Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> ห้องนั่งเล่นพักผ่อน >> ครอบครัวของผมโดยสังเขป
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ครอบครัวของผมโดยสังเขป  (อ่าน 5370 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
rattanatrai rattanajan
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:652
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 501
จำนวนกระทู้: 47



| |
ครอบครัวของผมโดยสังเขป
« เมื่อ: 27, พฤศจิกายน, 2561, 10:45:26 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: ครอบครัวของผมโดยสังเขป


เป็นเวลานานพอสมควรที่ผมไม่ได้เข้าเยี่ยมเยียน บ้านกลอนน้อย เพราะมีปัญหามากมายที่ประดังเข้ามา เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ผมยังมีอายุน้อยๆอยู่ ตอนผมอายุยังน้อยอยู่ผมพบเจอกับอะไรบ้าง ผมจะเล่าให้อ่านพอเป็นสังเขป โปรดติดตามอ่านได้นะครับ

ครอบครัวของผมโดยสังเขป

นายรุ่ง รัตน์จันทร์ (สุกลเดิมรัตนจันทร์) แต่งงานกับนางจ้อย มาจุรินทร์ (หลังจากจดทะเบียนกันนางจ้อยก็มาใช้นามสกุลรัตน์จันทร์ตามสามี) ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ยากจน นายรุ่งเองก็เดินอยู่บนเส้นทางของนักเลงอันธพาล อุกปล้น วัวควายชาวบ้านอยู่เนืองๆ นายรุ่งมักจะทุบตีนางจ้อยให้ได้รับความเจ็บปวดอยู่เป็นประจำ นางจ้อยจะเป็นผู้รองรับอารมณ์ของนายรุ่งอยู่เสมอๆ ท้ายที่สุดเมื่ออายุได้ ๕๗ ปีนายรุ่งก็โดนพวกนักเลงอันธพาลด้วยกันฆ่าตาย ครอบครัวนี้ มีลูกด้วยกัน ๖ คน ใช้สกุล “รัตน์จันทร์” ทั้งหมด

คนที่ ๑ ชื่อสุวรรณ เสียชีวิตตอนอายุได้ ๗ ขวบ

คนที่ ๒ ชื่อร่วม ตัวข้าพเจ้าเอง ตอนหลังมาเปลี่ยนชื่อเป็น รัตนตรัย ซึ่งเป็นคนที่ครอบครัวนี้เกลียดชังมากที่สุดและเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวนี้มากที่สุด เช่นกัน อายุได้ ๖ ขวบ เริ่มจำความได้มากมาย จะถูกนายรุ่งบังคับให้ทำงานบ้านหลายๆอย่าง ถ้าทำแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโดนเฆี่ยนด้วยไม้กระดูกไก่ (ซึ่งเป็นไม้ที่มีความเหนียวมาก คนสมัยก่อนเขาจะเอาทำคันแร้วดักสัตว์) จนแตกละเอียด แล้วนำโซ่ตรวนที่เป็นเหล็กน้ำหนักไม่น้อยกว่า ๓ กิโล มาผูกล่ามไว้กับคอและล๊อกด้วยกุญแจทองเหลือ แล้วนำไปผูกล่ามไว้กับเสาบ้านซึ่งเป็นใต้ถุน (เป็นบ้านสูงมีใต้ถุน) และจะไม่ให้กินเข้ากินน้ำ และนอนบนพื้นดินโดยไม่มีผ้าห่มคลุมกายสักผืน มีแต่จนกว่าจะพอใจ จึงปลดโซ่ตรวนออกให้ โดยเฉลี่ยแล้วผมได้ถูกกระทำเช่นนี้ เดือนละไม่น้อยกว่า ๒๐ ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี จนอายุผมได้ ๑๖ ปี คืนนั้นนายรุ่งได้ปลดโซ่ตรวนออกให้ ผมขึ้นไปนอนอยู่บนบ้านในที่ๆผมเคยนอน ทุกคนหลับนอนกันอย่างมีความสุข แต่ผมกลับนอนไม่หลับ คิดอะไรๆเสียมากมาย ในที่สุดก็พบกับทางออก คือ ผมต้องไปหาพระที่วัดใดวัดหนึ่ง แต่ด้วยความที่เราไม่เคยออกจากบ้านเราจะไปวัดไหนดีและวัดนั้นอยู่ที่ไหน แต่อย่างไรคืนนี้ก็ต้องไปจากที่นี่ให้ได้ เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ นาฬิกาเศษๆ ผมลงจากบ้านโดยมีกางเกงและเสื้อเก่าๆที่ปะแล้วปะอีกทั้งใส่ทำงานใส่นุ่งนอน เพราะมีอยู่ชุดเดียว ผมเดินทางฝ่าความมืดไปยังสถานีรถไฟพรุใหญ่และไปลงรถไฟที่สถานีนาป้อ เวลาเช้าพอดี ผมจึงเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้นว่า “แถวนี้มีวัดที่ไหนบ้าง” ชาวบ้านแถวนั้นเขาก็บอกให้ ผมเดินทางไปถึงวัด ชื่อว่า “วัดสาลิการาม” ผมไปถึงพระกำลังฉันข้าวเช้าอยู่ ผมเดินไปนั่งอยู่ที่บันไดศาลาที่พระฉันข้าว มีพระมีพระและสามเณรหลายองค์ชำเลืองดูผม พระสามเณรฉันข้าวเสร็จก็เดินกลับกุฏิไป มีพระแก่ๆองค์หนึ่งเดินมาทีผมนั่งและถามว่า “มาจากไหน” ผมก็บอกตามตรงท่านบอกว่าไปกินข้าสิ กินเสร็จล้างบาตรเอาไปไว้ที่กุฏิด้วย กินข้าวเสร็จก็ไปหาท่านๆถามผมก็เล่าให้ฟัง จนในที่สุดท่านก็ให้ผมเรียนบวช ๑ เดือนต่อมาผมก็ได้อุปสมบทเป็นสามเณร ความทุกข์ของผมก็หมดไป

