Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น  (อ่าน 6244 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
« เมื่อ: 04, ตุลาคม, 2567, 10:36:47 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น



ประมวลธรรม : ๕.พรหมชาลสูตร(สูตรว่าด้วยข่ายอันประเสริฐ)

ร่ายดั้น

   ๑.พุทธ์เจ้าพร้อมสงฆ์   เดินตรงระหว่างทาง   พลางราชคฤห์,นาลันทา   นักบวชกล้า"สุปปิยะ"   พรหม์ทัตต์จะตามหลัง    "สุปปิฯ"จังติ"รัตน์ฯ"   แต่พราหมณ์ทัตฯกล่าวชม   กลางคืนสมเหล่าสงฆ์   คงสนท์นา,ติ,ชมแย้ง   พุทธ์องค์แจ้งอย่าโกรธ   ที่ใครโลดติเตียน   เจียนรัตนตรัย   เพราะใจโกรธเกิดโทษ   กับตนโลดซิเอย   ที่ถูกเผยต้องแจง   ข้อนั้นแฝงมิจริง   ข้อนี้อิงมิแท้   ข้อนั้นแก้มิมี   ศาสน์พุทธ์ซีไม่มี   พุทธ์เจ้าตีความใครยอ   พะนออย่าหลงไป   อาจไพล่ชมตถาคต   มีศีลจดสามครัน   ศีลเล็ก ศีลกลาง   ศีลใหญ่สุดพร้อมเว้น   พฤติงาม

   ๒.ความ"จูฬศีล"เล็กน้อย   เว้นพฤติย้อยย้ำหก   ตกหนึ่งเว้น"ฆ่า,ขโมย"   โดย"ไม่ล่วงพรหม์จรรย์"  สองครันเว้น"พูดปด"   "คำหยาบ"คด"ยุยง"   สามเว้นปลงพืชพรรณ   สี่ฉันภัตร์มื้อเดียว   เว้นฉันเชียววิกาล  เว้นพานฟ้อน,ขับร้อง   เว้นจ้องดูการเล่น   ประดับเด่นกายเลิก   เพิกนั่ง,นอนด้วยนุ่น   เลิกวุ่นรับเงินทอง   ห้าตรองเว้นรับนรี   เว้นมีข้าวเปลือกดิบ   ทาสเว้นลิบมิข้อง  มิต้องรับสัตว์มา   โค,ลา,ช้าง,ม้า,แพะ   สุกร,แกะทั้งมวล   เรือกสวนไม่รับเอา  หกเลิก การค้า   ลวงหลอก,ปลอมปล้นร้าย   มุ่งโจร

   ๓.โผน"มัชฌิมศีล"กลาง   สิบพลางต้องเว้นจาก   หนึ่งพรากทลายพืชลง   สองปลงเก็บอาหาร   ละลานผ้าของใช้   สามไซร้งดบันเทิง   ป้อนระเริงสนุก   สี่เลิกรุกติดพนัน   ห้าครันไม่นั่ง,นอน  บรรจถรณ์สูงใหญ่   หกไม่ตดแต่งกาย  เจ็ดวาย"ติรัจฉานฯ"   มิพูดควานหาเรื่อง   มิเฟื่องเหมาะบรรพชิต   แปดไม่คิดข่มกัน   หรือพลันพูดแข่งดี   เก้าไม่มีชักสื่อ   สิบพูดซื่อมิปด   งดพูดจาประจบ   หวังสบลาภอันมาก  พูดล่อ แจกลาภ  ลาภใหญ่หวังได้แล้   หลอกเขา

