นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
นำบทกลอนร้อยเรียงสร้างเสริมเติมใหม่ เรื่องการเมือง กับธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก ด้วยเห็นว่าน่าจะทำให้เกิดความคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ ..นั่นคือคุณค่าของการอ่าน
..เมื่อแนวคิดเปลี่ยนไปในทาง “สัจธรรม” อะไร ๆ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตาม
“ธรรมดา”
เป็นไปตาม
“ธรรมชาติ”
ถึงจุดนี้ความสันติสุขจะเกิดกับมวลมนุษยชาติอย่างถาวร
จาก แนวคิดของธรรมชาติธรรม
ค้วยความปรารถนาดี ประทีป วัฒนสิทธิ์  ............................................ อิ่มเอมใจในอักษรป้อนคำถ้อย จัดเรียงร้อยบทกวีที่คิดสรรค์ มอบกวีแด่พี่น้องของกำนัล คอยแบ่งปันสรรค์คิดจากจิตใจ
ดุจดั่งเป็นเช่นกระจกส่องมองเห็นโลก มุมเศร้าโศกสันติสุขแห่งยุคสมัย มองด้วยจิตคิดคู่ธรรมนำซึ่งไท อาจต่างไปต่างมุมมองของแต่ละฅน
แต่อย่างน้อยแนวคิดถึงผิดถูก คงช่วยปลูกวิจารณญาณผ่านสับสน อาจตัดสินขอกังขาพากังวล เพื่ออยู่บนถูกต้องครรลองธรรม
ประทีปขอปณิธานงานอักษร ร้อยกานท์กลอนกลั่นกรองมองเช้าค่ำ เพื่อชี้เทาชี้ขาวกล่าวสีดำ ผลน้อมนำสัจธรรมค้ำสังคมประทีป วัฒนสิทธิ์ ธรรมชาติธรรม www.naturedharma.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
1... จริงจริงจะว่าโง่โธ่มิใช่
อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด แท้โทษผิดพิษภัยใหญ่มหันต์ ยังโง่เง่าหลงทางอย่างอนันต์ พบสวรรค์ได้ไงเมืองไทยแลนด์
มีของดีที่แท้แต่ไทยเกิด แสนประเสริฐคุณค่าน่าหวงแหน มีของดีมิรู้น่าดูแคลน โง่ทั้งแผ่นดินทองสมองแพ้สัตว์
จริงจริงจะว่าโง่โธ่มิใช่ ที่จริงไซร้บายเบี่ยงเลี่ยงชัดชัด ที่เบี่ยงบายกลายเป็นโง่อย่างถนัด กลายเป็นรัฐไทยแลนด์และแลนจริง
จะเอ่ยปากฝากบอกกลัวตะคอกใส่ เพราะจิตใจมืดสวรรค์นั่นผีสิง แต่ต่อนี้ทนถูกด่ามิประวิง หากท้วงติงขอไตร่ตรองมองลึกไกล
จักได้ซาบได้ซึ้งซึ่งจริงสัตย์ เพื่อขจัดข้อติติงสิ่งสงสัย ขอแย้มบอกของดีทีเมืองไทย เพื่อความสว่างไสวไทยนคร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
2
จักตามรอยพระพุทธบาทศาสน์พิศุทธิ์ จักตามรอยพระพุทธบาทศาสน์พิศุทธิ์ ประเสริฐพุทธยั่งรู้คู่ศาสตร์สอน พระพุทธเจ้าตรงตามนามกร มุ่งดับร้อนทุกข์เข็ญชี้เห็นธรรม
หยั่งรู้สิ้นถิ่นจักรวาลด้วยญาณพระพุทธ รอบรู้สุดวิทยาศาสตร์ปราชญ์เลิศล้ำ แต่ทรงละศาสตร์วิทย์ในกิจกรรม มิน้อมนำเป็นแก่นแท้แก่ชีวิต
ทรงรู้แจ้งแห่งมายาวิทยาศาสตร์ อาจจักนำมนุษยชาติเป็นทาสวิทย์ อาจมัวหลงเพลิดเพลินเดินพลาดผิด เปิดทางจิตโลภหลงคงแน่นอน
