แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๓/๔) ๔.เนมิราชชาดก
๒๑.เนมิราชทรงเห็น.............ทรมานเด่นทุกข์ผล นรกดลรู้สึก............................สยองจิตนึกกลัวกรรม ความเลวนำมนุษย์..................ใจบาปหยาบรุดทำไป จึงรับไซร้โทษทัณฑ์...............น่าสะพรึงหวั่นนั่นเอย
๒๒.เนมิฯทรงเยี่ยมแหล่ง........ผู้มีบุญแจ้งอยู่เผย ทรงเห็นเลยวิมาน..................."วารุณี"ขานเทวี วิมานนี้ประดับ.......................ด้วยแก้วระยับพร้อมสวน ทรงถามด่วนบุญใด................มีวิมานได้ตระการ
๒๓.มาตุลีตอบไซร้..............เคยเป็นสาวใช้พราหมณ์ขาน จัดอาหารถวายสงฆ์...............อาสนะบ่งรับรอง ทำทานครองศีลมั่น................ผลกรรมดีนั้นบังเกิด วิมานเลิศแก้วงาม...................เทวโลกผลามแท้แล
๒๔.เนมิราชเสด็จผ่าน..........วิมานโอฬารหลายแฉ มาตุฯแน่กล่าวผอง..................ผลบุญเจ้าของวินมาน กระทำพานคราวเป็น...............มนุษย์ทำเด่นเอาไว้ เนมิฯไซร้ตื่นตา.......................เทวโลกหนาสราญ
๒๕.มาตุลีเทพ์บุตร...............นำเสด็จรุดวิมาน ประทับพานพระอินทร์.............เทพย์ดาหลายยินดีเอย กล่าวชวนเลยราชา.................พักวิมานกล้าของตน เพื่อเสพยลสมบัติ...................อันเป็นทิพย์ชัดดาวดึงส์
๒๖.เนมิราชตรัสว่า..............สิ่งที่ได้มาเพราะพึ่ง ผู้อื่นจึงมิเป็น..........................สิทธิ์ขาดตนเด่นแน่แล พระองค์แท้ตั้งใจ....................กอปร"ทาน,ศีล"ไว้ก่อบุญ ของตนหนุนเองเลย................รอผลกรรมเอยแท้จริง
๒๗.ราชาประทับอยู่.............ดาวดึงส์ชั่วครู่กลับดิ่ง ตรัสเล่าอิงไปเห็น....................นรก,สรวงเด่นชักชวน ทวยราษฎร์ล้วนทำดี...............ทาน,ศีลเพื่อรี่สู่สรวง เสพสุขล่วงวิมาน.....................อันเป็นทิพย์ขานรื่นรมย์
๒๘.เนมิราชครองเมือง..........อย่างเป็นธรรมเรืองสุขสม รักษศีลฉม,ทำทาน..................เป็นเนืองนิตย์พานเสมอ วันหนึ่งเจอเกศา.......................เริ่มหงอกแล้วนาสลดใจ จำบวชไวมอบเมือง..................ให้โอรสเปรื่องปกครอง
๒๙.เนมิราชออกบวช.............พฤติพรหม์จรรย์รวดตริตรอง เจิญคล่องเพียรมั่น....................พรหมวิหารดั้นลุธรรมา ถึงคราพร่ำวายชนม์..................เทวโลกผลสุขลิบ เสวยทิพย์สมบัติ.......................ผาสุกสงัดจีรัง
๓๐.บำเพ็ญ"อธิษฐาน.............บารมี"กรานยิ่งขลัง เพียรมั่นตั้งใจทำ......................ความดียิ่งย้ำยืนยง อานิสงส์กรรมดี........................ตอบแทนทวีแน่นอน สุขสลอนโลกนี้.........................และโลกหน้าชี้ยาวนาน ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๘ ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: เนมิราชชาดก ตอนที่ ๔ บำเพ็ญอธิษฐานบารมี https://www.blockdit.com/posts/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๔/๔) ๔.เนมิราชชาดก
เนมิฯ=พระเนมิราช อธิษฐานบารมี=คือการตั้งจิตให้แน่วแน่ต่อจุดหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จ ไม่ยอมเปลี่ยนใจ แล้วพยายามจนสำเร็จ ไม่ใช่การบนบานขอ พรหมจรรย์= คือการศึกษาปรมัตถ์, ประพฤติธรรมอันประเสริฐ, การถือพรตบางอย่าง เช่น เว้นเมถุน, การศึกษาพระเวท, การบวชซึ่งเว้นเมถุน, การครองชีวิตที่ปราศจากเมถุน. พระอินทร์=มักเรียกโดยทั่วไปในชื่อท้าวสักกะหรือท้าวศักระ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์เป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา และเป็นพระโสดาบันในอดีตชาติ พระอินทร์ เกิดเป็นมฆมานพ เขาและสหายอีก ๓๒ คน ได้ร่วมกันทำทานและสร้างศาลาที่พัก สระน้ำ และสวนสาธารณะ ไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อตายไป มฆมานพและสหาย ๓๒ คน ได้ไปเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาตุลี=ชื่อเทวบุตรผู้เป็นสารถีของพระอินทร์. เวชยันตร์=ชื่อวิมาน หรือรถของพระอินทร์. เวตร์ณี=เวตรณีนรก แปลว่า แม่น้ำเวตรณี แปลว่า ข้ามยาก คือแม่น้ำด่างที่ร้อนเดือดพล่าน เรียกว่า เวตรณีบัวและสิ่งต่างๆ ในแม่น้ำนั้นเป็นอาวุธทั้งสิ้น นายนิรยบาลตกเบ็ดสัตว์นรกอีกด้วย สำหรับบาปที่ประกอบกรรมหยาบช้า เบียดเบียนผู้ที่อ่อนกำลังกว่า นิรย์บาล=นายนิรยบาล คือยมบาล เป็น เจ้าพนักงานในนรกภูมิ มีหน้าที่ลงโทษทรมานสัตว์นรกตามคำสั่งของยมบาล ศาสนาพุทธเชื่อว่ายมบาลเป็นเทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกา มี ๓ ประเภท ๑)ยมบาลยักษ์ คือยักษ์ที่อยากทำร้ายสัตว์นรก จึงจำแลงกายเป็นยมบาล เที่ยวไล่ทำร้ายสัตว์นรกต่าง ๆ หรือแปลงกายเป็นแร้งกาจิกกินสัตว์นรก ๒)ยมบาลกุมภัณฑ์ คือยมบาลที่อาศัยประจำในนรก มีหน้าที่ทำร้ายสัตว์นรก หรือแปลงกายเป็นแร้งกาจับสัตว์นรกกิน ๓)เป็นยมบาลที่เกิดขึ้นจากวิบากกรรมของสัตว์นรกเอง เรียกว่า นายนิรยบาล มีกายใหญ่โต ผิวสีดำทมิฬ เนื่องจากเกิดจากกรรมของสัตว์นรกตนนั้นๆ จึงไม่มีชีวิตจิตใจ จึงลงโทษสัตว์นรกนั้นโดยไร้ความเมตตาปรานี วารุณี=เทพธิดาวารุณี พรหมวิหาร=พรหมวิหาร ๔ คือหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม เป็นแนวธรรมปฏิบัติของผู้ที่ปกครอง และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้แก่ ๑)เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า ๒)กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์ ๓)มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง ประกอบด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป ๔)อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตาชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้งรู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตน
(ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
 ทศชาติชาดก : ๕.มโหสธชาดก กาพย์นาคบริพันธ์ ๑.โพธิ์สัตว์เสวยพระชาติ............."มโหสธ"กาจ บำเพ็ญล้ำ"ปัญญาบาร์ฯ ๒.คราเกิดมามีแท่งยา..................อยู่ในมือหนา โรคาโผล่ฆาตตาม ๓.ความย่อชาดกลาม.................."มิถิลา"งาม มีเศรษฐี"สิริฯครัน ๔.ภรรยา"สุมนาฯ"พลัน...............มีบุตรชายสรรค์ ชื่อลือ"มโหสธ"เอย ๕.เอ่ยสิริฯปวดหัวเคย..................ใช้แท่งยาเผย ทาหน้าผากปวดหายคลาย ๖.หลายคนป่วยแท่งยากราย........รักษาจนหาย คนท้นพากันเลื่องลือ ๗.ปรือเติบใหญ่ฉลาดชื่อ..............ปัญญาเลิศถือ กว่านาเด็กวัยเดียวกัน ๘.วันหนึ่งมโหสธครัน....................คิดหน้าฝนหวั่น ต้องคอยจ้องหลบฝนเอย ๙.เลยคิดสร้างที่เล่นเปรย..............เรี่ยไรเงินเผย วางสร้างเรือนอันตระการ ๑๐.ฐานที่เล่น,กิน,นอนพาน............ผู้คนพักผ่าน ห้องตรองปรึกษาคดี ๑๑.ชี้มโหสธเก่งทวี.......................ช่วยตัดสินรี่ ปัญหาครันแก้ต่างไว ๑๒.ไซร้ชื่อมโหสธไกล..................ขจรไสว รู้พรูเมืองมิถิลา ๑๓.ครานั้น"วิเทฯ"ราชา.................มีปราชญ์สี่หนา กล่าวพราว"มิถิฯ"มีพลัน ๑๔.บัณฑิตคนที่ห้าทัน..................ต้องเสาะสืบสรรค์ ผู้รู้ปราดเปรื่องปัญญา ๑๕.ราชาจัดส่งเสนา......................หาผู้เก่งหนา ถึงซึ่งบ้านสิริฯเลย ๑๖.เอ่ยเรือนมโหสธเชย................ใครออกแบบเผย คนด้นตอบเด็กเจ็ดปี ๑๗.ชี้เสนากราบทูลรี่.....................มโหสธปรี่ ราชาถามทั้สี่นา ๑๘.ถ้าพาเด็กเข้าเมืองมา...............จะควรไม่หนา ได้ไซร้คำตอบไม่พอ ๑๙.รอดูก่อนปัญญาคลอ................ฉลาดจริงหนอ แน่แค่ออกแบบมิควร ๒๐.ส่วนมโสธทบทวน....................คดีความถ้วน มีชนรี่ปรึกษาเนือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๒/๕) ๕.มโหสธชาดก
๒๑.เรื่องเจ้าของโคหลับเคือง..........โคถูกลักเปลื้อง ตามถามเจอสองฝ่ายยัน ๒๒.ฟันเลยเจ้าของเหมือนกัน..........ใครตัวจริงลั่น สองตรองมโหสธไว ๒๓.ไซร้มโหสธไข..........................ถามผู้ลักไว ชี้ทีโคกินใดมา ๒๔.คราโจรตอบกิน"ถั่ว,งา".............แป้ง,ยาคูหนา เจ้าของเร้ากินหญ้าเอย ๒๕.เผยมโหสธสั่งเลย.....................ตำใบไม้เอ่ย ใส่ให้โคกินน้ำตาม ๒๖.ยามโคสำรอกหญ้าลาม.............ทราบแน่ชัดผลาม ใครไซร้เป็นเจ้าของจริง ๒๗.ยิ่งหล้าราชาอยากอิง.................มโหสธมิ่ง มีสี่ปราชญ์ย้ำทัดทาน ๒๘.พานราชาตามผลงาน.................มโหสธขาน แน่แก้ตัดสินความตรง ๒๙.บ่งกษัตริย์ตั้งปัณหาชง...............ลองปัญญาส่ง โอ้มโหสธแก้ไว ๓๐.ไซร้ท่อนไม้เกลาเรียบไง.............."โคน-ปลาย"ด้านไหน โอมโหฯคิดวิธี ๓๑.ชี้ผูกเชือกกลางไม้ที....................ลอยในน้ำปรี่ "โคน"โจนหนักก็จมลง ๓๒.ตรง"ปลาย"เบาลอยน้ำทรง..........มโหสธบ่ง พานด้านไหนโคน-ปลาย ๓๓.ฝ่ายราชาสั่งพากราย...................มโหสธฉาย พา"พ่อ,ม้าอัสดร"จร ๓๔.ผ่อนมโหสธรู้คลอน.....................นำ"ลา"แทนก่อน ดองสองพ่อลูกครรไล ๓๕.ไท้กษัตริย์เชิญพ่อไว...................นั่งที่เหมาะใส โผล่มโหสธเข้ามา ๓๖.คราพ่อลุกขึ้นพา.........................ลูกนั่งแทนหนา ชนล้นล้วนคิดติเตียน ๓๗.เพียรมโหสธทูลเรียน..................ติไหมที่เปลี่ยน ราชารับตำหนิติง ๓๘.มิ่งมโหสธถามจริง.......................พ่อสำคัญยิ่ง กล้าเก่งกว่าบุตรหรือไร ๓๙.ไท้ราชาตรัสแน่ไซร้.....................มโหสธทูลไข ทรงบ่งพ่อเหนือบุตรแล ๔๐.ครามโหสธนำ"ลา".......................ต่อหน้าพักตร์หนา ทรงบ่งพ่อเหนือบุตรแล ๔๑. แน่ลานี้คือพ่อแท้........................ม้าอัสดรแฉ เห็นพ่อเด่นรับ"ลา"ไป ๔๒.ใช่ชี้ไซร้บุตรเหนือไกล................ก็รับม้าไข ตามความประสงค์พระองค์ ๔๓.ทรงคิดพ่อเหนือลูกยง..................รับพ่อข้าบ่ง เผื่อลูกเหนือรับข้าไว ๔๔.ไยมโหสธกล่าวไร........................หาหลู่พ่อไม่ ใจให้ชนตระหนักจริง ๔๕.ดิ่งแก้ไขปัญหาอิง........................ปราชญ์สี่ผูกยิ่ง แกล้งแต่งปัญหาขึ้นมา ๔๖.ราชาปรีดิ์เปรมปัญญา..................มโหสธหนา ตรัสขัดข้องหรือไม่เอย ๔๗.เอ่ยขอมโหสธเลย.......................ราชบุตรเผย สิริเศรษฐีกริ่งเกรง ๔๘.เพ่งแค่เจ็ดขวบชเลง....................รอโตหน่อยเขลง ตรัสชัดเฉียบกว่าตนโต ๔๙.โอ้มโหสธอยู่โชว์.........................ในวังนานโข ได้ใช้ปัญญาแก้ไว ๕๐.ไท้กษัตริย์ผูกปัญหาไกล..............มโหสธไข แน่แก้ได้ถูกทุกครา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๓/๕) ๕.มโหสธชาดก
