Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: โคลงนิราศสุพรรณ
ขอบคุณรูปภาพจาก Internet โคลงนิราศสุพรรณ ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๓๗๔ ในระหว่างที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ วัตถุประสงค์ในการเดินทางคือเพื่อหาแร่ชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำมาแปรธาตุชนิดอื่นได้ พูดง่ายๆ คือท่าน "เล่นแร่แปรธาตุ" นั่นเอง นิราศเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวของท่านที่แต่งเป็นโคลง ทำนองจะลบคำสบประมาทว่าท่านแต่งได้แต่เพียงกลอน ในนิราศเรื่องนี้ เราจะพบท่านสุนทรภู่แต่งโคลงกลบทไว้หลายต่อหลายรูปแบบ และโคลงที่มีสัมผัสในเหมือนอย่างกลอนที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า ท่านสุนทรภู่ใช้คำเอกโทษ โทโทษ เปลืองที่สุด ด้วยหมายจะคงความหมายดังที่ต้องการ ส่วนการรักษารูปโคลงเป็นเพียงเรื่องรอง ทำให้ได้รสชาติในการอ่านโคลงไปอีกแบบหนึ่ง เพราะต้องเดาด้วยว่าท่านต้องการจะเขียนคำว่าอะไร
การเดินทางครั้งนี้เหนื่อยยากหนักหนาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา ท่านได้เขียนเตือนบุตรหลานทั้งหลาย ในโคลงก่อนบทสุดท้ายของนิราศว่า
หวังไว้ให้ลูกเต้า เหล่าหลาน รู้เรื่องเปลืองป่วยการ เกิดร้อน อายุวันชนะขนาน นี้พ่อ ขอเอย แร่ปรอทยอดยากข้อน คิดไว้ให้จำฯ
* อายุวันชนะ = ยาอายุวัฒนะ
- กวีนิพนธ์อื่นของสุนทรภู่ - • นิราศเมืองแกลง คลิก • นิราศภูเขาทอง คลิก • นิราศพระประธม คลิก • นิราศพระบาท คลิก • สุภาษิตสอนหญิง คลิก • กาพย์พระไชยสุริยา คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, มยุเรศ เมรี, ตูมตาม, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ขวดเก่า, ลินดา, อิงดาว พราวฟ้า, Paper Flower, เนื้อนาง นิชานาถ, หญิงหนิง พราววลี, รินดาวดี, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet โคลงนิราศสุพรรณ ผู้แต่ง : สุนทรภู่ ที่มา : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายประพันธ์ พรรณรักษา
๑. เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว ฯ
๒. มหานาก๑ฉวากวุ้ง คุ้งคลอง ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง ฝั่งน้ำ คุกคิดมิตรหมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร ฯ
๓. ขอฝากซากสวาดิสร้อย สุนทร ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้ ศาลาน่าวัดพร พี่ฝาก มากเอย ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อไภยเจริญ ฯ
๔. จำร้างห่างน้องนึก น่าสรวล สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เหนเอย กลเช่นเล่นซักเสร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ
๕. เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม คมลา กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า เดชะพระกุศลภา พ้นโลก โอกฆเอย เสวยศุกทุกค่ำเช้า ช่องชั้นสวรรยางค ฯ
๖. เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลักเรือ โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ เกลื่อนกลุ้ม หลีกล่องช่องเล็กเหลือ ลำบาก ยากแฮ ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม ถี่ฆ้องสองยาม ฯ
๗. แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน เหง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง สังข์แตรแซ่เสียงประสาร สังคีต ดีดเอย ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียง ฯ
๘. วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม ขุกคิดเคยพยายาม แย่งน้อง รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาดร่วง ทรวงเอย สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจ ฯ
๙. เจริญบุญสุนทรไว้ ให้สมร สืบสวัสสัฐาภร ผ่องแผ้ว เชิญทราบกาพกลกลอน กล่าวกลิ่น ถวินเอย จำขาดชาตินี้แล้ว คลาดน้องของสงวน ฯ
๑๐. วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
๑๑. สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้ ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ
๑๒. ยลฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง พระธินั่งบันลังก์ทอง ที่เฝ้า ชำระพระนิพนธ์สนอง เสด็จสนิท ชิดเอย สริ้นแผ่นดินปกเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ
๑๓. แบ่งบุญสุนทรเชื้อ ชิณวง สืบซ่างทางพุทธพง ผ่องแผ้ว ถวายพระหริรักทรง สารภิเศศ เสวตรเอย ลุโลกโมกข์เมืองแก้ว กิจร้ายหายสูญ ฯ
๑๔. อีกองมงกุฎิเกล้า เขากรุง สืบกษัตรขัติยบำรุง รอบแคว้น ถวายพระอนิสงพดุง พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น ขจัดผ้ายวายเขน ฯ
๑๕. ท่าช้างหว่างค่ายล้อม แหล่งสถาน ครั้งพระโกฎโปรดประทาน ที่ให้ เคยอยู่คู่สำราญ ร่วมเย่า เจ้าเอย เหนแต่ที่หมิได้ ภบน้องครองสงวน ฯ
๑๖. วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า เจ้าเอย เคยอยู่ชูชื่นเชย ค่ำเช้า ยามนี้ที่เคยเลย ลืมพักตร์ พี่แฮ ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ
๑๗. คิดคำลำฦกไว้ ใคร่เตือน เคยรักเคยร่วมเรือน ร่วมรู้ อย่าเคืองเรื่องเราเยือน ยามแก่ แม่เอย ใครที่มีชู้ชู้ ช่วยช้ำคำโคลง ฯ
๑๘. เลี้ยวทางบางกอกน้อย ลอยแล บ้านเก่าเย่าเรือนแพ พวกพ้อง เงียบเหงาเปล่าอกแด ดูแปลก แรกเอย ลำฦกนึกรักร้อง เรียกน้องในใจ ฯ
๑๙. สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม อุ้มสนอม ออมสนิทชิดกลิ่นหอม กล่อมให้ ไกลห่างว่างอกตรอม ออมตรึก รฦกเอย เลยอื่นขึ้นครองไว้ ใคร่หว้าหน้าสรวล ฯ
๒๐. ยนย่านบ้านบุตั้ง ตีขัน ขุกคิดเคยชมจัน๒ แจ่มฟ้า ยามยากหากปันกัน กินซีก ฉลีกแฮ มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ
๒๑. เสียดายสายสวาดโอ้ อาวร รักพี่มีโทษกร๓ กับน้อง จำจากพรากพลัดสมร เสมอชีพ เรียมเอย เสียนุชดุจทรวงต้อง แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ
๒๒. เคราะกำจำห่างน้อง ห้องนอน หวนนึกดึกเคยวอน ค่อนหว้า คิดไว้ไม่ห่างจร ห่อนจาก หากจิตรมิตรหลายหน้า ล่าน้องหมองหมาง ฯ
๒๓. เดือนตกนกร้องเร่ง สุริยง เยี่ยมยอดยุคุนททรง ส่องฟ้า เดือนดับลับโลกคง คืนขึ้น อีกเอย จันพี่นี้ลับหน้า นับสริ้นดินสวรรค์ ฯ
๒๔. วัดปขาว๔คราวรุ่นรู้ เรียนเขียน ทำสูตรสอนเสมียน สมุทน้อย เดินรวางรวังเวียน หว่างวัด ปขาวเอย เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาดิห้างกลางสวน ฯ
๒๕. เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง แรมโรย โอ้อกอาดูรโดย ทเวษด้วย ดูสวนป่วนจิตรโหย หาดอก สร้อยเอย แลลับกลับชาติม้วย ไม่ได้ใกล้กลาย ฯ
๒๖. บางบำรุบำรุงแก้ว กานดา แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว ถือบวชตรวจน้ำภา ภพชาติ อื่นเอย ชาตินี้พี่แคล้ว คลาศค้างห่างสมร ฯ
๒๗. บางรมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า ประทุนประดิษฐาน แทนฮ่อง หอเอย แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล ฯ
๒๘. สงสารสายเนตรน้อง นองชล ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน เฟ่าน้อง จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย คราวเคราะห์เพราะน้องต้อง พยุกล้าสลาตัน ฯ
๒๙. สวนหลวงแลสล่างล้วน พฤกษา เคยเสด็จวังหลังมา เมื่อน้อย ข้าหลวงเล่นปิดตา ต้องอยู่ โยงเอย เห็นแต่พลับกับสร้อย ซ่อนซุ้มคลุมโปง ฯ
๓๐. วัดพิกุลกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง กลอยใจ แรกรุ่นรวยมาไล ไส่เหล้น เรียนร้อยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และเอย ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น นวดฟั้นท่านครู ฯ
๑. มหานาก = คลองมหานาค ๒. จัน ภรรยาคนแรกของท่านสุนทรภู่ ๓. จัน เดิมเป็นนางฝ่ายใน ในพระราชวังหลัง เมื่อลอบรักใคร่กับสุนทรภู่นั้น ถูกกริ้วต้องเวนจำทั้งคู่ พ้นโทษแล้วต่อมาสุนทรภู่ได้จันเป็นภรรยา มีบุตรด้วยกันชื่อ พัด อยู่ด้วยกันไม่นานก็อย่าร้างกัน จันไปมีสามีใหม่ สุนทรภู่จึงตัดพ้อไว้ในโคลงนี้ ๔. วัดปขาว = วัดศรีสุดาราม
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, มยุเรศ เมรี, ตูมตาม, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ขวดเก่า, ลินดา, อิงดาว พราวฟ้า, Paper Flower, เนื้อนาง นิชานาถ, หญิงหนิง พราววลี, รินดาวดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๓๑. บางขวางข้างเขตแคว้น แขวงนนท์ สองฟากหมากมพร้าวผล พรรณไม้ หอมรื่นชื่นเช่นปน แป้งประ ปรางเอย เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ กลิ่นเนื้อเจือจรร ฯ
๓๒. เชิงสวนล้วนรักน้ำ คล้ำไคล ลูกดกรกเรื้อใบ บิดพลิ้ว รักร้ายฝ่ายตนไกล กลัวรัก นักเอย เดจลูกถูกยางนิ้ว หนิดเนื้อเหลือดัน ฯ
๓๓. บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง บุญทาน ส่งนิ่ม๑นุชนิพพาน ผ่องแผ้ว จำจากพรากพลัดสถาน ทิ้งพี่ หนีเอย เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาศเลื่อนเดือนปี ฯ
๓๔. บางศรีทองคลองบ้านเก่า เจ้าคลอง สีเพชผัวสีทอง๑ ถิ่นนี้ เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง สำเหนียก นามเอย คลองคดลดเลี้ยวชี้ เช่นไสร้ไสทอง ฯ
๓๕. ล่วงทางบางบ้านเรียด ริมชลา สองฝั่งพรั่งพฤกษา สลับสล้าง ไม้ปลูกลูกดอกดา ดกดาษ กลาดเอย ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง ขอบคุ้งฟุ้งขจร ฯ
๓๖. รอกแตแลลอดเลี้ยว โลดโผน นกหกจกจิกโจน จับไม้ ยางเจ่าเหล่ายางโทน ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย โฉบฉาบคาบปลาได้ ด่วนขึ้นกลืนกิน ฯ
๓๗. บางกร่างข้างคุ้งค่าม เขตคลอง บางขนุนขุนกอง ก่อสร้าง ของสวนส่วนเจ้าของ ขายน่า ท่าเอย สาวแก่แม่ม่ายบ้าง บกน้ำลำเรือ ฯ
๓๘. โรงหิบหนิบอ้อยออด แอดเสียง สองข้างรางรองเรียง รับน้ำ อ้อยไส่ไล่ควายเคียง คู่วิ่ง เวียรเอย อกพี่นี้ชอกช้ำ เช่นอ้อยย่อยรยำ ฯ
๓๙. หีบหันนั้นและเหล้ กระลาการ๑ ขู่ข่มเหงหักหาญ ห่อนเว้น เข้าพวกคิดอ่านพาล เอาผิด พ่อเอย กลหีบหนิบนิดเน้น นึกช้ำน้ำใจ ฯ