ทรงมองเห็นแก่นธรรมนำชีวิต ลดทางวิทย์ฯ เพิ่มธรรมนำศาสน์สอน ทิ้งสมบัติกษัตริย์สิ้นถิ่นนคร เปลื้องอาภรณ์ตัดโมลีหนีบรรพชา
ทรงศึกษาธรรมชาติอย่างปราชญ์เปรื่อง จนรู้เรื่องสัจธรรมนำศึกษา บัญญัติธรรมพึงปฏิบัติแห่งพุทธปรัชญา ข้อธรรมารวมแปดหมื่นสี่พัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
3.. ขอชาวพุทธศึกษาธรรมในคำสอน
มีข้อธรรมนำสอนค่อนข้างมาก แต่ถ้าหากสรุปธรรมคำสอนนั้น เพียงเพื่ออยู่สอดคล้องครรลองธรรม์ อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติมิขาดธรรม
อยู่เหนือกฎธรรมชาติอาจพลั้งผิด ปั่นทอนจิตปั่นทอนกายให้ทุกข์ล้ำ สันติสุขมิใกล้กรายคล้ายกงกรรม บาปหนุนนำบุญห่างอย่างแน่นอน
ลาภยศราชสมบัติตัดขาดหมด เบื้องปฐมตถาคตเป็นบทสอน วัตถุธรรมตัดไกลไม่อาวรณ์ ประเดิมทุนรอนตัดกิเลสดังเลศนัย
เมื่อเห็นโจทย์โปรดตรองมองถ้วนถี่ ตั้งต้นเิดินแนวนี้มีวิสัย พุทธปรัชญาคงเที่ยงแท้มิแปรไป น้อมนำใช้ถูกทางอย่างพุทธปรัชญา
ขอชาวพุทธศึกษาธรรมในคำสอน ทุกบทตอนส่วนลึกค้นศึกษา ยึดบทธรรมดำเนินชีพอย่างธรรมดา ฝากชีวาเคียงธรรมชาติตรง "พุทธศาสน์"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
4... หยุดสังคมงมงายใฝ่โลภหลง มาไตร่ตรองมงหาคุณค่าสัตย์ แจ่มจรัสทุกแห่งหนเพื่อชนชาติ มิให้ตกหลุมพรางทางธรรมขาด หลีกเป็นทาสทิ้งทุนนิยมดิ่งจมนา
หยุดสังคมงมงายใฝ่โลภหลง แก้ไขตรงตามคาดปรารถนา หาหนทางโน้มเหนี่ยวทางเยี่ยวยา ช่วยเปิดตาหูสว่างแนวทางคุณ
หากมายึดเพียงพอเป็นข้อหลัก แจ้งประจักษ์ญาติมิตรคิดเกื้อหนุน ดึงหน่วยงานช่วยเหลือคอยเจือจุน ต่างเป็นทุนธรรมทานมองกาลไกล
อาจตั้งพรรครักษ์ธรรมชาติประกาศชัด ได้คุมรัฐบริหารงานสดใส มิเนิ่นนานไทยคงเป็นไทย ชื่อเกรียงไกรทั่วโลกาพึ่งพาบุญ
คนทั้งโลกเห็นทางอยู่อย่างสุข พลังปลุกเพิ่มระดับสนับสนุน เห็นแนวทางถ่องแท้แก่ค่าคุณ ฉุดโลกหมุนแนวใหม่ไปสู่ธรรมา
ธรรมชาติสะอาดบริสุทธิ์ เปรียบประดุจแก้วใสในคุณค่า ไร้มลทินมัวหมองของมารยา สุดพรรณนาความจริงสิ่งสัจธรรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
5.... เรื่องธรรมทานเหือดหดหมดฤทัย
สัตว์น้อยใหญ่ป่ากว้างอยู่อย่างธรรมชาติ ด้วยฉลาดฤๅเจ้าเง่าเถื่อนถ้ำ ขอสรรเสริญเยินยอต่อพฤติกรรม ประเสริฐล้ำเหลือล้ำเจ้าทำดี
ข้าน้อยใจเพื่อนข้าตีค่าเจ้า ว่าโง่เง่าชั่วชังดุจดังผี สารพัดโพนทะนาว่าอัปรีย์ ตัวกาลีในหล้าว่าเจ้าทราม
มองตัวเจ้าไร้ค่าว่าป่าเถื่อน ตัวขี้เรื้อนตัวเสนียดน่าเหยียดหยาม สิ้นศีลธรรมจรรยาคุณค่างาม ต่างประณามเช้าเย็นไม่เว้นวัน
