(หน้า ๖/๒๐) ๑๐.วิภังค์ : ธาตุวิภังค์
๙๙.ธาตุสองสิสามแบบประลุช่วย........มีเหตุประหารด้วยซิโสดาฯ
"หรือมรรคเจาะเบื้องบน"ตติหนา.............ไร้เหตุมิฆ่าด้วยกะมรรคผอง
๑๐๐.ธาตุสอง,สามแบบ......เป็นเหตุ"เกิด"แยบ.........และ"ตาย"มีครอง
เป็นเหตุให้ถึง........................พระนิพพานตรึง............ก็ยังมีตรอง
ไร้เหตุทั้งผอง........................ปฏิสนธิปอง..................จุตินิพพาน
๑๐๑.ธาตุสองเจาะสาม"เสขะนิกร".......ยังต้องมุเรียนป้อนวิมุติกราน
"ผู้เป็นอเสฯ"ถึงนิรวาณ............................ท้าย,ผู้มิเป็นสองกระไรเผย
๑๐๒.ธาตุสอง,สามแบบ......"ปริตตะด้อยแยบ"..........ธรรมข้องกามเอ่ย
เป็นมหัคคตะ..........................คือธรรมใหญ่ปะ............ขั้นรูฌานเกย
เป็นอัปป์มาณะเชย.................ไร้ประมาณเสย..............ขั้นอรหันต์แล
๑๐๓.ธัมม์ธาตุสิมีอาสวะท้น..................อารมณ์กิเลสดลซิมากแท้
ไม่เป็นก็มีได้นิรแฉ...................................อารมณ์ปลาตแน่กิเลสบาง
๑๐๔.มโนวิญญ์ธาตุ.............มีสามแบบยาตร............มีคันถะจาง
"พร้อมอารมณ์กวน.................จิตใจให้ป่วน"................."ไร้คันถะว่าง"
มีอารมณ์กร่าง........................กล่าวไม่ได้ขวาง............ไม่เป็นใดเลย ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา : ๑) มจร. ธาตุ ๖ นัยที่ ๑ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] วิภังคปกรณ์ [๓. ธาตุวิภังค์]
https://share.google/xoXfZ1diP3Ex3k3hW ๒) ธาตุ ๑๘ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] วิภังคปกรณ์
https://share.google/ep5nyGNHd1N0P1RJ6 ๓) มจร. ธาตุ ๑๘ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] วิภังคปกรณ์
https://share.google/BoH1chc1FMkIxdXgAธาตุวิภังค์ = เป็นคัมภีร์ย่อยในวิภังค์ ซึ่งเป็นหมวดหนึ่งของพระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓๕ อธิบายเรื่อง "ธาตุ ๑๘" อันประกอบด้วยธาตุทางตา (จักขุธาตุ) รูปธาตุ จักขุวิญญาณธาตุ และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การสัมผัส และการคิดนึก
การศึกษาธาตุวิภังค์ช่วยให้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของสรรพสิ่ง รวมถึงองค์ประกอบของมนุษย์ ทั้งรูปธรรม (วัตถุ) และนามธรรม (จิต เจตสิก) และนิพพาน นำไปสู่การเห็นความจริงว่าทุกสิ่งประกอบขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นอนัตตา
ธาตุวิภังค์ = จำแนกออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) สุตตันตภาชนีย์ จำแนกตามพระสูตร เป็นธาตุ ๖ (๒) อภิธรรมภาชนีย์ จำแนกตามพระอภิธรรม เป็น ธาตุ ๑๘ (๓) ปัญหาปุจฉกะ แสดงคำถาม คำตอบ เกี่ยวกับธาตุ
(ก) สุตตันตภาชนีย์
ธาตุ ๖ = คือ ธาตุ หมายถึงส่วนประกอบสำคัญที่รวมกันขึ้นเป็นสิ่งทั้งหลาย มีความหมายต่างกัน ได้แก่
(๑) ปฐวีธาตุ - ธาตุดิน = มี ๒ อย่าง คือ
(๑.๑) ปฐวีธาตุที่เป็นภายในก็มี ~ ธรรมชาติที่แข็งที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายในตนมีเฉพาะตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ ซึ่งเป็นภายในตน เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า หรือธรรมชาติที่แข็งที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายในตน มีเฉพาะตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ ซึ่งเป็นภายในตน แม้อื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า ปฐวีธาตุที่เป็นภายใน
(๑.๒) ปฐวีธาตุที่เป็นภายนอกก็มี ~ ธรรมชาติที่แข็งที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายนอกตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ ซึ่งเป็นภายนอกตน เช่น เหล็ก
โลหะ ดีบุกขาว ดีบุกดำ เงิน แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงินตรา ทอง แก้วมณีแดง แก้วมณีลาย หญ้า ท่อนไม้ ก้อนกรวด กระเบื้อง แผ่นดิน แผ่นหิน ภูเขา หรือธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายนอกตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ ซึ่งเป็นภายนอกตน แม้อื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า ปฐวีธาตุที่เป็นภายนอก
(๒) อาโปธาตุ - ธาตุน้ำ มี ๒ อย่าง คือ
(๒.๑) อาโปธาตุที่เป็นภายในก็มี ~ ความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติเป็นเครื่องเกาะกุมรูป เป็นภายในตน มีเฉพาะตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ ซึ่งเป็นภายในตน เช่น ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร หรือความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติเป็นเครื่องเกาะกุมรูป เป็นภายในตน มีเฉพาะตน ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ ซึ่งเป็นภายในตน แม้อื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า อาโปธาตุที่เป็นภายใน