Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที  (อ่าน 17030 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« เมื่อ: 05, มกราคม, 2568, 11:11:59 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที



ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก

กาพย์มหาตรังคนที

   ๑.ทศชาติชาดก...................เรื่องปรกกล่าวถึงอดีตชาติ
โคดมพุทธ์เจ้ายาตร................ขณะเป็นโพธิสัตว์นา
กำเนิดเป็นมนุษย์....................บำเพ็ญรุดบารมีกล้า
เพื่อลุ"อนุตตร์ฯ"มา.................เป็นพุทธ์เจ้าโปรมดสัตว์ทุกข์คลาย

   ๒.พุทธเจ้าทรงเล่า...............เรื่องเก่าเคยเกิดในชาติหลาย
ห้าร้อยกว่าเรื่องกราย..............กอปรสอนธรรมล้ำคละเรื่องเอย
มีสิบชาติท้ายชัด....................ก่อนอุบัติ"สิทธัตถะ"เผย
ทรง"ภิเนษกรมณ์"เชย............ลุ"สัมมาสัมโพธิญาณ"

   ๓.ชาติหนึ่ง"พระเตมีย์".........บำเพ็ญสี่"เนกขัมม์ฯ"บวชขาน
สอง,"มหาชนก"กราน..............."วิริยบาร์มี"พากเพียร
สาม"สุวรรณ์สาม"เด่น.............บำเพ็ญ"เมตตา"ใฝ่เชียร
สี่,"เนมิราช"เรียน.....................เร่ง"อธิษฐานบารมี"

   ๔.ห้า,"มโหสถ"กล้า...............เพ่งคว้า"ปัญญาบาร์มี"ศรี
หก"ภูริทัต"คลี่.........................เน้น"ศีลบารมี"ครบครัน
เจ็ด"จันทชาดก"......................เพื่อยก"ขันติบาร์มี"สรรค์
แปด,"นารทะ"ดั้น.....................ทำ"อุเบกขาบาร์มี"เอย

   ๕.เก้า,วิธุระ"ชัด....................บำเพ็ญ"สัจจบาร์มีเผย
สิบ,"เวสสันดร"เปรย................ทำ"ทานบาร์มี"ยิ่งไกล
เมื่อโพธิสัตว์เด่น.....................บำเพ็ญบาร์มีครบสิบไข
ตรัสรู้"สัมมาฯ"ไว.....................เป็นพระพุทธ์เจ้าต่อนั้นมา

   ๖.หนึ่ง,"พระเตมีย์"ชัด...........โพธิสัตว์ชาติหนึ่งหนา
ก่อนจะตรัสรู้มา.......................เป็นพระโคดมพุทธเจ้าเอย
พระเตมีย์จุติ............................สวรรค์ซิดาวดึงส์เผย
เป็นโอรสโชติเชย...................."กาสิกราช,จันทาเทวี"

   ๗.พระเตมีย์กุมาร..................ได้พานเห็นพระบิดารี่
ทำโทษสี่โจรปรี่.......................ถูกเฆี่ยนหนึ่งพันครั้งทารุณ
ถูกล่ามโซ่ขังจำ.......................หอกกระหน่ำทิ่มแทงตัวผลุน
อีกคนถูกเสียบพรุน.................ด้วยหลาวแหลมคมต้องล้มตาย

   ๘.พระกุมารหวั่นหวาด..........ระลึกชาติเป็นกษัตริย์ฉาย
ณ เมืองนี้บาปกราย.................ต้องตกนรกแปดหมื่นปี
บัดนี้กลับมาเกิด......................บรรเจิดเมืองนี้ไม่พ้นหนี
อยู่ครองราชย์อีกที..................ก็จะต้องไปนรกแล


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..

แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #1 เมื่อ: 06, มกราคม, 2568, 09:09:39 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(หน้า ๒/๔)๑.เตมียชาดก

   ๙.ทรงสังเวชสลด...............ระทดใจหน่ายครองเมืองแน่
นึกหาอุบายแปร.....................ปลีกตัวพ้นครองราชย์เอย
มีเทพธิดาพาน........................อดีตมารดาชาติก่อนเอ่ย
แนะทำตนง่อยเลย..................หูหนวก,ใบ้ไร้สามารถลง

   ๑๐.แม้ถูกทดสอบแล้ว..........มิแน่วมีพิรุธเห็นบ่ง
ด้วยความอดทนตรง................จนชนมายุสิบหกปี
พราหมณ์ทูลพระราชา.............หากว่าให้คงอยู่เมืองนี้
จะเกิดกาลกิณี........................พระราชวังจะมีภัย

   ๑๑.ราชาสั่งสารถี.................นำเตมีย์ขึ้นรถม้าไว
จัดการคนเดียวไป...................ฝังเสียป่าช้านอกเมืองปลง
สารถีกำลัง.............................ขุดหลุมฝังเตมีย์ก้าวลง
ทรงลองพลังองค์....................เดิน,ยกท้ายรถแกว่งแรงดี

   ๑๒.เตมีย์เห็นกำลัง...............กายยังแกร่งจึงบอกสาร์ถี
ทรงเล่าเรื่องที่มี.......................พร้อมแจงธรรมล้ำให้รู้ไว
สาร์ถีหากฝังเรา.......................จะมิเพราทำผิดธรรมไกล
เปรียบคนนอนร่มไม้.................แล้วรานกิ่งถือฆ่ามิตรเลย

   ๑๓.คลั่งประทุษร้ายมิตร........ด้วยจิตเป็นคนเลวทรามเผย
กษัตริย์,ต้นไม้เปรย...................เตมีย์เหมือนแขนงกิ่งไม้
ตัวท่านสาร์ถีด้น........................เหมือนคนอาศัยร่มเงาใหญ่
คนมิฆ่ามิตรไซร้........................จะพ้นภัยผู้คนบูชา

   ๑๔.สาร์ถีอ้อนวอน.................หลายครั้งซ้อนให้กลับเมืองหนา
เตมีย์ใจมั่นมา...........................จะขอบวชคนเดียวในป่าไกล
บิดาสละองค์.............................มารดาบ่งอนุญาตไส
ชนไม่ต้องการไง........................พระองค์ขอบวชคุณยวดยิ่งเอย

   ๑๕.เตมีย์ทรงเล่าว่า.................หน้าที่ราชาฆ่าโจรเผย
นรกแปดหมื่นเลย.......................จึงจำต้องหลีกเลี่ยงแล
สารถีเลื่อมใส.............................ดีใจขอบวชอยู่ด้วยแน่
เตมีย์มิยอมแปร..........................ให้นำเครื่องประดับไปคืน

   ๑๖.เจ้ากาสิกราชจด................รู้โอรสมิง่อย,ใบ้ฝืน
ทรงจัดพิธีรื่น..............................อภิเษกราชมบัติเอย
แล้วราชา,บริพาร........................เสด็จฐานป่าช้าเดิมเอ่ย
กลายเป็นอาศรมเกย...................มีเตมียฤาษีครอง

   ๑๗.เจ้ากาสิกราชขอ................เตมีย์ชลอกลับวังตรอง
มีลูกสืบทอดปอง.........................วัยมากแล้วค่อยบวชเรียนกัน
เตมีย์ทูลคนหนุ่ม..........................ควรเป็นกลุ่มพฤติพรหมจรรย์
มีเด็กมากตายครัน.......................แต่ยังไม่ถึงวัย แก่เลย

   ๑๘.ใครประกันได้ว่า................หนุ่มสาวนายังไม่ตายเอ่ย
วันคืนล่วงผ่านเอย.......................อายุเราแก่มากขึ้นแล
ใกล้ความตายทุกครา..................เหมือนปลาอยู่ในน้ำน้อยแฉ
โลกถูกครอบงำแท้......................จะภิเษกอาตมาไย