๕๑.ถ้าปราชญ์สี่สร้างมา...............ให้จนปัญญา โอมโหฯแก้ได้เอย ๕๒.เอ่ยคราช่วยปราชญ์เกย.........พ้นอับจนเผย แต่แน่มิรู้คุณคน ๕๓.ก่นส่อให้กษัตริย์ยล................ด้อยปัญญาผล สี่คนคลี่เรืองอีกครา ๕๔.กล้ามโหสธเกริกนา.................ครบสิบหกหนา วัยใสควรมีคู่แล ๕๕.แน่มเหสีหาคู่แด......................มโหสธแฉ ขอจ่อเลือกหญิงคู่ใจ ๕๖.ใกล้หมู่บ้านพบหญิงไว............ชื่อ"อมร"ไข เป็นเด่นลูกเศรษฐีจน ๕๗.ด้นปลอมตัวเป็นช่างยล............รับชุนผ้าก่น มาอาศัยบ้านหญิงนา ๕๘.ครามโหฯสอบปัญญา...............หญิงหลายอย่างหนา เจอแรกเอ่อถามชื่อนาง ๕๙.พลางนางบอกชื่อแปลวาง.........เราไม่มีพร่าง ชี้ไม่มีสักกาลใด ๖๐.ไซร้มโหสธตอบไป..................."ความไม่ตาย"ไข เอ่อเธอชื่อ"อมร"ฤๅ ๖๑.ชื่อนางตอบใช่แล้วครือ.............มโหฯถามยื้อ นำข้าวล้ำไปให้ใคร ๖๒.ไซร้ตอบ"บุรเทพฯ"ไง................มโหฯคิดไข แปลแท้เทพแรกที่มี ๖๓.ชี้ก็คือพ่อแม่นี้............................เทพองค์แรกคลี่ จึงพึงใจสู่ขอนาง ๖๔.พลางมโหฯพาเธอย่าง................มิถิลาทาง ได้ลองใจนางอีกคราว ๖๕.กล่าวจะล่วงไปก่อนยาว..............แล้วแต่งกายพราว รอจ่อในบ้านหลังงาม ๖๖.ตามคนไปรับนางผลาม...............แล้วคิดปิดความ เลี้ยวเกี้ยวพาราสีเลย ๖๗.เฉยอมรหายุ่งเปรย.....................มโหฯพอใจเผย เข้าเฝ้าประทานแต่งงาน ๖๘.ผ่านมาสี่ปราชญ์แกล้งราน..........เสมอมาขาน ราชาเข้าใจผิดไว ๖๙.ไล่มโหสธพ้นไกล.......................มโหฯมิเคืองใจ รักภักดีราชาเอย ๗๐.เปรยตรัสว่าปัญญาเชย...............เฉียบแหลมยิ่งเผย วิ่งชิงสมบัติได้ไว ๗๑.ไยมิคิดร้ายเราไกล.....................มโหฯตอบไข ปราชญ์มิพลาดทำชั่วเลย ๗๒.เอ่ยแม้ลาภ,ยศเสื่อมเอย..............ไม่ละธรรมเผย เพราะเจาะหลงลาภ,ยศแล ๗๓.แท้นอนใต้ร่มไม้แล้.....................ถ้าตัดไม้แฉ เพรียกเรียกทำร้ายมิตรวาย ๗๔.ฉายมีคนเกื้อกูลกราย.................รักษ์ไมตรีผาย อย่าพร่าเพราะโง่เอง ๗๕.เปล่งผู้ครองเรือนคร้านเกรง........ก็มิงามเผง นักบวชจักสำรวมดี ๗๖.รี่กษัตริย์ขาดใคร่ครวญคลี่..........มิงามศักดิ์ศรี ปราชญ์ยาตรโกรธก็มิงาม ๗๗.ความสี่ปราชญ์กลั่นแกล้งลาม......มโหรอดผลาม ไม่ได้โต้แต่เมตตา ๗๘.กล้าเตรียมการป้องเมืองนา..........การข่าวเยี่ยมหนา มิถิลาจึงปลอดภัย ๗๙.ไท้ราชาหนึ่งนามไซร้..................."จุลนีฯ"เมืองไกล ครองจองเมือง"อุตร์ปัญจ์ฯ" ๘๐.ดั้นสงครามแผ่เขตขัณฑ์..............ร่วม"เกวัฏฯ"ผัน ล่อจ่อลวงร้อยเอ็ดเมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๔/๕) ๕.มโหสธชาดก
๘๑.เยื้องทำสัตย์สาบานเรือง.........เตรียมเหล้าพิษเขื่อง จัดกษัตริย์ดื่มเสร็จการ ๘๒.ผ่านรวมอำนาจเดียวชาญ........มโหฯทราบสาร ส่งตรงด้วยนกแก้วเอย ๘๓.เผยมโหฯวางแผนเกย..............ช่วยชีวิตเปรย ชัดกษัตริย์ร้อยเอ็ดแล ๘๔.แน่มิถิลาเดียวแท้.....................มิทำสัตย์แฉ ชี้"จุลนีฯ"เคลื่อนทัพพลัน ๘๕.ดั้นเกวัฏฯจัดการครัน...............มโหฯรู้ทัน แน่แก้ไขได้ทุกครา ๘๖.กล้ามโหฯรับคำท้า...................เกวัฏฯพราหมณ์หนา แน่วเอาแก้วมณีไป ๘๗.ไซร้มโหฯแสร้งจะให้................แก้วเกวัฏฯไง แต่แน่วางที่ปลายมือ ๘๘.ยื้อเกวัฏฯก้มรับครือ..................แก้วตกพื้นหือ ชัดเกวัฏฯรีบเก็บพลัน ๘๙.ดั้นมโหฯกดคอครัน...................ผลักเกวัฏฯผลัน ปะทหารประกาศแล ๙๐.แน่เกวัฏฯก้มไหว้แล้...................มโหฯเกลียดแฉ จักผลักเกวัฏฯกระเด็น ๙๑.เช่นทหารจุลนีฯเห็น...................เกวัฏฯกราบเด่น ไซร้ไม่ทราบว่าเหตุใด ๙๒.ใจเหล่าทหารหวั่นไว..................กลัวอำนาจไข ทัพดับถอยแตกกระจาย ๙๓.ฝ่ายเกวัฏฯฆาตมิวาย.................ทำไมตรีผาย ชี้จุลนีฯทำสัญญา ๙๔.ว่าจุลนีฯมอบธิดา.......................แก่วิเทฯหนา เด่นเป็นพระชายาเอย ๙๕.เอ่ยขอให้วิเทฯเกย...................มา"อุตร์ปัญจ์ฯ"เผย รอจ่ออภิเษกแล ๙๖.แน่มโหฯค้านต้องแปร...............วิเทฯนิ่งแฉ ก่อจ่อมโหฯเสียใจ ๙๗.ไท้ราชาหลงหญิงไว.................ด้วยภักดีใส พลางวางอุบายแก้กล ๙๘.ด้นไปสร้างวังงามดล................อุโมงค์ลับยล ชูประตูซับซ้อนเอย ๙๙.เอ่ยวังเสร็จวิเทฯเกย.................ประทับรอเลย ชี้จุลนีฯสั่งล้อมวัง ๑๐๐.ฝั่งมโหฯหนีออกยัง.................อุโมงค์ลับบัง กรูสู่วังจุลนีฯ ๑๐๑.รี่หลอกองค์มเหสี....................ลูก,ชนนี พามาขังอุโมงค์ครัน ๑๐๒.หวั่นวิเทฯตกใจพลัน................ทหารล้อมมั่น ชัดตรัสปรึกษาแก้ใด ๑๐๓.ไซร้มโหฯทูลห้ามไท้................มิทรงเชื่อไร ชี้จุลนีฯเหยื่อตกปลา ๑๐๔.คราก่อไมตรีเลือกหา...............ผู้ไร้ศีลหนา แย่แน่เรารับทุกข์ทน ๑๐๕.คนไร้ศีลงูพิษล้น.....................ก่อเดือดร้อนผล ใฝ่ไมตรีมิมีทาง ๑๐๖.พลางวิเทฯเสียใจลาง..............แรกไม่เชื่อผาง โขมโหฯนำวิเทฯไป ๑๐๗.ในอุโมงค์พบญาติไกล............