๔๐. บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน สวนไสว เวียงชื่อศรีท้าวไท ท่านตั้ง เวียงราชคลาดแคล้วไกล กลับรฦก นึกเอย ยามยากจากเมืองทั้ง ถิ่นปลื้มลืมเกษม ฯ
๔๑. บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน ม่วง๑เก็บมม่วงสวน สุกระย้า ม่วงอื่นรื่นรันจวน จิตไม่ ใคร่แฮ ม่วงหม่อมหอมหวนหน้า เสน่ห์เนื้อเจือจันทน์ ฯ
๔๒. จันต้นผลห่ามให้ หวนหอม แมลงภู่วู่เวียนตอม ไต่เคล้า เพียงพี่ที่สุดถนอม เสน่ห์แจ่ม จรรเอย พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า โศกร้างห่างจัน๑ ฯ
๔๓. ล่วงทางบางใหญ่บ้าน ด่านคอย เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย เลื่อนช้า สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย เพลินชื่น ชมเอย แลเหล่าชาวสวนหน้า เสน่ห์น้องคลองสนอม ฯ
๔๔. คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ เกะกะรเรือรอ ร่องน้ำ คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ฯ
๔๕. ล่วงย่านบ้านวัดร้าง เรือนโรง ตกทุ่งถึงคลองโยง หย่อมไม้ วัดใหม่ธงทองโถง ที่ติด ตื้นแฮ ควายลากฝากเชือกไขว้ เคลื่อนคล้อยลอยเลน ฯ
๔๖. คนขี่ตีต้อนเร่ง รันควาย ถอนถีบกีบกอมตกาย โก่งโก้ เหนื่อยนักชักเชือกหงาย แหงนเบิ่ง เบือนแฮ คนหวดปวดป่วนโอ้ สอึกเต้นเผ่นโผน ฯ
๔๗. ทุกข์ใดในโลกล้น ล้ำเหลือ ไม่เท่าควายลากเรือ รับจ้าง หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งชุ่ม ชลเอย มนุษย์ดุจติดค้าง เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ฯ
๔๘. สังเวชเหตุด้วยทรัพย์ ศฤงคาร พาสัตว์วัตนสงสาร โศกเศร้า ตรวดน้ำร่ำศีลทาน ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย จงสุขทุกค่ำเช้า ชาติพ้นชนมาน ฯ
๔๙. ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย เฟือยแขม คาแฝกแซกเซียดแซม ซับซ้อน ในพุ่มกุ่มกกแกม กอย่า รย้าแฮ นกหกวกเวียนหว้อน วิ่งเต้นเผ่นโผน ฯ
๕๐. นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ทุ่งนา คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา ปากโง้ง ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ ศีรษะกระกรุมโล้ง เล่ล้านบ้านเรา ฯ
๕๑. นกกระทุงฝูงใหญ่กลุ้ม กลางหนอง ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง คู่เคล้า คิดเช่นเล่นลำคลอง คลอนุช น้อยเอย สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า ฝึกน้องคล่องใจ ฯ
๕๒. กาน้ำดำแหวกหว้าย วาริน คาบขยอกขแยงกิน เก่งแท้ เด็กโห่โผล่พลุนบิน บ่เปียก ปีกแฮ ยางกรอกดอกบัวแซ่ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ
๕๓. กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน เวหา ร่อนร่ายหมายมัจฉา โฉบได้ ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา กินสัตว์ สูเอย โจมจับปรับไหมใช้ เช่นข้าด่าตี ฯ
๕๔. ยางเจ่าเซาจับจ้อง จิกปลา กินเล่นเป็นภักษา สุขล้ำ กระลาการท่านศรัทธา ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ บนทรัพกลับกลืนกล้ำ กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ฯ
๕๕. ออกแควแม่น้ำปาก คลองโยง แดนด่านบ้านเรือนโรง เรียดคุ้ง ชื่อลานตากฟ้าโถง ทุ่งรอบ ขอบแฮ เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง ฟากฟ้าสากล ฯ
๕๖. ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง ตากปลา แต่ปากว่าตากฟ้า เฟื่องฟุ้ง กว้างขวางทร่างวัดวา ไว้ช่อง คลองแฮ ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง ยอดแย้มแซมไสว ฯ
๕๗. รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัสดง เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง ลับฟ้า มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง พี่เปลี่ยว เดียวเอย เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า นึกคร้ามหวามถวิล ฯ
๕๘. ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง เขตคัน ย่อมย่านบ้านกระจันจันทร์ กระจ่างฟ้า เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน โศกสอื้น อกเอย จันทร์อื่นชื่นแต่หน้า ใช่เนื้อเจือจัน๑ ฯ
๕๙. ลำภูดูหิ่งห้อย พรอยพราย เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย รอบก้อย วับวับจับเนตรสาย สวาดิสบ เนตรเอย วับเช่นเห็นหิ่งห้อย หับหม้านนานเห็น ฯ
๖๐. ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม โขลงหลวง หมอเท่าเจ้าเล่ลวง ล่อคล้อง ใช้เล่นเช่นกับดวง เนตรนุช พี่เอย บ่วงรักดักพี่ต้อง ติดให้ใช้แรง ฯ
นิ่ม๑ = นิ่ม ภรรยาคนหนึ่งของท่านสุนทรภู่ มีบุตรด้วยกันชื่อตาบ เป็นกวีตามบิดา นิ่มผู้นี้มีบุตรแล้วไม่ช้าก็ตาย สีทอง๑ = ผู้หญิงชื่อสีทอง เป็นนักกลอนสักวา เคยบอกดอกสร้อยสักวากับท่านสุนทรภู่ กระลาการ๑ = ตระลาการ, ตุลาการ ม่วง๑ = ม่วง ภรรยาคนหนึ่งของท่านสุนทรภู่ จัน๑ = จัน ภรรยาคนแรกของท่านสุนทรภู่
