(ต่อหน้า ๗/๑๖) อภิธรรมปิฎก : ๑๔.วิภังค์ : สติปัฏฐานวิภังค์
๑๐๗.ปัฏฐานสตีฯรินิรเด่น..............................มิเป็นคณา
หมักหมมสิอาสวะจะพา.....................................กิเลสลุผลาญ
๑๐๘.พานสติปัฏฐ์ฯแท้...................................มิเป็น อารมณ์
อาสวะเพิก"กาม"เข็ญ........................................จิตแผ้ว
คราววิปป์ยุตประเด็น.........................................มิร่วม อาสวะ
จิตเพ่งความจริงแล้ว..........................................ห่างพ้นอวิชชา
๑๐๙.ปัฏฐานฯมิเนื่องเจาะระบุชัด....................กะวัฏฏะหนา
พ้นแล้วมิต้องเลาะจะพา.....................................ซิวนและเวียน
๑๑๐.มิเชียรสติปัฏฐ์ฯแล้................................เหตุมลาน วัฏฏทุกข์
มิมั่นประพฤติกราน............................................ยิ่งพร้อม
ไตรลักษณ์เพ่งมิชาญ........................................ยังไม่ ทราบจริง
หาใช่เหตุนำน้อม...............................................หลุดพ้นสังสาร
๑๑๑."ปัฏฐานสตีฯ"จะภวผล............................ซิดลและกราน
"ไม่แน่"ก็มีเพราะพิรขาน.....................................สิหย่อนและซา
๑๑๒.คราสติปัฏฐ์ฯน้อม..................................มิมี ธรรมเหนือ
ทางบ่งเดียวจรลี................................................สุดลี้
พิศไตรลักษณ์ทวี..............................................มิยึด กับตน
วิโมกข์ธรรมพบชี้..............................................สู่ห้วงนิพพาน
๑๑๓.มีอานิสงส์กะสติปัฏฐ์ฯ...........................ซิสัตว์สราญ
ห้าอย่างประโยชน์ดะนิรวาณ.............................ก็หนึ่งสะอาด
๑๑๔.สัตว์ยาตรหนีหลีกข้าม..........................."พิไร โศกครวญ"
"โทมนัส,ทุกข์"ดับไว..........................................ปลาตแล้ว
ลุธรรมสู่โพธิไกล...............................................หมายมุ่ง
ครานิพพานลุแผ้ว..............................................แจ่มแจ้งธรรมหลาย ฯ|ะ
แสงประภัสสร
มจร. สติปัฏฐาน ๔ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
วิภังคปกรณ์
https://share.google/AE3m7Fwe4ZKzdLd4yสติปัฏฐานวิภังค์
[ก] สุตตันตภาชนีย์
สติปัฏฐาน ๔ = ที่ตั้งของสติ, การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง คือ ตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน
[๑] กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน = การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงกาย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ได้แก่
(๑.๑) พิจารณาเห็นกายในกายภายในตนอยู่ เป็นอย่างไร
ภิกษุพิจารณาเห็นกายภายในตน
~เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป
~เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยสิ่งไม่สะอาดต่างๆ ว่าในกายนี้ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
ภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดนิมิตนั้นด้วยดี ครั้นเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดนิมิตนั้นด้วยดีแล้วจึงส่งจิตไปในกายภายนอกตน
(๑.๒) พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกตนอยู่ = เป็นอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาเห็นกายภายนอกตน
~เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป
~เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สะอาดต่างๆว่า ในกายของเขามี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
ภิกษุนั้นเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดนิมิตนั้นด้วยดี ครั้นเสพ เจริญ ทำให้มาก กำหนดนิมิตนั้นด้วยดีแล้วจึงส่งจิตไปในกายภายในตนและภายนอกตน
(๑.๓ ) พิจารณาเห็นกายในกายภายในตนและภายนอกตนอยู่ = เป็นอย่างไร
มีความเพียร; มีสัมปชัญญะ; มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้
ภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาเห็น
~กายภายในตนและภายนอกตน เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป
~ เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สะอาดต่างๆ ว่า ในกายนี้ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังพืด ม้าม ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
ด้วยอาการอย่างนี้ ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายภายในตนและภายนอกตนอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกได้