|
แสงประภัสสร
|
Permalink: Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
อภิธรรมปิฎก : ๑๐.วิภังค์ (ธาตุวิภังค์ : แจกธาตุ ๖ และ ๑๘)
ภูวรอินทรฉันท์ ๑๖/กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖
๑.ขอน้อมประณต"โคตมพุทธ์-.........เจ้า"ตรัสรู้รุดวิชาครัน ตัดผองกิเลสจ่ออรหันต์.......................สอนชนประพฤติธรรมลิทุกข์วาย
๒.คัมภีวิภังค์.................หนึ่งในเจ็ดพลัง.............พระอภิธรรมผาย แจงหลักธรรมยิ่ง..............เหตุผลความจริง............ธรรมชาติ,จิตกราย มีกิเลสมาย.......................รู้ดับทุกข์คลาย.............จิตพ้นระกำ
๓.แจงธาตุวิภังค์ได้ตติเอย................."สุตตันฯ"พระสูตรเชยจะเล่านำ รวบรวมประมวลธรรม"อภิธรรมฯ"..........."ปัญหาฯ"และคำตอบแถลงหนา
๔."สุตตันต์ภาชนีย์"........แจงธาตุหกปรี่..............สิ่งทั้งหลายคณา มีธาตุรวมกัน....................."ดิน,ปฐวี"ครัน...............ธรรมชาติแข็งครา ภายในตนกล้า..................เนื้อ,กระดูกพา..............นอกตน,เพชร์,ทอง
๕."อาโปสิน้ำ"ทั้งพหิ,ใน......................กายตนจะอ่อนไซร้และเหลวครอง ในตนกิเลส,ทิฎฐิเจาะผอง......................เลือดหนองและน้ำลายซิเกิดไกล
๖.น้ำภายนอกตน..........มีเอิบอาบล้น.................ธรรมชาติคุมไว ตัณหา,ทิฏฐิ.....................ไม่ยึดถือริ.....................สร้างรูปน้อย,ใหญ่ เช่นน้ำผลไม้....................นมส้ม,เนยใส.................หรือน้ำในดิน
๗."เตโชสิธาตุไฟ"ระอุใน....................กายตนจะอุ่นไซร้เจาะร้อนริน อยาก,ทิฏฐิยึดอยู่ปะทุชิน......................กายโทรมและย่อยดีสดวกผาย
๘.เตโชภายนอก...........ร้อนธรรมชาติดอก.........ความอบอุ่นมาย ตัณหา,ทิฏฐิ.....................ไม่ยึดถือตริ...................ไฟ,อาทิตย์ฉาย ร้อนจากไฟกราย.............ไฟมูลสัตว์ปลาย.............กองขี้เถ้านา
๙."วาโยสิธาตุลม"เหมาะเจาะตรง.......ในกายซิขึ้นลงและพัดกล้า อยาก,ทิฏฐิยึดถือปะทะฝ่า.....................ค้ำจุนนะรูปกายผดุงเผย
๑๐.ลมภายนอกตน........ธรรม์ชาติพัดท้น............พัดไปมาเอ่ย อยาก,ทิฏฐินา...................ไม่ยึดถือหนา.................เกิดรูปตรึงเปรย ลมทิศต่างเกย...................ลมหนาว,ร้อนเสย...........ลมแรงหรือบาง
๑๑.อากาสสิธาตุเลาะเสาะใน.............กายตนก็มีไซร้เจาะช่องว่าง อยาก,ทิฏฐิยึดมั่นปะทะวาง....................ช่องหู,จมูก,มีอะกาศครอง
๑๒."อากาสธาตุ"นอก......เป็นธรรมชาติบอก.........อยู่นอกกายตรอง "มีความว่างเปล่า"เอย..........อากาศล้อมเผย.............ตามธรรมชาติผอง อยาก,ทิฏฐิจ้อง...................ไม่ยึดถือปอง.................กรรมก่อเกิดยล
๑๓."วิญญาณสิธาตุ"รู้หทยา................จิตรู้ซิหกหนาประสบผล "ตา,จักขุวิญญาณ"กิจะท้น......................หู,โสตวิญญาณซิรู้แฉ
๑๔."จมูก,ฆาน์วิญญ์ธาตุ"...จิตรู้กลิ่นยาตร..............ความรู้ชาญแล "ชิวหาวิญญ์ธาตุฯ"................ได้ลิ้มรสชาติ................จิตรู้รสแน่ "กายวิญญ์าตุฯแล้.................กายสัมผัสแท้................เย็น,ร้อน,เจ็บเอย
๑๕."ธาตุใจมโนวิญญ์ฯ"หฤทัย..............ชี้รับอะรมณ์ไซร้ลุรู้เอ่ย ผ่านวิญญะทางอาย์ตนะเผย....................ตา,หู,จมูก,ลิ้น..ซิวิญญาณ ๑๖.วิญญาณธาตุเกิด.........ตัวอย่างซิเพริศ.............จักขุวิญญ์ฯพาน "แสงกระทบรูป"มา.................ประสาทตาคว้า............."มีใส่ใจ"ฉาน จักขุวิญญาณ........................เกิดจิตรู้การ..................ขาดหนึ่ง"เห็น"จาง
๑๗.ธาตุหกซิอีกนัย"สุขะธาตุ"................มีทุกขยาตรเจาะสุขวาง "โสมนัสสิธาตุ",สุขลุสะพร่าง......................"โทมนัสส์ซิธาตุ"ทุกข์ระทมใจ
๑๘."อุเปกขาธาตุ"................อารมณ์กลางยาตร........ทุกข์,สุขอยู่ไกล "อวิชชาธาตุ"...........................ความไม่รู้จัคลาด...........ด้อยปัญญาใส ความลุ่มหลงใด.......................ไม่ใคร่ครวญไว..............ขาดพิจารณา
|