   ๔.เพรา"มหาศีล"ใหญ่   คงชีพใคร่เว้นจาก   หกพรากมิจฉาชีพ   จีบดิรัจฉานวิชา   หนึ่งมา"ทำนายฝัน"   สองดูครัน"ลักษณะ"   ปะสิ่งของคาดเดา   สามทายเอาชะตา   ราชาจากดาวฤกษ์  สี่เบิกเพื่อทราบกาล   พานจันทรคราส  หรือคาด"สุริย์ฯ"ได้   ห้าไซร้ขยายเวลา   "ฝนมา"หรือ"ฝนแล้ง"   หกแจ้ง"การบน"รอ   ขอสิ่งศักดิ์สิทธ์อวย   ฉวยผลแล้วแก้บน   รนผองหกมิเหมาะ   กับเหล่า พระสงฆ์   มิก่อปัญญ์ฯกล้าขั้น   สุดสูง

   ๕.พุทธ์องค์จุ่งแสดง   แจงยังมีธรรมอื่น  ประณีตดื่นลึกด่ำ   เห็นช่ำรู้ตามยาก   จะเดากรากมิได้  รู้ไซร้เฉพาะบัณฑิต   ธรรมวิจิตรกำหนด   ตถาคตรู้แจ้ง   มิแย้งด้วยปัญญา   แล้วสอนพาผู้อื่น   ตื่นรู้แจ้งตามได้   เป็นเหตุให้เขาชม   ตถาคตสมตามจริง   พุทธ์เจ้าอิงทิฏฐิ   ความเห็นตริของพราหมณ์   เห็นลาม"หกสิบสอง"   ตรอง"ปุพพันต์ฯ"เบื้องต้น   สิบแปดด้นความคิด   พิศ"อป์รันต์ฯ"เบื้องปลาย   ขจายสี่สิบสี่คิด  กิจรวมหกสิบสอง   พราหม์ก่อ เปรียบเหมือน   ปลาติดวนข้องถ้ำ   ข่ายหลง


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, ลายเมฆ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..

แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
« ตอบ #1 เมื่อ: 04, ตุลาคม, 2567, 10:38:49 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น

ประมวลธรรม : ๕.พรหมชาลสูตร (ต่อ,หน้า ๒/๔)

   ๖.ตรงปุพพันธ์ฯเบื้องต้น   เห็นท้นสิบแปดแยก   จำแนกเป็นห้าหมวด   หนึ่งเห็นรวด"สัสส์ฯ"สี่  ปรี่คิด"ตน,โลกเที่ยง"   เพราะเยี่ยงระลึกชาติ   คาด"หนึ่ง-แสนชาติ"   บ้างคาด"หนึ่ง-สิบกัปป์"   นับ"สิบ-สี่สิบกัปป์"แม่น รำลึก   พวกสี่"เดา"ชี้ด้วย   ตรึกเอง

   ๗.เห็นเผง"เอกัจจ์ฯ"สี่   "บางอย่างรี่เที่ยง"แล   "บางอย่างแถไม่เที่ยง"   บ้างเบี่ยง"พรหมเที่ยงแน่"  แต่สิ่งที่"พรหมสร้าง"   อ้าง"ไม่เที่ยง"เลยนา  "เทวดาพวกอื่น"   คิดลื่นว่า"เที่ยง"ครา   แต่"ขิฑฑาฯ"มีโทษ   โลดสนุกสนาน   ต้องพาน"ไม่เที่ยง"นับ   กับ"มโนป์ฯ"มีโทษ   โฉดประทุษร้ายเขา   จึงเซา"ไม่เที่ยง"เอย   เผยพวกฝั่งหลังสุด  เดาว่า"จิตเที่ยง"   และส่วนกายแล้จ้อง   "เที่ยง"หนา

   ๘."อันตาฯ"สี่เห็นว่า   "โลกพร่ามีที่สุด"  ผุด"ไม่มีที่สุด"เลย   "บ้างเผยมีที่สุด"   จุดด้านบนและล่าง  ลางด้านขวางหรือกว้าง   ร้าง"มิมีสุด"เปรย   เดาเคยโลกมีสุด   มิใช่ มิทราบ   อีกไม่มีท้ายสิ้น  ผิดแฉ

