชายทั้งหกหมื่นต่างด่ำงดิ่งไปใต้ดินสู่ก้นลึกของพิภพคือบาดาล  ปรากฏว่าม้าซึ่งอยู่ใกล้อาศรมพระฤษีกบิล (ฤษีตาไฟ)   ในขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ ราชโอรสทั้งหกหมื่นต่างก็กรูกันไปจับม้าสำคัญ  พระกบิลฤษีลืมตาขึ้นทันที  บังเกิดเป็นไฟกรดเผาผลาญเจ้าชายทั้ง ๖๐,๐๐๐  คนมอดไหม้เหลือแต่โครงกระดูกและเถ้าถ่าน  อังคารธาตุกองพะเนินดังถูเขาเลากา

      ฝ่ายเจ้าชายอังศุมัตโอรสของอัสมัญชะได้ติดตามพระน้าทั้งหกหมื่นไปเรื่อย ๆ จนมาถึงอาศรมของพระกบิลฤษี  อังคุมัตเป็นคนนอบน้อมเข้าไปขออนุญาตจากพระฤษีก่อน  จึงได้ม้ากลับมาแต่พระองค์กลับรู้สึกสลดต่อเหตุการณ์  ยามนั้นพญาครุฑได้มาบอกให้ใช้น้ำจากแม่คงคาชำระล้างเพื่อวิญญาณของพวกเขาไปสู่สรวงสวรรค์  พระราชาจึงให้อังคุมัตขึ้นครองราชสมบัติ  ส่วนพระองค์เข้าไปบำเพ็ญตบะในป่าเพื่อ  เพื่อทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระคงคาช้านานจนสิ้นอายุขัย  พระคงคาก็หาได้มาไม่ ราชาองค์ต่อ ๆ มากระทำพิธีบวงสรวงอ้อนวอนพระแม่คงคา  ก็ยังไม่สำเร็จ  

     จนในที่สุดพระราชาภคีรถทำได้สำเร็จ หากแต่พระแม่คงคากระโจนลงจากสวรรค์  มุ่งสู่แผ่นดินด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ  ซึ่งวิธีที่รุนแรงเช่นนั้น  แผ่นดินโลกย่อมแตกกระจายในชั่วพริบตาเดียว  พระศิวะจึงยื่นมวยผมออกไปรองรับสายคงคาอันแรงจัด  เมื่อพระคงคาสิ้นฤทธิ์  พระเป็นเจ้าก็ปล่อยให้พระคงคาไหลลงสู่เบื้องล่าง.

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑


รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ฟองเมฆ, กลอน123, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, เอกราช, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #27 เมื่อ: 22, สิงหาคม, 2561, 10:55:30 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- ภูเขาใหญ่ในหิมพานต์ -

สามพันโยชน์เป็นอาณาเขตป่าสวรรค์
ที่สูงนั้นห้าร้อยโยชน์ลิ่วเชียวหละ
ภูเขาใหญ่เจ็ดล้อมรอบขอบขัณฑะ
บรรพตะเจ็ดนามตามตำนาน

“จุลกาฬบรรพต”สีดำน้อย
อยู่ต่ำต้อยสูงโยชน์หนึ่งตำราขาน
สูงสองโยชน์ดำมาก “มหากาฬ”
สามโยชน์ธารไหล“อุทกปัสสะ”ตาม

พญากวางทองเนาเทือกเขานี้
น้ำดินดีปราศภัยให้เกรงขาม
สูงสี่โยชน์“จันทปัสส”จรัสงาม
เป็นสนามพญาฝูงนกยูงทอง

สูงห้าโยชน์“สุริยปัสสะ”
สุริยะสีสว่างกว่าใดผอง
สูงหกโยชน์“มณีปัสส”แสนน่ามอง
สีแดงส่องสาดปลั่งทั้งมณฑล

สูงเจ็ดโยชน์“สุวรรณปัสส”สาดส่อง
แสงสีทองระยิบลอยเป็นฝอยฝน
สระน้ำใหญ่ให้ช้างดื่มล้างตน
ชื่อที่คนรู้ชัด “สระฉัททันต์”

พญาช้าง“ฉัททันต์”นั้นแปลว่า
มี“หกงา”งามสมช้างสวรรค์
เขายอดนี้มีพฤกษานานาพรรณ
หนึ่งพฤกษ์นั้นพุ่มใหญ่คือไทรทอง....


