- นิพพานดับสิ้นเชื้อ -
พระอรหันต์ท่านมิมีกิเลสแล้ว จิตผ่องแผ้วอิ่มเอมเขษมศานต์ อยู่จบสิ้นพรหมจรรย์พลันนิพพาน ดับสิ้นการปรุงแต่งแรงบาปบุญ
ทุกองค์ที่มีชีพ“นิพพานกิเลส” ยังเหลือเศษสังขารอยู่ปานหุ่น เป็นไปตามธรรมชาติธาตุต้นทุน ดิน,น้ำหนุนลม.ไฟให้กายคง
เรียกนิพพานเพราะเหตุกิเลสดับ บุญบาปลับสลายเชื้อมิเหลือหลง สิ่งสมมุติยุติมิเวียนวง ด้วยปลดปลงอัตตาสิ้นอาลัย
ดับกิเลสพร้อมกับดับสังขาร ดับวิญญาณมิเหลือเป็นเชื้อไข เรียก“ปรินิพพาน”พลันมอดไป มิเกิดใหม่เพราะเชื้อไม่เหลือเลย.... |
พระอรหันต์ คือผู้ไปจากกิเลสเพียงดังว่าข้าศึกบรรลุถึงนิพพาน นิพพานแปลว่าความดับ ท่านจัดไว้เป็น ๒ ประเภท
๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ
๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ
ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ พระอรหันต์ที่ดับกิเลสสำเร็จผลแล้วยังมีชีวิตอยู่เหมือนคนทั่วไป ถ้าอยู่ในเพศฆราวาสจะสิ้นชีวิตภายใน ๗ วัน ถ้าอยู่ในเพศบรรพชิตจะดำรงชีพอยู่ตามอายุขัย
ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ สังขารดับสิ้นไปพร้อมกับวิญญาณ นิพพานอย่างนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปรินิพพาน คือความดับรอบแล้ว
พระอรหันต์เมื่อถึงซึ่งปรินิพพานแล้วไม่เกิดอีก เรียกได้ว่า “สิ้นภพสิ้นชาติ” การเกิดดับ หรือเกิดตายในภพภูมิต่างๆนั้น เพราะมี บุญและบาป เป็นเชื้อปรุงแต่งให้เกิดในที่ดีที่ชั่วสลับกันวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารไม่มีที่สิ้นสิ้นสุด บุญ,บาปเปรียบเหมือนกระแสไฟฟ้าขั้วบวกขั้วลบ เมื่อกระแสไฟฟ้าจากสองขั้วแล่นถึงกันอยู่ ไฟฟ้าก็ย่อมมีอยู่ เมื่อกระแสไฟถูกตัดวงจร ไฟฟ้าก็ดับ ฉันใด การเกิดตายว่ายเวียนเพราะกระแสบุญ,บาปปรุงแต่งให้เกิดมี เมื่อกระแสบุญ,บาปถูกนิพพานตัดกระแส การเกิดตายก็ไม่มีอีก ฉันนั้น
นิพพาน ความดับไม่มีเชื้อเหลือหลง ท่านเปรียบเหมือนตะเกียงน้ำมัน เมื่อน้ำมันหมดไส้ตะเกียงถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน ไฟดับ ไม่สามารถจุดไฟที่ตะเกียงนั้นได้อีก เพราะสิ้นน้ำมันสิ้นไส้ตะเกียงแล้ว เมื่อไฟดับแล้วถามว่าไฟหายไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เช่นเดียวกับนิพพาน พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เพราะดับสิ้นเหมือนไฟดับนั่นแล้ว
นิพพานไม่มีภพ ไม่มีภูมิ ไม่มีตัวตน(อัตตา) ที่เชื่อกันว่า นิพพานเป็นเมืองแก้วที่ใคร ๆ อยากไปถึงนั้น เป็นความเชื่อผิด เชื่อแบบอวิชชาครับ
เต็ม อภินันท์ ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัยธานี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ขอขอบคุณเจ้าของภาพในเน็ต |