ของจุลนีฯไซร้ ควรด่วนคืนมิถิลา ๑๐๘.คราพร้อมวงค์จุลนีฯนา...........เสด็จจรหนา อยู่ชูแค่มโหฯเอย ๑๐๙.เผยจุลนีฯประกาศเปรย..........จับวิเทฯเกย รับกลับคืนมิถิลา ๑๑๐.พาพร้อมราชวงค์นา................ทรงตกใจหนา หวาดกลัวญาติมีภัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๕/๕) ๕.มโหสธชาดก ๑๑๑.ไซร้มโหฯทูลมิมีใคร..............อันตรายใด เชิญเดินอุโมงค์งามแล ๑๑๒.แน่ราชาเพลิดเพลินแท้..........ปิดประตูแฉ โอ้มโหฯหยิบดาบมา ๑๑๓.ท่าอยากตัดเศียราชา............จุลนีฯกลัวหนา นอบตอบมิทำร้ายองค์ ๑๑๔.บ่งถ้าทรงอยากฆ่าตรง..........จะมอบดาบปลง ราชาได้สติเอย ๑๑๕.เปรยมโหฯปัญญาเอ่ย...........เลิศเลอเฉลย ใจไม่เคยคิดร้ายต่อใคร ๑๑๖.ไท้ขอโทษคิดร้ายไกล...........มิถิลาไข ลิวิเทฯ,มโหฯแล ๑๑๗.แน่มโหฯทูลลาแล้..................มิถิลาแปร ชัดจัดทัพส่งราชวงศ์ ๑๑๘.บ่งสู่อุตร์ปัญจ์ฯตรง................เว้นธิดาคง ชายาเจ้าวิเทฯเอย ๑๑๙.เอ่ยจุลนีฯกล่าวเปรย..............มโหผู้เชย น่ามาอยู่กับพระองค์ ๑๒๐.บ่งมโหฯแจงขึ้นตรง................กับวิเทฯยง ไปอยู่ไหนมิได้เลย ๑๒๑.เปรยทรงสิ้นแล้วเผย..............ข้าจะไปเกย อยู่กรูเมืองอุตร์ปัญจ์ฯแล ๑๒๒. แน่วิเทฯเสด็จแล้....................สวรรคาแฉ พลันสัญญามโหฯกราน ๑๒๓.งานเริ่มกับจุลนีฯพาน..............เจอเกวัฏฯผลาญ โอ้มโหฯรอดทุกครา ๑๒๔.กล้ามโหฯเพริศปัญญา............คุณธรรมล้ำหนา ไม่หลงใหลลาภ,ยศเอย ๑๒๕.เอ่ยปัญญาล้ำเลิศเชย.............ทำประโยชน์เผย จริงยิ่งกว่าทรัพย์แสนแล ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ มโหสธชาดก พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๘ ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: มโหสธชาดก ตอนที่ ๕ บำเพ็ญปัญญาบารมี https://www.blockdit.com/posts/โพธิ์สัตว์=พระโพธิสัตว์ คือ ผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อให้ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า มโหสธ,มโหฯ=พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็น พระมโหสธ เพื่อ บำเพ็ญปัญญาบารมี ปัญญาบาร์=ปัญญาบารมี คือ มีความรอบรู้ ความเข้าใจ แยกแยะเหตุและผล คุณและโทษ พระมโหสถชาดก เป็นเรื่องราวในอดีตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี ด้วยการใช้ปัญญาอันเฉียบแหลมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยยึดหลักศีลธรรม สิริฯ=เศรษฐีสิริวัฒกะ บิดาของพระมโหสธ สุมนาฯ=นางสุมนาเทวี มารดาของ พระมโหสธ(เพราะ ทารกมีแท่งยาวิเศษอยู่ในมือ) วิเทฯ=พระเจ้าวิเทหราช กษัตริย์เมืองมิถิลา สี่ปราชญ์ราชบัณทิต=ของเมืองมิถิลา ได้แก่ เสนกะ,ปุตกุสะ,กามินท์,เทวินทะ อมร=แปลว่า ไม่ตายเป็นสตรีที่มโหสธ ประลองปัญญา เพื่อเลือกเป็นคู่ครอง บุรเทพฯ=บุรพเทวดา คือ เทวดาที่มีก่อนองค์อื่นๆ ได้แก่ บิดา มารดา จุลนีฯ=จุลนีพรหมทัต กษัตริย์ เมืองอุตรปัญจาล เกวัฏฯ=เกวัฏพราหมณ์ ปุโรหิตของกษัตริย์จุลนีพรหมทัต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
ทศชาติชาดก : ๖.ภูริทัตตชาดก
กาพย์มหาตุรงคธาวี
๑.ราชานาม......พรหมทัตขาม......เมืองงามพาราณ์สี โอรสยาตร....อุป์ราชขจี....กาลต่อมา....คิดพาระแวงบุตรา ก่อขบถ........ทรงให้โอรส.......จรดไกลเมืองหนา เมื่อราชา....สิ้นนาค่อยมา.....คืนกลับเมือง....ประเทืองสืบสมบัติเอย ๒.โอรสจำ......รี่ออกบวชย้ำ......แม่น้ำ"ยุมนา"เผย นางนาคหนึ่ง....คะนึงเหงาเอย....สามีตาย....มิคลายว้าเหว่ระกำ ไม่อาจทน.......ภพนาคทุรน.......ท่องยลริมฝั่งน้ำ ถึงที่พัก.....ของนักบวชล้ำ.....อยากรู้ว่า....จิตกล้าเลื่อมใสหรือไร ๓.นางนาคมา.......ประดับศาลา.......ประดาที่นอนใหม่ ดอกไม้หอม....พรั่งพร้อมสิ่งไซร้.....ของทิพย์จาก....เมืองนาคสะอาดสบาย ราชบุตรนา......คืนกลับศาลา.......เห็นว่างดงามฉาย ประทับนอน....ด้วยผ่อนใจคลาย....รุ่งเช้าดอก....ก็ออกนอกศาลาไป
๔.นางมองดู......มีรอยนอนอยู่.....จึงรู้ว่านักบวชไซร้ มิได้บวช....ยิ่งยวดเลื่อมใส....ยังยินดี....รักคลี่สวยงามภิรมย์ ตามวิสัย......คนมีกิเลสชัด.......จึงจัดอย่างเดิมสม ฝ่ายราชบุตร....สะดุดใจชม....ใครหนอดี....จัดที่นอนแสนสบาย
๕.หยุดเข้าป่า......แอบใกล้ศาลา......มองหาผู้เตรียมฉาย นางนาคมา....ถึงศาลากราย.....ราชบุตรสอบ....เธอลอบมาเป็นใครกัน นางตอบชื่อ......"มาณวิกา"ครือ......อยู่ปรือเป็นนาคครัน ลำน้ำนี้....สามีตายครัน....จึงท่องเที่ยว....ลดเลี้ยวบนบกเรื่อยไป
๖.ราชบุตร......ยินดีเร่งรุด.......พูดยุดบอกนางไข หากยินดี....จิตคลี่พอใจ....กับพระองค์....ก็คงได้อยู่ร่วมกัน นางตกลง.......จึงอยู่ร่วมบ่ง......ชีพตรงครองคู่สรร มีบุตรา....ชื่อ"สาครฯ"พลัน....บุตรีผุด....พิศุทธิ์"สมุทรชา"
๗.ครากษัตริย์......เจ้าพรหมทัต......ทรงชัดสวรคา จัดกระบวน....รับด่วนจรนา....กษัตริย์แทน....ครองแคว้นพาราณ์สีไกล ราชบุตรถาม.....นางนาคจะตาม......ไปคามพาราณฯไหม นางตอบจัก....นาคมักโกรธไว....มีฤทธิ์ร้าย....แค่กรายตาก็ไหม้เลย
