ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
มีเด็กชายคนหนึ่งอายุราว ๑๐ ขวบ
ยืนอยู่ข้างทาง ด้วยสายตาอยากรู้ อย่างแรงกล้า
.
เด็กน้อยเคยได้ยินใครๆ
พูดถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ..เป็นผู้รู้แจ้ง
รู้ความทุกข์ และรู้ทางพ้นทุกข์
.
เด็กคนนั้น เดินมายืนอยู่ตรงหน้าพระองค์
และถามว่า ..
.
"ถ้าคนเราต้องแก่ ต้องตายแน่แล้ว
จะทำดีไปทำไม มันช่วยอะไรได้หรือ?"
.
นี่ไม่ใช่คำถามดูหมิ่น
แต่มาจากความสงสัยของเด็กที่คิดตรงๆ
และ เพราะความตรงนั่นเอง
พระพุทธเจ้า จึงหยุดเดิน
พระองค์มองเด็กชาย ด้วยความเมตตา
และถามกลับว่า ..
.
"เจ้าเคยเห็นดอกไม้บานไหม?"
"เคยครับ"
"ดอกไม้จะบานนานไหม?"
"ไม่ครับ มันเหี่ยวเร็วมาก"
"แล้วเจ้าคิดว่า คนปลูกดอกไม้
เขาจะปลูกทำไม ในเมื่อมันต้องเหี่ยว?"
.
เด็กนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ..
"เพราะมันสวย ถึงแม้จะอยู่ไม่นาน"
พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า ..
.
"ชีวิตก็เช่นกัน แม้จะไม่อยู่ตลอดไป
แต่ถ้ามันเต็มไปด้วยความดี
มันก็งดงามและมีค่าเช่นเดียวกับดอกไม้
ที่เบ่งบาน แม้จะต้องร่วงโรยในที่สุด"
.
เด็กชายยกมือไหว้ น้ำตาคลอ
เพราะเพิ่งเข้าใจเป็นครั้งแรกว่า ..
การทำดี ไม่ใช่เพื่ออยู่คงกระพัน
แต่เพื่อสร้างสิ่งสวยงามให้โลกใบนี้
แม้เพียงชั่วขณะ
.
พระพุทธเจ้าไม่ได้เทศนาเป็นชั่วโมง
แต่หยุดเดินเพียงครู่
เพื่อให้คำ หนึ่งความหมาย
ที่อาจเปลี่ยนความคิดของเด็กคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
.
เพราะความดี ไม่ได้วัดกันที่ความยาวของชีวิต
แต่วัดกันที่คุณภาพของจิตใจ
ในช่วงที่ยังมีลมหายใจอยู่
.
พระอาจารย์ ชยสาโร กล่าวว่า
"เมื่อเราสังเกตความดีในตัวเอง
สังเกตความดีที่เราทำ
และน้ำใจของคนรอบข้าง
เราจะรู้สึกเสมือนมีหยดน้ำ
หล่อเลี้ยงจิตใจเรา
ทำให้เราสดชื่น เบิกบาน
ทุกครั้งที่เราสังเกต"
.
#วันเข้าพรรษา
วันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘
แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ปีมะเส็ง
ขอบพระคุณเจ้าของบทความครับ