ถึงเป็นแค้นเป็นโกรธโหดต่อเจ้า คอยแต่เฝ้าเข่นฆ่าให้อาสัญ จิตเหี้ยมโหดอำมหิตคิดลงทัณฑ์ บาปสวรรค์ไม่แจ้งแห่งสันดาน
เพื่อนของข้ายกเอาเขาเป็นปราชญ์ ว่าฉลาดกว่าสัตว์ดิรัจฉาน แท้โง่เง่าระยำจิตต่ำพาล เรื่องธรรมทานเหือดหดหมดฤทัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
6... ถึงเข่นฆ่ากันเองไม่เกรงบาป
ฆ่าธรรมชาติฆ่าเจ้าทุกเช้าค่ำ จิตใจต่ำดิ่งเหวช่างเหลวไหล มุ่งทรัพย์สินเงินทองสนองใจ ล้วนแต่ใฝ่สิ่งผิดไร้คิดตรอง
ยังคิดว่าตนฉลาดเป็นปราชญ์เปรื่อง ไม่ได้เรื่องแล้วมีหน้ามาจองหอง นี่เป็นเพราะบูชาค่าเงินทอง ต่างมุ่งครองเป็นเจ้าเข้าแย่งชิง
ถึงเข่นฆ่ากันเองไม่เกรงบาป อยู่ในคราบมารร้ายอ้ายผีสิง ธรรมชาติตายตัวตายไม่ประวิง แถมก่อสิ่งมลพิษติดเปื้อนดิน
สำนึกบาปกันบ้างหาทางสัตย์ ช่วยประหยัดธรรมชาติด้วยศาสตร์ศิลป์ หากขืนอยู่อย่างปัจจุบันโลกพังภินท์ โปรดอยู่กินอย่าง "ธรรมชาติธรรม" เคร่งครัด
ไก่แกกาอาหารทานอิ่มท้อง เพียงคอยจ้องถั่วงาประสาสัตว์ ไม่ปรุงแต่งรสโอชาสารพัด เพื่อขจัดหิวโหยด้วยโดยดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
7... บ้านของกูเหนือใครในสยาม
มนุษย์เราเขากินสิ้นทุกรส อ้างโอสถโอชาบ้ากลิ่นสี ของหายากค่อนข้างแพงก็ตามที สมศักดิ์ศรีผู้ทานจานหมื่นพัน
แกงทอดต้มรมย่างวางเต็มหน้า เอือมระอาปาขว้างอย่างสุขสันต์ แหมยินดีอิ่มหมีโอ้พีมัน ไม่หวาดหวั่นสารเคมีที่ในจาน
ที่พักผ่อนนอนอาศัยกาไก่นก ในน้ำบกร่มไม้หลายสถาน รื่นร่มเย็นชุ่มฉ่ำแสนสำราญ แสนเบิกบานกายใจได้พักพิง
บ้านมนุษย์สุดโสภาคฤหาสน์ วางแผนวาดคาดฝันกันใหญ่ยิ่ง วางเงินดาวน์ผ่อนไปไม่ประวิง แสนสุขจริงบ้านโตโอ้แสนงาม
ปูหินอ่อนค่อนภูเขาเอาให้หรู บ้านของกูเหนือใครในสยาม ไม้ร้อยต้นหลายภูเขาทั่วเขตคาม ใครใครขามเจ้าบ้านท่านผู้ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
8 นี่คือความคิดจิตมนุษย์
นี่คือความคิดจิตมนุษย์ มาสิ้นสุดที่เรื่องสมศักดิ์ศรี วัตถุนิยมเร่งเติมเพิ่มทวี จากวันนี้ไกลลับกับวันวาน
ตรงกันข้ามสัตว์น้อยใหญ่ในธรรมชาติ เหมือนประกาศจุดยืนบนพื้นฐาน ไม่ทำลายธรรมชาติชั่วกัลป์กาล เพราะประทานที่อาศัยให้กับเรา
ต่างถ้อยที่พึ่งพาถ้อยอาศัย ต่างเติบใหญ่กันมาร่วมป่าเขา ต่างพึ่งพาอาศัยมานานเนา ต่างฝ่ายเฝ้าฟูมฟักรักผูกพัน
สัตว์กินพืชเพื่อดำรงคงชีวิต คงน้อยนิดทำลายป่าไม่อาสัญ สัตว์น้อยใหญ่ร่วงผล็อยลงมาพลัน พืชรุมกันดูดทานอาหารดี
ยื่นประโยชน์ต่อกันเกี่ยวพันธกิจ คู่ชีวิตเคียงชีวาไม่ผละหนี อยู่อย่างกล่าวเนานานนับล้านปี เร่งทวีความผูกพันกันเรื่อยมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
9...