   ๑๙.เตมียฤษี.............................ตรัสชี้โลกถูกความตายไถ
ความแก่ห้อมล้อมไว.....................ไร้ประโยชน์คืนวันผ่านเลย
เปรียบงานช่างทอผ้า....................กำลังอ้าทอผ้าอยู่เผย
ส่วนที่ต้องการทอเปรย.................เหลือน้อยเรื่อยดังชีพเช่นกัน

   ๒๐.แม่น้ำมิไหลทวน..................กลับด่วนสู่ที่สูงมิผัน
อายุมิถอยครัน.............................กลับเป็นเด็กเล็กได้อีกครา
แม่น้ำล้นหลากมา.........................ไหลแรงพาไม้ริมฝั่งหนา
หลุดลอยดั่งชรา...........................มรณาพัดพาเรื่อยไป


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #2 เมื่อ: 07, มกราคม, 2568, 10:12:09 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที

(หน้า ๓/๔)๑.เตมียชาดก

   ๒๑.พระเจ้ากาสิกราช..............วอนยาตรจะมอบสมบัติใหญ่
กองทัพ,สนมวิไล.........................ปรนนิบัติรับใช้เคียงกาย
ฤาษีตรัสอาตมา..........................จะเสื่อมหนาด้วยทรัพย์ขยาย
จะมีภริยาปราย...........................จะถึงตายด้วยประโยชน์ใด

   ๒๒.เหตุใดให้ความแก่...............ครอบงำแท้จะมัวเพลินไหว
ในโลกที่มีไซร้.............................ด้วยความแก่,ความตายอันรายเรียง
ประโยชน์ใดที่คอย......................หาทรัพย์ช้อยลูกเมียมาเคียง
อาตมาพ้นลี้เลี่ยง.........................จากเครื่องผูกแล้วมิหวนคืน

   ๒๓.ผลไม้สุกถึงภัย....................ร่วงหล่นไซร้สัตว์หลายสุดฝืน
ย่อมถึงเภพภัยยืน........................คือความตายฉันนั้นแน่นอน
ชนมากมายเห็นกัน.......................เช้า,เย็นพลันไม่เจอแล้วจร
ความตายไม่เว้นผ่อน.....................ให้ใครแต่ชนสูงลงมา

   ๒๔.เจ้ากาสิกราช.......................ทรงปราดเลื่อมใสขอบวชหนา
พร้อมทั้งเหล่าเสนา.......................ออกบวชผลามตามพระเตมีย์
ราชาอีกหลายองค์........................ทราบความบ่งผนวชตามคลี่
เตมิยฤาษี.....................................ลุ"อภิญญ์ฯ"เกิดพรหมโลกเอย ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๗
        ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม:มหานิบาตชาดก ตอนที่ ๑ บำเพ็ญเนกขัมมบารมี เตมียชาดก https://www.blockdit.com/posts/

ชาดก=คือ เรื่องราวในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์
โพธิสัตว์=พระโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คำว่า "โพธิสัตว์" แปลว่า ผู้ข้องอยู่ในพระโพธิญาณ
พระโคดมพุทธเจ้า,พระโคตมพุทธเจ้า=พระพุทธเจ้าในกาลปัจจุบัน
ภิเนษกรมณ์=การออกบรรพชาของพระพุทธเจ้า
อนุตต์ฯ=อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ญาณอันประเสริฐอันเป็นเครื่องตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
ทศชาติ=คือทศชาติชาดก หรือ พระเจ้าสิบชาติ เป็นชาดกที่สำคัญ กล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีใน ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะเสวยพระชาติมาเกิดเป็นพระโคตมพุทธเจ้า หรือเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์ ชาดกทั้ง ๑๐ เรื่อง เพื่อให้จำง่าย มักใช้พยางค์แรกของแต่ละชาติ (คือ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว)
๑)ชาติที่ ๑ เตมียชาดก เพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี หมายถึง การออกบวช พระเตมีย์ใบ้ โอรสของพระเจ้ากาสิกราช แห่งกรุงพาราณสี
๒)ชาติที่ ๒ มหาชนก บำเพ็ญวิริยบารมี พระ
โพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระชนกกุมาร โอรสพระเจ้าอริฏฐชนก กษัตริย์เมืองมิถิลา
๓)ชาติที่ ๓ สุวรรณสามชาดก บำเพ็ญเมตตาบารมี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพรหมฤๅษี
๔)ชาติที่ ๔ เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเนมิราช โอรสเจ้าเมืองมิถิลา โปรดการบริจาคทานและรักษาพรหมจรรย์
๕)ชาติที่ ๕ มโหสถชาดก บำเพ็ญบารมี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระมโหสถ บุตรเศรษฐีในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในนครมิถิลา เมื่อยังเยาว์ได้แสดงสติปัญญาเฉลียวฉลาด
๖)ชาติที่ ๖ ภูริทัตชาดก บำเพ็ญศีลบารมี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนาคราชชื่อ ภูริทัต โอรสของท้าวทศรถแห่งเมืองนาค
๗)ชาติที่ ๗ จันทชาดก บำเพ็ญขันติบารมี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นจันทกุมาร โอรสของพระเจ้าเอกราชแห่งกรุงบุปผวดี
๘)ชาติที่ ๘ นารทชาดก บำเพ็ญอุเบกขาบารมี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นท้าวมหาพรหม นามว่า พระนารทะ ได้จำแลงกายเป็นนักบวชมาแสดงธรรมเทศนาสั่งสอนพระเจ้าอังคติกษัตริย์นครมิถิลา
 ๙)ชาติที่ ๙ วิธุรชาดก บำเพ็ญสัจจบารมี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นวิธุรบัณฑิต ผู้เป็นปราชญ์ในราชสำนักของพระเจ้าธนญชัยโกรัพยะแห่งกรุงอินทปัต
 ๑๐)ชาติที่ ๑๐ เวสสันดรชาดก บำเพ็ญทานบารมี เป็นชาติที่สำคัญ และบำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่  เรียกกันว่า มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก เป็นเรื่องราวที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร โอรสของพระเจ้าสัญชัย และพระนางผุสดี แห่งนครสีพีรัฐบุรี ทรงบริจาคทานมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ข้าวหอม, ยอดยรรยง เยี่ยมเยือน, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #3 เมื่อ: 08, มกราคม, 2568, 09:08:02 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที

ต่อหน้า ๔/๔) ๑.เตมียชาดก

กาสิกราช=พระเจ้ากาสิกราช กษัตริย์แห่งกรุงพาราณสี
อภิญญา=อภิญญา คือ ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ มี ๖ อย่าง คือ
๑)อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
๒)ทิพพโสต มีหูทิพย์
๓)เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
๔)ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
๕)ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
๖)อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป
อภิญญา ๕ ข้อแรกเป็นฝ่ายโลกียญาณ ข้อ ๖ มีเฉพาะในพระอริยบุคคล ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล
สมาบัติ=คือ ภาวะที่จิตสงบประณีต, คุณวิเศษที่เกิดจากการที่จิตเพ่งอารมณ์จนแน่วแน่, การบรรลุคุณวิเศษชั้นสูงด้วยอำนาจของการเข้าสมาธิ, มีหลายอย่าง เช่น ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ฌาน เป็น ฌานสมาบัติ มี ๘ ได้แก่ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔.
อภิญญ์ฯ=อภิญญาสมาบัติ คือ คุณภาพของสมาธิ ทึ่ได้ รูปฌาน ๔ และ อรูปฌาน ๔
ฌาน=คือ ภาวะที่จิตสงบจากการเพ่งอารมณ์เป็นสมาธิ มีรูปฌาน ๔ แบ่ง
๑)ฌานหนึ่ง หรือปฐมยาม มีวิตก(ความตรึก),วิจาร(ความตรอง) และปีติ ความอิ่มใจ
๒)ฌานที่สอง หรือทุติยฌาน ซึ่ง วิตกและ วิจาร  สงบระงับ เหลือแต่ ปีติ
๓)ฌานสาม หรือตติยฌาน มีปีติ(ความอิ่มใจ) สงบระงับ
๔)ฌานสี่หรือ จตุตถฌาน มีอุเบกขา ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
อรูปฌาน ๔=คือฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ มี ๔
๑)อากาสานัญจายตนะ -กำหนดที่ว่างหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์
๒)วิญญาณัญจายตนะ -กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์
๓)อากิญจัญญายตนะ -กำหนดภาวะที่ไม่มีอะไร ๆ เป็นอารมณ์
๔)เนวสัญญานาสัญญายตนะ -ภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, ลิตเติลเกิร์ล, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #4 เมื่อ: 09, มกราคม, 2568, 10:14:08 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที



ทศชาติชาดก: ๒.พระมหาชนกชาดก

กาพย์ตรังควชิราวดี

   ๑.ณ เมือง"มิถิลา"...................มีราชาคุ้มครองปก
"เจ้ามหาชนก"...........................มีโอรสสององค์นา
"อริฏฐ์ชนก"พี่............................"โปลชนก"รี่น้องหนา
พี่อุปราชครา.............................น้องเป็นเสนาบดี

   ๒.พระบิดาสวรรคต.................อริฏฐ์ฯจดกษัตริย์ศรี
โปลชนกครองปรีดิ์....................อุปราชช่วยดูแล
อำมาตย์หนึ่งเคืองพก.................โปลชนกคิดแกล้งแฉ
โปลชนกขบถแปร.....................จะปลงพระชนม์ราชา

   ๓.ราชาระแวงยาตร................จับอุปราชขังหนา
โปลชนกหนีมา..........................อยู่ชายแดนด้วยเกรงภัย
ตนภักดีซื่อสัตย์.........................ถูกซัดคิดร้ายไฉน
ถ้ารู้อยู่ที่ใด...............................คงมาจับตัวลงทัณฑ์

   ๔.โปลชนกมีชน......................เห็นใจล้นพร้อมช่วยครัน
เก่งฉกาจฉกรรจ์.........................ใส่ร้ายคนไม่เป็นธรรม
ชาวเมืองรวมตัวรับ......................จัดกองทัพชิงเมืองหนำ
ราชาตรองทัพนำ........................จำนวนมากเหลือกำลัง

   ๕.อริฏฐ์ชนกรี่..........................มเหสีอย่าอยู่ยั้ง
รีบหนีรอดระวัง...........................รักษ์บุตรในครรภ์พ้นภัย
ส่วนพระองค์ออกรบ....................สิ้นชีพจบขณะรบไส
โปลชนกครองราชย์ไว................มิถิลาสืบต่อมา

   ๖.มเหสีตั้งใจ............................จะหนีไกล"กาลจัมปาฯ"
ทรงครรภ์แก่แล้วนา.....................เดินทางไกลไม่ไหวเอย
ด้วยเดชพระโพธิ์สัตว์...................ในครรภ์ชัดบันดาลเผย
พระอินทร์ทราบแล้วเกย...............แปลงชายแก่ขับเกวียนมา

   ๗.ชายชราร้องถาม....................ใครจะตามไปจัมปาฯ
พระนางขอไปนา..........................ชายแปลงรับขึ้นเกวียนพลัน
อานุภาพพระอินทร์.......................เกวียนวิ่งสิ้นแค่หนึ่งวัน
ถึงเมืองพระนางครัน.....................นั่งพักอยู่ในศาลา

   ๘.พราหมณ์ทิศาปาโมกข์...........ถูกโฉลกสงสารหนา
จึงรับเลี้ยงตลอดมา......................เหมือนน้องสาวที่ร่วมวงศ์
หลังประสูติโอรส..........................ชื่อจดอัยกาตรง
"มหาชนก"ยง...............................เติบโตมีเพื่อนมากมาย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #5 เมื่อ: 10, มกราคม, 2568, 09:19:51 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที

(ต่อหน้า ๒/๕) ๒.มหาชนกชาดก

   ๙.วันหนึ่งมหาชนก................โกรธเพื่อนชกลากตัวพ่าย
เพื่อนร้องไห้บอกปราย..............ลูกหญิงม่ายรังแกตน
มหาชนกถาม............................มารดาตามความฉงน
พ่อไปไหนมิยล.........................แม่ตอบทิศาฯพ่อเอย

   ๑๐.มหาชนกแจง...................ความแถลงกับเพื่อนเผย
เพื่อนหลายเยาะเย้ยเปรย.........ทิศาฯมิใช่พ่อจริง
มหาชนกวอน...........................มารดาอ้อนบอกทุกสิ่ง
มารดาจำต้องอิง.......................เล่าเรื่องราวความเป็นมา

   ๑๑.มหาชนกตั้งใจ..................เร่งเรียนใฝ่วิชาหนา
ให้เก่งสามารถนา......................เอาเมืองมิถิลาคืน
วัยครบสิบหกปี.........................ก็ทูลปรี่มารดายื่น
ลาไปค้าขายยืน........................สะสมทรัพย์เพื่อลุการ

   ๑๒.พระมารดานำแก้ว.............สามสิ่งแน่ว"แก้วมณี"ฉาน
แก้วมุกดาเรืองชาญ...................และแก้ววิเชียรเป็นทุน
มหาชนกซื้อ..............................สินค้าชื่อหลายกักตุน
บรรทุกเรือล่องรุน......................สู่สุวรรณภูมิไกล

   ๑๓.เริ่มต้นพระโพธิ์สัตว์..........."วิริยะ"ชัดยิ่งไข
หว่างทางพายุไว........................แรงกระหน่ำเรือแตกลง
พ่อค้าอื่น,ลูกเรือ........................ทั้งหมดครือตกใจหลง
อ้อนวอนเทวาจง........................ช่วยชีวิตตนด้วยครา

   ๑๔.มหาชนกทราบ.................กราบเรือวาบใกล้จมหนา
เสวยภัตรอิ่มนา.........................นำผ้าชุบชุ่มน้ำมัน
แล้วพันห่มทั้งตัว........................แน่นหนาทั่วคลุมกายมั่น
เมื่อเรือจมลงพลัน......................เหล่าชนจมน้ำสิ้นวาย

   ๑๕.แต่มหาชนก......................กำลังปรกด้วยภัตรฉาย
ผ้าชุ่มน้ำมันกลาย......................ช่วยไล่สัตว์น้ำห่างไกล
ให้ลอยตัวในน้ำ.........................ว่ายนานซ้ำเจ็ดวันได้
ทรงหวังตั้งพระทัย.....................จะลุฝั่งสมุทร์ครัน

   ๑๖."นางมณีเมขลา"................ผู้รักษาสมุทร์ดั้น
เห็นมหาชนกพลัน......................จะลองใจจึงถามดู
ใครหนอเจ็ดวันแล้ว....................ไม่เห็นแน่วแม้ฝั่งหรู
จะทนว่ายวนอยู่..........................ฉะนี้ทำไมกันแล

   ๑๗.มหาชนกตรัส.....................ความเพียรชัดประโยชน์แน่
แม้ไม่เห็นฝั่งแช...........................วันหนึ่งถึงฝั่งสักครา
มณีเมขลารุด..............................มหาสมุทรกว้างใหญ่หนา
คงไม่ถึงฝั่งพา.............................ท่านคงตายก่อนเอย

   ๑๘.มหาชนกตรัส.....................เพียรอยู่ชัดแม้ตายเผย
มิมีใครติเลย...............................เพราะทำเต็มกำลังแล
มณีเมขลาเน้น............................เพียรมิเห็นทางลุแฉ
จึงยากอาจตายแป......................แล้วจะหมั่นกันทำไม

   ๑๙.ตรัสเสริมสิ่งที่ทำ................อาจมิสำเร็จลงได้
ไม่ทนแต่แรกไว...........................ย่อมไร้ผลเพราะคร้านดล
มิมีวันสัมฤทธิ์..............................ควรเพียรจิตแม้ไร้ผล
ไม่ล้มตั้งใจยล.............................จึงชีพยังในทะเล

   ๒๐.คนอื่นตายหมดแล้ว............เราจึงแน่วรุดมิเฉ
ถึงฝั่งมิรวนเร..............................มณีเมขลาเยินยอ
ความเพียรของมหา-...................ชนกกล้าที่ไม่ท้อ
จึงอุ้มขึ้นไปรอ............................ณ สวนแห่งมิถิลา


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #6 เมื่อ: 11, มกราคม, 2568, 10:41:20 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๓/๕) ๒.มหาชนกชาดก

   ๒๑.โปลชนกกษัตริย์..............มิมีชัดโอรสหนา
มีแต่พระธิดา............................"สิวลี"ฉลาดเอย
ถ้าทรงสวรรคต........................ให้เลือกจดผู้เก่งเผย
สี่ข้อ,ข้อแรกเลย.......................เจ้าหญิงทรงพอพระทัย

   ๒๒.สอง,ไหนหัวนอนชี้............บัลลังก์สี่เหลี่ยมไซร้
สาม,ยกธนูใหญ่........................ซึ่งหนักคนยกหนึ่งพัน
สี่,บอกขุมทรัพย์แจง..................สิบหกแห่งมิผิดผัน
ได้แก่ขุมทรัพย์ครัน...................ที่อาทิตย์ขึ้น-ตกแล

   ๒๓.ขุมทรัพย์ใน-นอกไซร้.......และไม่ใช่ใน-นอกแฉ
ขุมทรัพย์ปลายไม้แท้................ขุมทรัพย์ที่อยู่ปลายงา
ขุมทรัพย์ปลายหางเป็น.............ทั้งหลายเด่นปริศนา
ชี้ถูกต้องแล้วนา........................เหมาะเป็นกษัตริย์เลย

   ๒๔.กษัตริย์สิ้นพระชนม์..........ไร้ผลมิมีใครเผย
จะสามารถกาจเปรย..................ลองได้ครบตามเกณฑ์วาง
ข้าราชบริพาร............................จัดการเสี่ยงราชรถพร่าง
หาผู้มีบุญพลาง..........................เหมาะสมครองบุรี

   ๒๕.ราชรถถึงสวนแล้ว.............หยุดแน่วศาลารี
มหาชนกชี้.................................กำลังนอนอยู่เลย
ปุโรหิตประโคม..........................ดนตรีโหมลืมตาเผย
ทรงทราบราช์รถเกย..................เสี่ยงทายเป็นราชา

   ๒๖.มิแสดงอาการ....................หลับตากรานต่อหนา
ปุโรหิตคิดนา..............................บุรุษมีปัญญาเลอ
มิตื่นเต้นตกใจ............................เข้าไปตรวจ"พระบาท"เจอ
ลักษ์ณะมีบุญเปรอ.....................ให้ประโคมดนตรีมา

   ๒๗.ปุโรหิตทูลเสริญ................และเชิญมหาชนกหนา
ทรงขึ้นเป็นราชา........................มิถิลาที่ว่างไย
มหาชนกตรัส.............................ถามชัดราชาไปไหน
ปุโรหิตทูลไว..............................กษัตริย์สวรรคตลง

   ๒๘.ราชาไร้โอรส.....................มีจดพระธิดายง
"สิวลี"นามองค์............................แค่พระองค์เดียวเอง
มหาชนกตรับ.............................และรับเป็นกษตริย์เผง
สิวลีทูลเร่ง.................................มาปราสาทพระองค์ไว

   ๒๙.เจ้าหญิงทูลเชิญยั้ง............สามครั้งกษัตริย์มิไป
แต่ไปมิบอกใคร.........................เจ้าหญิงรีบต้อนรับทัน
มหาชนกถาม.............................ข้อความราชาเก่าสรรค์
อมาตย์ทูลเล่าพลัน.....................พระองค์ตอบปัญหาแจง

   ๓๐.หนึ่ง,เจ้าหญิงต้องพึง..........พระทัยซึ้งเราแถลง
นี้พอใจแสดง..............................เสด็จมาต้อนรับเรา
สอง,ทิศหัวนอนที่........................บัลลังก์สี่เหลี่ยมเฉลา
ราชาถอดเข็มกลัด......................ที่มัดผ้าโพกหัวลง

   ๓๑.ส่งเข็มให้เจ้าหญิง...............วางอิงบนบัลลังก์คง
สิวลีรับเข็มตรง............................วางบนบัลลังก์เหลี่ยมพลัน
มหาชนกชี้...................................เข็มวางที่ทิศใดครัน
นั่นเป็นหัวนอนยัน.........................ของบัลลังก์นี้แน่เอย

   ๓๒.สาม,ธนูอันใหญ่...................หนักมากไซร้ยกได้เลย
และน้าวเล็งได้เปรย......................อย่างง่ายดายเพราะเลิศพลัง
สี่,ขุมทรัพย์มีหลายแห่ง.................สิบหกแห่งอยู่ไหนขลัง
บอกได้ทุกที่ดัง.............................ขุดแล้วเจอทรัพย์มากมาย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #7 เมื่อ: 12, มกราคม, 2568, 07:21:10 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๔/๕) ๒.มหาชนกชาดก

   ๓๓.หมู่ชนเสริญปัญญา..........มหาชนกยิ่งผาย
เชิญพระมารดากราย................พราหม์ทิศาฯผู้ค้ำจุน
เข้ามาอยู่ในวังใกล้....................บำรุงให้สบายหนุน
สร้างโรงทานอดุลย์...................หกทิศในมิถิลา

   ๓๔.มิถิลาผาสุก......................ราชาชุกทรงธรรมหนา
สิวลีประสูติครา.........................โอรส"ทีฆาวุ"เจริญ
พระบิดาตั้งให้...........................ดำรงไซร้อุปราชเสริญ
มิถิลาชื่นเพลิน..........................ชนสราญตลอดมา

   ๓๕.วันหนึ่งราชาทรง..............เสด็จตรงอุทยานหนา
เห็นต้นมะม่วงครา.....................ต้นแรกกิ่งหักโทรมทวี
อีกต้นใบแน่นดก.......................ทึบเขียวปรกสมบูรณ์ดี
อมาตย์แจงต้นหักมี...................ผลอร่อยคนเก็บราน

   ๓๖.ต้นสมบูรณ์ไร้ผล..............ไม่มีคนรบกวนผลาญ
ราชาตรึกตรองการ....................ราชสมบัติเปรียบเอย
ต้นไม้มีผลวาย...........................อาจถูกทลายเผย
มิถูกทลายเปรย.........................ต้องระวังคอยกังวล

   ๓๗.มหาชนกตรึก....................ต้องไม่นึกพะวงผล
เหมือนไม้ไร้ผลดล.....................จำเราต้องออกบวชเอย
สละราชสมบัติ...........................เพื่อปัดความกังวลเผย
ทรงปลงหนวด,ผมเอย................เสด็จออกจากวังไกล

   ๓๘.สิวลีทรงทราบ...................จึงทาบทามวอนกลับไว
ไม่ยอมคืนครรไล.......................สิวลีออกอุบาย
เผาเรือนเก่า,หญ้าใบ...................ให้เข้าใจไหม้คลังหมาย
ทรงแจงไร้ทรัพย์กราย................ทรัพย์แท้บวชสงบใจ