   ๙.แล"อมราฯ"สี่   รี่พูดอย่างยักย้าย  สุดท้ายก็เปลี่ยนเอง  "เกรงว่าจะพูดปด"   ก็เลี้ยวลดอย่างนี้  ชี้ไม่ใช่อย่างนั้น  ก็ดั้นมิใช่เลย  เผย"เกรงว่ายึดถือ"   ครือ"เกรงถูกซักถาม"   ก็ผลามปฏิเสธ  เจตน์บ่งดังข้างต้น   เพราะท้น"โง่เขลา"เอย  เลยเลี่ยงหลีกหนีไกล   ไม่ยอมรับ,ยืนยัน   พลันหมวดท้าย"อธิจจ์ฯ"   คิด"สิ่งต่างมีเอง"   "เหตุเผงไม่เคยมี"   เพราะเกิดดีเป็นพรหม   ชม"อสัญญีฯ"สัตว์   คิดชัดไม่มีเหตุ   "เดา"ส่อ หลังสุด   ทุกสิ่งมีขึ้นแท้   เหตุวาย

   ๑๐.เห็นเบื้องปลาย"อป์รันต์ฯ"   ผันห้าหมวดได้แก่   "สัญญีฯ"แน่สัญญา   พาจำได้,หมายรู้   พรูสิบหกอย่างถ้วน   ล้วนหมวด"อสัญญีฯ"   มีแปดไร้สัญญา   มาถึง"เนวสัญญี"  มีแปดสัญญาพรือ  มีหรือไม่มีเอย   เผยก็มิใช่แน่   แผ่"อุจเฉทฯ"เจ็ดเห็น   เป็นตนขาดสูญไป   หลังใฝ่ "ธัมม์นิพฯ"   ทำพร่ำญาณแย้มห้า   นิพพาน

   ๑๑.งาน"สัญญีฯ"เห็นว่า   ตนน่ามี"สัญญา,จำ"   สิบหกพรำได้ชี้   ตนเหล่านี้ตายแล้ว  ยังมีแพร้วสัญญา   ความจำมายืนเกริม   เผดิมหนึ่ง"มีรูป"ตน   สองดล"รูปไม่มี"   รีสาม"มีรูป"ปน   ระคน"รูปไม่มี"   ทีสี่"รูปมี"แต่   มิใช่แน่รูปเลย   เผยไร้รูปมิใช่   ห้าไขว่"มีที่สุด"   หกรุด"ไม่มี"นา   ที่สุดหามิมีเอย   เจ็ดเกย"ตนมีสุด"   ทั้งผุด"ไม่มี"แล   แปดแฉ"มีสุด"แต่   แน่มิใช่ทีเดียว   หรือเชียวไม่มีสุด   ก็ยุดมิใช่นา   เก้าหนาเห็นตนมี  สัญญาดีเดียวกัน   สิบครันสัญญามี   หนีแตกต่างกันเลย   สิบเอ็ดเผยสัญญา   ตนหนามีเล็กน้อย   สิบสองถ้อยสัญญา   หาประมาณมิได้   สิบสามไซร้มีสุข   รุกตนแต่ส่วนเดียว   สิบสี่เรียวตนมี   ทุกข์ลีส่วนเดียวแล   สิบห้าแปรสุข,ทุกข์   ตนถูกรุกปะปน   สิบหก มิมี   สุข,ทุกข์ตนสิ้นคล้อย   ว่างเฉย

   ๑๒.เผยหมวด"อสัญญีฯ"   เห็นไม่มีสัญญา  แปดตนหนาตายแล้ว   คลาดแคล้วจากความจำ  หนึ่งนำ"มีรูปตน"   สองดล"รูปไม่มี"  ทีสามปนหนึ่ง-สอง   สี่ครองมีหรือไร้   รูปไซร้ก็มิใช่   ห้าใคร่"มีที่สุด"   หกรุดสุดไม่มี   เจ็ดตนลีมีสุด   ทั้งผุดไม่มีแล   แปดแฉที่สุดมี   มิใช่ เป็นเจียว   อีกไม่สุดคว้าพ้น   ไม่เชิง


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
« ตอบ #2 เมื่อ: 05, ตุลาคม, 2567, 08:09:45 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น