ป่ายังยืนสัตว์ยังยืนยืนอยู่ได้ ต่างทำลายแต่สร้างซึ่งคุณค่า ได้ดำรงคงชีพคงชีวา อนิจจามนุษย์ไหนเข้าใจเรา
มนุษย์เอ๋ยวันนี้ควรมีสติ เร่งดำริเถิดหนาอย่ามัวเขลา เพื่ออยู่ร่วมอยู่รอดเนิ่นนานเนา ข้าให้เจ้าตำแหน่งแห่งประมุข
เราเกิดมาทำไมในชีวิต ควรต้องคิดหาทางอยู่อย่างสุข อีกมิให้กระทบใครได้รับทุกข์ หรือรุมรุกตัวเราเปล่าเดียวดาย
จิตกายสุขสองข้อพอเท่านั้น อย่าวาดฝันชั้นวิมานประมาณหมาย คิดร่ำรวยเงินทองของนอกกาย ทุกข์มิวายว้าวุ่นเป็นทุนรอน
โลภกักตุนทุนเพิ่มเติมมิหยุด มันไม่หลุดหยุดพ้นจนยากถอน จิตเฝ้าคิดเพ้อพล่ามยามหลับนอน วันพักผ่อนกายใจแทบไม่มี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
10...
กายก็ล้าจิตก็วุ่นทุนนรก มาไหม้หมกสุมเราเข้าเต็มที่ วนเวียนไปเรื่อยมาชั่วตาปี คำว่า "สุขี" แทบมิมีเลือนลาง
โลกจะสั้นวัดกันหลักเศรษฐกิจ พอพ่นพิษเร็วรุดสุดสะสาง แม้ไม่พ่นแต่วิ่งลู่สู่อับปาง มิละวางเอาชนะสารพัน
สร้างโรงงานการกิจผลิตวัตถุ มุทะลุเดือดดาลการแข่งขัน ธรรมชาติถูกทำลายเป็นรายวัน กลุ่มหมอกควันปล้นฆ่าปฐพี
ทะเลห้วยหนองบึงถึงจุดจบ ปลาหลีกหลบมิวายกลายเป็นผี สัตว์จะพึ่งต้นไม้ก็ไม่มี ต่างพลีชีพด้วยฆ่าตัวตาย
สารเคมีวิ่งพล่านทุกการกิจ โทรมชีวิตก่อนโลกล่มสลาย ที่พร่ำเพ้อขอคิดอย่างแยบคาย เรื่องหลากหลายขายคิดจงติดใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
11...
ปัจจุบันมนุษย์เราเขาอยู่ผิด น่าเปลี่ยนวิถีชีวิตแนวทางใหม่ หาเลี้ยงชีพเลี้ยงกายสบายใจ ไม่ควรกักตุนเป็นทุนรอน
เลิกใช้เงินใช้ทองจองซื้อจ่าย จงทำลายเด็ดขาดทาสเงินผ่อน สร้างหนี้สินรุงรังทั้งนคร จะหลับนอนนึกหนี้มิเคลื่อนคลาย สุขภาพจิตย่ำแย่จนแก่เฒ่า ต่างร้อนเร่ารุมใจมิเหือดหาย ทุกข์ตลอดเวลาจนกว่าตาย โอ้เหนื่อยกายเหนื่อยใจใครบัญชา
ตัวเป็นเกลียวเคี่ยวงานเร่งการกิจ อันชีวิตคิดไปไร้คุณค่า นี่แหละโลกวังวนแห่งมารยา อนิจจามนุษย์มนุษย์มนุษย์
ให้ค้นดูสัจธรรมหาคำตอบ คิดรอบคอบคิดฝันขั้นโลกุตร์ จงตั้งจิตตั้งใจให้บริสุทธิ์ จึงจะจุดความคิดถูกผิดตรอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
12..