๘.นางนาคตรับ......ทรงพาลูกกลับ.......ไปลับในเมืองเอ่ย ตัวนางทูล....อาดูรนักเอย....ขอกลับคืน....จำชื่นเมืองนาคเร็วพลัน วันหนึ่งนา.......โอรส,ธิดา.......ลงมาเล่นน้ำครัน เห็นเต่าไว....ตกใจหวั่นกัน....ราชาให้....นำไปทิ้งวังน้ำวน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๒/๕) ๖.ภูริทัตตชาดก
๙.เต่าดิ่งนา......น้ำ"ยมุนา"......ถึงฝ่าเมืองนาคยล ถูกพวกนาค....จับลากอับจน....ออกอุบาย....ทูตกรายมาเฝ้าท้าวเธอ กษัตริย์พาราณฯ......ยกธิดาพาน......แด่ท่าน"ธต์รฐฯ"เกลอ สองเมืองไซร้....สานไมตรีเจอ.....ธตรฐ....ท้าวจดยินดีสราญ
๑๐.ธต์รฐส่ง.......ทูตสี่ตนบ่ง......จัดตรงบรรณาการ พาราณ์สี....ขอรี่รับสาน....พระธิดา....ลงมานาคพิภพเลย กษัตริย์พาราณฯ.......แปลกพระทัยพาน......ต่างกรานคน,นาคเผย มีเผ่าพันธุ์....ต่างกันมากเอย....จะแต่งงาน....สำราญรมย์มิได้ไกล
๑๑.ทูตนาคกลับ.......ยังพิภพลับ.......ทูลตรับถูกหมิ่นไข กษัตริย์พาราณฯ....ทรงขานงูไซร้....มิควรคู่....เชิดชูพระธิดางาม ธตรฐ......ทรงพิโรธจด......สั่งทดฝูงนาคผลาม แจงอิทธิ์ฤทธิ์....ประชิดเกรงขาม....แผ่พังพาน....รังควานให้คนหวาดกลัว
๑๒.ฝูงนาคนา......ไม่ทำร้ายหนา......แค่พาตกใจรัว ท้ายราชา....ยอมมาส่งตัว....สมุทรชา....ถึงคราภพนาคดล มิรู้ว่า.....อยู่เมืองนาคนา.......ล้วนหนาแปลงเป็นคน สมุทรชา....อยู่มาสุขด้น....มีโอรส....สี่จดพระนามยิ่งยง
๑๓.พระนามปะ......"สุทัศนะ"......."ทัตตะ"โพธิ์สัตว์บ่ง "สุโภคะ"....และ"อริฏฐ์ฯ"คง....คราอริฏฐ์ฯ....เล่นชิดกับเพื่อนนาคเอย เพื่อนนาคเล่า......มารดาของเรา.......ด้วยเขาไป่นาคเผย กินนมอยู่....อริฏฐ์ฯกรูแปลงเกย....เป็นงูครัน....แม่พลันตกใจร่วงลง
๑๔. อริฏฐ์ฯแล.......ตกจากตักแท้.......เล็บแม่ข่วนตาส่ง บอดหนึ่งแย่....ตั้งแต่นั้นปลง....สมุทรชา....รู้นาอยู่เมืองนาคเอย โอรสสี่......โตขึ้นเร็วรี่.......พ่อคลี่แบ่งเขตเผย ครองสมบัติ....สี่ชัดเขตเลย....ทัตตะรอง....สนองมาเฝ้าประจำ
๑๕.ทัตตะครอง......โอรสที่สอง.......ผู้คล่องปัญญาหนำ แก้ปัญหา....บิดาได้ช่ำ.....ข้อขัดข้อง....สิของเทพก็แก้ไว คำเยินยอ........ปรีชาจริงหนอ.......ถูกจ่อขานนามไข "ภูริทัตต์"....ผู้ชัดเกรียงไกร....คือทัตตะ.....ผู้เมลืองยิ่งปัญญา
๑๖.ภูริทัตต์.......ใจปฏิบัติ......ยืนหยัด"อุโบฯ"หนา เพราะมีโชค....เห็นโลกเทวา....จึงอยากไป....เกิดในเทวโลกเอย คราบิดา......อนุญาตมา......อย่าล้ำเมืองนาคเผย ภูริทัตต์....อึดอัดมากเลย....ฝูงนาคล้อม....รอพร้อมให้บริการ
๑๗.ภูริทัตต์........ยั้งจอมปลวกคัด.......ใกล้ชัดต้นไทรฉาน ริมแม่น้ำ....ยิ่งล้ำชื่อกราน....ยมุนา....จิตกล้าแกร่งแน่วมั่นคง อธิษฐาน......ถ้าใครต้องการ......แม้ราน,หนัง,เลือดบ่ง กระดูก,เอ็น....ก็เน้นให้ตรง....ขอเพียงรักษ์....ศีลจักบริสุทธิ์แล
๑๘.มีนายพราน......ชื่อ"เนสาท"ขาน.......เดินผ่านล่าสัตว์แฉ รู้โอรส....นาคจดแน่แท้....ภูริทัตต์....ตรองชัดเป็นคนชั่วเอย กาลภายหน้า.......อาจมีภัยฝ่า......จึงพาไปเมืองนาคเผย อยู่ไม่นาน....เกิดพรานเบื่อเปรย....ขอคืนเมือง....ประเทืองบวชดีดว่าครัน
๑๙.ภูริทัตต์........ด้วยปัญญาหยัด.......พรานชัดอันต์รายหวั่น ไม่ทราบแท้....ทางแก้ไขกัน....จำต้องพา....กลับมาล่าสัตว์ต่อไป มีพญาครุฑ.......จับนาคกินซุด.......นาครุดพันต้นไทร เมื่อครุฑกิน....นาคสิ้นเห็นไว....มีไทรติด.....ประชิดมาด้วยทุกข์นา
๒๐.ครุฑคิดไซร้.......ฤาษีอาศัย......ร่มไทรที่พักหนา แปลงมาณพ....แล้วจบถามว่า....กรรมเกิดพรู....กับผู้ใดครุฑ,นาคแล ฤาษีไซร้........ครุฑ,นาคมิได้......ตั้งใจถอนไทรแฉ กรรมไม่มี....จะรี่แก่ใครแท้....ครุฑดีใจ....บอกไปตนคือครุฑเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๓/๕) ๖.ภูริทัตตชาดก
๒๑.ครุฑสอนมนต์......"อาลัมพายน์"ด้น......ท่องบ่นฤาษีเผง เป็นมนต์ที่.....ครุฑชี้นาคเกรง.....จับนาคได้....ง่ายไซร้แน่นอนทีเดียว มีพราหมณ์หนึ่ง.......หนี้มากทุกข์ตรึง.......ไร้ซึ่งปัญญาเชียว จึงเข้าป่า....คิดฆ่าตนเจียว....พบฤาษี....ใจชี้เลิกฆ่าตัวตาย
๒๒.ปรนนิบัติ......ฤาษีเด่นชัด......ได้หยัดอาลัมพายน์ พราหมณ์เห็นทาง....กระจ่างชีพกราย....ลาฤาษี....ท่องรี่สาธยายมนต์ นาคเล่นน้ำ......ยินเสียงมนต์พร่ำ......คิดซ้ำครุฑมาหน โจนหนีล่วง....ทิ้งดวงแก้วพ้น....บนบกเลย....พราหมณ์เอยเก็บเอาไปนา
๒๓.พรานเนสาท......เห็นพราหมณ์ถือยาตร......มิพลาดจำได้หนา คือดวงแก้ว....เคยแน่วเห็นมา....ภูริฯมี....จึงรี่ขอเอาจากพราหมณ์ ต้องการใด......หาแลกเปลี่ยนให้.......พราหมณ์ไขอยากทราบผลาม นาคอยู่ไหน....ตนไซร้จะตาม....เพราะมีมนต์....ท่องท้นจับนาคได้แล
๒๔.เนสาทรี่.......พาพราหมณ์เดินปรี่......ยังที่ภูริฯแฉ ด้วยความโลภ....ละโมบแก้วแท้....โสมทัตผู้....ลูกกรูละอายหลีกไป บิดาคิด......ไม่ซื่อต่อมิตร......จะปลิดชีพเพื่อนไส ภูริทัตต์....เห็นชัดพราหมณ์ภัย....คิดทำร้าย....หากกรายโต้พราหมณ์จะวาย
๒๕.ภูริทัตต์......เกรงศีลขาดชัด.....ต้องพลัดสะอาดฉาย ขดกายนิ่ง....พราหมณ์ดิ่งมนต์กราย....อ้าปากเร้า....เขย่าสำรอกหมดเอย แล้วทำร้าย.......ภูริฯเจ็บหลาย......แทบวายมิโต้เผย ภูริทัตต์....ถูกจัดโชว์เอย....ให้คนดู....พราหมณ์กรูบีบแจงฤทธิ์คง