   ๓๙.สงบสุขทรัพย์นี้..................พึงชี้มิทลายไส
ตรัสอภิเษกไว.............................ทีฆาวุกษัตริย์เครือ
สิวลีเพียรงาม..............................ติดตามต่อมิเบื่อ
เจอสุนัขคาบเนื้อ.........................เจ้าของเผลอวิ่งมา

   ๔๐.เห็นคนสุนัขปล่อย..............ชิ้นเนื้อพลอยหล่นนา
มหาชนกมา...............................ไม่มีเจ้าของรับเอา
สิวลีเสียใจ................................เสวยไซร้ภัตรทิ้งเขลา
มหาชนกเกลา............................อาหารพิเศษยิ่งเลย

   ๔๑.สององค์พบเด็กหญิง.........กำไลอิงข้อมือเผย
ข้างหนึ่งมีสองเกย......................อีกข้างสวมแค่อันเดียว
ราชาถามเด็กไว.........................ทำไมกำไลสองเชียว
จึงมีเสียงดังเปรียว.....................เด็กตอบเพราะกระทบกัน

   ๔๒.เด็กบอกมีอันเดียว.............มิสบเทียวไร้เสียงยัน
มหาชนกครัน..............................สิวลีพิศกำไล
เปรียบคนสองอยู่เคียง................ยังเสียงกระทบกันได้
อยู่คนเดียวหทัย..........................สงบสุขกว่าแน่นอน

   ๔๓.สิวลียังผลาม.......................ติดตามราชาไปจร
มีช่างทำลูกศร..............................ตอบราชามีหลักการ
ต้องหลับตาข้างหนึ่ง.....................เพื่อดัดตรึงศรเสร็จงาน
ลืมตาทั้งสองพาน..........................ไม่เห็นชัดคดหรือตรง

   ๔๔.ราชาทรงเปรียบตรอง..........คนอยู่สองขัดแย้งบ่ง
อยู่เดียวมิโกรธคง.........................ขัดเคืองกับใครอีกเลย
มหาชนกตรัส................................ประสงค์ชัดไปเดี่ยวเผย
หวังสงบหลีกเปรย.........................การอยู่ร่วมผู้อื่นแล


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #8 เมื่อ: 13, มกราคม, 2568, 09:51:58 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(หน้า ๕/๕) ๒.มหาชนกชาดก

   ๔๕.สิวลีน้อยใจ.....................ต่อไปไร้วาสนาแฉ
จะอยู่ร่วมกันแน่.......................ต้องแยกทางกลับคืนเมือง
ราชาเสด็จสู่ป่า........................เจริญสมาบัติเรือง
อยู่ในป่าเนืองเนือง...................ทรงมิได้คืนกลับมา

   ๔๖.สีวลีจัดการ.....................อภิเษกขานราชา
ทีฆาวุบุตรา..............................ครองมิถิลาต่อไป
พระนางโปรดให้สร้าง...............เจดีย์พลางต่างที่ไข
เพื่อรำลึกถึงไกล......................มหาชนกระบือ

   ๔๗.ด้วยทรงปัญญาเลิศ.........ความเพียรเชิดอันเลื่องชื่อ
ตั้งความพากเพียรลือ...............แม้จะยากเย็นเพียงใด
เพราะปัญญาแม้ทุกข์...............ก็รุกเรื่อยหวังได้ไกล
ทำตนพ้นทุกข์ไว......................ทำให้ได้ผลทุกครา ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๗
        ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: มหานิบาตชาดก ตอนที่ ๒ บำเพ็ญวิริยบารมี มหาชนกชาดก https://www.blockdit.com/posts/

อริฏฐ์ฯ=พระอริฏฐชนก
กาลจัมปาฯ=เมืองกาลจัมปากะก
ทิศา=พราหม์ทิศาปาโมกข์
ธนูหนักหนึ่งพันคนยก=คือ ธนูที่ต้องใช้คน พันคนน้าวถึงจะยิงได้ แต่พระมหาชนกเพียงคนเดียวก็ยิงได้
ขุมทรัพย์ ๑๖ แห่ง=ที่พระมหาชนก ทำนายปริศนาของราชาองค์ก่อนได้ถูก จึงขุดพบสมบัติมากมาย
๑)ขุมทรัพย์ที่พระอาทิตย์ขึ้น
  เพราะพระปัจเจกโพธินั้นเปรียบประดุจพระอาทิตย์เมื่อท่านคอยยืนรับที่ใด ก็เเสดงว่าที่นั้นมีขุมทรัพย์อยู่
๒)ขุมทรัพย์ในที่พระอาทิตย์อัสดง
พระมหาชนถามอมาตย์ว่า เวลาเลี้ยงดูพระปัจเจกโพธิเสร็จแล้ว เวลากลับพระปัจเจกโพธิกลับทางใด อมาตย์ตอบว่า เวลากลับพระปัจเจกโพธิจะกลับทางท้ายพระราชมณเฑียร และพระราชาจะไปส่งเสด็จประทับยืน ณ สนามท้ายพระราชมณเฑียร จุดที่ยืนคือขุมทรัพย์ฝังไว้
 ๓)ขุมทรัพย์อยู่ใน
หมายถึงประตูพระราชนิเวศน์
๔)ขุมทรัพย์อยู่นอก
หมายถึง อยู่นอกประตูพระราชนิเวศน์
๕)ขุมทรัพย์อีกขุมหนึ่งไม่ได้อยู่ข้างนอกและข้างใน
หมายถึง อยู่ที่ธรณีประตูพระราชนิเวศ”
 ๖)ขุมทรัพย์อยู่ในที่ขึ้น
หมายถึง ประตูขึ้นราชนิเวศน์
๗)ขุมทรัพย์อยู่ในที่ลง
หมายถึง หน้าเกยชลาที่ลงจากคชสาร
เพราะราชาจะเสด็จออกจากวังด้วยช้าง ขากลับเสด็จลง ณเกยชาลา
๘-๑๑)ขุมทรัพย์อยู่ในระหว่างไม้สี่
หมายถึง อยู่ที่ทวารประตู ๔ แห่ง ที่มีพระแท่นทำด้วยไม้รัง
๑๒)ขุมทรัพย์อยู่ประมาณโยชน์หนึ่ง
หมายถึง แท่นบรรทมแต่ละด้านวัดออกมา  ๔ ศอก จะมีขุมทรัพย์
๑๓)ขุมทรัพย์อยู่ที่ปลายงา ๒ ข้าง
หมายถึง จุดที่ปลายงาจรดดิน ตรงที่พญาเศวตกุญชรยืนในโรงคชสาร
๑๔)ขุมทรัพย์ที่ปลายหาง
หมายถึง ตรงที่ปลายหางช้าง พญาเศวตกุญชร
๑๕)ขุมทรัพย์ที่สระน้ำ
หมายถึงทรัพย์ที่ฝังไว้ในสระโบกขรณีมงคล
๑๖)ขุมทรัพย์ที่ยอดไม้
หมายถึง ทรัพย์ที่ฝังใต้ต้นรังใหญ่ ในอุทยาน ต้องขุดในเวลาเที่ยงวัน เงาจะอยู่ที่โคนต้น

(ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต)


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ต้นฝ้าย, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #9 เมื่อ: 14, มกราคม, 2568, 08:52:08 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที


ทศชาติชาดก: ๓.สุวัณณสามชาดก

กาพย์มหาตรังคนที

   ๑.โพธิ์สัตว์ชัดบำเพ็ญ.............ตนเด่นเมตตาบาร์มีเลิศ
"สุวัณณ์สาม"กำเนิด..................เลี้ยงพ่อแม่ตาบอดในพนา
ความนาชาดกนี้........................เพื่อนสองชี้สนิทชิดหนา
ตั้งใจจะดองนา.........................ลูกสองต่างแต่งงานผูกพัน

