(ต่อหน้า ๕/๑๑) : ๕๖. มหาตัณหาสังขยสูตร
๙๒.ลุปฐมฌาน.......วิตก,วิจาร.......ปีติสุขเชย
ทุติย์ฌาน,สอง....จิตครองหนึ่งเอย....ตรึก,ตรองดับเลย....ปีติ,สุขคง
๙๓.พระสงฆ์ครันเจริญกราน.............ตติย์ฌานนะเอยบ่ง
ด้วยปีติจางริสติส่ง...............................อุเบกขาเจาะสุขเผย
๙๔.สงฆ์ลุฌานสี่.......จตุตถฯชี้......ละทุกข์,สุขเอ่ย
โทมนัส,โสมนัส....ตัดหมดแล้วเคย....สติสะอาดเชย....อุเบกขาครอง
๙๕.ละดับทุกข์ ณ คราพิศ.................เจาะพินิจซิ"ตา"ตรอง
เห็นรูปสิรู้มิรติผอง................................รึชังรูปมิพอใจ
๙๖.สงฆ์มีสติมั่น......จิตล้ำเลิศสรร......"เจโตวิมุตต์ฯไว
"ปัญญาวิมุตติ"....แจ้งรุดละไม....ดับกิเลสไส....ไร้อกุศลธรรม
๙๗.พระสงฆ์พลันละยินดี...................มิเจาะรี่กะร้ายนำ
รู้"เวทนา"ผิสุขะล้ำ.................................รึทุกข์,ไร้ซิทั้งสอง
๙๘.สงฆ์มิเพลินหนา......ไม่ติดเวทนา......เวทนาดับปอง
อุปาทานดับ....ลับตามมิครอง....แล้วภพดับจอง....ชาติดับต่อตาม
๙๙.เพราะชาติดับชราคว้า..................มรณาเจาะโศกลาม
คร่ำครวญและไห้ลุทุขะผลาม.................พะพร้อมโทมนัสซา
๑๐๐.แค้น,อุปายาส......ดับลงพิฆาต......ทุกข์ทั้งผองพา
ดับสิ้นลงพลัน....ครันกองทุกข์ล่า....ถอยดับหมดหนา....ด้วยเหตุนี้แล
๑๐๑.พระพุทธ์เจ้าริตรัสเหตุ................ธุวเดชซิพ้นแน่
"ตัณหาสิสังขยะวิฯ"แฉ...........................ก็เทศ์นาลุหลุดพ้น
๑๐๒.ทรงขอให้จำ.......สาติฯสงฆ์นำ......ตัณหามากยล
เมื่อทรงกล่าวจบ....สงฆ์นบชื่นท้น....ภาษิตง่ายด้น....ต่างชื่นชมเอย ฯ|ะ
แสงประภัสสร
มจร.๘.มหาตัณหาสังขยสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=12&siri=38เชตวันฯ= วัดเชตวันมหาวิหาร เป็นอารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี ตั้งอยู่ที่สวนเจ้าเชต นอกเมืองสาวัตถี ซึ่งอนาถบิณฑิกเศรษฐีซื้อมาด้วยเงินมากถึง ๑๘ โกฏิ วัดแห่งนี้นับว่าเป็นวัดและที่มั่นสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล และเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุดถึง ๑๙ พรรษา เป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย
สาติบุตร = คือ ภิกษุชื่อสาติเกวัฏฏบุตร (บุตรชาวประมง) มีทิฏฐิอันลามกเห็นเกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น
โมฆาบุรุษ = โมฆบุรุษ คือบุคคลที่ว่างเปล่า ไม่มีแก่นสาร ว่างเปล่าจากอะไร (๑) ว่างเปล่าจากกุศลธรรมในขณะนั้นคือขณะนั้นเป็นอกุศลที่มีกำลัง เป็นโมฆบุรุษใน ขณะนั้น (๒) ว่างเปล่าจากความเห็นถูกคือเป็นผู้มีความเห็นผิด เป็นโมฆบุรุษ (๓) ว่างเปล่าเพราะไม่มีอุปนิสัยที่จะได้บรรลุมรรคผลในชาตินั้น (๔) ว่างเปล่าแม้จะมีอุปนิสัยจะได้บรรลุในชาตินั้นและท้ายที่สุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ขณะนั้นเป็นอกุศลจึงว่างเปล่าจากการบรรลุในขณะนั้น ขณะนั้นก็ชื่อว่าเป็นโมฆบุรุษ
ปฏิจจสมุปบาท : กระบวนการเกิด = ดังนี้
(๑) อาหาร ๔ ชนิด = อะไรบ้าง
(๑.๑) กวฬิงการาหาร - อาหารคือคำข้าว) หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง (๑.๒) ผัสสาหาร - อาหารคือการสัมผัส (๑.๓) มโนสัญเจตนาหาร - อาหารคือความจงใจ (๑.๔) วิญญาณาหาร - อาหารคือวิญญาณ
~ อาหาร ๔ ชนิด มีอะไรเป็นต้นเหตุ, มีอะไรเป็นเหตุเกิด, มีอะไรเป็นที่เกิด, มีอะไรเป็นแดนเกิด
อาหาร ๔ ชนิด = มีตัณหาเป็นต้นเหตุ; มีตัณหาเป็นเหตุเกิด; มีตัณหาเป็นที่เกิด; มีตัณหาเป็นแดนเกิด
(๒) ตัณหา = มีเวทนาเป็นต้นเหตุ; มีเวทนาเป็นเหตุเกิด; มีเวทนาเป็นที่เกิด; มีเวทนาเป็นแดนเกิด
(๓) เวทนา = มีผัสสะเป็นต้นเหตุ; มีผัสสะเป็นเหตุเกิด; มีผัสสะเป็นที่เกิด; มีผัสสะเป็นแดนเกิด
(๔) ผัสสะ = มีสฬายตนะเป็นต้นเหตุ; มีสฬายตนะเป็นเหตุเกิด; มีสฬายตนะเป็นที่เกิด; มีสฬายตนะเป็นแดนเกิด