
จตุรารักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
ภูมิพลอดุลยเดชฉันท์ ๑๔
๑...เมื่อจะตรึกพระคุณะ"รัตน์ฯ"
เว้นละชัดตัดทอนกิเลส
เพลิงคุไหม้ผะเผาเจาะเจตน์
นฤชนติภพสยอง
"ราคะ"คือกำหนัดประคอง
รักรตีสดสวยสคราญ
"โทสะ"มักประทุษระราน
ฆาตมุโกธะจึงกุเวร
๒..."โมหะ"หลงริผิดเพราะเขลา
ปัญญะเบาคิดชั่วพิเรนทร์
ราคะโทสะโมหะเห็น
มหเพลิงกะสัตว์มิพลาด
ไฟซิทุกขะด้วยเจาะ"ชาติ"
"แก่"ระดาป่วยตายสะพัด
ตรมและเจ็บกระวายสลัด
เศร้าเพราะ"เกิด"ก็ทุกข์หละหลาย
๓..."โสกะ","ปาริเทวะ"มา
แค้น"อุปาฯ" "โทม์นัสฯ"สิร้าย
ร้อนสิเพลิงกิเลสขยาย
ภว ลนสลดระทด
พุทธะฯดับสิทุกข์จรด
ผู้ริค้นแนวทางสิพ้น
ยากมิมีมนุษย์สกล
รู้วะทุกข์ซิเพลิงถลน
๔...โลกก็วุ่นกะเพลิงซิต้อน
ใจก็ร้อนเหนี่ยวทุกข์ระคน
เหตุ"อวิชฯ"มิรู้ผจญ
มทหลงวะทุกข์อะไร
"สัมมะฯ"ดับลิทุกข์ละไกล
โพธิญาณเกิดแพร่กระจาย
ผู้ลุ"วิชฯ"ระดาษขยาย
พุทธะเลิศเหมาะกราบและทูน
๕...ถึง"สวากฯ"พระธรรมศรัณย์
ดับลิพลันหมดทุกข์อะดูร
"ศีละ" "ปัญฯ" "สมาธิ"พูน
ปะฏิหาริย์ลิทุกข์สุขา
ด้วย"สุปฎิฯ"สงฆ์ซิพา
มรรคลุด่ำล้ำเลิศวิมุติ
สอนนิกรสมาธิผุด
ทุกข์ละวางเหมาะนบกสานต์
๖...ครั้นระลึกคุณา"พระรัตน์ฯ"
"ปัญญะ"ชัดรอนทุกข์มลาน
คิดจะแจ้งฤทัยและกราน
วจพร่ำตินามสกล
กล่าว"อโหพระพุทธะ"ก่น
ผู้สิอวยสุขเลิศยะยง
ตรัสรู้และสอนพระสงฆ์
ได้สำร็จลุธรรมวิเศษ
๗...พูด"อโหพระธรรมะ"เทิด
สิ่งประเสริฐจะดับกิเลส
แก่นิกรจิพึ่งเจาะเจตน์
นยสอนลิทุกข์ประหาร
กล่าว"อโหพระสงฆ์"วิศาล
ท่านนุสนธิ์แพร่ธรรมอุฬาร
เป็นซิบุญญะเขตสถาน
หาสิไหนจะเทียม ณ หล้า
๘...ถึงพระรัตน์ฯเสมอชิวิต
เกิดประสิทธิ์บรรเจิดซิมา
ทานทวีดะดาษจะหา
นิรถิ่นซิไหนประชัน
ศรัทธะต่อพระรัตน์ฯกระสัน
ค่าวิจิตรยอดยิ่งฉะนั้น
ผลกุศลประชิดแหละมั่น
มากซิกว่ากุศลอะไร
๙...ตรึกทยา"พระรัตน์"เสมอ
ผลมิเก้อเจอเลิศลุใส
แก้วพิเศษยะยิ่งวิไล
วสะสิ่งสำเร็จลุพลัน
เราสิหลายรินึกขยัน
คุณพระพุทธ์,ธรรม,สงฆ์สฤษดิ์
โชคจะเกิดพะพานพิสิทธิ์
พุทธศาสนาฉะนี้ ฯ|ะ
แสงประภัสสร
หลักธรรมที่บูรพาจารย์ยกย่อง ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล
รัตน์ฯ,พระรัตน์ฯ=พระรัตนตรัย
นิกร=หมู่คน
ติภพ=ภพ ๓ ได้แก่ ๑)กามภพ ที่อยู่ของผู้เกี่ยวข้องกับกามคุณ ได้แก่สัตว์ต่างๆ เช่น เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา ๒)รูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่มีรูป ๓)อรูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่ไม่มีรูป
ราคะ=ความกำหนัดยินดี คือพฤติกรรมที่มีความรักสวยงาม อุปนิสัยเป็นคนเจ้าเล่ห์ ถือตัว ชอบอวด ชอบยอ
โทสะ=ความเคืองแค้น อาฆาต
ฆาต=ฆ่า
โกธะ=ความโกรธ
โมหะ=ความหลง ความเขลา ความไม่รู้ตามความเป็นจริง มีความเห็นที่ผิดไม่ใช้ปัญญาตรอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่เชื่อบุญบาป
พิเรนทร์=ออกนอกลู่นอกทาง
มห=มาก
เดน=สิ่งเลวร้าย
กะ=กับ
ซิ,สิ=ใช้เน้นข้อความที่อยู่ข้างหน้า
ทุกขะ=ทุกข์
ชาติ=การเกิด
ระดาษ= มากมาย
สะพัด=กั้นไว้
กระวาย=ดิ้น
โสกะ=ความเหือดแห้งใจ,เศร้าใจ
ปาริเทวะ=ปริเทวะ คือ ความบ่นเพ้อ คร่ำคราญ ร่ำไร
อุปาฯ=อุปายาส ความคับแค้นอัดอั้นใจ
โทม์นัสฯ=โทมนัส คือ ความเป็นผู้มีใจชั่ว เสียใจ
ลน=อยู่นิ่งไม่ได้,ไม่สงบนิ่ง
สกล=ทั้งหมด
วะ=ว่า
ตะ=แต่
อวิชฯ=อวิชชา คือไม่รู้ในอริยสัจ ๔
สัมมะฯ=สัมมาสัมพุทธโธ พระควา คือพระพุทธเจ้าตรัสรู้เอง และสั่งสอนจนมีผู้บรรลุตาม
โพธิ=การตรัสรู้
วิชฯ=วิชชา ความรู้แจ้งในอริยสัจ ๔
พุทธะ=พระพุทธเจ้า
สวากฯ=สวากขาโต ภะคะวะโต ธัมโม แปล พระธรรมเป็นที่พึ่งของเรา
ศีละ=ศีล
ปัญฯ=ปัญญา
ปะฏิหาริย์=ปาฏิหาริย์
สุปฏิฯ=สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆ์ปฏิบัติดีแล้ว บริบูรณ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา สั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตามเพื่อหมดทุกข์ จึงเป็นเขตบุญ น่าอัศจรรย์ ควรเลื่อมใสจริงๆ
ด่ำ=ลึกมาก
วิมุติ=ความหลุดพ้น
คุณา=คุณ
ปัญญะ=ปัญญา
กสานติ์=สงบ
ก่น=มุ่ง,ตั้งหน้า
นย=สั่งสอน
นุสนธิ์=การสืบเนื่อง
อุฬาร=ยิ่งใหญ่
ดะดาษ=มากมาย
นิร=ไม่มี
ศรัทธะ=ศรัทธา คือความเชื่อ ความเลื่อมใสในสิ่งที่ดีงาม
วิจิตร=งดงาม
ทยา=ความกรุณา
วสะ=ต้องการ
พิสิทธิ์=ประเสริฐ