ประมวลธรรม : ๕.พรหมชาลสูตร(ต่อ,หน้า ๓/๔)

   ๑๓.ระเริง"เนว์สัญญีฯ"   คิดลีว่ามีสัญญา   "จำ"พาก็มิใช่   ไป่สัญญาก็คลาด  พลาดมิใช่เช่นกัน   แปดตนครันตายแล้ว   จำแป้วมี,ไม่มี   ก็รีไม่ใช่เลย   หนึ่งเผย"มีรูปตน"   สองดล"รูปไม่มี"   ทีสามปนหนึ่ง-สอง   สี่ครองมีหรือไร้  รูปไซร้ก็มิใช่   หาใคร่"มีที่สุด"   หกรุดสุดไม่มี   เจ็ดตนลีมีสุด   ทั้งผุดไม่มีแล   แปดแฉมีสุดแต่  แน่มิใช่ทีเดียว  หรือเจียวไม่มีสุด   ก็ยุดมิใช่นา   สามหมวดหนา"สัญญีฯ"   มี"อสัญญีฯ"กับ   ตรับ"เนว์สัญญีฯ"นั้น   พวกเห็นดั้นหลังตาม   จะกลายเป็นอย่างไร    สามไกลเห็นอัตตา   ตายหนาส่งวิญาณ   อุบัติ   ชาติใหม่ภพหน้าแล้   ชั่วกัลป์

   ๑๔.เห็นพลันว่า"อุจเฉทฯ"   เหตุขาดสูญเจ็ดแล    เจ็ดตนแถชีวิต   ริดสิ้นแล้วก็สูญ   มิเกิดกูลอีกเลย   หนึ่งเผยตนเป็นสัตว์   มนุษย์ชัดรูปมี   กายแตกลีจึงสูญ   สองตนพูนเป็นทิพย์   มีรูปลิบต้องกิน   ชินกับอาหารหยาบ   ตายแล้วราบหมดสิ้น   สามตนจิ้นเป็นทิพย์   มีรูปกริบสำเร็จ  เสร็จด้วยใจคิดเอา   กายแตกเซาสูญพลัน   สี่ตนครัน"อากาฯ"   พรหมนามีอากาศ   ที่มาดไม่สิ้นสุด   ห้าตนรุด"วิญญาฯ"   มาเป็นอรูปพรหม   รูปชมมิมีเอย   เผยลุชั้นวิญญาฯ   วิญญาณหาที่สุด  ฉุดมิได้จึงสูญ   หกทูน"อากิณจัญญ์ฯ"   พลันไม่มีอะไร   ใดเป็นอารมณ์ต่อ  จ่อขาดสูญสิ้นเลย   เจ็ดเผยสู่"เนวสัญญ์ฯ"   จำคลาด หมดไป   จึงคิดตายแล้วสิ้น   ดับสูญ

   ๑๕.อาดูลย์"ธัมม์นิพพานฯ"   การเห็นห้าอย่างพึง   ถึงปัจจุบันว่า   นิพพานค่ายอดเยี่ยม  เป็นธรรมเปี่ยมของสัตว์   หนึ่งชัดการเพียบพร้อม   ด้วยกามคุณห้า   คว้าความสุขดีแล้ว   ไม่แคล้วจากนิพพาน   สองขานลุฌานหนึ่ง   จึ่งวิจาร,วิตก  ปกด้วยปีติ,สุข   คิดรุกนิพพานธรรม   สามนำลุฌานสอง   ครองทุติย์ฌานไร้   ไซร้วิตก,วิจาร   ขานแต่ปีติ,สุข   เพราะบุกสมาธิ   ตริว่าลุนิพพาน  สี่งานลุฌานสาม  ลาม"ตติยฌาน"   ปีติรานหมดไป   เกิดไวอุเบกขา   สติพาพบสุข   คิดปลุกว่านิพพาน   ห้าชาญฌานสี่เกิด   เทิด"จตุต์ถฌาน"   ผลาญสุขหมดสิ้นไป   ไกลจากทุกข์,สุขริน   เหลือชินอุเบกขา   สติมาสะอาด   จะพาปราศโสมนัส   สะกัด โทมนัส   จิตนิ่งวางพร้อมน้อม   นิพพาน
     
