Username:
Password:
บ้านกลอนน้อยฯ
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล
>>
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
>>
นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป
>>
ตำนานสามปลา : โดยคุณวินทร์ เลียววาริณ
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ตำนานสามปลา : โดยคุณวินทร์ เลียววาริณ (อ่าน 4933 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
จำนวนผู้เยี่ยมชม:
65535
ออฟไลน์
ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10403
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
|
ตำนานสามปลา : โดยคุณวินทร์ เลียววาริณ
«
เมื่อ:
07, เมษายน, 2563, 03:51:58 PM »
บ้านกลอนน้อยฯ
Permalink:
ตำนานสามปลา : โดยคุณวินทร์ เลียววาริณ
- ำ ตอน ตำนานสามปลา -
-----------------------------------------------
-1-
ปลาตะเพียนสาน
เป็นงานฝีมือที่ใช้ใบลานตากแดดทำเป็นเส้นยาว ๆ
สานเป็นรูปปลาตะเพียน แล้วลงสีให้สวยงาม
ช่างทำปลาตะเพียนสานสองแบบ แบบเรียบ ๆ ไม่มีลวดลาย สำหรับชาวบ้าน
และแบบวาดลวดลายบนตัวปลาสำหรับคนมีฐานะ
ต่างจากงานจักสานทั่วไป
ปลาตะเพียนสาน
มีความหมายเชิงสัญลักษณ์
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์
ในคลองและแม่น้ำอุดมด้วยปลาตะเพียนซึ่งโตเต็มที่ช่วงเดียวกับข้าวตกรวง
ปลาตะเพียนสานจึงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ฐานะร่ำรวย
เงินทองไหลมาเทมา มั่งมีศรีสุข ทำมาค้าขึ้น
บางคนก็ใช้ปลาเป็นเครื่องราง เพื่อให้การค้าขายสำเร็จ
โดยตัดแผ่นโลหะทองและเงินเป็นรูปปลาตะเพียน
ตัวหนึ่งเป็นปลาตะเพียนทอง ตัวหนึ่งเป็นปลาตะเพียนเงิน
ลงอักขระเมตตามหานิยม ติดตามร้านค้า หาบเร่ คล้ายนางกวักหรือแมวกวัก
ปลาตะเพียนสาน
ยังเป็นสัญลักษณ์ของความขยันหมั่นเพียร อุตสาหะ
อาจเพราะปลาตะเพียนดูแลลูกปลาทั้งฝูง
นอกจากนี้ก็มีความเชื่อว่า ฝูงปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี
มีความเชื่อว่า การแขวนปลาตะเพียนสานเหนือเปลเด็กเป็นสิริมงคลอย่างหนึ่ง
ช่วยให้เด็กสุขภาพแข็งแรง ปลาตะเพียนสานเป็นเครื่องเล่นชิ้นแรกของเด็ก
พ่อแม่นิยมแขวนปลาตะเพียนสานเหนือเปลให้เด็กดูเล่น จะได้ไม่ร้องงอแงรบกวน
โดยแขวนปลาตะเพียนในระดับที่สายตาเด็กสามารถมองเห็นชัดเจน
ญี่ปุ่น
ก็มีงานฝีมือรูปปลาและเกี่ยวข้องกับเด็กเช่นกัน
ออกแบบเป็น
ธงปลาคาร์พ
หลากสีสัน แขวนไว้ที่สูง
เมื่อลมพัด ปลาจะ ‘ว่าย’ กลางท้องฟ้า ดูสวยงาม
เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวันเด็ก วันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี
เพื่อให้บุตรเติบโตแข็งแรง
ปลาตะเพียนสาน
มีที่มาอย่างไร?
มันเกี่ยวกับ
ธงปลาคาร์พ
ของญี่ปุ่นหรือไม่?
ผมรู้เรื่องนี้มาจากอาจารย์ศุภกิจ นิมมานนรเทพ
อาจารย์ศุภกิจเป็นอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
และอดีตรองอธิบดีกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
เป็นบรรณาธิการคนหนึ่งที่ช่วยตรวจต้นฉบับของผม
มีความรู้รอบตัวสูงมาก ผมรู้เกร็ดแปลก ๆ มากมายจากแก
อาจารย์ว่า “ต้นกำเนิดของปลาตะเพียนสานไม่ใช่อยู่ดี ๆ ชาวบ้านทำรูปปลาตะเพียน”
“แล้วมีอะไรครับ?”
“เชื่อว่า
ปลาตะเพียนสาน
น่าจะมีกำเนิดในรัชสมัย
พระเจ้าท้ายสระ
แห่งอยุธยา
พระเจ้าท้ายสระหรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 แห่ง
ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ครองราชย์ พ.ศ. 2252-2275 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอยุธยา
ทรงเป็นพระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา”
“องค์สุดท้ายคือพระเจ้าเอกทัศใช่ไหมครับ?”
