
พระธรรมคุณ ๖: ๒.สันทิฏฐิโก
กลอนกลบท กลมกลืนกลอน
๑.ธรรมที่พระฯ ตรัสบอก ได้บอกตรัส
"สันทิฏฯ"ชัด เห็นเอง ตนเองเห็น
"อนัตตา"เป็นไม่ ตนไม่เป็น
รู้จริงเฟ้น ทนเที่ยง ไม่เที่ยงทน
๒.เห็น"อนัตฯ" ไม่เที่ยง หาเที่ยงไม่
ตรึกตรึงใจ ผลธรรมเห็นธรรมผล
ถึงธรรมแล้ว ยลว่า นับว่ายล
พระพุทธฯดล ชัยนำ ธรรมนำชัย
๓."อริย์สัจ"ดับทุกข์ ทางทุกข์ดับ
"สมุฯ"รับ ไหวทุกข์ เหตุทุกข์ไหว
มรรคแปดล้วน ไกลห่าง ทางห่างไกล
ดับทุกข์ได้ รานเกิด หนีเกิดราน
๔.เหตุแห่งทุกข์ อยากได้ ที่ได้อยาก
ตนอยากมาก ขานแข่ง เลิศแข่งขาน
รู้สึกชอบ งานหวัง คาดหวังงาน
จิตตนพล่าน เซาซม ต้องซมเซา
๕.ตนเองนี้ เหตุทุกข์ ก่อทุกข์เหตุ
ยึดจงเจตน์ เขลาโฉด เพราะโฉดเขลา
ตนทุกข์เพราะ เบาคิด ใจคิดเบา
เพราะกายเรา ตัวตน ห่อนตนตัว
๖."อุปาทาน" ชอบยึด สิ่งยึดชอบ
ตนยังกอปร หลัวล้น ผิดล้นหลัว
"มิจฉาฯ"ผิด มัวลาม จะลามมัว
โง่เขลาชั่ว งายงม เฝ้างมงาย
๗.มี"วิชชา" แจ้งรู้ จึงรู้แจ้ง
ทุกสิ่งแกร่ง ผายผัน แปรผันผาย
ไม่ยึดเที่ยง วายเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนวาย
ตนไป่กาย วางหมด ทุกข์หมดวาง
๘."อนัตฯ"หา เที่ยงไม่ จริงไม่เที่ยง
กิเลสเลี่ยง ถางหมด ให้หมดถาง
"อริยะฯ"ทางพ้น มุ่งพ้นทาง
"มรรคแปด"ขวาง ดลหยุด เกิดหยุดดล ฯ|ะ
แสงประภัสสร
สันทิฏฐิโก=พระธรรมนี้ผู้ปฏิบัติตาม จะเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเชื่อคำผู้อื่น ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติ แม้จะมีใครมาบอกและอธิบายให้ฟัง ก็ไม่อาจเห็นได้
พระฯ,พระพุทธฯ=พระพุทธเจ้า
อนัตฯ=อนัตตา คือ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน
อริย์สัจ=อริยสัจ ๔ ประการ ได้แก่ทุกข์, สมุทัย(เหตุแห่งทุกข์),นิโรธ(ความดับทุกข์) และมรรคแปด (ทางไปสู่การดับทุกข์ ลุนิพพาน)
สมุฯ=สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์
อุปาทาน=ความยึดมั่น ถือมั่น,นึกเอาเองว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ เพราะอำนาจกิเลส(โลภะ โทสะ โมหะ),ความยึดติดเนื่องจากตัณหา(ความทะยานอยาก) ผูกพันเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
มิจฉาฯ=มิจฉาทิฏฐิ,ความเห็นผิด,ความเห็นที่ผิดจากทำนองคลองธรรม
วิชชา=ความรู้แจ้งในพุทธศาสนา มีวิชชา 3 และวิชชา 8
อวิชชา=ความไม่รู้จริงในอริยสัจ 4 คือไม่รู้ทุกข์, ไม่รู้เหตุแห่งทุกข์, ไม่รู้ความดับทุกข์,ไม่รู้ทางที่จะดับทุกข์
มรรคแปด=มรรคมีองค์ 8 คือหนทางสู่การพ้นทุกข์ และการหลุดพ้น ได้แก่ สัมมาทิฐิ, สัมมาสังกัปปะ,สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ,สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ, สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