   ๑๖.พุทธ์องค์ขานบอก   ผู้ตอกความคิดเห็น   เป็นหกสิบสองนี้    ชี้เสพอารมณ์ได้   ไซร้จากหู,ตา,ลิ้น..   "ความอยาก"ดิ้นเกิดมาก     กรากไวยึดถือมั่น    ลั่นตามด้วยมีภพ   ครบต่อมีการเกิด     เชิดตามแก่,ตาย,ครวญ    ตามพรวนโศก,กาย,ใจ    ผู้นั้นไหวติดข่าย    พ่ายใกล้ความเห็นหลาย   กรายหกสิบสองแน่   แต่ตถาคตถอน    รอน"ความอยาก"จึงหลุด    มิทรุดวนในภพ   จบสิ้นสุดไปเลย    กายเอยอยู่ชีพยัง   คนจู่ มองดู     กายแตกทลายแล้วไซร้   ไป่เห็น ะ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ ทีฆนิกาย สีลขันธวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๒๘๙-๒๙๓


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ, ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
« ตอบ #3 เมื่อ: 05, ตุลาคม, 2567, 08:48:36 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๕.พรหมชาลสูตร ~ร่ายดั้น
ประมวลธรรม : ๕.พรหมชาลสูตร(ต่อ หน้า ๔/๔)