๒๖.เนรมิตตน.......เล็ก,ใหญ่,ขดล้น......มีพ่นไฟ,น้ำบ่ง เสกสีกาย....ได้หลายสีตรง....ชนสงสาร....ให้กรานข้าวของมากมี พราหมณ์ยิ่งโลภ......พาแสดงโอบ.......จนโฉบพาราณสี ทูลราชา....จะพานาครี่....แสดงฤทธิ์.....ให้พิศดูแปลกตาเลย
๒๗.นางสมุทรชา.......ผิดสังเกตว่า........ภูริฯหาเฝ้าเผย พี่น้องช่วย....ตามด้วยกันเอ่ย....สุทัศนะ....รีบปะมนุษย์ครา สุโภคะ......ป่าหิมพานต์ปะ......อริฏฐะเทวา อัจจิมุข....น้องรุกไปนา....โลกมนุษย์.....ไปจุดเดียวกับพี่ชาย
๒๘.สุทัศนะ......พี่ชายใหญ่ดะ.....ถึงปะพาราณฯฉาย ได้ข่าวมี....นาครี่จับกราย....ให้คนดู....เร่งกรูมาดูทันที ภูริฯเห็น......พี่ชายมาเด่น.....รีบเผ่นเลื้อยหาปรี่ แทบเท้าซบ....ไห้จบเลื้อยหนี....เข้าที่ขัง....ตนยั้งอยู่ตามเดิมเอย
๒๙.พราหมณ์บอกกับ......สุทัศนะตรับ......นาคงับอย่ากลัวเผย ไม่กี่วัน....จะพลันหายเอง....สุทัศนะ....นี้ปะนาคไร้พิษแล พราหมณ์กล่าวชัด......สุทัศฯหมิ่นจัด.....ใช้สัตว์ไร้พิษแฉ สุทัศนะ....ท้าปะเขียดแล้...มิพิษกล้า....มากกว่านาคของท่านครัน
๓๐.พราหมณ์บอกสู้.......ต้องเดิมพันกู้......จะดูสมควรการ สุทัศนะ....ขอกษัตริย์พาราณฯ....ประกันด้วย....ได้ฉวยดูต่อสู้พาน นาค,เขียดบ่ง.....ราชาตกลง......เขาตรงเรียกน้องขาน อัจจิฯนา....ขอยาพิษกราน....สอง-สามหยด....พิษจดแรงยิ่งนักเอย
๓๑.นาง,ลูกสาว....."ธตรฐ"ท้าว......ฉาวกษัตริย์นาคเผย พิษนี้หยด....ตกรดพื้นเอย....พืชตายหมด....หากหยดลงน้ำปลาตาย หากโยนพิษ.......สู่อากาศชิด.....ฝนริดเจ็ดปีผาย สุทัศฯขอ....ขุดบ่อสามกราย....แรก"ใส่พิษ"....สองชิดใส่"โคมัย"เอย
๓๒.สาม"ยาทิพย์".......เริ่มท้าแข่งกริบ......หนึ่งพริบใส่"พิษ"เผย เกิดเปลวไฟ....จนไหม้ลามเลย....ไปบ่อสอง....สามมองยาทิพย์ไหม้ปลง ไฟจึงดับ......พราหมณ์ยืนข้างกลับ......ได้รับไอพิษส่ง ผิวหนังลอก....ถลอกด่างบ่ง....ร้องกลัวแล้ว....จะแน่วปล่อยนาคไปครัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๔/๕) ๖.ภูริทัตตชาดก
๓๓.ภูริทัตต์......ยินแล้วเลื้อยถัด.......สลัดคอกขังพลัน แปลงกายผุด....มนุษย์ประชัน....ราชาถาม....ความเป็นมาพี่น้องนา ภูริฯกล่าว......เราพี่น้องฉาว......บุตรท้าว"ธตรฐ"หนา สมุทรชา,แม่....ยอมแพ้จับมา....รักษ์ศีลมั่น....ไม่ถลันฆ่าพราหมณ์เอย
๓๔.บัดนี้มี.....อิสระแล้วคลี่......ขอปรี่เมืองนาคเผย ราชารี่....พี่สมุทรชาเอย....หลังน้องไกล....ห่างไปเมืองนาคนานแล พระบิดา......เสียพระทัยนา......ก็ลาออกบวชแฉ พระองค์มา....ครองพาราณฯแท้....อยากให้หลาน....กราบกรานอัยกาชื่นชม
๓๕.สุทัศนะ......ทูลขอกลับปะ......บอกพระมารดาสม ขอพระองค์....รอตรงอาศรม....พระอัยกา....ได้มาพบกันต่อไป ฝ่ายเนสาท.......ผู้ชี้ทางยาตร......หวังคาดได้แก้วใส พราหมณ์ได้โยน....แก้วโผนแล้วไซร้....รับไม่ทัน....แก้วพลันตกพื้นดินเอย
๓๖.ดวงแก้วนั้น......แทรกพื้นดินพลัน......ถลันคืนเมืองนาคเผย เนสาทเสีย....แก้วเปลี้ยสุดเอ่ย....ลูกละอาย....พ่อร้ายต่อมิตรมีคุณ เสียไมตรี.....ภูริทัตต์คลี่......พราหมณ์ที่จับนาคกรุ่น ถูกพิษนาค....กลายกรากเรื้อนหนุน.....ตกใจกลัว....อยากรัวล้างบาปกรรมแล
๓๗.เนสาทมา.......น้ำยมุนา......กล่าวว่าทำร้ายแฉ ภูริทัตต์....มิตรชัดอยากแท้....ล้างบาปเอย....พานเอ่ยซ้ำหลายครั้งครา สุโภคะ.......กำลังตามปะ.......ทัตตะอยู่แล้วหนา โกรธแค้นมาก....จึงลากพรานมา....หางพันขา....ดึงล่าลงน้ำ-บกเวียน
๓๘.เนสาทร้อง.......ตัวอะไรจ้อง.......มาถองเราเล่นเบียน สุโภคะ....เรานะนาคเซียน....ลูกราชา....นาคกล้าพิภพนี้ครัน พรานรู้ว่า......ญาติภูริฯนา......พูดอ้าวอนปล่อยพลัน พรานบอกความ....เป็นพราหมณ์ยืนยัน....ไม่ฆ่าเล่น....เพราะเป็นผู้บูชาไฟ
๓๙.พราหมณ์ทรงเวทย์......รอบรู้มนต์เดช.....วิเศษอย่าฆ่าไซร้ สุโภคะ...จึงจะพาไป....เมืองนาคให้....ญาติไซร้ช่วยตัดสินนา อริฏฐะ......เห็นพี่ชายฉะ.......จับดะพราหมณ์มาหนา อริฏฐะ....เสริญยะยอพา....พรหมยิ่งใหญ่....พราหมณ์ไซร้มิควรฆ่าเลย
๔๐.ฆ่าพราหมณ์ผู้......บูชาไฟกรู......จะพรูเสียหายเผย ภูริฯคืน....เมืองชื่นยินเอย....อริฏฐ์ฯใจ....เลื่อมใสบูชาพราหมณ์นา จำเป็นต้อง.....กล่าววาจาพร้อง.....ให้ตรองหักล้างหนา มิให้ใคร....ได้คล้อยตามพา....สู่ทางผิด....ก้าวปิดทางแห่งความจริง
๔๑.ภูริทัตต์......แจงความจริงสัตย์.......ความชัดหลายเรื่องยิ่ง บูชาไฟ....ยังไม่สุดดิ่ง.....หากสูงสุด....คนจุดเผาศพสมควร ได้ยกย่อง......บูชาไฟถ่อง......เกินผองพราหมณ์ครบถ้วน เผาบ้านเมือง....กระเดื่องบุญชวน....บุญสูงสุด....มิรุดเป็นเช่นนั้นเลย
๔๒.บูชายัญ.......บุญสูงสุดดั้น.......พราหมณ์ครันเผาตนเลย แต่กลับนำ....สัตว์ทำแทนเอ่ย....เหตุใดไซร้.....จึงไม่เผาตนเองนา อริฏฐ์ฯชี้......พรหมคุณทวี......ผู้คลี่สร้างโลกหนา ภูริฯตอบ....ถ้ากอปรโลกมา....เหตุใดไม่....สร้างให้มีแต่สุขเลย
๔๓.เหตุใดพรหม......ไม่สร้างโลกสม.....เทียบชมเท่าเทียมเผย ไยแบ่งชั้น....แยกสรรคนเปรย.....วรรณะต่ำ....หมดล้ำสุขเทียบเขานา พราหมณ์ต่างหาก......ยกย่องตนมาก......สูงกรากเหนือชั้นอื่นหนา เหยียดอื่นต่ำ.....อ้างซ้ำผู้มา.....รับใช้พรหม....นี่สมพราหมณ์ยิ่งได้ฤๅ