เวลาเช้าเจ้าไก่น้อยคอยคุ้ยเขี่ย ทั้งผู้เมียเคียงคู่อยู่เป็นสอง ต่างพันผูกลุกน้อยคอยประคอง ต่างจดจ้องมองเหยื่อแผ่เผื่อกัน
ไม่เนินนานอิ่มเอมเกษมสุข แม่คอยกรุกเรียกลูกดูสุขสันต์ พักผ่อนกายก่อนลูกเฝ้าผูกพัน พอตะวันลับฟ้าลาเข้าคอน
มามองดูมนุษย์สุดหลากหลาย บางตื่นสายบางเพิ่งได้พักผ่อน ขับสิบล้อทั้งคืนฝืนหลับนอน บางรำฟ้อนบนเวทีออกลีลา
บางก็ยังดื่มกินไม่สิ้นมื้อ นี้คือมนุษย์เราเจ้าปัญหา ความพอดีมีพอเพียงทำเบี่ยงตา ก็เพราะบ้าทองอัฐวัตถุธรรม
ดำรงชีพเหนือธรรมชาติขาดสติ อุตริผิดผิดจิตถลำ เพราะวัตถุนิยมเกิดกงกรรม ถูกกระหน่ำภัยธรรมชาติมิขาดวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
13... คนพึ่งพาธรรมชาติดังทาสหลัก แต่ไร้รักษ์มุ่งประโยชน์โฉดมหันต์ มีแต่ทำลายล้างอย่างเมามัน ถูกลงทัณฑ์ย้อนหลังยังน้อยไป
ที่พำนักพักพิงยิ่งแมนสรวง สัตว์ทักท้วงไม่ใช่ที่อาศัย บ้านสักทองค่อนเขาลำเนาไพร หินอ่อนไซร้หลายตันสรรเกรดดี
มนุษย์เขาแข่งขันกันสร้างบ้าน ธรรมชาติว่าอันธพาลอ้ายพวกผี กตัญญูรู้คุณไม่เห็นมี เพิ่มทวีเห็นแก่ตนคนคนคน
ด้านอาหารมึงแดกแปลกกว่าสัตว์ พวกมึงยัดแดกยัดสัตว์หน้าขน เร่งสารเคมีมาเปรอปรน ผลิตผลทวีมีพอเพียง
มิหนำซ้ำกรรมนรกตกที่ฉัน พิษมหันต์สารเคมีมึงมิเลี่ยง คอยแปดเปื้อนตัวกูอยู่คู่เคียง โอมโอมเพี้ยงมึงมลายตายพร้อมกู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
Permalink: Re: ร้อยการเมือง “อย่าโทษแดงโทษเหลืองให้เปลืองคิด”
14... โรงงานเร่งเครื่องแรงเพื่อแข่งขัน ผลิตภัณฑ์ออกใหม่ให้งามหรู ก๊าซคาร์บอนร่อนฟ้ากันน่าดู พวกสารหนูตะกั่วรั่วลงทะเล
อากาศเน่าน้ำบูดสูตรโลกล่ม เร่งวันจมสารพันพลันจบเห่ มนุษย์โง่โง่มนุษย์สุดคะเน เล่นลิเกทั่วโลกาฤๅถึงชั้นฟ้า....เมืองแมน
สังคมแข่งขันไม่มีวันเสมอภาค ฅนจนยากยากจนยิ่งข้นแค้น ฅนจนเพิ่มท่วมท้นล้นดินแดน กลายเป็นแคว้นเหลื่อมล้ำไร้ธรรมทาน พวกยากจนมิวายกลายเป็นทาส ที่ร้ายกาจสืบทอดถึงซึ่งลูกหลาน คอยรับใช้นายทุนเผด็จการ ไม่เคยหว่านกำไรให้ฅนจน ใช้แรงงานแลกเงินตราที่ค่าน้อย นำใช้สอยอัตคัดแสนขัดสน เหน็ดเหนื่อยล้าหน้าดำก็จำทน ต้องดิ้นรนตามสังคมเถื่อนเหมือนใช้กรรม ............................................ อิ่มเอมใจในอักษรป้อนคำถ้อย จัดเรียงร้อยบทกวีที่คิดสรรค์ มอบกวีแด่พี่น้องของกำนัล คอยแบ่งปันสรรค์คิดจากจิตใจ
ดุจดั่งเป็นเช่นกระจกส่องมองเห็นโลก มุมเศร้าโศกสันติสุขแห่งยุคสมัย มองด้วยจิตคิดคู่ธรรมนำซึ่งไท อาจต่างไปต่างมุมมองของแต่ละฅน
แต่อย่างน้อยแนวคิดถึงผิดถูก คงช่วยปลูกวิจารณญาณผ่านสับสน อาจตัดสินขอกังขาพากังวล เพื่ออยู่บนถูกต้องครรลองธรรม
ประทีปขอปณิธานงานอักษร ร้อยกานท์กลอนกลั่นกรองมองเช้าค่ำ เพื่อชี้เทาชี้ขาวกล่าวสีดำ ผลน้อมนำสัจธรรมค้ำสังคมประทีป วัฒนสิทธิ์ ธรรมชาติธรรม www.naturedharma.com
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|