Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย  (อ่าน 923 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
« เมื่อ: 26, พฤษภาคม, 2568, 12:22:44 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย



จตุรารักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย

ภูมิพลอดุลยเดชฉันท์ ๑๔

 ๑...เมื่อจะตรึกพระคุณะ"รัตน์ฯ"
เว้นละชัดตัดทอนกิเลส   
เพลิงคุไหม้ผะเผาเจาะเจตน์
นฤชนติภพสยอง
"ราคะ"คือกำหนัดประคอง
รักรตีสดสวยสคราญ
"โทสะ"มักประทุษระราน
ฆาตมุโกธะจึงกุเวร

 ๒..."โมหะ"หลงริผิดเพราะเขลา
ปัญญะเบาคิดชั่วพิเรนทร์
ราคะโทสะโมหะเห็น
มหเพลิงกะสัตว์มิพลาด
ไฟซิทุกขะด้วยเจาะ"ชาติ"
"แก่"ระดาป่วยตายสะพัด
ตรมและเจ็บกระวายสลัด
เศร้าเพราะ"เกิด"ก็ทุกข์หละหลาย

 ๓..."โสกะ","ปาริเทวะ"มา
แค้น"อุปาฯ" "โทม์นัสฯ"สิร้าย
ร้อนสิเพลิงกิเลสขยาย
ภว ลนสลดระทด
พุทธะฯดับสิทุกข์จรด
ผู้ริค้นแนวทางสิพ้น
ยากมิมีมนุษย์สกล
รู้วะทุกข์ซิเพลิงถลน
 
 ๔...โลกก็วุ่นกะเพลิงซิต้อน
ใจก็ร้อนเหนี่ยวทุกข์ระคน   
เหตุ"อวิชฯ"มิรู้ผจญ
มทหลงวะทุกข์อะไร
 "สัมมะฯ"ดับลิทุกข์ละไกล
โพธิญาณเกิดแพร่กระจาย
ผู้ลุ"วิชฯ"ระดาษขยาย
พุทธะเลิศเหมาะกราบและทูน

 ๕...ถึง"สวากฯ"พระธรรมศรัณย์
ดับลิพลันหมดทุกข์อะดูร
"ศีละ" "ปัญฯ" "สมาธิ"พูน
ปะฏิหาริย์ลิทุกข์สุขา
ด้วย"สุปฎิฯ"สงฆ์ซิพา
มรรคลุด่ำล้ำเลิศวิมุติ
สอนนิกรสมาธิผุด
ทุกข์ละวางเหมาะนบกสานต์

 ๖...ครั้นระลึกคุณา"พระรัตน์ฯ"
"ปัญญะ"ชัดรอนทุกข์มลาน
คิดจะแจ้งฤทัยและกราน
วจพร่ำตินามสกล
กล่าว"อโหพระพุทธะ"ก่น
ผู้สิอวยสุขเลิศยะยง
ตรัสรู้และสอนพระสงฆ์
ได้สำร็จลุธรรมวิเศษ

 ๗...พูด"อโหพระธรรมะ"เทิด
สิ่งประเสริฐจะดับกิเลส
แก่นิกรจิพึ่งเจาะเจตน์
นยสอนลิทุกข์ประหาร
กล่าว"อโหพระสงฆ์"วิศาล
ท่านนุสนธิ์แพร่ธรรมอุฬาร
เป็นซิบุญญะเขตสถาน
หาสิไหนจะเทียม ณ หล้า

 ๘...ถึงพระรัตน์ฯเสมอชิวิต
เกิดประสิทธิ์บรรเจิดซิมา
ทานทวีดะดาษจะหา
นิรถิ่นซิไหนประชัน
ศรัทธะต่อพระรัตน์ฯกระสัน
ค่าวิจิตรยอดยิ่งฉะนั้น
ผลกุศลประชิดแหละมั่น
มากซิกว่ากุศลอะไร