   ๒.ต่อมาฝ่ายหนึ่งปราย............ลูกชาย"ทุกูลกุมาร"สรรค์
อีกฝ่ายธิดาครัน........................"ปาริกฯ"ทั้งสองครองศีลงาม
ฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง..................เมื่อโตพริ้งพ่อดำริผลาม
แต่งงานขานทั่วคาม...................แต่ทั้งสองตรองไม่ตกลง

   ๓.ต่างมิขัดใจแล.....................พ่อแม่นำแต่งตามประสงค์
อยู่กันฉันเพื่อนคง......................ทั้งคู่คิดบวชเรียนลี้ไกล
ไม่อยากครองชีพพาน...............แบบชาวบ้านฆ่ารานสัตว์ไข
จึงอ้อนวอนขอไป......................บำเพ็ญพรตจดในป่าเอย

   ๔.เมื่อรับอนุญาต....................รีบปราดตั้งจิตบวชเผย
แต่งแบบดาบสเลย.....................ห่มผ้าย้อมเปลือกไม้,เกล้ามวย
บำเพ็ญเมตตายิ่ง........................อยู่ร่วมสิงสาราสัตว์ช่วย
ต่างฝ่ายเมตตาอวย.....................ไม่ทำร้ายกรายสุขสราญ

   ๕.พระอินทร์เล็งคู่พรต..............ดาบสจดอันตรายผลาญ
ขอสองดาบสกราน......................มีบุตรเกื้อกูลยามยากครา
แต่ทุกูลดาบส..............................บำเพ็ญพรตเพื่อพ้นทุกข์หนา
จะมีบุตรไรนา..............................มิต้องการชีพช้อยอย่างชน

   ๖.พระอินทร์ตรัสป้อง................ไม่ต้องทำเยี่ยงชาวโลกด้น
ดาบสอย่าวกวน...........................เพียงมือลูบท้องนางทันใด
นางจะตั้งท้องเครือ.......................ดาบสเชื่อตา มพระอินทร์ไข
แล้วนางตั้งครรภ์ไว.......................คลอดบุตราผิวพรรณดั่งทอง

   ๗.นาม"สุวัณณ์สาม"...................ทองงามวามบริสุทธิ์ผ่อง
ปาริกฯดาบสตรอง........................เลี้ยงเติบโตโขรู้วิธี
เส้นทางหาน้ำ,ภัตร........................ผลไม้ชัดช่วยกิจอื่นรี่
ดาบสพ่อแม่มี................................เวลาบำเพ็ญธรรมล้ำพอ

   ๘.วันหนึ่งดาบสสอง...................ออกท่องหาผลไม้ต่อ
ฝนตกหนักพักรอ..........................ใต้ไม้ใหญ่ใกล้จอมปลวกเอย
มีงูพิษอาศัย..................................อยู่ในจอมปลวกนี้เองเผย
น้ำจากผม,เสื้อเลย.........................หยดรินจอมปลวกถูกตัวงู


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ต้นฝ้าย, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #10 เมื่อ: 15, มกราคม, 2568, 09:11:33 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๒/๔) ๓.สุวัณณสามชาดก

   ๙.งูตกใจพ่นพิษ......................เพราะคิดป้องตนภัยล้นจู่
สี่ดวงตาเต็มพรู..........................สองดาบสจดตาบอดพลัน
มิอาจคืนศาลา...........................ที่พักคราพร่าทางฝ่าดั้น
ต้องวนเวียนคลำกัน...................เดินไม่ไกลจากที่นั้นเอง

   ๑๐.ทั้งสองเสียดวงตา.............กรรมนาชาติก่อนผัวเมียเผง
ทุกูลฯเป็นหมอเพรง...................รักษาตาเศรษฐีหายลง
ค่ารักษาไม่จ่าย.........................ปาริกฯหมายอุบายแค้นบ่ง
ทุกูลฯเตรียมยาตรง...................ป้ายตาฤทธิ์รุนแรงบอดพลัน

   ๑๑.บาปทำหนำก่อปลง...........ทั้งสองต้องตาบอดชาตินี้พรั่น
สุวัณณ์สามคอยครัน.................จึงติดตามจนเจอทราบความ
ร้องไห้,หัวเราะเอย.....................พ่อแม่เอ่ยเพราะเหตุใดผลาม
สุวัณณ์สามไห้ลาม....................เสียใจเรื่องตาบอดพิการ

   ๑๒.แต่หัวเราะโอกาส..............มิพลาดปรนนิบัติสองท่าน
สุวัณณ์สามจัดการ....................อาหาร,น้ำซ้ำดูแลทุกครา
หาเชือกเลือกผูกราว..................ศาลายาวสาวเกาะเดินหนา
พ่อแม่สบายนา...........................มิพลัดหลงไกลห่างศาลา

   ๑๓.คราสุวัณณ์สามไป..............พงไพรหาภัตรมีสัตว์หนา
ห้อมล้อมคล้ายเพื่อนนา................เพราะเมตตาจิตสัตว์ไว้ใจ
สัตว์ปรากฏจดอยู่.........................รอบรอบกรูศาลานี้ใกล้
สามชีวิตสุขไง..............................ปราศทุกข์ร้อนถอนวุ่นวายเลย

   ๑๔.วันหนึ่ง"กบิลยักข์ฯ"..............กษัตริย์รักจักฆ่าสัตว์เอ่ย
มาถึงท่าน้ำเคย.............................มีรอยเท้าสัตว์ชัดมากมาย
จึงซุ่มรอยิงสัตว์............................เห็นชัดสุวัณณ์สามมีหม้อฉาย
มีฝูงสัตว์เดินกราย........................ตามมาคาดเป็นเทพหรือคน

   ๑๕.ราชาคิดหากถาม.................กลัวผลามหนีไปจึงยิงด้น
จับตัวซักความปน.........................จึงยิงธนูพรูอาบยา
ถูกสุวัณณ์สามที่-..........................ลำตัวปรี่ปรุขวา-ซ้ายหนา
สุวัณณ์สามล้มนา..........................ยังมิตายเอ่ยความว่าครัน

   ๑๖.เนื้อ-หนังเรานี้หา...................ประโยชน์นายิงทำไมมั่น
คนยิงเป็นใครกัน............................ไยยังซ่อนตัวอยู่ทำไม
ราชารู้สึกแปลก..............................เป็นใครแผกมิโกรธเคืองใจ
จึงแจงตนครรไล.............................เป็นราชาพาราณสีคง

   ๑๗.ราชาถามเหตุใด.....................ทำอะไรในป่านี้บ่ง
สุวัณณ์สามแจ้งตรง........................แนะนำตนตามความเป็นจริง
ถามราชาไฉน.................................ยิงเราไซร้ปวดสาเหตุยิ่ง
ราชาต้องปดอิง...............................ตั้งใจใฝ่แค่ ยิง"เนื้อ"เอง

   ๑๘.สุวัณณ์สามเข้ามา.................พอดีนา"เนื้อ"เตลิดเผง
เราโกรธจึงมิเกรง...........................ยิงออกไปไกลโดนท่านเลย
สุวัณณ์สามแย้ง.............................ตรัสแคลงสัตว์หลายในป่าเผย
มิเกรงกลัวหนีเลย...........................เพราะเป็นเพื่อนกล้าของข้าแล

   ๑๙.ราชาละอายใจ......................พูดเท็จไปยิงเพราะโง่แฉ
เจ้าอยู่กับใครแจ.............................และตักน้ำไปให้ผู้ใด
สุวัณณ์สามบ้วนเลือด.....................มิเหือดปากทูลว่าอยู่ใกล้
พ่อแม่ตาบอดไซร้...........................เมื่อถูกยิงหาใครเลี้ยงดู