๔๔.อริฏฐะ.......มิอาจเถียงดะ......ด้วยปะเหตุผลครือ ภูริทัตต์....ให้ปัดอย่าถือ....โทษเนสาท....ให้ยาตรคืนเรือนทันที ภูริฯตรอง........นำแม่,พี่,น้อง.......เฝ้าปองอัยการี่ หลังจากนั้น....พลันภูริฯปรี่.....อุโบสถ....ศีลจด ณ ศาลาเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๕/๕) ๖.ภูริทัตตชาดก ๔๕.ปณิธาน......ภูริทัตต์ฉาน......ศีลสานรักษาเผย บริสุทธิ์....มิรุดมัวเลย....ทุกข์ยากใด....จะใฝ่อดกลั้นอดทน ตั้งมั่นอยู่......ในศีลพรั่งพรู......เชิดชูประเสริฐผล กิจโพธิสัตว์....จิตชัดสร้างดล....ศีลบาร์มี....เชิดปรี่คงมั่นสมบูรณ์ ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ ภูริทัตตชาดก พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๘ ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: ภูริทัตตชาดก ตอนที่ ๖ บำเพ็ญศีลบารมี https://www.blockdit.com/posts/พรหมทัต=พระเจ้าพรหมทัต ราชาเมืองพาราณสี ยมุนา=แม่น้ำยมุนา มาณวิกา=ชื่อนางนาค เป็นมารดา ของ สาครพรหมทัต กับ นางสมุทรชา สาครฯ=สาครพรหมทัต สมุทรชา=พระนางสมุทรชา พระมารดาของภูริทัตต์ ธตร์ฐ=ท้าวธตรฐ ราชาแห่งนาค ราชบิดา ของภูริทัตต์ โอรสของพระนางสมุทรชา=มี ๔ องค์คือ (๑)สุทัศนะ (๒)ทัตตะ (คือพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น นาค ภายหลังถูกขนานนามว่า ภูริทัตต์) (๓)สุโภคะ (๔)อริษฐะ เนสาท=นายพรานเนสาท มีลูกชาย ชื่อ โสมทัต อาลัมพายน์=คือ มนต์อาลัมพายน์ เป็นวิชาสะกดจิตอย่างหนึ่งที่ใช้สะกดจิตพวกนาค เมื่อร่ายมนต์แล้วพวกนาคจะกลัวจนรีบหนีไปเพราะคิดว่าเป็นครุฑ (พญานาคกลัวครุฑ) หรือสิ้นฤทธิ์เดช ไร้เรี่ยวแรงและพลัง เพราะเสียงมนต์นั้นเป็นประดุจเหล็กร้อนยอนเข้าไปในหู โดยเชื่อกันว่า เป็นมนต์ที่ใช้ปราบนาคโดยเฉพาะ ภูริฯ=ภูริทัตต์ อัจจิฯ=นางอัจจิมุข น้องต่างแม่ของ ภูริทัตต์ โคมัย=ดินประสมด้วยขี้วัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
ทศชาติชาดก : ๗.จันทกุมารชาดก กาพย์ตุรงคธาวี ๑.มีกษัตริย์......"เอกราชา"ชัด.......ครองฉัตร"บุปผ์วดี" ชื่อเก่าเมือง....รุ่งเรืองพาราณสี....โอรสใหญ่....นามไซร้"จันท์กุมาร" เป็นโพธิ์สัตว์.......สร้าง"ขันติ"คัด......สวัสดิ์บาร์มีสาร ทรงอุปราช....ฉลาดในเมืองชาญ...."กัณฑ์หาล"....เรียกขาน"ปุโรฯ"เอย ๒.กัณฑหาล......ตัดสินคดีพาน......จัดการไม่เที่ยงเผย รับสินบน....ทำด้นเสมอเลย....ถูกคนฟ้อง....ร่ำร้องไร้ยุติธรรม จันทกุมาร......พิจารณ์ใหม่สาน......ประทานความเที่ยงหนำ ชนสดุดี....เป็นที่ยิ่งเลิศล้ำ....ราชาครัน....ให้จันท์กุมารแทน ๓.กัณฑหาล.......แค้นจันท์กุมาร......ต้องรานประโยชน์แสน เหลือหน้าที่....แค่ชี้แนะนำแค่น....แก่ราชา....อายหนาฆาตเรื่อยมา ถึงคืนหนึ่ง......เอกราชฝันตรึง.......ไปถึงดาวดึงส์หนา เห็นความสุข....ชื่นชุกงามนา....ตื่นจากฝัน....ก็พลันอยากอยู่ชม ๔.กัณฑ์หาลทูล......อยากอยู่สวรรค์พูน......ทางกูลแค่หนึ่งสม ทาน,ฆ่าไซร้...."คนไม่ควรฆ่า"ซม....บูชายัญ....สี่สรรคคละอย่างนา มีโอรส......มเหสีจด.....จรดธิดาหนา เศรษฐี,ช้าง....สะพร่างโคและม้า....อย่างละสี่....เตรียมคลี่บูชายัญ ๕.ราชาเชื่อ......คำกัณฑ์หาลเอื้อ......ช่วยเกื้อพอใจมั่น ระบุชื่อ....ระบือชนรู้กัน....ว่าเป็นใคร....ไฉนถูกเข้าพิธี จันท์กุมาร.......ทราบแล้วกัณฑ์หาล.......ทูลการบูชานี้ พระองค์เอง....เหตุเร่งเกิดคลี่....ด้วยริษยา....พยาบาทอย่างเดียว ๖.ราชบุรุษ......จับเศรษฐีซุด......ญาติทรุดอ้อนวอนเคี่ยว กษัตริย์มิยอม....ใจพร้อมลุ่มหลงเชียว....โลกสวรรค์....ดื้อรั้นใจงมงาย พระบิดา.......และพระมารดา.......ราชาสาธยาย การให้ทาน....เว้นผลาญฆ่าจึงกราย....สู่สวรรค์....ทรงรั้นคำปรามเอย ๗.จันท์กุมาร.......ทูลได้ขวางกราน......คนพาลเกิดเหตุเผย ขอชีวิต....อย่าคิดฆ่าสิ้นเลย....จะจองจำ....กระหน่ำเป็นทาสแล ยังประโยชน์.......หรือจะขับไกลโหด.......ไล่โลดนอกเมืองแฉ ราชาฟัง....ก็หลั่งน้ำเนตรแปร....ปล่อยทั้งผอง....เลิกตรองการบูชา ๘.กัณฑ์หาลล่อ.......ราชาคล้อยจ่อ......หลงกลสวรรค์หนา จันท์กุมาร....เมื่อคลานเด็กอยู่นา....พี่เลี้ยงดู....อุ้มชูเป็นอย่างดี โตขึ้นแล้ว.......โปรดจะฆ่าแน่ว......ให้แคล้วเสียไยรี่ พระองค์ยัง....พลังล้นคุณคลี่....ลูกไม่มี....อยู่รี่คนอื่นไย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
(ต่อหน้า ๒/๒) ๗.จันทกุมารชาดก
๙.ในที่สุด......เขาคงฆ่ารุด......บุกฉุดพระองค์ไส พราหมณ์สังหาร....จองผลาญสกุลไท้....ไม่มีคุณ....อดุลย์อย่างใดตรอง ต้องเรียกว่า......เนรคุณหนา......คิดฆ่าตระกูลผอง ราชาสลด....รันทดใจประคอง....ปล่อยชีวิต....เลิกริดอีกครั้งนา
๑๐.กัณฑ์หาลมา.......เพ็ดทูลอีกครา.......ราชาเชื่อใหม่หนา จันท์กุมาร....ทูลกรานไปสรวงนา....ด้วยพิธี....จัดคลี่บูชายัญ ไยพราหมณ์ไม่......บูชายัญไซร้.......ใช้ลูกเมียตนสรร แต่มาชื่น....ผู้อื่นฆ่าลูกกัน....พราหมณ์จงนำ....ลูกทำซ้ำบูชา