“ใช่ ราชวงศ์นี้สิ้นสุดเมื่อปี พ.ศ. 2310 คราวเสียกรุงครั้งที่สอง
พระเจ้าท้ายสระ
ทรงเป็นโอรสของ
พระเจ้าเสือ
และเป็นพระเชษฐาของพระเจ้าบรมโกศ ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าเสือ
ครองราชย์ยาวนานถึง 23 ปี”
“ขออภัย ทำไมเรียกว่าพระเจ้าท้ายสระครับ?”
“พระนามพระเจ้าท้ายสระ
มาจากการที่พระองค์ทรงประทับอยู่พระที่นั่งบรรยงก์รัตพาสน์ข้างสระน้ำท้ายวัง”
อาจารย์เล่าว่า “รัชสมัยของพระเจ้าท้ายสระมีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ
เช่น จีน ฮอลันดา อังกฤษ มีการขุดคลองสำคัญเพื่อเป็นเส้นทางคมนาคม
คือคลองมหาไชย และคลองเกร็ดน้อย”
“แล้วปลาตะเพียนสาน?”
“
พระเจ้าท้ายสระ
ทรงโปรดเสวย
ปลาตะเพียน
มาก
จนถึงขั้นออกกฎมณเฑียรบาลห้ามราษฎรจับหรือกินปลาตะเพียน
ผู้ฝ่าผืนจะถูกปรับโทษสินไหม เป็นเงิน 5 ตำลึง
พระองค์ทรงโปรดการตกปลามาก
ทำให้พระองค์ทรงมีอีกพระนามว่า
ขุนหลวงทรงปลา
”
“ไม่น่าเชื่อ”
“
ปลาตะเพียน
กลายเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับชาวบ้าน
เมื่อกินปลาตะเพียนไม่ได้ ก็ทำปลาตะเพียนสานขึ้นมาดูเล่น
คล้ายเตือนใจชาวบ้านว่า
‘กินไม่ได้ ได้แต่ดู’
...”
ไม่นึกว่าความอร่อยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาติได้!
-2-
ก็มาถึงประวัติ
ธงปลาคาร์พ
ของญี่ปุ่น
เชื่อไหมว่า
ธงปลาคาร์พ
ของญี่ปุ่นวิวัฒนาการมาจาก
ปลาตะเพียนสาน
ของไทย
ทั้งสองเกี่ยวข้องกับเด็กเหมือนกันทุกประการ
สยาม
กับ
ญี่ปุ่น
มีความสัมพันธ์ทางการทูตมานานตั้งแต่สมัยอยุธยา
และชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่มีบทบาทสานความสัมพันธ์ก็คือ
ยามาดะ นากามาสะ
ชื่อเต็มของเขาคือ
ยามาดะ นินซาเอมอนโมโจ นากามาสะ
เกิดที่เมืองนูมาสุ ทางเหนือของคาบสมุทรอิสุ แคว้นชิซูโอกะ
ตำนานเล่าว่าสมัยหนุ่ม ยามาดะมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนต้องหลบหนีการจับกุม
เขาลอบอาศัยเรือสินค้าญี่ปุ่นเดินทางหนีไปถึงเกาะไต้หวัน
แล้วเข้าร่วมกับพวกโจรสลัดวาโกะ
ต่อมาก็เดินทางถึง
เมืองสยาม
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า
ยามาดะ
เคยทำงานค้าขายอยู่ระยะหนึ่ง
ต่อมาเป็นคนหามเกี้ยวของ โอคุโบะ จิเอมอง ทาดาซะ ไดเมียวแห่งแคว้นซุนชู
แล้วเดินทางมา
เมืองสยาม
ยามาดะ
เข้ารับราชการในราชสำนักสยาม ก้าวหน้าขึ้นไปตามลำดับ
จนในที่สุดได้รับตำแหน่ง
ออกญาเสนาภิมุข
ครองเมืองนครศรีธรรมราช
เขาได้รับราชโองการให้ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับญี่ปุ่น
เขาผูกสัมพันธ์กับข้าราชการชั้นสูงในญี่ปุ่น
โดยนำ
ปลาตะเพียนสาน
ของสยาม
ไปมอบเป็นของกำนัลแก่บุตรหลานของข้าราชการที่นั่น
เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ
เนื่องจากญี่ปุ่นไม่มีปลาตะเพียน จึงดัดแปลงใช้
ปลาคาร์พ
แทน
พัฒนาต่อมาจนกลายเป็น
ธงปลาคาร์พ
แต่ความหมายยังดำรงอยู่ คือเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เด็ก
-3-
ตำนานปลาตะเพียนสานทำให้ผมนึกถึงตำนานปลาอีกชนิดหนึ่ง
ที่กลายเป็นปลาต้องห้ามเช่นกัน ไม่ใช่เพราะความอร่อยของเนื้อปลา
แต่ที่ไข่ของมัน
นั่นคือ
ไข่คาเวียร์
คาเวียร์เป็นชื่อที่นักเขียน ’รงค์ วงษ์สวรรค์'
บอกว่าเป็นอีกคำหนึ่งที่คนไทยชอบเรียกผิด ๆ
เราชอบเรียกว่า
“ไข่ปลาคาเวียร์”
ที่ผิดเพราะ
คาเวียร์
ไม่ใช่ชื่อปลา
ปลาที่ออก