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, ขวดเก่า, ลินดา, อิงดาว พราวฟ้า, เนื้อนาง นิชานาถ, หญิงหนิง พราววลี, ตูมตาม, Paper Flower, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๖๑. ล่องทางบางบ้านส ศรีธร แปรชื่อคือจันทร์จร แจ่มแจ้ง เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เลียบแฮ บ้านไร่ใครหนอแกล้ง กล่าวอ้างอย่างจันทร์ ฯ
๖๒. ยามดึกครึกครื้นลั่น ลมฝน ถึงย่านบ้านขโมยมล มืดคลุ้ม จรเข้เร่คำรน ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม แข่งขู้ฟูลอย ฯ
๖๓. ราตรีหนีตเข้๑เค่า บ้านขโมย เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย ด่วนพุ้ย ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย ปรายสัต สนัดแฮ ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย มุ่งทุ่มกุมภา ฯ
๖๔. น่ากลัวตัวตเค่ขู้ ฟูขนอง ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง ฟ่องเฟื้อย เคียงคู่สู่สมสอง สังวาส สวาสดิ์แฮ ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย เล่นน้ำปล้ำขนอง ฯ
๖๕. เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง มองมัน ว่าตเข้ขบกัน ประกับท้อง บูรานท่านว่าสัน- ดานสัตว์ กำหนัดแฮ ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง ติดค้างนางเมีย ฯ
๖๖. หนีศึกว่าปะซุ้ม เซิงเสือ ได้กับเราแล้วเหลือ หลากล้ำ หลบตเข้เค่าจอดเรือ ริมเขต ขโมยแฮ บกก็เสือเรือซ้ำ สัตเข้เฉโก ฯ
๖๗. รุ่งเช้าเบาอกสริ้น โศกสบาย ลาย่านบ้านขโมยหมาย มุ่งข้าม น้ำขึ้นรื่นลมชาย เฉื่อยส่ง ตรงเอย ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ สัตว์น้ำคล่ำขนอง ฯ
๖๘. บางปลาตาบ้านอยู่ หญิงชาย สองฮ่องสองเรือนราย ไร่กล้วย ชาวป่าน่านอนสบาย บ่ครั่น ตวันเอย มีคู่อูเข้าด้วย ดั่งนี้ที่สบาย ฯ
๖๙. ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม เซิงหนาม สองฝั่งรังรำราม รกเรื้อ แพงพวยผักบุ้งงาม งอนทอด ยอดเอย บนบกนกกับเนื้อ หว่างไม้ไผ่สลอน ฯ
๗๐. บางปสีที่ถ่านตั้ง ตวงซาย เผาไผ่ไม้ซากราย เรียดถ้า หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย เช่นพูด อูดเอย ดำทมื่นทื่นหน้า แนบน้องลองโลม ฯ
๗๑. นาวาคลาเคลื่อนคล้อย ลอยลำ ล่วงย่านบ้านบางรกำ รกไม้ สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ แทงพวก ฉมวกแฮ ปลาติดปลิดปลดได้ ดุกต้องช่อนชโด ฯ
๗๒. บางยุงคุ้งลาดล้วน เหล่าควาย ลงปลักทลักทลาย เล่นน้ำ ดำผุดฟูดฟาดหงาย แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ ปล่อยห้อยอควาย ฯ
๗๓. เขาควายรายร่องนิ้ว นิทาน นานเอย ว่าพญาพาลีทยาน ยุดพลิ้ว ศีรษะกระบือกระบาน บั่งบั่ง ยังแฮ นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ฯ
๗๔. บ้านไซไซใหญ่ย้อย สร้อยไสว คิดเช่นเล่นต้นไซ แซ่ซ้อง ผูกกิ่งชิงช้าไกว แกว่งชัก เชือดเอย เคยขี่พี่กับน้อง แนบเนื้อเจือใจ ฯ
๗๕. เลยทางบางบ้านแห่ง หินมูล เดิมว่าเตาเผาปูน ป่นไว้ อาภัพลับชื่อสูญ เสียเปล่า เราเอย อกพี่นี้และได้ ดุจอ้างอย่างปูน ฯ
๗๖. ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง ลำฦกนึกถึงดวง ดอกฟ้า เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ
๗๗. บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย น้อยแนบแอบอกเคย คู่เคล้า เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย เชือนชื่น อื่นแม่ น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า จิตรน้อยลอยลม ฯ
๗๘. บางหวายท้ายคุ้งช่อง คลองมี แดนนครไชยศรี สุดสริ้น เข้าแดนสุพรรณบุรี รื้อเปลี่ยว เดียวเอย ทุ่งท่าป่ายุงริ้น รกเรื้อเบื่อชม ฯ
๗๙. ชุมนักผักตบซ้อน บอนแซง บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้ บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแหล่ แม่เอย บอนปากยากจะแก้ ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ
๘๐. บางสามศาลเจ้าทร่าง ปางหลัง อารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ระวัง แว่นแคว้น สุขีที่ข้าหวัง วานช่วย ด้วยแฮ กำจัดศัตรูแม้น มุ่งร้ายตายเอง ฯ
๘๑. ถึงบ้านด่านดักตั้ง ฝั่งกระแส สองพี่น้องคลองแคว ค่ามคุ้ง ตลิ่งตลิบโตล่งแล ตานสลับ สล้างเอย สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง ถิ่นอ้อกอแขม ฯ
๘๒. ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ธารา ลอยเล่นเห็นคนถลา หลบสริ้น สลิดสลาดสลับปลา ช่อนดุก พลุกแฮ กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น กระโดดเหล้นเห็นตัว ฯ
๘๓. นานาปลาว่ายเคล้า คลอเรือ สีเสียดซิวกระโสงเสือ ซ่าสร้อย เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ หลายหลาก มากเอย กริมกระตรับนับร้อย เร่หว้ายรายเรียง ฯ
๘๔. แก้มช้ำดำที่แก้ม แต้มดำ ดูเคลื่อนเหมือนจะนำ แนะน้อง แรกรักปรักปรางประจำ จุมพิต นิดเอย ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง แต่งแต้มแก้มสมร ฯ
