(ต่อหน้า ๗/๑๔) : ๑๑. สัจจวิภังค์
๑๑๙.ดับสัจนิโรธเจาะนิรผล.......................วิบากดลอะไรขวาง
ไม่เป็นสิเหตุลุภววาง...................................... อุบัติเกิดวิบากใด
๑๒๐.ทุกข์สัจเป็นสาม..........มีวิบากตาม..............."เป็นเหตุเกิด"ไซร้
"ไม่เป็นวิบาก...........................และเหตุเกิดจาก.......วิบาก"มีไกล
เช่นทุกข์ธรรม์ดาใกล้..............คือขันธ์ห้าไว.............รูป,เวทนา
๑๒๑.เหตุสัจสมุทยภวะกรรม......................มิยึดนำซิตัณหา
กับทิฏฐิแต่จะเซาะเกาะพา.............................สิอารมณ์อุปาทาน
๑๒๒.ทุกข์สัจมีกรรม............อยาก,ทิฏฐินำ...........แต่ยึดถือราน
แต่ไร้อารมณ์..........................อุปาทานบ่ม..............ทุกข์สัจที่พาน
ไม่ยึดถือกราน........................มีอารม์ซ่าน...............อุปาทานเอย
๑๒๓.เหตุสัจสมุทยะเจาะกิเลส....................ลุหมองเจตน์และกายเอ่ย
อารมณ์สิมีลุพหุเผย........................................จะขุ่นเคืองกระทำทราม
๑๒๔.ทุกข์สัจทำเศร้า...........ด้วยกิเลสเร้า............มีอารมณ์ผลาม
ด้วยกิเลสนำ............................บ้างก็ไม่ทำ...............ให้เศร้าใจตาม
ดับทุกข์ได้ความ......................มีอารมณ์ลาม............รู้สึกอยู่แล
๑๒๕.ด้วยสัจนิโรธเจาะนิรหมอง....................กิเลสตรองซิดับแน่
อารมณ์กิเลสก็มิเกาะแฉ...................................สงบกายหทัยใส
๑๒๖."สมุทย์สัจ"พาน.............วิตก,วิจาร..............เหตุตรึก,ตรองใด
ยังมีอยู่ครบ.............................."นิโรธสัจ"นบ..........เหตุดับแล้วไซร้
จึงไม่มีไร.................................วิตก,ตรึกไย............และวิจารพาน
๑๒๗.มัคค์สัจสิแจงกะตตินับ........................."วิตกกับวิจาร"ฉาน
"ไม่มีวิตกเหลือตะตริวิจาร"................................"มิมีทั้งสองครอง"
๑๒๘.ทุกข์สัจสี่แบบ..............."วิตกตรอง"แยบ...........ไร้ตรึก,มีตรอง
แบบสาม,"วิตก..........................และวิจาร"ปรก..............ไม่มีใดจอง
สี่,ไม่เป็นนอง............................ทั้งสามแบบผอง.............กล่าวไม่ได้แล
๑๒๙.ด้วย"สัจนิโรธ"มิภณะชี้..........................ปะ"สุข,ปีติ,เฉย"แน่
นิพพานสิดับลิทุขะแฉ........................................เจาะอารมณ์มิมีเลย
๑๓๐.สมุทยสัจ....................เหตุทุกข์เกิดชัด..............ฆ่ากิเลสเผย
ฆ่าด้วย"โสดา-.........................ปัตติมรรค"หนา..............บ้างมรรคบนเอย
"สกทาคาฯ"เอ่ย......................."อนาคามิฯ"เอ่ย................"อรหัตตมรรค"นา
๑๓๑.ด้วยสัจสมุทยะภวะเทิด..........................ซิเหตุเกิดและตายหนา
มัคค์สัจก็เหตุจะประลุกล้า..................................สินิพพานแหละโดยตรง
๑๓๒.มัคค์สัจ"คือธรรม..........เสขบุคคลล้ำ.................พระอริยะสงฆ์
พระโสดาบัน............................สกิทาฯครัน...................อนาคามีฯคง
กำลังพฤติตรง.........................สู่อรหันต์บ่ง....................หมายนิพพานพลัน
๑๓๓.ทุกข์สัจนิโรธและสมุทัย.........................จะเป็นไซร้กะชนครัน
แต่เสขะชนและอรหันต์......................................มิมีครองซิอย่างใด
๑๓๔.ทุกข์สัจ"ปริตตะ"..........เป็นธรรมด้อยปะ.............เช่นทุกข์กายไซร้
เกิดปกติเช่น............................ไม่สบายกายเด่น.............กายป่วย,เจ็บไข้
"มหัคค์ตะ,ใหญ่".......................เกี่ยววัฏฏะไกล................เวียนวนเกิดตาย ฯ|ะ
แสงประภัสสร
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] วิภังคปกรณ์
https://share.google/ytQPSkrfQfah2gEPLสัจจวิภังค์ = คือ การจำแนกแจกแจงอริยสัจ ๔ ให้ละเอียด
สุตตันตภาชนีย์ = แจงอริยสัจจ์ ๔ แบบพระสูตร
อริยสัจ ๑ - ๔ = คือ ความจริงของพระอริยะ, ความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นพระอริยะ, สัจจะที่พระอริยะพึงรู้ แยกดังนี้
(๑) ทุกขอริยสัจ - อริยสัจคือทุกข์ เป็นไฉน
ชาติเป็นทุกข์, ชราเป็นทุกข์, มรณะเป็นทุกข์, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสเป็นทุกข์, การประสบกับอารมณ์อันไม่เป็นที่รักเป็นทุกข์, ความพลัดพรากจากอารมณ์อันเป็นที่รักเป็นทุกข์, การไม่ได้สิ่งที่ต้องการเป็นทุกข์ โดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
(๑.๑) บรรดาทุกขอริยสัจนั้น ชาติ เป็นไฉน
ความเกิด ความเกิดพร้อม ความหยั่งลง ความบังเกิดเฉพาะ ความปรากฏแห่งขันธ์ ความได้อายตนะ ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่า ชาติ
(๑.๒) ชรา เป็นไฉน
ความแก่ ความคร่ำคร่า ความมีฟันหลุด ความมีผมหงอก ความมีหนังเหี่ยวย่น ความเสื่อมอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์ ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่า ชรา