๑๑.จันท์ฯตรัสใด......ราชาเฉยไซร้......และไม่ฟังอีกหนา "วสุลฯบุตร....จันท์ฯรุดวอนนา....ก็มิฟัง....ยับยั้งไร้ผลเอย กัณฑ์หาลสั่ง.....ปิดประตูวัง......คล้ายขังกั้นคนเผย ผู้อื่นเข้า....ไปเฝ้ามิได้เอ่ย....บูชายัญ....จึงดั้นต่อไปไว
๑๒.ถึงเวลา........บูชายัญหนา......ญาติราชาร่ำไห้ รวมทั้งลูก....คนถูกบูชาไซร้....นางจันทาฯ....ชายาจันท์กุมาร ขอชีวิต......ก็ไร้สัมฤทธิ์......จึงชิดติดตามพาน ถึงหลุมยัญ....กล่าวดั้นสัจจ์ฉาน.....กัณฑ์หาลชั่ว....จิตมัวมุ่งฆาตนา
๑๓.ขอเทพปัก........ขาดที่พึ่งนัก.......พระรักษาภัสดา อย่าให้ใคร....มาไล่ทำร้ายนา....พระอินทร์ยิน....ถ้อยสิ้นเสด็จพลัน จากสวรรคา......ถือฆ้อนเหล็กหนา.......ไฟกล้าลุกโชติถลัน ถึงราชา....กล่าวอย่าให้ฆ่าครัน....ไม่มีใคร....ฆ่าไวคนทำดี
๑๔.เพื่อหวังไป......ถึงสวรรค์ใส.....รีบไวปล่อยทันที ราชายิน....พระอินทร์ทรงกล่าวชี้....ตกใจสุด....สั่งรุดปล่อยสัตว์,คน กลุ่มชาวบ้าน......รุมตีพราหมณ์ผลาญ.....จนรานตายลงผล วกกลับมา.....จะฆ่าราชาตน.....จันท์กุมาร.....เข้ากรานกอดรอดตาย
๑๕.เหล่าชนหยัด.......ไว้ชีวิตกษัตริย์.......ผู้ชัดโง่เขลาหลาย แต่มิให้....อยู่ได้ครองเมืองปราย....ถอดยศเสีย....ให้เปลี้ยเป็นจัณฑาล เนรเทศ......พ้นจากขอบเขต......ไร้เดชจนชั่วกาล ปวงชนพร้อม....นบน้อมจันท์กุมาร....ปกครองเมือง....กระเดื่องยุติธรรม
๑๖.ราชาใหม่........ทราบบิดาไซร้......ทุกข์ใจลำบากนำ ก็ช่วยเหลือ....เอื้อเฟื้อไม่ระกำ....ชีพประทัง....พลังอยูได้นา จันท์กุมาร.......ครองเมืองเชี่ยวชาญ.......สราญร่มเย็นหนา ถึงที่สุด....ชนม์ทรุดตามกาลพา....ทรงเสวย.....สุขเกยสวรรคา ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา ๑)สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๘ ขุททกนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ จันทกุมารชาดก พระไตรปิฎกสำหรับประชาชนหน้า ๖๑๘ ๒)ข้อคิดปริศนาธรรม: จันทกุมารชาดก ตอนที่ ๗ บำเพ็ญขันติบารมี https://www.blockdit.com/posts/
เอกราชา=คือราชาแห่งเมือง บุปผวดี เป็นเมืองโบราณ ของ พาราณสี จันท์กุมาร,จันท์ฯ=จันทกุมาร เป็นชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์ ที่บำเพ็ญ ขันติบารมี กัณฑ์หาล=กัณฑหาลพราหมณ์ เป็นปุโรหิต ของพระเจ้าเอกราชา สิ่งบูชายัญ ของเอกราชา=มีดังนี้ (๑)พระกุมาร คือ พระจันทกุมาร, พระสุริยกุมาร,พระภัททเสนกุมาร, พระสุรกุมาร และพระวามโคตตกุมาร (๒)พระกุมารี คือ พระอุปเสนากุมารี, พระโกกิลากุมารี, พระมุทิตากุมารี และพระนันทากุมารี (๓)พระมเหสี คือ พระนางวิชยา, พระนางเอราวดี, พระนางเกศินี และพระนางสุนันทา (๔)คฤหบดี คือ ปุณณมุขคฤหบดี, ภัททิยคฤหบดี, สิงคาลคฤหบดี และวัฑฒคฤหบดี (๕)ช้างแก้ว คือ ช้างอภยังกร, ช้างนาฬาคิรี, ช้างอัจจุคคตะ (ช้างวรุณทันตะ) (๖)ม้าอัสดร คือ ม้าเกศี, ม้าสุรามุข, ม้าปุณณมุข, ม้าวินัตกะ (๗)โคอุสุภราช คือโคยูถปติ,โคอโนชะ,โคนิสภะ, โคควัมปติ วสุลฯ=พระวสุลกุมาร คือบุตรของ พระจันทกุมา นางจันทาฯ=พระนางจันทาเทวี พระชายาของพระจันทกุมาร
(ขอบคุณเจ้าของภาพ จากอินเทอร์เน๊ต)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: ทศชาติชาดก : ๑.เตมียชาดก ~กาพย์มหาตรังคนที
ทศชาติชาดก : ๘.นารทชาดก ร่ายสุภาพ ๑.ราชาหนึ่งนามว่า อ่า"อติราชฯ"เรือง ครองเมืองมิถิลา ตั้งมั่นนา"ราชธรรม" คำลือธิดางาม นาม"รุจาฯ"เก่งกาจ ยาตรคืนหนึ่งเทศกาล ประชาพานตกแต่ง บ้านเรือนแข่งวิจิตร พิศเจริญยิ่งนัก พระจันทร์จักทรงกลด จดกลางท้องฟ้าพร่าง ปรารถหว่างอำมาตย์ ราตรีดาษเด่นฟ้า จึงรื่นใจรมย์หล้า มุ่งพร้อมทำใด เพลินนา ๒.ไว"อลาต"อำมาตย์ ทูลคาดน่าเตรียมทัพ กวาดต้อนจับเมืองน้อย รวมช้อยในอำนาจ อำมาตย์"สุนาม"แฉ ทุกเมืองแปถูกงำ ในอำนาจหมดแล้ว ควรแผ้วดื่มอวยชัย ใจสราญด้วยรำฟ้อน "วิชัย"ย้อนระบำ สิ่งประจำเห็นอยู่ ควรกู่หาครูธรรม ให้แนะนำธรรมเลิศ บรรเจิดกว่าสิ่งใด ทรงพอใจยิ่งนัก จักไปหาใครดี อลาตฯบอกมีผู้รู้ ชีเปลีอยสู้ชื่อว่า "คุณาฯ"ค่าพูดจา พาน่าฟังคงขจัด สงสัยตัดบ่งได้ กษัตริย์พอใจไซร้ เยี่ยมเยื้อนคุณาฯ เร็วครัน ๓.ครากษัตริย์ถาม ตามปัญหาหลายนำ พึงพฤติธรรมอย่างไร ในพ่อ,แม่,ครูพลาง เหตุบางพวกมิยึด ประพฤติธรรมดีเลย เผยคำถามเหล่านี้ ชี้ขั้นสูงไม่ง่าย จะพ่ายเข้าใจได้ ยิ่งไซร้คุณาฯคิด มิจฉาทิฏฐิเขลา เบาปัญญาไร้ทาง ยังคลางใจเช่นเดิม ประเจิมคุณาฯทูล สนใจพูนเรื่องนี้ ชี้ไร้ประโยชน์เอย ข้าจะเผยโลกหนา บุญ,บาปหามีไม่ โลกหน้าไป่มิมี ทวีญาติเช่นพ่อ,แม่ แน่ปู่,ย่า,ตา,ยาย กลายไม่มีเพราะสัตว์ เกิดชัดเสมอกัน ครันได้ดีได้ชั่ว ก็จั่วได้เองแล แฉทานหรือผลทาน ก็รานไม่มีเลย ผายร่างกายกอปรมา คราสูญชีวิตแล้ว ก็แตกสลายแป้ว ทุกข์แล้หรือสุข รอนไป ๔.คุณาฯรุกทูลต่อ ใครจ่อฆ่า,ทำร้าย ท้ายจะไม่บาปแย่ เพราะแน่บาปไม่มี สัตว์พีเกิดมาครบ จบแปดสี่กัปป์แล้ว ก็แผ้วพ้นทุกข์เอง เผงไม่ครบกำหนด จดกุศลเท่าไร ไกลจากบริสุทธิ์ กาลรุดครบผ่านแล้ว บาปก่อมากมายแคล้ว ผ่องเกลี้ยงกรายหนา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|