๘๕. เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ น้องหญิง อ่อนแอบแนบอกอิง อุ่นล้ำ นวลจันนั่นนวลจริง แต่ชื่อ ฦาเอย นวลที่พี่กลืนกล้ำ กลิ่นเนื้อเหลือนวล ฯ
๘๖. ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ หวดหาง ฮืดฮาดฟาดโผงผาง พ่นน้ำ ปลาค้าวเหล่าสวายคาง เบือนบิด เบี้ยวแฮ กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ เคลื่อนคล้อยลอยแล ฯ
๘๗. บางซอกอไผ่ล้อม หลายกอ บ้านบ่มีสีซอ สักน้อย เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ พยุโยก โชกแฮ ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย เอื่อยอ้อซออินทร์ ฯ
๘๘. ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้ อาทวา สองฝั่งฝ่ายวิหกา กู่ก้อง เร่ร่อนว่อนเวหา หาเหยื่อ นกเถื่อนเหมือนจะร้อง เรียกให้คนชม ฯ
๘๙. ถึงที่สีสนุกนั้น น้องเอย สนุกแต่ชาวบ้านเคย ค่ำเช้า พวกพี่ที่จากเชย ชวดสนุก ทุกข์แม่ สนุกที่ดูสูเจ้า สนุกเถ้านั้นเอง ฯ ๙๐. ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย เฟือยตวาง๒ ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง กลบน้ำ ซ้อนซับทับถมทาง ที่แคบ เรือขัดตัดฟันค้ำ ค่อยกว้างทางจร ฯ
๑. ตเข้ = จระเข้ ๒. ตวาง = เป็นชื่อหญ้า กระว้าง ก็เรียก
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, มยุเรศ เมรี, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, ลินดา, อิงดาว พราวฟ้า, หนูหนุงหนิง, เนื้อนาง นิชานาถ, หญิงหนิง พราววลี, ตูมตาม, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๙๑. แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้ ไรราย ถึงย่านบ้านตเภาทลาย ทลุท้อง เดิมที่นี่เป็นชาย ทะเลหาด ลาดแฮ เรือซัดพลัดมาต้อง ติดเข้าตเภาทลาย ฯ
๙๒. แลลิ่วทิวทุ่งต้น ตาลราย ลิบลิบลมปลิวปลาย ไปล่แปล้ เล่คนตัดปีกฉาย เฉิบเช่น เห็นแฮ เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ พิศให้ใจเพลิน ฯ
๙๓. บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ ลำคลอง คนเหล่าเชาปมง๑มอง มุ่งข้า สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง ปิดเรือก เฝือกแฮ เหม็นเน่าคาวปลาร้า เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ฯ
๙๔. ริมน้ำทำทีขึ้น ขอดปลา เกล็ดติดตัวตีนตา ตมูกแก้ม คิดคู่สู่เสน่หา หอมชื่น รรื่นเอย โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม ติดเนื้อเหลือหอม ฯ
๙๕. บางสแกแลสล่างงิ้ว ทิวราย เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย แช่มช้อย งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย สวาดิเช่น เห็นเอย งิ้ว๒พี่ที่แน่งน้อย นึกหน้าอาไลย ฯ
๙๖. ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว คงจะปะงิ้วทราม สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ งิ้วกับพี่หมิแคล้ว คึ่นงิ้วลิ่วสูง ฯ
๙๗. ถึงบ้านคันชั่งแท้ เที่ยงตรง เพียงพี่ที่ดำรง รักน้อง เคยคู่ซู่ซื่อตรง สัจคิด สนิทเอย ยามยากจากพวกพ้อง พี่ให้ใจหาย ฯ
๙๘. เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย เฟือยไสว พงไผ่ไม้รำไร รอบคุ้ง แลขวาป่าแฝกไฟ ฟอนเรี่ยน เกรียนแฮ ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง ถิ่นกว้างวางเวง ฯ
๙๙. ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม ตามแหลม วัดเก่าเศร้าโทรมแรม รกร้าง ผู้ใดไม่ซ่อมแซม สร้างวัด สวัสดิ์เอย เพียงพี่ที่อ้างว้าง ทเวษให้ใจหาย ฯ
๑๐๐. ลมตกนกว้าว่อน ร่อนบิน โฉบฉาบคาบปลากิน กู่ก้อง ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน เดินส่อง มองแฮ ถิบถ่อกรอปีกจ้อง จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ
๑๐๑. ถึงบางนางแม่หม้าย ไร้ผัว เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัว หม่นไหม้ คราวใครใคร่ฝากตัว ต่อม่าย หมายเอย พร้อมจิตคิดจะได้ ดับหม้ายกลายมี ฯ
๑๐๒. ตวันออจรเข้ฟู่ คู่เคียง ยาวใหญ่ไล่เรือเรียง เราะท้าย เด็กตวาดผาดแผดเสียง แซ่สุ่ม ขยุมเอย มันบ่หยุดผุดหว้าย วู่คว้างขวางเรือ ฯ
๑๐๓. เดชะพระพุทธิเจ้า เข้าฌาน เคยชนะพญามาร แม่นแล้ว รฦกถึงจึ่งบันดาน ดุจเช่น เห็นแฮ จรเค่เหห่างแคล้ว คลาดคล้อยถอยหนี ฯ
๑๐๔. ถึงช่องคลองน้ำชื่อ กฤษณา เข้าตอกออกดอกตำรา ว่าไว้ คิดสบพบถ้ำมหา สนุกแน่ แม่เอย นึกจะปลงคงได้ กระดากเจ้าเฝ้าหวง ฯ
๑๐๕. บางเลนเป็นที่หลุ้ม แหล่งปลา แปลงปลักคลักคงคา ขุ่นข้น ไทยเจ๊กเดอใหญ่พา พวกซ่อน ช้อนเอย บุญส่งจงหลีกพ้น ทุกถั้วตัวปลา ฯ
๑๐๖. บางบัวบ้านชื่อพร้อง สนองนำ นึกเช่นเห็นบัวคำ คู่พร้อง เค่า๓เหนียวเกี่ยวมาทำ แทนเค่า๓ เจ้าเอย คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง ขัดค้างขวางเชิง ฯ
๑๐๗. ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้ ใบคลา ถึงย่านบ้านดารา รกเรื้อ สองเรือนเพื่อนพูดจา เจ่านั่ง รวังเอย คิดใคร่ได้ชิดเชื้อ ช่วยเฝ้าเหย้าเรือน ฯ
๑๐๘. ใบร่มลมเรื่อยแหล้น ลีลา เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพา เพื่อนร้อง อิเหนาเค่ามลกา กลเม็ด มากแฮ ฟังเสนาะเพราะพร้อง พรักพร้อมซ้อมเสียง ฯ
๑๐๙. ถึงชีปขาวย่านบ้าน โบรำ ชีไม่เห็นกาดำ ตื่นร้อง ชาวบ้านย่านนั้นทำ แทงพวก ฉมวกแฮ ขาวแต่คำพร่ำพร้อง ชื่อนี้ชีปขาว ฯ
๑๑๐. ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วน นวลขาว แพรพ่าฟ้าดินดาว ดุจพร้อง ขาวดูครู่เดียวคราว หนึ่งเบื่อ เหลือแฮ ขาวบ่เบื่อเนื้อน้อง น่วมนิ้วผิวขาว ฯ
๑๑๑. คุ้งขวางบางบ้านชื่อ ชี้หล๔ ทางทิศทุกตำบล บอกแจ้ง อยู่กลางหว่างมณฑล ทางร่วม รวมแฮ คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้ง ย่านนี้ยีหน ฯ
๑๑๒. บางปลาม้าป่าอ้อ กอระกำ ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำ สล่างเฟื้อย ชาวบ้านย่านนั้นทำ ที่ไร่ ไว้แฮ ปลูกผักฟักแฟงเลื้อย ลูกห้อยย้อยไสว ฯ
๑๑๓. ถึงคุ้งโพกระก้ม กราบกราน โพอยู่บูรานนาน เนิ่นแล้ว ชื่นชุ่มพุ่มพิสดาร เดชะ พระเอย ขออย่าให้ไภยแผ้ว ผ่องพ้นกลโกง ฯ
๑๑๔. โคกครามนามที่บ้าน หว่านคราม เขียวชุ่มฉอุ่มงาม กิ่งก้าน เหมือนสีที่นุชทราม สวาดิฮุ่ม พุ่มเอย เห็นแต่ครามนามบ้าน สไบเจ้าเศร้าสูน ฯ
๑๑๕. สวนหงส์วงวัดพร้อม พระเณร รื่นรอบขอบบริเวณ หว่างบ้าน เด็กเยาว์เล่ากนเกน ก้องที่ กุฎีแฮ ใช่ที่มีสวนสอ้าน ชื่ออ้างปางหลัง ฯ
๑๑๖. ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้ ตนขาม ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนาม สนับหญ้า แก้วอื่นหมื่นแสนทราม สู้สละ ปละเอย รักแต่แก้วแววฟ้า จะเฝ้าเคล้าสนอม ฯ
๑๑๗. ถึงวังตาเพชอ้าง ปางหลัง ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรัง รกเรื้อ ตาเพชเหตุใดวัง มีเล่า เจ้าเอย ฤาว่าตาเพชเชื้อ ชาติท้าวเจ้าเมือง ฯ
๑๑๘. สวนขิงตลิ่งแต่ล้วน สวนมะเขือ พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือ เรื่อไหร้ กล้วยปลูกสุกห่ามเครือ ครบซ่ม มะยมเอย คิดคู่อยู่สวนได้ แต่งต้มซ่มตำ ฯ
๑๑๙. บ้านยอดยอดไม้สะพรั่ง ฝั่งชลา ยอดยื่นชื่อช่อผกา กิ่งคว้าง ยอดอื่นหมื่นแสนดา ดาษทอด ยอดแฮ ยอดรักจักหาบ้าง บ่ได้ใจหาย ฯ
๑๒๐. ลุดลชนบทบ้าน ขนมจีน โรงเจ๊กตั้งริมตีน ท่าน้ำ นั่งนับทรัพย์สิ่งสิน สยายเพ่า๕ เล่าแฮ เมียช่างสางสลวยล้ำ สลับผู้๖หูหนาง๗ ฯ
๑. เชาปมง = ชาวประมง ๒. งิ้ว = หญิงชื่องิ้วนี้ ท่านสุนทรภู่รักใครใฝ่ฝัน ได้รำพันไว้ในนิราศหลายเรื่อง เช่น นิราศพระประธม นิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศเรื่องนี้ ๓. เค่า = ข้าว ๔. ชี้หล = ชีหล หรือยีหน คือบางยี่หน ตำมลมะค่า อำเภอบางปลาม้า ๕. เพ่า = เผ้า ผม ๖. ผู้ = พู่ ๗. หูหนาง = หางหนู
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ลินดา, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, อิงดาว พราวฟ้า, ขวดเก่า, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, เนื้อนาง นิชานาถ, หญิงหนิง พราววลี, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๑๒๑. โพคอยโพขึ้นอยู่ คู่เคียง ปากช่องคลองชลาเฉลียง ลัดถุ้ง บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียง รายอยู่ หมู่แฮ แลรอบขอบแหลมคุ้ง เขตบ้านตาลราย ฯ
๑๒๒. ถึงหน้าท่าน้ำวัด มะนาวหวาน ฦาเลื่องเบื้องบูราน ร่ำพร้อง หวานอื่นคลื่นไส้นาน นักเบื่อ เหลือแม่ หวานแต่น้ำคำน้อง เสนาะน้ำคำหวาน ฯ
๑๒๓. ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้ม ขมเหลือ ครั้นแต่งแกงต้มเกลือ กลบคั้น พริกขิงสิ่งใส่เจือ จิบอร่อย น้อยฤา ขมขื่นคลื่นไส้นั้น แต่น้ำคำขม ฯ
๑๒๔. วัดฝางอ้างชื่อไว้ ใช่ฝาง ฝางย่อมย้อมแพรยาง ยิ่งขรั้ง แดงสุกถูกแดดหมาง หมองคร่ำ ดำแฮ อกพี่ที่แค้นขั้ง ขู่คล้ำน้ำฝาง ฯ
๑๒๕. ท่าระหัดพัดน้ำท่วม ท้องนา หันกลับขับคงคา คึ่นได้ ใคร่จ้างช่างระหัดหา ห่อนพบ หลบเอย อกพี่ที่ร้อนให้ ระหัดน้ำพร่ำพรม ฯ
๑๒๖. ถึงบางนางสุกน้อง นามเหมือน สุขพี่ที่ร่วมเรือน เพื่อนร้อน ยามสุขทุกปีเดือน ได้อยู่ คู่เอย ยามทุกสุขกาหล้อน หล่นเหน้าเปล่าดาย ฯ
๑๒๗. ถึงย่านยายท้าวที่ ผีลง ฦาข่าวเจ้าสิงทรง สอดรู้ คิดใคร่ไถ่ถามองค์ อารักษ์ ประจักษ์เอย แม่ม่ายหมายเคียงขู้ คบเผื้อนเชือนไฉน ฯ
๑๒๘. ท่าโขลงโขลงช้างค่าม ตามโขลง พลอยถูกผูกกูบโยง แย่ท้าย ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรง รักยศ หมดแฮ พี่เที่ยวเดียวโดดคล้าย คชร้างห่างโขลง ฯ
๑๒๙. บ้านตั้งฝั่งน้ำที่ กุฎีทอง ลาวอยู่รู้เสียงสนอง เหน่อช้า ปลูกผักหักฟืนตอง ตามเถื่อน เพื่อนแฮ หูเจาะเหมาะแต่หน้า แน่งน้อยกลอยใจ ฯ
๑๓๐. โคกหม้อก่ออิฐตั้ง เตาเพลิง เผาม่อก่อไฟเริง เร่งเร้า หม้อมีที่พะเพิง เพื่อนเหล่า เผาแฮ อกพี่ที่ร้อนเถ้า ถ่านกลุ้มรุมแรง ฯ
๑๓๑. ถึงระยะสระโปยชหญ้าน บ้านลาว ผ้านุ่งถุงทบยาว ย่างย้าย กลีบกลับวับแวมวาว แวบแวบ แทบแฮ เด็กว่าฟ้าแลบชม้าย มุ่งค้อนงอนงาม ฯ
๑๓๒. ถึงท้ายชายน้ำตก รกคลอง ที่ลุ่มขุมรางรอง รับน้ำ หน้าแล้งแฮ่งนาหนอง น้ำตก ซกแฮ ชลเนตรเชษฐาผร้ำ เช่นน้ำตกบาง ฯ