   ๒๐.ภัตรมีแค่หกวัน.......................แต่น้ำนั้นไม่มีเลยอยู่
พ่อแม่ต้องหิวพรู..............................เดือดร้อนทุกข์รุกหนักลำเค็ญ
ทุกข์เจ็บปวดถูกยิง..........................ไม่ดิ่งเท่าห่วงพ่อแม่เข็ญ
ขาดลูกดูแลเย็น...............................สุวัณณ์สามร่ำไห้ทุกข์ใจ


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #11 เมื่อ: 16, มกราคม, 2568, 06:06:36 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๓/๔) ๓.สุวัณณสามชาดก

   ๒๑.ราชาเสียใจหลาย..........ทำร้ายผู้กตัญญูใส
รับปากเลี้ยงแทนไว................ให้เหมือนที่ท่านเลี้ยงมาเอย
สุวัณณ์สามดีใจ......................ราชาไซร้รับปากดูแลเผย
พ่อแม่อยู่ใกล้เปรย..................ฝากราชากราบลาแทนตน

  ๒๒.สุวัณณ์สามกราบลง........สลบปลงสิ้นลมบัดดล
ร่างกายเกร็งแข็งยล................ด้วยพิษยาซาบซ่านทั่วกาย
ราชาเสียใจนัก........................ก่อกรรมหนักฆ่าคนตาย
ทางเดียวผ่อนบาปคลาย..........ต้องดูแลพ่อแม่ตอบแทน

   ๒๓.กบิลยักข์ราชา...............หยิบคว้าหม้อน้ำรีบแล่น
เร่งสู่ศาลาแดน........................ทุกูลดาบสยินเสียงเดิน
ถามไม่ใช่ลูกเรา......................ลูกเดินเบามิหนักสะเทิน
ราชามิกล้าบอกเอิน.................ทรงยิงสุวัณณ์สามตายลง

   ๒๔.บอกแค่เป็นราชา............พาราณ์สีมาล่าเนื้อบ่ง
เชิญเสวยน้ำตรง......................สักครู่สุวัณณ์สามกลับมา
ราชาโศกเศร้าตรัส...................มิกลับชัดเพราะตายแล้วหนา
ด้วยธนูเรานา............................นางปาริกฯโกรธแค้นมากเลย

   ๒๕.ทุกูลฯปลอบโยนว่า...........เวรนาของลูก,สองเราเผย
จงสำรวมจิตเลย.........................อย่าเคืองราชารับผิดแล
ตรัสว่าสัญญารัว.........................กับตัวสุวัณณ์สามแล้วแน่
จะเลี้ยงดูมิแปร...........................ให้เหมือนลูกชายเลี้ยงดูไว

   ๒๖.สองดาบสขอนา................ช่วยพาไป ใกล้ลูกสิ้นใจ
ราชาทรงพาไป..........................พอถึงแม่ช้อนเท้าลูกเอย
พ่อช้อนหัววางตัก.......................ปาริกฯจักคลำอกลูกเผย
เห็นกายอุ่นอยู่เลย......................จึงอธิษฐานลูกพฤติดี

   ๒๗.สุวัณณ์สามเป็นเลิศ...........บรรเจิดกตัญญูทวี
อานุภาพบุญมี.............................ช่วยคลายพิษลงชีพฟื้นคืน
สุวัณณ์สามพลิกกาย..................กลับหงายอีกข้างยังมิฟื้น
พ่อตั้งจิตซ้ำยืน...........................กายก็พลิกได้อีกทันควัน

   ๒๘.เทพธิดา"วสุนธ์ฯ"...............อดุลย์รักษ์"คันธมาทน์"สรร
ตรึกสุวัณณ์สามยัน.....................เมตตา,กตัญญูเหนือใคร
สัจจ์วาจาสัมฤทธิ์........................ขอให้พิษจางเหือดหายไส
สุวัณณ์สามฟื้นไว........................หายจากพิษธนูสิ้นเชิง

   ๒๙.ดวงตาบอดพ่อแม่...............กลับแลเห็นเช่นเดิมชัดเบิ่ง
ราชาแปลกใจ,เริง........................ฟื้นขึ้นมากล้าได้อย่างไร
สุวัณณ์สามตอบเคียง..................ใครเลี้ยงดูรักพ่อแม่ไข
เทพ,มนุษย์ไว...............................จะคุ้มครองปราชญ์ย่อมเยินยอ

   ๓๐.ตายแล้วสู่สวรรค์.................กตัญญูพรูบุญมากหนอ
ทรงตรัสแต่นี้พอ...........................จะทรงรักษ์ศีลเว้นฆ่าราน
สุวัณณ์สามทำให้.........................หทัย,ดวงตาพระองค์ศานติ์
ราชาขอขมากราน........................สุวัณณ์สามเดือดร้อนแทบวาย

   ๓๑.สุวัณณ์สามเลี้ยงดู...............ค้ำชูพ่อแม่เพียรขยาย
บำเพ็ญธรรมพร่างพราย...............สิ้นชีพสู่พรหมโลกตาม
ด้วยกุศลธรรมล้ำ.........................เมตตานำต่อชน,สัตว์ผลาม
กตัญญูคุณลาม............................กุศลสูงสุดบุตรพึงทำ


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #12 เมื่อ: 17, มกราคม, 2568, 08:41:41 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที

(ต่อหน้า ๔/๔) ๓.สุวัณณสามชาดก

   ๓๒.เมตตาบารมี...................บำเพ็ญนี้ชีพสงบหนำ
ชีวิต,จิตสุขพรำ.......................ไร้ภยันอันตรายพาล
เมตตาหนาธรรมรักษ์...............ปกปักผู้ประพฤติงามฉาน
เหมือนเกราะคุ้มภัยราน............มิให้ใครใฝ่ทำร้ายเอย ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๗-๖๑๘
        ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: สุวัณณสามชาดก ตอนที่ ๓ บำเพ็ญเมตตาบารมี  https://www.blockdit.com/posts/

สุวัณณสาม=คือพระชาติหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันซึ่งเสวยพระชาติเป็นสุวัณณสามดาบส ในการบำเพ็ญเมตตาบารมี โดยสุวัณณสามดาบสต้องรับภาระเลี้ยงดูสองดาบสบิดามารดาผู้ตาบอด
ทุกูลฯ=ทุกูลกุมาร ภายหลังบวชเป็น ทุกูลดาบส
ปาริกฯ=ปาริกากุมารี ภายหลังบวชเป็นดาบสสินี
พระอินทร์= มักเรียกโดยทั่วไปในชื่อท้าวสักกะหรือท้าวศักระ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์เป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา และเป็นพระโสดาบันในอดีตชาติ พระอินทร์ เกิดเป็นมฆมานพ เขาและสหายอีก ๓๒ คน ได้ร่วมกันทำทานและสร้างศาลาที่พัก สระน้ำ และสวนสาธารณะ ไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อตายไป มฆมานพและสหาย ๓๒ คน ได้ไปเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
กบิลยักข์=กบิลยักขราช ราชาแห่งพาราณสี
วสุนธ์ฯ=เทพธิดาวสุนธรี ผู้ดูแลเขาคันธมาทน์
คันธมาทน์=เขาคันธมาทน์

(ขอคุณเจ้าของภาพจาก อืนเทอร์เน๊ต)


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #13 เมื่อ: 18, มกราคม, 2568, 08:24:36 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที



ทศชาติชาดก: ๔.เนมิราชชาดก

กาพย์มหาวชิรปันตี

   ๑.โพธิ์สัตว์เสวยชาติ............."พระเนมิราช"ตั้งการ
อธิษฐานบาร์มี.........................พฤติพรหมจรรย์รี่,ทานเผย
แต่เยาว์เอยโอรส.....................มิถิลาจดราชา
ทรงรักษาศีลนบ......................อุโบสถครบเคร่งครัน