คนที่ ๓ ชื่อจรูญ ซึ่งเป็นคนพิเศษของครอบครัวนี้ดูแลเอาอกเอาใจทุกอย่างยิ่งกว่าไข่ในหิน เลี้ยง วัว ควาย หมู ไก่ เป็นของจรูญทั้งหมด ถึงเวลากินข้าวทีไรนายรุ่งจะพูดว่า “ถ้าไม่มีควายของจรูญ ทุกคนจะไม่มีข้าวกิน” วันไหนขายหมู ขายไก่ได้ ก็จะบอกเป็นเงินจรูญ “ที่ได้ซื้อกินอยู่ทุกวันนี้ถ้าไม่มี หมู ไก่ ของจรูญ ก็อดตายกันหมดแล้ว” นั้นเป็นคำพูดของนายรุ่ง

คนที่ ๔ ชื่อ ชรา ตอนหลังเป็นชื่อเป็น “ธัญวลัย” เป็นลูกผู้หญิงและไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวนี้เท่าใดนัก

คนที่ ๕ ชื่อ จรึก เป็นที่โปรดปรานของครอบครัวนี้มาก จรึกคนเจ้าเล่ห์ เพทุบาย ฉ้อโกง ทุกอย่างถ้ามีโอกาส เลือกทหารจับได้ใบแดง แต่ไม่ได้รับราชการทหหาร