 ๙...ตรึกทยา"พระรัตน์"เสมอ
ผลมิเก้อเจอเลิศลุใส
แก้วพิเศษยะยิ่งวิไล
วสะสิ่งสำเร็จลุพลัน
เราสิหลายรินึกขยัน
คุณพระพุทธ์,ธรรม,สงฆ์สฤษดิ์
โชคจะเกิดพะพานพิสิทธิ์
พุทธศาสนาฉะนี้ ฯ|ะ

แสงประภัสสร

หลักธรรมที่บูรพาจารย์ยกย่อง ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

รัตน์ฯ,พระรัตน์ฯ=พระรัตนตรัย
นิกร=หมู่คน
ติภพ=ภพ ๓ ได้แก่ ๑)กามภพ ที่อยู่ของผู้เกี่ยวข้องกับกามคุณ ได้แก่สัตว์ต่างๆ เช่น  เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา  ๒)รูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่มีรูป ๓)อรูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่ไม่มีรูป
ราคะ=ความกำหนัดยินดี คือพฤติกรรมที่มีความรักสวยงาม อุปนิสัยเป็นคนเจ้าเล่ห์ ถือตัว ชอบอวด ชอบยอ
โทสะ=ความเคืองแค้น อาฆาต
ฆาต=ฆ่า
โกธะ=ความโกรธ
โมหะ=ความหลง ความเขลา ความไม่รู้ตามความเป็นจริง มีความเห็นที่ผิดไม่ใช้ปัญญาตรอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่เชื่อบุญบาป
พิเรนทร์=ออกนอกลู่นอกทาง
มห=มาก
เดน=สิ่งเลวร้าย
กะ=กับ
ซิ,สิ=ใช้เน้นข้อความที่อยู่ข้างหน้า
ทุกขะ=ทุกข์
ชาติ=การเกิด
ระดาษ= มากมาย
สะพัด=กั้นไว้
กระวาย=ดิ้น
โสกะ=ความเหือดแห้งใจ,เศร้าใจ
ปาริเทวะ=ปริเทวะ คือ ความบ่นเพ้อ คร่ำคราญ ร่ำไร
อุปาฯ=อุปายาส ความคับแค้นอัดอั้นใจ
โทม์นัสฯ=โทมนัส  คือ ความเป็นผู้มีใจชั่ว เสียใจ
ลน=อยู่นิ่งไม่ได้,ไม่สงบนิ่ง
สกล=ทั้งหมด
วะ=ว่า
ตะ=แต่
อวิชฯ=อวิชชา คือไม่รู้ในอริยสัจ ๔
สัมมะฯ=สัมมาสัมพุทธโธ พระควา คือพระพุทธเจ้าตรัสรู้เอง และสั่งสอนจนมีผู้บรรลุตาม
โพธิ=การตรัสรู้
วิชฯ=วิชชา  ความรู้แจ้งในอริยสัจ ๔
พุทธะ=พระพุทธเจ้า
สวากฯ=สวากขาโต ภะคะวะโต ธัมโม แปล พระธรรมเป็นที่พึ่งของเรา
ศีละ=ศีล
ปัญฯ=ปัญญา
ปะฏิหาริย์=ปาฏิหาริย์
สุปฏิฯ=สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ  พระสงฆ์ปฏิบัติดีแล้ว บริบูรณ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา สั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตามเพื่อหมดทุกข์ จึงเป็นเขตบุญ  น่าอัศจรรย์ ควรเลื่อมใสจริงๆ
ด่ำ=ลึกมาก
วิมุติ=ความหลุดพ้น
คุณา=คุณ
ปัญญะ=ปัญญา
กสานติ์=สงบ
ก่น=มุ่ง,ตั้งหน้า
นย=สั่งสอน
นุสนธิ์=การสืบเนื่อง
อุฬาร=ยิ่งใหญ่
ดะดาษ=มากมาย
นิร=ไม่มี
ศรัทธะ=ศรัทธา คือความเชื่อ ความเลื่อมใสในสิ่งที่ดีงาม
วิจิตร=งดงาม
ทยา=ความกรุณา
วสะ=ต้องการ
พิสิทธิ์=ประเสริฐ


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), กรกช

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..

แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
« ตอบ #1 เมื่อ: 27, พฤษภาคม, 2568, 08:51:31 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย

จตุรารักขกัมมัฏฐาน : ๒.วิธีเจริญเมตตา

อินทรวงศ์วิชิตฉันท์ ๑๒

 ๑.คราวใดเจาะ"เมตตา"
ก็"สัพฯ"พากะสัตว์แหละหลาย
เกิด,แก่และเจ็บ,ตาย
"อเวรา"สุขาอภัย

 ๒.งดก่อนะเวรกรรม
"อะพะฯ"นำมิป่วยละไกล
"อนีฯ"ลิทุกข์ไว
หทัย,กายสะอาดมหันต์

 ๓.สุขีและ"อัตตาฯ"
มุรักษาภยันมิหวั่น
สุขกาย,ฤทัยพลัน
เกาะเมตตาขจัดซิชัง

 ๔.เมตตาเจริญกาจ
พยาบาทละหมดประทัง
"เจโตวิมุตติ"ขลัง
พิฆาตสิ้นหทัยผลิน

 ๕.เมตตาสิผลกล้า
ลุเลิศกว่าสิทาน,กฐิน
ทั้งศีละเทียบสิ้น
ก็รองเมตตะแน่ประเทือง

 ๖.นานาประการยล
ริ"เมตฯ"ดลสุขีเมลือง
ทั้งหลับและตื่นเฟื่อง
อมนุษย์,มนุษย์ระตี

 ๗.เทพเทวะรักษา
ปลาตล่าละภัย บ มี
ศาสตราและไฟหนี
ประทุษร้ายชิวิตมิง่าย

๘.จิตว่อง"สมาธิ์ฯ"ยง
ริผจงเจริญขยาย
ผิวหน้าผะผ่องพราย
ณ กาลตายสติวิบุลย์

 ๙.ตายแล้วสถิตย์ใน
ก็พรหมฯไซร้จิรังอดุลย์
เมตตาพลังบุญ
สิกล่าวแล้วกระทำเสมอ

 ๑๐.ชนอย่าประมาทเลย
เจริญเคยมิทิ้งนะเกลอ
ภพหน้ามิเผลอ
อบายภูมิเจาะทุกข์ระทม ฯ|ะ

แสงประภัสสร

หลักธรรมที่บูรพาจารย์ยกย่อง ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

สัพฯ=สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
อเวรา=ไม่จองเวร ไม่ถือโทษ ให้อภัย จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด
อะพะฯ=อะพยาปัชฌา อย่าได้มีความเจ็บไข้ ลำบากกายใจเลย
อนีฯ=อะนีฆา อย่าได้มีความทุกข์กาย ใจเลย
อัตตา=สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนพ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น
เจโตวิมุติ=ความหลุดพ้นแห่งจิตด้วยสมาธิซึ่งกำราบ ราคะ ลงได้ ทำให้หลุดพ้นจากกิเลสเครื่องผูกมัดทั้งหลาย
พิฆาต=เข่นฆ่า
รตี=ความรัก
วิบุลย์=เต็ม
จิรัง=ยาวนาน
อดุลย์=ไม่มีอะไรเปรียบ
ตะ=แต่
ซิ,สิ=ใช้เน้นข้อความที่อยู่ข้างหน้า
อบายภูมิ=ภูมิที่หาความสุขได้ยากมี ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉาน


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
« ตอบ #2 เมื่อ: 27, พฤษภาคม, 2568, 09:06:08 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย

จตุรารักขกัมมัฏฐาน : ๓.วิธีเจริญอสุภะ

รัตนราชสุดาฉันท์ ๑๓

 ๑...มุ่ง"อสุภ์"ซากปฏิกูล
ปะอยู่พูน ณ กายคน
"อัตฯ"มิสะอาดเลอะเทอะผล
จะเน่าเหม็นและเปลี่ยนไป

 ๒...ผมกะนขาและตะโจ
เจาะโลมากะตับ,ไต
รวมชลอื่นภวไหล
เซาะเลือด,หนอง ฤ น้ำลาย

 ๓..."ผม"รุหะบนศิระหนา
และ"ขน"มาสกลกาย
เว้นนิรขนเฉพาะราย
ณ ฝ่ามือแหละสองเท้า

 ๔...หนังก็จะหุ้มพะหิรา
ผิลอกอ้าเจาะขาวเค้า
เนื้อก็ซิแเดงดุจะเท่า
กะเนื้อสัตว์มิเคลือบแฝง

 ๕...เอ็นก็เจาะขาวธุวโยง
กระดูกโครงสิค้ำแข็ง                 
เยื่อ ณ สมองก็จะแจง
ประหนึ่งหอยฯคะคล้ายไซร้

 ๖...ม้ามทวิสองก็สถิตย์
ปะใกล้ชิดกะหัวใจ
เนื้อหฤทัยสิละไม
ก็ดอกบัว ณ อกล่ำ

 ๗...ตับทวิสองก็ปะขวา
หทัยมาและแดงคล้ำ
ไตจะเจาะดำปะถลำ
กะชายโครงซิซ้ายจ่อ

 ๘.ปอดอปิกับหฤทัย
ณ อกใครเหมาะแดงพอ
ไส้สิจะยาวตะลำคอ
และสุดทางทวารหนัก

 ๙.ไส้ก็จะขาวชลเลือด
มิแห้งเหือดซิประจักษ์
ภัตรกุละย่อยและจิผลัก
ก็มูตรคูธละทิ้งไป

 ๑๐...น้ำสิหละหลายจะยะยง
ลำไส้ส่งประโยชน์ให้
เหงื่อจิขจัดชวไหล
ขณะร้อน ฤ กินเผ็ด

 ๑๑...กายมิสะอาดเพราะประชุม
ตะสิ่งสุมประหนึ่งเวจ
เพ่งศิระ,เท้าซิก็เด็ด
เจาะล้วนสกปรกหนา
 
 ๑๒...เห็นอสุฯกายะลุแล้ว
จิหน่ายแน่วกำหนัดพา
ดับลิกิเลสนิรรา-
คะ,โทสาและมัวหวั่น

 ๑๓...ผู้ละติสามนิรวาณ
จะพ้นพานกะ"วัฏฯ"ครัน
เมื่อวตะมั่นก็มิผัน
ปะธรรมล้ำมิเกิด,ตาย

 ๑๔."กายะคตาสติ"นี้
มุมุ่งชี้พระนิพฯพราย
อย่าริประมาทนยกาย
กระทำตามลุธรรมสันต์ ฯ|ะ

แสงประภัสสร

หลักธรรมที่บูรพาจารย์ยกย่อง ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