๑๓๓. ควันเย็นเห็นหาดหน้า ท่ามี เมืองสุพรรณบุรี รกร้าง ศาลตั้งฝั่งนที ที่หาด ลาดแฮ โรงเล่าเขาต้มค้าง ขอบคุ้งหุงสุรา ฯ
๑๓๔. ผู้รั้งตั้งรั้วรอบ ขอบราย เป็นหมู่ดูงัวควาย ไขว่บ้าน สาวสาวเหล่านุ่งลาย แล้วหม่อม มอมเอย จ้ำม่ำลำสันสอ้าน อาบน้ำปล้ำปลา ฯ
๑๓๕. กรมการบ้านตั้งตลอด ตลิ่งเตียน ต่างต่อล้อเลื่อนเกียร๑ เก็บไว้ เรือริมหาดดาษเดียร รดะปัก หลักแฮ ของเหล่าเชาสวนใต้ แต่งตั้งนั่งขาย ฯ
๑๓๖. ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้น พิศดาร มีวัดพระรูปบูราณ ท่านสร้าง ที่ถัดวัดประตูสาร สงฆ์สู่ อยู่เอย หย่อมย่านบ้านขุนช้าง ชิดข้างสวนบันลัง ฯ
๑๓๗. วัดกระไกรใกล้บ้านที่ ศรีประจัน ถามเหล่าชาวสุพรรณ เพื่อนชี้ ทองประศรีที่สำคัญ ข้างวัด แคแฮ เดิมสนุกทุกวันนี้ รกเรื้อเสือคนอง ฯ
๑๓๘. ประทับหน้าท่าสิบเบี้ย บูราณ หว่างวัดฝาโถสถาน ถิ่นร้าง มหาโพธิ์โบสถ์วิหาร หักทับ ยับเอย พิมพิลาไลยสร้าง สืบขู้สูพรรณ ฯ
๑๓๙. สงสารบ้านวัดร้าง แรมโรย เสียงแต่นกหกโหย ค่ำเช้า อกพี่ทีเดียวโดย ด้วยแก่ แม่เอย เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้า โศกซ้ำรำจวน ฯ
๑๔๐. นอนค้างข้างคุ้งถัด วัดกระไกร ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพร พรั่งพร้อม ไหว้พระป่าเลไลย์ ร่มระรื่น ชื่นเอย ริมรอบขอบเขื่อนล้อม สะล่างไม้ไพรพนม ฯ
๑๔๑. น้อยน้อยพลอยชื่นชี้ ชมไพร ครึมครึกพฤกษาไสว แว่นแคว้น ผลิดอกออกผลใบ รบัดชื่น รื่นเอย รอกกระแตแลแหล้น โลดเต้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๒. แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้า จับใจ หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร ร่ำร้อง แซงแซวส่งเสียงใส ทราบโสต แหนงนิ่งนึกนุชน้อง นิ่มเนื้อนวลนาง ฯ
๑๔๓. พิกุลบุนนากแก้ว กาหลง หอมชื่นรื่นลำดวนดง ดอกรย้า สาวหยุดพุทธิชาดทรง เสาวรส สดเอย หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้า สนุกโน้มโถมชิง ฯ
๑๔๔. เด็ดได้ไส้ห่อผ้า พับเฉียง เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียง ลดเลี้ยว ล้มลุกสนุกสำเนียง สนั่นโห่ โร่เอย หน้าผากฝากบวมเบี้ยว บ่เว้นเผ่นผยอง ฯ
๑๔๕. นกร้องก้องกิ่งไม้ ใบบัง แลลับกรับเสียงวัง เวกแหว้ว ค้อนทองป่องเป๋งดัง ดุจเคาะ ฆ้อนแฮ กอไผ่ไก่ขันแจ้ว แจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียง ฯ
๑๔๖. ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้ม กราบยุคล พระป่าเลไลย์ยล อย่างยิ้ม ยอกรหย่อนบาทบน บงกช แก้วเอย ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้ม พระหนั้งดังองค์ ฯ
๑๔๗. เทียนธูปบุพชาติบ้าง บูชา นึกพระเสด็จมา ยับยั้ง ลิงเผือกเลือกสมอพวา ถวายไว่ ใกล้แฮ ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้ง กิ่งไม้ไหว้ถวาย ฯ
๑๔๘. ขอเดชะพระพุทธิเจ้า จงเห็น อตส่าห์มาเช้าเย็น ยากไร้ ปรารถนาว่าจะเป็น ปเจกพุท ธะภูมิเอย บุญช่วยด้วยให้ได้ ดุจข้าอาวรณ์ ฯ
๑๔๙. ยังไปไม่พ้นภพ สงสาร ขอปะพระศรีอาร อีกเหล้า กราบถึงซึ่งพระนิพาน ผ่ายภาค หน้าเอย ขอสุขทุกข์โศกเศร้า สิ่งร้ายหายสูญ ฯ
๑๕๐. อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วน ลูกหลาน หมายมั่งดังพิศถาน ถี่ถ้วน ขอให้ใส่นามขนาน ตาบพัด สวัดิเอย กลั่นชุบอุปถัมป์ล้วน ลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์๒ ฯ
๑. เกียร = เกวียน ๒. หมายถึง บุตรที่ร่วมทางไปด้วย ที่มีชื่อระบุไว้ในนิราศนี้ ได้แก่ พัด (บุตรที่เกิดจาก จัน) ตาบ (บุตรที่เกิดจาก นิ่ม) กลั่นและชุบ ซึ่งเป็นบุตรเลี้ยง
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, เนื้อนาง นิชานาถ, ปลายฝน คนงาม, หญิงหนิง พราววลี, ลมหนาว ในสายหมอก, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๑๕๑. เย็นรอนอ่อนเกศก้ม กราบลา จากวัดตัดตรงมา แม่น้ำ ค้างคืนตื่นเช้าคลา คลาดเคลื่อน เรือเอย ติดแก่งแข็งข้อค้ำ ขัดข้องต้องเข็น ฯ
๑๕๒. เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อ โพคลาน โพใหญ่ไม้บูราณ ร่มชื้น สองฝั่งพรั่งพฤกษตาล โตนดพุ่ง สูงเอย ท่าลาดหาดทรายตื้น ตลิ่งล้วนสวนมะเขือ ฯ
๑๕๓. ศรีศะเวียงเสียงแซ่ล้วน พวนลาว แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาว แช่น้ำ ผ้าบ่นุ่งพุงขาว ขวยจิต รอิดเอย เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำ ค่ามให้ไกลลาว ฯ
๑๕๔. โพหลวงห้วงน้ำลึก ไหลเนือย ปะแต่ลาวเปล่าเปลือย ปลอดผ้า อาบน้ำคล่ำริมเฟือย ฝูงหนุ่ม กลุ้มแฮ เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้า นิ่วร้องสยองแสยง ฯ
๑๕๕. สำประทิวงิ้วง้าวสล่าง กร่างไกร ถิ่นท่าป่ารำไร ไร่ฝ้าย เจ๊กอยู่หมู่มอญไทย ทำถั่ว รั้วเอย ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย เกลื่อนข้างทางจร ฯ
๑๕๖. ถึงย่านบ้านรัดช้าง ปางหลัง ข้างถูกผูกรึงรัง รัดไว้ พลัดพรากจากฝูงพัง พวกเพื่อน เถื่อนเอย เพียงพี่ที่ทุเรศไร้ นิราศร้างห่างสมร ฯ