            ป่าหิมพานต์มีอาณาบริเวณ ๓,๐๐๐ โยชน์  เป็นที่สูงเพราะตั้งอยู่บนยอดเขา ๘๔,๐๐๐ ลูก ที่สูง ๕๐๐ โยชน์  
      ล้อมรอบด้วยภูเขาใหญ่ ๗ ลูก คือ

      จุลกาฬบรรพต  ซึ่งมีสีดำพวยพุ่งเล็กน้อย,
      มหากาฬบรรพต  ซึ่งมีสีดำพวยพุ่งออกมามาก,
      อุทกปัสสบรรพต  มีน้ำพวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย  เป็นที่อยู่ของพญากวางทอง  และฝูงกวาง,
      จันทปัสสบรรพต  มีแสงสีดุจดั่งแสงจันทร์คืนวันเพ็ญ  เป็นที่อยู่ของพญายูงทองและผองนกยูง,
      สุริยปัสสบรรพต  มีแสงสีดุจดวงอาทิตย์ (ไม่พบข้อมูลภายใน),
      มณีปัสสบรรพต  มีแสงสีดุจแสงแก้วมณีพุ่งออกมา (ไม่พบข้อมูลภายใน),
      สุวรรณปัสสบรรพต  เป็นยอดสูงที่สุด  มีแสงสีทองพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา  บนเขานี้มีสระน้ำใหญ่ชื่อ  สระฉัททันต์ สำหรับให้โขลงช้างอาศัยดื่มอาบ มีพญาช้างชื่อ ฉัททันต์(แปลว่า หกงา) เป็นช้างใหญ่สูง ๘๘ ศอก ตัวยาว ๑๒๐ ศอก งวงมีสีเงินยาว ๕๘ ศอก มุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสระมีต้นไทรใหญ่รอบวง ๕ โยชน์ สูง ๗ โยชน์ กิ่งยื่นสี่ทิศยาว ๖ โยชน์ ปริมณฑล ๑๒ โยชน์ เป็นที่อาศัยของโขลงช้าง สัตว์ทุกชนิดที่อาศัยอยู่ในเขาลูกนี้ล้วนเป็นสีทองทั้งสิ้น.

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
ณพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๑
ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพต้นแบบในเน็ต


รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, เอกราช, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #28 เมื่อ: 23, สิงหาคม, 2561, 10:44:10 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- สระใหญ่ในหิมพานต์ -

พื้นฐานแท้หิมพานต์นั้นคือ“เขา"
เป็นลำเนาพรรณไม้ใหญ่น้อยผอง
อีกฝูงสัตว์ประหลาดลักษณ์มากก่ายกอง
“เขา”จึงต้องเป็นป่ามหัศจรรย์

มีสระใหญ่ในป่าเจ็ดสระอยู่
เรื่องน่ารู้สาระสระสวรรค์
“อโนดาต,กรรณมุณฑะ”สระใกล้กัน
“รถการะ,สระฉัททันต์”นั้นเรียงราย

“กุณาละ,มันทากินี”มีน้ำเปี่ยม
ล้วนยอดเยี่ยมสระงามมากความหมาย
นาม“สีหปปาตะ”สระสุดท้าย
ยากขยายความวิจิตรพิสดาร

“อโนดาต”สระใหญ่ไทยรู้ชื่อ
นามเลื่องลือเรื่องยาวที่เล่าขาน
ความเป็นอย่างไรในตำนาน
ย่นให้อ่านเพียงย่อพอได้ความ

ด้วยเป็นสระกายสิทธิ์แสนประหลาด
พื้นสระดาดด้วยหินไม่แบกหาม
“มโนศิลา”คิดครันพลันเกิดตาม
ส่วนดินงามเกิดเป็น “หอรดาล”...


            ป่าหิมพานต์ ความจริงเป็นภูเขา   เรียกว่าภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต   เมื่อมองลักษณะรูปร่างแล้ว  เรียกภูเขาหิมพานต์  แต่เมื่อมองเห็นมีต้นไม้มาก และสัตว์นานาอาศัยอยู่แล้ว ก็ควรเรียกป่าหิมพานต์  เขาหิมพานต์ยังประกอบด้วยยอดเขาย่อย ๆ อีกมากมาย
      ในเขาป่าหิมพานต์นี้ มีสระสำคัญๆ อยู่ ๗ สระ คือ ๑. สระอโนดาต   ๒. สระกรรณมุณฑะ   ๓. สระรถการะ   ๔. สระฉัททันต์   ๕. สระกุณาละ   ๖. สระมันทากินี   ๗. สระสีหปปาตะ

      สระอโนดาต เป็นสระที่เราได้ยินชื่อบ่อยที่สุด ธารน้ำทั้งหลายในป่าหิมพานต์ย่อมไหลลงมารวมที่สระอโนดาตนั้น
พื้นสระอโนดาต เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อมโนศิลา บริเวณที่เป็นดิน ก็เป็นดินกายสิทธิ์ชื่อหรดาล
น้ำในสระใสสะอาดบริสุทธิ์ ท่าอาบน้ำ มีมากมาย เป็นที่สรงสนานแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย  รวมถึงเหล่าผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่น ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค เทวดา เป็นต้น.

      เรื่องสระอโนดาตยังไม่จบ ยกไปให้อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ครับ

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
ณ พิพิธภัณธ์หุ่นขึ้ผึ้งไทย
๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑
ขอขอบคุณเว็บเจ้าของเรื่องและภาพทุกภาพในเน็ต


รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, เอกราช, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
บ้านกลอนน้อยฯ
เลขาคุณอภินันท์
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:39047
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 202
จำนวนกระทู้: 3127



| |
Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -
« ตอบ #29 เมื่อ: 24, สิงหาคม, 2561, 10:38:55 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: - เขาพระสุเมรุหรือสิเนรุ -

ขอบคุณเจ้าของรูปภาพนี้ใน Internet
Artist : อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

- ขุนเขารอบสระอโนดาต -

“สระอโนดาต”มีเขาขึ้นรายรอบ
เป็นคันขอบคุ้มสระอัครฐาน
ห้ายอดกูฏพูดตามความตำนาน
งามตระการตื่นตาติดตรึงใจ

“สุทัสนกูฏ”สุดเลิศล้ำ
เป็นทองคำเรืองรองผุดผ่องใส
ยอดโค้งงุ้มดุจปากกาเห็นแต่ไกล
ปกป้องให้อโนดาตปราศสูรย์จันทร์

“จิตรกูฏ”เขาแก้วพราวแพรวแสง
เรียงตำแหน่งสุทัสสนะนั่น
โอบล้อมสระอโนดาตวิลาสอรัญ
เช่นเดียวกันกับสุทัสสนะทำ

“กาฬกูฏ”จุดเด่นดำนิลหน่วง
เป็นแร่พลวงสัณฐานทั้งสูงต่ำ
เหมือนสุทัสสนะยอดเขานำ
ต่างที่ดำดั่งสีมณีนิล

“คันธมาทนกูฏ”เขาสุดหอม
ไม้หมดพร้อมดอกต้นใบผลสิ้น
หอมตรลบอบอวลรื่นรวยริน
ทั้งดมกลิ่นกินถูกเป็นหยูกยา....


            รอบสระอโนดาต มีขุนเขารายรอบอยู่ ๕ ยอดได้แก่ ยอดเขาสุทัสสนะ (สุทัสสนกูฏ), ยอดเขาจิตตะ (จิตรกูฎ ), ยอดเขากาฬะ (กาฬกูฎ), ยอดเขาคันธมาทน์ (คันธมาทนกูฏ), ยอดเขาไกรลาส (ไกรลาสกูฏ)

      ยอดเขาสุทัสสนะ  เป็นทองคำ มีรูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต และปลายยอดมีสัณฐานโค้งงุ้มดังปากกาโอบปิดด้านบนสระอโนดาตไว้ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์แสงจันทร์ตรง ๆ
      ยอดเขาจิตตะ  เป็นรัตนะ(แก้ว) รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ
      ยอดเขากาฬะ  เป็นแร่พลวงมีสีนีล รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ
      ยอดเขาคันธมาทน์  รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ด้านบนเป็นพื้นราบเรียบ อุดมไปด้วยไม้หอมนานาพันธุ์ ทั้งไม้รากหอม แก่นหอม กระพี้หอม เปลือกหอม สะเก็ดหอม รสหอม ใบหอม ดอกหอม ผลหอม ลำต้นหอม ทั้งยังอุดมไปด้วยไม้อันเป็นโอสถนานาประการ ในวันอุโบสถ(วันพระ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ วันอุโบสถข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม... ภายในเขาคันธมาทน์ มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่า “ถ้ำนันทมูล” เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน........

เต็ม อภินันท์
สถาบันกวีนิพนธ์ไทย
ณ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑
ขอขอบคุณเว็บฯเจ้าของเรื่องและภาพในเน็ต

<<< ก่อนหน้า                 ต่อไป  >>>                   .



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอนคุณ  "อภินันท์ นาคเกษม"
..
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.662 วินาที กับ 417 คำสั่ง
กำลังโหลด...