อสุภ์=อสุภะ หมายถึงซากศพที่จะใช้เป็นกรรมฐาน พิจารณาเห็นความไม่งาม และความไม่เที่ยงของสังขาร
อัตฯ=อ้ตถิ  อิมัสมิง กาเย คือของไม่งาม น่าเกลียดมีอยู่ในกายนี้ เกสา(ผม),โลมา(ขน),นขา(เล็บ),ทันตา(ฟัน),ตะโจ(หนัง)
ชล=น้ำ
ภว=ความเป็น
รุหะ=งอกงาม
สกล=ทั่ว,ทั้งหมด
นิร=ไม่มี
พะหิรา=พาหิรา ภายนอก
ธุว=มั่นคง
หอยฯ=หอยจุบแจง
อปิ=ใกล้
กุละ=หมู่,ฝูง
มูตรคูธ=ปัสสาวะ อุจจาระ
ชว=เร็ว
ติสาม=ภพ ๓ ได้แก่ ๑)กามภพ ที่อยู่ของผู้เกี่ยวข้องกับกามคุณ ได้แก่สัตว์ต่างๆ เช่น  เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา  ๒)รูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่มีรูป ๓)อรูปภพ ที่อยู่ของพรหมที่ไม่มีรูป
นิรวาณ, นิพฯ=นิพพาน
วัฏฯ=วัฏฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด
วตะ=ปฏิบัติ
กายะคตาสติ=เป็นวิธีทำกรรมฐานซื่งใช้สติไปรู้อวัยวะภายในกาย ให้เห็นสภาพความจริงว่าสกปรกไม่ควรยึดมั่น จิตยอมรับความจริงจึงเบื่อหน่ายไม่ยึดกายว่าเป็นตนอีกต่อไป
นย=สอน
ซิ,สิ=ใช้เน้นข้อความที่อยู่ข้างหน้า


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา)

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 622



| |
Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
« ตอบ #3 เมื่อ: 28, พฤษภาคม, 2568, 09:34:17 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: จตุรักขกัมมัฏฐาน : ๑.วิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
จตุรารักขกัมมัฏฐาน : ๔.วิธีเจริญมรณสติ

อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๓

 ๑...ความตายตระเตรียมสิใจ
หฤทัยจะแจ้งกระจ่าง
ควรต้องเจริญมิขวาง
"มะระฯ"ธรรมชาติกำหนด

 ๒...หลีกตายมิพ้นจะดับ
ชิวิลับลิ"วิญฯ"สลด                          
หลายแบบกระทำจรด
"อะธุวังฯ"เพราะชีพมิยืน
                      
 ๓...ความตาย"ธุวังฯ"สิชัด
และ"อะวัสฯ"เพราะแน่มิคืน
ที่สุดก็ตายมิฝืน
"มะระณาฯ"ชิวิตทลาย

 ๔...ชีวิตมิเที่ยง บ ยั้ง
"ชิวิตังฯ"มิเที่ยงจะกลาย
ตาย"มาระนัง"สิปลาย
ก็เพราะเที่ยงและจริง

 ๕..."สัพเพฯ"ซิพึ่งอะสัญ
ฤ จะดั้นสินาน"มะริงฯ"                  
เรา,สัตว์"ตะเถฯ"และดิ่ง
มรณาประจักษ์เสมือน

 ๖..."นัตถิฯ"มิแคลงกะตาย
เพราะทลายจะแจ้งมิเลือน
ขวนขวายกุศลมิเชือน
ขณะยังยะยืนชิวาตม์

 ๗...ตายแล้วจะพลาดประโยชน์
ดุจะโทษมิพานพระศาสน์ฯ
ใครได้ตริตายฉลาด
มิประมาทหทัยสกาว

 ๘...พุทธ์เจ้ายะยอเจริญ
สติเกริ่นอะสัญยะยาว
ไม่สิ้นพระธรรมอคร้าว
จิประชุมพระนิพฯฉะนี้

 ๙...คิดถึงกะตายเสมอ
นิรเพ้อคะครวญทวี
คิดตรอง"อภิณฯ"ลุคลี่
จิประสบกุศลศรัณย์

 ๑๐...ตรึกคุณ"พระรัตน์ฯ"กระทำ
"อสุ"พร่ำสิเมตตะครัน
ตรึกตายสติมิผัน
"จตุราฯ"สิธรรมวิบูลย์

 ๑๑...สี่อย่างซิปกแหละรักษ์
ก็จะผลักวิบัติวิทูร
สู่ทางสวรรค์จรูญ
นิรวาณลิทุกข์ประหาร
  