สุปปิยะ=คือ ปริพพาชก(นักบวชนอกศาสนา)
พรหม์ทัตต์=พรหมทัตมานพ ลูกศิษย์ของ สุปปิยะ
รัตน์=พระรัตนตรัย
สุริย์ฯ=สุริยคราส
ปัญญ์=ปัญญา
ทิฏฐิ ๖๒ ประการ=แสดงความคิดเห็นของสมณพราหมณ์ในครั้งนั้น แยกเป็น ปุพพันตกัปปิกะ ๑๘ ประเภท และ อปรันตกัปปิกะ ๔๔ ประเภท
ปุพพันต์ฯ=ปุพพันตกัปปิกะ คือ พวกมีความเห็นปรารถเบื้องต้นของสิ่งต่างๆว่าเป็นอย่างไร มี ๑๘ ประเภท แบ่งออกเป็น ๕ หมวดได้แก่ ๑)สัสสตวาทะ ๔ หมวดเห็นว่าเที่ยง ๑.๑)เห็นว่าตัวตน(อัตตา)และโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้ ตั้งแต่ ชาติเดียว จนถึงแสนชาติ ๑.๒) เห็นว่าตัวตนและโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้ เป็นกัปป์ๆ ตั้งแต่ ๑ กัปป์-๑๐ กัปป์ ๑.๓)เห็นว่าตัวตนและโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้มากกัปป์ๆ ตั้งแต่ ๑๐ กัปป์-๔๐ กัปป์ ๑.๔) นักเดา เดาตามความคิดและคาดคะเนว่าโลกเที่ยง ๒)เอกัจจอสัตตติกะ ๔ คือ หมวดเห็นว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ๒.๑)เห็นว่าพระพรหมเที่ยง แต่พวกเราที่พระพรหมสร้างไม่เที่ยง ๒.๒)เห็นว่าเทวดาพวกอื่นเที่ยง พวกที่มีโทษเพราะเล่นสนุกสนาน(ขิฑฑาปโทสิกา) ไม่เที่ยง ๒.๓)เห็นว่าเทวดาพวกอื่นเที่ยง พวกที่มีโทษเพราะคิดร้ายผู้อื่น(มโนปโทสิกา) ไม่เที่ยง ๒.๔) นักเดา เดาตามคิดคาดคะเนว่า ตัวตนฝ่ายกายไม่เที่ยง ตัวตนฝ่ายจิตเที่ยง ๓)อันตานันติกะ ๔ หมวดเห็นว่ามีที่สุดและไม่มีที่สุด ๓.๑)เห็นว่าโลกมีที่สุด ๓.๒) เห็นว่าโลกไม่มีที่สุด ๓.๓)เห็นว่าโลกมี ที่สุด เฉพาะด้านบนกับด้านล่าง ส่วนด้านกว้างและขวาง ไม่มีที่สุด ๓.๔)นักเดา เดาตามความคิดคาดคะเนว่า โลกมีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ๔)อมราวิกเขปิกะ ๔ คือ หมวดพูดซัดส่ายไม่ตายตัวแบบปลาไหล ๔.๑)เกรงว่าจะพูดปด จึงพูดปฏิเสธว่า อย่างนี้ก็มิใช่,อย่างนั้นก็มิใช่,อย่างอื่นก็มิใช่,มิใช่(อะไร)ก็ไม่ใช่ ๔.๒)เกรงว่าจะยึดถือ จึงพูดปฏิเสธ แบบข้อ ๔.๑
๔.๓)เกรงว่าจะถูกซักถาม จึงพูดปฏิเสธ แบบข้อ ๔.๑ ๔.๔)เพราะโง่เขลาจึงพูดปฏิเสธ แบบข้อ ๔.๑ และไม่ยอมรับหรือยืนยันอะไรเลย ๕)อธิจจสมุปปันนะ ๒
หมวดเห็นว่าสิ่งต่างๆมีขึ้นเอง ไม่มีเหตุ ๕.๑) อสัญญีสัตว์ คือพรหมพวกหนึ่งมีรูปแต่ไม่มีสัญญา เห็นว่าสิ่งต่างๆมีขึ้นเองโดยไม่มีเหตุ เพราะเคยเกิดเป็น อสัญญีสัตว์ ๕.๒)นักเดา คะเนว่าสิ่งต่างๆมีขึ้นเองโดยไม่มีเหตุ
อป์รันต์=อปรันตกัปปิกะ คือ ทิฏฐิความเห็นเบื้องปลายที่มี ๔๔ ประเภท แบ่งเป็น ๕ หมวด ๑)สัญญีวาทะ ๑๖ หมวดเห็นว่ามีสัญญา -ความจำได้ หมายรู้ ๒)อสัญญีวาทะ ๘ เห็นว่าไม่มีสัญญา ๓)เนวสัญญีนาสัญญีวาทะ ๘ หมวดเห็นว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ๔)อุจ
เฉทวาทะ ๗ หมวดเห็นว่าขาดสูญ แบ่งได้ ๔.๑)ตนที่เป็นของมนุษย์ สัตว์ ๔.๒)ตนที่เป็นของทิพย์ มีรูป กินอาหารหยาบ ๔.๓)ตนที่เป็นของทิพย์ มีรูป สำเร็จจากใจ ๔.๔)ตนที่เป็นอากาสานัญจายตนะ -พรหมที่เพ่งอากาศเป็นอารมณ์ ๔.๕)ตนที่เป็นวิญญาณัญตนะ-เป็นอรูปพรหม เพ่งวิญญาณหาที่สุดมิได้ ๔.๖)ตนที่เป็น อากิญจัญญายตนะ -ไม่มีอะไรเป็นอารมณ์ ๔.๗)ตนที่เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะ-สัญญา ความจำสิ้นลง ๕)ทิฎฐิธัมมนิพพาน ๕ หมวดเห็นสภาพบางอย่างเป็นนิพพานในปัจจุบัน ๕.๑)เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน ๕.๒)เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยฌานที่ ๑-ปฐมฌาน เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน ๕.๓)เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วย ฌาน ๒-ทุติยฌาน เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน ๕.๔.)เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วย ฌาน ๓-ตติยฌานเป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน ๕.๕)เห็นว่าการเห็นว่าการเพียบพร้อมด้วย ฌาน ๔-จตุตถฌาน เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน

(ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต)


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ, ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.198 วินาที กับ 67 คำสั่ง
กำลังโหลด...