คนที่ ๖ ชื่อ วันดี ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “วิศวดี” เป็นลูกคนเล็กที่รักใคร่ของของครอบครัวนี้มาก เป็นคนเจ้าเล่ห์ เพทุบาย เหมือนกับจรึก นายรุ่งเองก็เป็นคนเจ้าเล่ห์ เพทุบายเหมือนกับลูกๆ ๒ คนนี้ นางจ้อยกับนายรุ่งออกไปทำไร่ทำนาผมช่วยไถนา คลาดนา อยู่บ้านก็ต้อง ตำข้าว (ตำด้วยครก) หุงข้าว ทำแกง เลี้ยวน้อง ๒ คนด้วย จรึกกับวันดีแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย ถ้าน้อง ๒ คนนี้ไปวิ่งซนจนหกล้มตะลอกปอกเปิด คนที่รับกรรมคือผม จะต้องถูกเฆี่ยนและล่ามคอด้วยโซ่ตรวนเหมือนเช่นเดิมและให้อดข้าวอดน้ำด้วย ถ้าผมไม่ต้องการเจ็บตัวก็ต้องดูแลน้อง ๒ คนนี้อย่างไม่คลาดสายตาทั้งที่ต้องทำไร่ทำนาและทำงานบ้านไปด้วย ต่อมาเมื่อวันดีอายุได้ ๑ ขวบกว่าๆ นางจ้อยถูกนายรุ่งทำร้ายร่างกายจนต้องหนีออกจากบ้านพร้อมกับวันดีและนางจ้อยได้ชวนผมไปด้วย โดยไปอาศัยอยู่กับญาติที่ชื่อนางคิ่น ที่ตำบลบางหมาก นางจ้อยและผมตั้งไปรับจ้างกรีดยางพารา เพื่อหาเงินมาเลี้ยงวันดี ผมต้องทำงานทั้งกลางวันกลางคืนๆกรีดยางกลางวันเก็บผักที่ขึ้นตามธรรมชาติไปขาย เพื่อวันดีคนเดียวเพราะเขายังเล็ก ต้องกินนมด้วยและก็ต้องดูแลวันดี ด้วยการ อาบน้ำ ป้อนข้าว ทุกอย่างยิ่งไปกว่าแม่ของวันดีเสียอีก ในเวลาต่อมานายรุ่งก็ไปหานางจ้อยและขอร้องให้กลับมาอยู่ด้วยกันและรับปากว่าจะไม่มีพฤติกรรมเดิมอีกแล้ว นางจ้อย วันดี ผม ก็เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงผมก็โดนจนได้ โดยนายรุ่งกล่าวหาว่าผมเป็นคนออกอุบายให้นางจ้อยหนีออกจากบ้าน ผมต้องถูกเฆี่ยนและโดนล่ามคอโดยโซ่ตรวนอีกครั้ง จนผมต้องออกจากบ้านไปบวชเป็นสามเณร และตอนนี้ได้เกิดปัญหาเรื่องมรดก จรึกกับวันดี (วิศวดี) ตามล่าตัวผมอยู่ โดยให้คนดักทำร้าย จนผมต้องหนีไปอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี และแจ้งความตำรวจว่าผมค้ายาเสพติด จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาค้นบ้านผมหลายนาย และตอนนี้หาวิธีการเพื่อจะฆ่าผมให้ตาย วันดีหรือวิศวดีได้แต่งงานกับนายสาคร เขียวสิน บุคคลนี้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งเรื่องมรดกทั้งหมด ผมเลี้ยงน้องมา ๓ คนจนตัวเป็นเกลียว แต่ท้ายที่สุดผมโดนน้อง ๒ คน เนรคุณผมจนได้ นี้คือครอบครัวของผม ตอนนี้ผมกำลังจะเขียนเกี่ยวกับประวัติของตัวเองอยู่ ท่านที่สนใจจะอ่านประวัติตั้งแต่ผมเกิดมาจนถึงปัจจุบันว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับผมบ้าง รอติดตามอ่านได้ครับ

ผมทำบุญทุกครั้งขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลและตรวจน้ำคว่ำขันขอให้หมดเวรหมดกรรมอย่าได้มีเวรมีกรรมกันไปในทุกๆชาติและขอให้ดวงวิญญานของพวกเขาจงไปสู่สัมปรายภพ สิ่งที่ผมเคย อุ้ม ป้อนน้ำ ป้อนข้าว ดูแลทุกๆอย่าง ผมไม่ขอเป็นบุญคุณใดๆทั้งสิ้น

หมายเหตู:ถ้าหากผมถูกกระทำต่อร่างกาย ไม่ว่าจะถึงแก่กรรมหรือทุพลภาพ ก็ไม่ต้องสงสัยบุคคลอื่นๆให้เสียเวลา คนที่ปองร้ายผมอยู่มีแค่เพียง ๔ คนเท่านั้น



รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, Black Sword, รพีกาญจน์, เนื้อนาง นิชานาถ, นักเลงกลอน, กร กรวิชญ์, Sasi Aksarasrom, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "rattanatrai rattanajan"
..

ลิตเติลเกิร์ล
.ผู้มีจินตนาการ.
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:49221
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 58
จำนวนกระทู้: 3829



| |
Re: ครอบครัวของผมโดยสังเขป
« ตอบ #1 เมื่อ: 28, พฤศจิกายน, 2561, 12:05:59 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ครอบครัวของผมโดยสังเขป

เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอพรคุณพระคุ้มครองค่ะ

 


รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, Black Sword, ฟองเมฆ, rattanatrai rattanajan, กร กรวิชญ์, Sasi Aksarasrom, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "ลิตเติลเกิร์ล"
..
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:65535
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10568


เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ


| |
Re: ครอบครัวของผมโดยสังเขป
« ตอบ #2 เมื่อ: 28, พฤศจิกายน, 2561, 03:01:41 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ครอบครัวของผมโดยสังเขป

ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีครับผม




รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, rattanatrai rattanajan, กร กรวิชญ์, Sasi Aksarasrom, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู

บันทึกการเข้า

รวมบทกลอน "ที่นี่เมืองไทย..."
รวมบทกลอน "ร้อยบุปผา"
รวมบทประพันธ์ทั่วไป "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์กลบท "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์ฉันท์ "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอนสุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.132 วินาที กับ 83 คำสั่ง
กำลังโหลด...