ไข่คาเวียร์
คือ
ปลาสเตอร์เจียน
ที่ถูกคือ
ไข่คาเวียร์
ใครไปเข้าภัตตาคารหรูแล้วสั่ง
“ไข่ปลาคาเวียร์”
เท่ากับปล่อยไก่ตัวใหญ่
ไข่คาเวียร์
ตามความหมายของคนทั่วไป
หมายถึงไข่ปลาสเตอร์เจียนในทะเลแคสเปียนและทะเลดำ
แต่มันก็อาจเป็นไข่ปลาชนิดอื่นด้วย
เช่น แซลมอน เทราต์ และตระกูลอื่น ๆ ของสายพันธุ์สเตอร์เจียน
เชื่อว่าพวก
เปอร์เซียน
อาจเป็นพวกแรกที่ชมชอบไข่คาเวียร์
คำว่า
คาเวียร์
ก็น่าจะมีรากศัพท์มาทางเปอร์เซีย
แต่มันกลายเป็นอาหารของชนชั้นสูง เมื่อ
ซาร์
แห่งรัสเซียยกมันเป็นอาหารวัง
เมื่อคาเวียร์ไปถึงยุโรป ก็กลายเป็นอาหารชนชั้นสูง
ที่แผ่นดินอังกฤษ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 2 ทรงโปรดคาเวียร์มาก
จนทรงออกกฎห้ามชาวบ้านจับปลาสเตอร์เจียน
ปลาชนิดนี้เป็นของหลวง
ใครจับไปกินหรือทำคาเวียร์ มีบทลงโทษ
ไม่นึกว่าความอร่อยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาติได้!
แต่จะว่าไปแล้ว ประวัติศาสตร์ของชาติไหน ๆ
ก็มักเกี่ยวข้องกับความอร่อยเสมอ
เมื่อผู้ครองอำนาจกิน
‘ปลาตะเพียน’ แห่งอำนาจ
แล้วติดใจ สั่งห้ามคนอื่นกิน
เพราะเมื่อเสพอำนาจแล้ว มักไม่ยอมแบ่งให้คนอื่น
อำ หรือ ไม่อำ
ตอน 1 เป็นเรื่องจริง
ตอน 2 เป็นเรื่องอำ
ตอน 3 เป็นเรื่องจริง
ขอบคุณบทความจาก
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
16 กุมภาพันธ์ 2562
รายนามผู้เยี่ยมชม :
ปิ่นมุก
,
ลิตเติลเกิร์ล
,
กรกช
,
Sasi Aksarasrom
,
น้ำหนาว
,
ฟองเมฆ
,
กร กรวิชญ์
,
ปลายฝน คนงาม
,
ก้าง ปลาทู
,
ลมหนาว ในสายหมอก
,
เฒ่าธุลี
บันทึกการเข้า
..
รวมบทกลอน "
ที่นี่เมืองไทย...
"
รวมบทกลอน "
ร้อยบุปผา
"
รวม
บทประพันธ์ทั่วไป
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
กลบท
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์
ฉันท์
"Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอน
สุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย
บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา
-----------------------------
=> อ่านข้อกำหนด กฎระเบียบต่าง ๆ - สมาชิกใหม่ ทักทาย แนะนำตัวที่นี่
=> ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม
=> ห้องกลอน คุณคนบอ มือสี่
=> สารบัญกลอน สมาชิกนักกลอน
-----------------------------
ห้องเรียน
-----------------------------
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน
=> ห้องเรียนฉันท์
=> ห้องเรียน กลบท
=> ห้องเรียน โคลงกลบท
=> ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท
=> ห้องศึกษา กาพย์ โคลง ร่าย
=> ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย
=> ห้องฟัง การขับ เสภา และอื่น ๆ
-----------------------------
คำประพันธ์ แยกตามประเภท
-----------------------------
=> กลอน ร้อยกรองหลากลีลา
=> คำประพันธ์เนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
=> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม
=> กลอนเปล่าสบาย ๆ
=> กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ
=> โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต
=> กลบท
=> นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป
=> ห้องนั่งเล่นพักผ่อน
===> เส้นคั่นสวย ๆ
===> รูปภาพน่ารัก
กำลังโหลด...