 ๑๒...ทุกวันวิโรจน์ขยัน
ศุภพลันอุบัติสราญ
บุญยิ่งมนุษย์สะอ้าน
ดนุพบ"พระพุทธกาล ฯ|ะ

แสงประภัสสร

หลักธรรมที่บูรพาจารย์ยกย่อง ของ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล
 
มะระฯ=มะระณะ ธัมโมหิ มะระนัง อันตีโต 'เรามีความตายเป็นธรรมดา ล่วงความตายไปไม่ได้แล้ว'
ชิวิ=ชีวี
วิญฯ=วิญญาณ
ชิวิฯ=ชิวิตัง เม อะนิยะตัง 'ชีวิตของเรามันไม่เที่ยง'
อะธุวังฯ=อะธุวัง  ชีวิตัง 'ชีวิตขอวเราไม่ยั่งยืน'
ธุวังฯ=ธุวัง มะระณัง 'ความตายของเรามั่น ยั่งยืน'
อวัสฯ=อวัสสัง มะยา มะริตัพพัง 'เราคงจะตายเป็นแน่'
มะระณาฯ=มะระณปริ โยสานัง เม ชีวิตัง 'ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด'
มะระนังฯ=มะระณัง เมนิยตัง 'ความตายของเรามันเที่ยงแล้ว'
ชิวิตังฯ=ชีวิตัง เม อะนิยะตัง 'ชีวิตของเรามันไม่เที่ยง'
สัพเพฯ=สัพเพ สัตตา มะรันติ จะ 'สัตว์ที่ตายอยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี'
มะริงฯ=มะริงสุ จะ มะริสสะเร 'ที่ตายดับสูญไปแล้วก็ดี'
ตะเถฯ=ตะเถวาหัง มะริสสามิ 'เราก็จะตายดับสูญไปเช่นนั้น เหมือนกันนั่นแหละ'
นัตถิฯ=นัตถิ เม เอตถะ สังสะโย 'ความสงสัยในความตายนี้ ไม่มีแก่เรา เราไม่สงสัยในความตายนี้แล้ว'
อะสัญ=อาสัญ,ตาย
พระศาสน์ฯ=พระพุทธศาสนา
สกาว=ขาวสะอาด
เกริ่น=บอกให้รู้ล่วงหน้า
อคร้าว=อิ่มใจ
อภิณฯ=อภิณหะปัจจเวกขณ์ คือการพิจารณา ๕ ข้อทุกวัน ๑)เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้ ๒)เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ล่วงพ้นไปไม่ได้ ๓)เรามีความตายเป็นธรรมดา ล่วงพ้นไปไม่ได้ ๔) เราจำต้องพลัดพรากจากบุคคลและสิ่งของที่เรารักเราชอบทั้งสิ้น ๕)เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมใดไว้จะเป็นกรรมดีหรือชั่ว เราย่อมเป็นผู้รับ
อสุ=ชีวิต
เมตตะ=เมตตา
จตุราฯ=จตุรารักขกัมมัฏฐาน คือกรรมฐานที่อารักขาผู้ปฏิบัติธรรมมี ๔ คือ ๑) พุทธานุสติ นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๒)อสุภกรรมฐาน เพ่งกายให้เห็นสิ่งปฏิกูล ๓)การเจริญเมตตา ๔)มรณานุสติ พิจารณาการตายของตนเองและผู้อื่น
วิบัติ=ความฉิบหาย
วิทูร=ห่าง,พ้นออกไป
ดนุ=ตนเอง
นิรวาณ, นิพฯ=นิพพาน
สะอ้าน=สะอาด,หมดจด
ซิ,สิ=ใช้เน้นข้อความที่อยู่ข้างหน้า
พระพุทธกาลฯ=พุทธกาล คือช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนา ยังดำรงอยู่


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, กรกช

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.15 วินาที กับ 63 คำสั่ง
กำลังโหลด...