   ๒.พระบิดาชรา.....................เริ่มพระเกศาหงอกผัน
สมบัติพลันมอบให้...................เนมิราชได้ครอบครอง
บิดาตรองออกบวช..................รักษาศีลยวดตราบนาน
เนมิฯสานครองราชย์................สร้างโรงทานดาษทิศทาง

   ๓.โรงทานริมประตู................ทั้งสี่ทิศหรู,ห้ากลาง
พระองค์วางแจกทาน................ปกติผ่านหมู่ชน
ทรงสอนพลไพร่รักษ์................ศีลให้มั่นนักสุขสม
ชนใจร่มรื่นเย็น........................เนื่องด้วยบำเพ็ญธรรมแล

   ๔.คราเนมิฯพฤติธรรม............เกิดสงสัยด่ำ"ทาน"แฉ
ประพฤติแน่"พรหม์จรรย์"..........ใจสะอาดครันเสมอ
ไม่ยุ่งเผลอชาวโลก...................ไม่เป็นหัวโจกวุ่นวาย
พรหม์จรรย์กรายและทาน.........ไหนประเสริฐขานกว่ากัน

   ๕.พระอินทร์ทราบกังขา..........ของเนมิฯนาทรงดั้น
จากสวรรค์ดาวดึงส์....................จรมาอยู่ซึ่งหน้าราชา
พระอินทร์ว่าจะแจง.....................รายละเอียดแฝงพรหม์จรรย์,
ให้ทานนั้นสิ่งใด..........................เป็นกุศลไซร้มากเอย

   ๖.พระอินทร์ทูลว่า....................เกิดเป็นราชา,เทพเผย
หรือพรหมเลยเพราะยาตร...........พรหม์จรรย์สะอาดต่างกัน
ราชาครันสะอาด.........................พฤติ"ขั้นต่ำ"คาดน้อยแล
เทวาแน่พรหม์จรรย์....................."สะอาดกลาง"ครันกลางชู

   ๗.ผู้เป็นพรหมฉกาจ..................พรหม์จรรย์สะอาดสุดกู่
ทำยากอยู่ต้องรุด........................วิถีมนุษย์เบี่ยงเบน
ครองเรือนเอนต้องเลิก.................เพื่อเน้นธรรมเกริกยิ่งยง
พรหม์จรรย์บ่งยากกราย..............กว่าให้ทานหลายเท่าเอย

   ๘.แต่กษัตริย์กอปรทาน.............อันมากยิ่งกราน"ด้อย"เผย
มิพ้นเลยกิเลส.............................เป็นตัวต้นเหตุทุกข์ทน
แม้เกิดวนสุขรมย์.........................บันเทิงชื่นชมเลิศผล
มิเทียบยลประพฤติ......................แบบพรหม์จรรย์ยึดเลยนา


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, เฒ่าธุลี, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
« ตอบ #14 เมื่อ: 19, มกราคม, 2568, 08:52:27 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๒/๔) ๔.เนมิราชชาดก

     ๙.พระอินทร์ทรงเล่าเรื่อง.........เคยเกิดประเทืองราชา
ณ เมืองพาราณสี.........................นักพรตหมื่นรี่รับทาน
กุศลพานยิ่งใหญ่.........................แต่แค่เกิดไซร้เทวโลก
นักพรตโชคพฤติพรหม-...............จรรย์กลับเกิดสมเหนือแล
   ๑๐.ครือพรหมโลกแดนล้ำ.........สงบสุขหนำกว่าแน่
สมบูรณ์แท้ประเสริฐ....................จึงแพร้วเพริศเลิศกว่า"ทาน"
พระอินทร์ขานตักเตือน................เนมิฯอย่าเลือนพฤติธรรม
สองอย่างพร่ำ"ศีล,ทาน"...............ปฏิบัติกรานพิบูลย์

   ๑๑.พระอินทร์คืนเทว์โลก..........เทพอ้างมีโชคเกื้อกูล
เป็นศิษย์พูนราชา.........................ทรงสอนธรรมหนาพวกเรา
รำลึกเพราพระคุณ.......................ขอพระอินทร์จุนเชื้อเชิญ
เนมิฯเพลินดาวดึงส์......................เหล่าข้าได้พึงพบเอย

   ๑๒.พระอินทร์ทรงบัญชา.........."มาตุลี"สาร์ถีเสย
ราช์รถเกยทูลเชิญ.......................เนมิราชเดินแดนสรวง
เทพทั้งปวงรำลึก..........................พระคุณตรองตรึกอยากพบ
เนมิฯสบตอบเลย..........................ยินดีมิเคยเยี่ยมเยือน

   ๑๓.เสด็จโดย"เวชยันตร์"............มาตุลีครันแจงเคลื่อน
สองทางเกลื่อนที่อยู่......................คนทำบาปพรู,ทำบุญ
จะเลือกผลุนใดก่อน......................ย่อมทรงได้จรทั้งสอง
เนมิฯตรองเลือกไป........................ผู้ทำบาปไซร้ก่อนเอย

   ๑๔.มาตุลีพาเยี่ยม......................เมืองนรกเลียมแลเผย
ได้ผ่านเกยแม่น้ำ..........................."เวตร์ณี"ที่งำสัตว์นรก
แม่น้ำดกเถาวัลย์...........................หนามเท่าหอกพลันคอยแทง
เพลิงรุกแดงแรงชัด.......................หลาวเหล็กเสียบสัตว์เยี่ยงปลา

   ๑๕.สัตว์นรกตกน้ำ.....................ถูกของแหลมหนำตัดหนา
เป็นท่อนนาชิ้นน้อย......................."นิรย์บาลฯ"คอยใช้เบ็ด
เกี่ยวสัตว์เข็ดจากน้ำ......................มานอนหงายซ้ำย่างไฟ
บางทีใช้เหล็กแดง..........................อุดปากเสียบแทงเจ็บครัน

   ๑๖.มาตุลีพาไป...........................ขุมนรกต่างไซร้หลายหวั่น
ถูกโทษทัณฑ์จองจำ......................ทรมานช้ำสาหัส
ทุเรศจัดเวท์นา...............................น่ากลัวยิ่งหนาสัตว์เอย
เนมิฯเอ่ยถามเหตุ............................โทษแยกประเภทใดแล

   ๑๗.มาตุลีตอบปรก.......................ผู้ยิงขว้างนกโทษแฉ
ต้องโทษแน่ไม่รอ............................เอาเหล็กรัดคอขาดเอย
แม่ค้าเคยลวงปรี่..............................ของเลวว่าดีหรือปน
ถูกโทษป่นปี้นำ................................เกิดกระหายน้ำรุนแรง

   ๑๘.แม่ค้าถึงแหล่งน้ำ....................กลายแกลบเพลิงซ้ำเหมือนแกล้ง
จึงสำแดงกินไป...............................แกลบเพลิงร้อนไฟร่างเผา
ทนทุกข์เอาเวท์นา............................แสนสาหัสหนาจำทน
นี่คือผลพูดปด..................................ลวงลูกค้ามดเท็จแน่เลย

   ๑๙.ผู้ทำมิตรเดือดร้อน...................อีกเบียดเบียนกร่อนแท้เผย
ตายแล้วเอยเกิดใน...........................ขุมนรกไวหิวพาน
พบอาหารกลับกลาย........................เป็นมูตร,คูถรายเรียงหรู
จำต้องกรูดื่มกิน...............................ต่างอาหารสิ้นรับเอา

   ๒๐.ผู้ฆ่าพ่อแม่ซุน.........................ผู้มีพระคุณด้วยเขลา
ฆ่าผู้เพราศีลงาม..............................ไฟนรกลามเผาแล
กระหายแท้ต้องดื่ม...........................เลือด,หนองมิลืมอาหาร
ทรมานเป็นทุกข์...............................หนีไม่พ้นบุกถึงตน


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.216 วินาที กับ 217 คำสั่ง
กำลังโหลด...