ลานสัประยุทธ์
เมื่อลานโล่งโรงรถเริ่มอุตลุด
เปลี่ยนเป็นลานสัประยุทธ์ แต่ย่ำรุ่ง
มีสาลิกาหัวกร่อนเคยร่อนกรุง
เป็นหัวหน้านังนุง นำคดี
เรื่องเริ่มกรุ่นขุ่นกันแต่วันก่อน
เสียงแซ่ซัดสะบัดซ้อน จากปาล์มสี
ถิ่นเคยเฝ้าเขาไฟบนไหล่ปลี
มีเจ้าสร้อยคีรี เร่งระบำ
เหตุต่างหมายมุ่งจานอาหารหมา
ซึ่งเหลือคาเม็ดครือแต่มื้อค่ำ
รสตับบดเนื้อบุบน้ำซุปดำ
คุ้มกว่าก่ำแกลบเกลือกกระเดือกกลืน
สร้อยคีรีมีพวกตามอีกสามหน่อ
ที่ปีกคล้ำดำข้อชื่อซอฝืน
เพราะเสียงแหบแสบฝาดเหมือนกวาดฟืน
แต่ชอบโก่งโย่งยืน อยู่ยับยับ
อีกสองนางเจ้าเนื้อใส่เสื้อกั๊ก
ชื่อปองสม ส้มหมัก มาดขยับ
ซึ่งเร็วรี่ผีไล่กว่าใครนับ
พรวดเดียววับวาบทึ้งไปครึ่งชาม
ส่วนหัวกร่อนเห็นกรายแถวปลายทุ่ง
เป็นนักเลงเก่งฟุ้งฟากโค้งขาม
เคยฟัดกับกะยางหว่างแคคราม
กับคู่ตามรุ่นน้องอีกสองตัว
ยังกางเขนปีกขาวอีกสองเขือ
แต่ไม่เชื่อเรื่องชิงเศษทิ้งถั่ว
รักสงบหลบแนวอยู่แถวครัว
จู๋จิ้วจิ้วหวิวระรัวแต่สางลา
เช้าวันนั้นวันใสเริ่มไอหนาว
เสียงโคล้ง ! เคล้ง ! เฉ่งฉาว เช่นฟ้าผ่า
ตามด้วยผั่วะพึ่บพั่บเผียะพับพา
ชามข้าวหมาคะมำคว่ำกระจาย
เจ้าหัวกร่อนหรือเกรงนักเลงก้อย
นกเขาไฟเศษฝอย เดี๋ยว..สร้อยหาย
กางปีกหราอ้าปากหวังฝากลาย
นกกะยางรุ่นยาย ยังยับเยิน
แต่ลืมว่าปีกใหญ่ใช้อากาศ
อันมิอาจโอบดินให้บินเหิน
มันปวกเปียกป้อแป้เป็นแย้เดิน
ดูเก้งก้างกางเกิน กะก็องกอย
ผิดเจ้าสร้อยคีรีที่ตัวเล็ก
แต่ใจเหล็กผิดเหล่าทั้งเข้า-ถอย
โฉบบินจิกพลิกพลัดสะบัดลอย
เจ้าซอฝืนก็ทอย สำทับเติม
ฝ่ายลูกน้องสองตัวเจ้าหัวกร่อน
บินไปซ่อนซอกมะขามแต่ยามเริ่ม
สมจริงจริง สมคงได้ใช้ประเดิม
ถ้าอิ่มหนำน้องเจิม เจ็บ..ไม่เอา
แม่ปองสมส้มหมักนักหาเหตุ
ยังสังเกตการณ์อยู่ประตูเสา
ร้องอืดอืดอู้อู้เหมือนดูเบา
ว่าเอี้ยงเง่าโง่แท้แพ้แบเบอร์
รูปมวยคงลงความเป็นตามคาด
เจ้าหัวกร่อนผู้ฉกาจ ก็ทีเผลอ
ต้องบินหนีนกน้อยไม่ค่อยเจอ
ดูร่าเร่อกระเชอรั่วรีบตัวเอียง
สร้อยคีรีซอฝืนหรือยืนย่าม
พาพวกตามตบตัดตวัดเฉวียง
จนหายลับเลยกลุ่มต้นพุมเรียง
เหลือแว่วเสียงกระเส่าปลายสอดสายลม
แล้วลานลองของข้อก็สงบ
มีแต่เสียงเหมือนสบอารมณ์สม
จิ๋วจิ๋วจู้กู่เช่นกางเขนชม
กับเม็ดกลมถ่มคายได้หลายเม็ด ฯ
พรายม่าน
ปล. กลอนนี้แต่งไว้ตั้งแต่หน้าหนาวปี๕๔ เนื่องจากระยะนี้หาเวลาเขียนกลอนไม่ค่อยได้ เลยขออนุญาตเอาของเก่ามาหากินไปพลางก่อนนะครับ เพราะพอเอากลอนเก่ามาอ่านก็พบว่ามีสิ่งที่ต้องแก้อยู่ทุกครั้งไป สำนวนนี้ก็เช่นกัน