๑๕๗. บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำ ธรรมกูล วัดทร่างปางก่อนสูญ สงัดเศร้า ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูน เปื่อยเปล่า เจ้าเอย โบสถ์ยับทับพระเจ้า เจิ่งน้ำกรำฝน ฯ
๑๕๘. ยลย่านบ้านหนึ่งนั้น แนะนาม วัดสว่างอารมอาราม รื่นไม้ สว่างแต่ที่พี่ยาม มืดมิด จิตรเอย ห่อนสว่างอย่างไว้ ชื่ออ้างสว่างอารม ฯ
๑๕๙. โพพระระยะหย้าน หย่อมไพร โพชื่นรื่นร่มใบ โบกระย้า โปรดด้วยช่วยคุ้มภัย พยัฆพยศ คดเอย โพพระอนุเคราะห์ข้า พระเจ้าคราวเข็น ฯ
๑๖๐. โพธิ์พระยาท่าตลิ่งล้วน ล้อเกวียน โพธิ์ไผ่ไม้เต็งตเคียน ตขบบ้าง ซิกซากกระบากกระเบียน กระเบากระแบก กระบกแฮ เสลาสลอดสลับสล้าง เหล่าไม้ใกล้กระสินธ์ ฯ
๑๖๑. บ้านซ่องช่องชวากเวิ้ง เซิงหวาย เหล่าที่หนีมุลนาย เนิ่นช้า ซ่องสุมซุ่มเรือนราย ริมกับ กะเหรี่ยงแฮ ใครจับกลับรุมข้า ขัดข้องซ่องหลวง ฯ
๑๖๒. บางมดแดงแขวงเขตคุ้ง ทุ่งไพร ถิ่นเถื่อนเรือนรำไร ไร่กล้วย นึกมดอดสูใจ จงมะม่วง หวงแฮ เพียงพี่หมิมอดม้วย ไม่สิ้นถวิลหวัง ฯ
๑๖๓. วังยางค่างคุ้งสะล่าง ยางยูง โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูง ฉโงกง้ำ นกแลแต่ลฝูงลฝูง ฟุบสพั่ง รังเอย ร่มรื่นชื่นชายน้ำ นั่งเหล้นเย็นสบาย ฯ
๑๖๔. ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำ ทำตาล ไต่พะองโหย่งโย่ทยาน ย่างเก้า๑ หน้าหวัวเราะเพราะรักหวาน หวังใคร่ ได้ฤา เพียงพี่นี้แฝงเฝ้า ใฝ่น้ำคำหวาน ฯ
๑๖๕. ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยว เหลียวแล ตลิ่งสูงฝูงรอกแต ไต่ไม้ กรวยกร่างค่างเคียมแค ข่อยกทุ่ม กุ่มเอย ลมป่วนหวนหอมให้ ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ฯ
๑๖๖. จวบจนชนบทบ้าน ศรีจัน๒ ท่าลาดหาดเกิดกัน แก่งตื้น เรือนตั้งฝั่งเรียงรัน โรงเหล็ก เจ๊กเอย คนพู่ดูครึกครื้น ค่ามช้างต่างเกวียน ฯ
๑๖๗. จวนเย็นเห็นแห่งบ้าน ด่านขนอน๓ หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญ มี่บ้าน จอดเรือเมื่อเย็นรอน ริมหาด สอาดเอย ร้องว่าอาศัยร้าน ร่มไม้ใกล้เรือ ฯ
๑๖๘. เจ้าของร้องรับให้ ได้การ หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบาน บ่เศร้า ขึ้นฝั่งนั่งสำราญ ร้านใต้ ไทรเอย สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้า ฝั่งน้ำชำเลือง ฯ ๑๖๙. ลูกเอยเฉยเช่นปั้น ปูนขาว สาวเพ่งเล็งหลบสาว ซิ่นแล้ว ปะเป็นเช่นพ่อคราว ครั้งหนุ่ม ชุ่มฤๅ ตายราบลาภไม่แคล้ว คลาดช้านาที ฯ
๑๗๐. ลูกลาวสาวรุ่นน้อง ทักทาย เรือพี่มีสิ่งขาย ค่อยไหว้ ลูกเราเหล่าหนุ่มอาย แอบเด็ก เล็กแฮ สอนกระสาบ๔ตาบให้ ว่าซื้อหรือจำ ฯ
๑๗๑. หนูพัดพลัดพลอดล้อ เลียนสาว มีหมากอยากสู่สาว ซิ่นแล้ว ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาว ขายมั่ง กระมังแม่ ตาบฮ่ามถามหาแห้ว แห่งนี้มีฤๅ ฯ
๑๗๒. ลาวไปไทยพี่น้อง มองเมียง มืดค่ำทำร่ายเรียง เราะร้าน กลั่นชุบอุบอิบเอียง กระแอมแอบ แยบเอย ขอหมากปากสั่นสท้าน ทดท้อย่อหญิง ฯ
๑๗๓. ราตรีพี่น้องอ่อน เอ็นดู ขันใหญ่ใส่หมากพลู นาบ๕ให้ แห้วเลือกเผือกถั่วภู พัดรับ กลับแฮ จสั่งมั่งไม่ได้ เดือดหน้าด่าตี ฯ
๑๗๔. ดึกลาวสาวรุ่นกล้า มาเดียว ให้กระเช้าข้าวเหนียว นั่งใกล้ ถอยหลีกอีกบ่อเหลียว เลยลูก กูเอย กลั่นรับกลับจุดไต้ ตอบโต้โมทนา ฯ
๑๗๕. บูราณท่านว่าเลี้ยง ลูกสาว มันมักหักรั้วฉาว เช่นพร้อง หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราว รักขะยั่น พรั่นแฮ ลูกโง่โซแสบท้อง บ่อรู้สู่สาว ฯ
๑๗๖. ครั้นช้าวสาวสบหน้า ลาสาว จากขนอนอ่อนหนาว หนุ่มเศร้า คราวได้ไม่โลมลาว ลองซู่ ดูแฮ ครั้นลับกลับรฤกเหล้า ลูกโหง้โซสาว ฯ
๑๗๗. เอ็นดูหนูพี่น้อง สองสาว คิดใคร่ได้เลี้ยงลาว ลูกสะใภ้ แต่ลูกผูกรักชาว วังเล่า เจ้าเอย จะเจ็บเล็บเขาไว้ ข่วนร้ายคล้ายเสือ ฯ
๑๗๘. บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยว เหลียวแล บนบกนกซอแซ แซ่ซ้อง เห็นนกกกคู่แด ดานลฦก นึกเอย เหมือนอยู่คู่เคียงน้อง แนบเนื้อเหลือสนอม ฯ
๑๗๙. บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่ง ฝั่งชลา ฝ้ายออกดอกขาวดา เด่นช้อย เนื้อนุชสุดโสภา เพียงฟ่าย๖ ไร่เอย ชมฟ่าย๖คล้ายผิวสร้อย สวาดิเนื้อเหลือนวล ฯ
๑๘๐. ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้ง วาริน เกิดแก่งแหล่งเหวหิน ฮ่วงคุ้ง ปล่องน้ำท่ำกุมภิน พวกเงือก เลือกแฮ ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้ง ด่วนพ้นวนวัง ฯ
๑. เก้า = ก้าว ๒. บ้านศรีจัน = บ้านศรีประจันต์ ๓. ด่านขนอน หรือหัวขนอน ตำบลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ ๔. สอนกระสาบ = สอนกระซาบ คือ กระซิบกระซาบสอน ๕. พลูนาบ คือ พลูที่ใช้ของร้อน ๆ นาบให้แห้ง เก็บไว้กินได้นาน ๖. ฟ่าย = ฝ้าย
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, เนื้อนาง นิชานาถ, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, Paper Flower, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๑๘๑. บ้านไร่ไทเจ๊กตั้ง ทั้งทวาย กล้วยไข่ไร่เรียงราย เรียกซื้อ ตกเครือเรื่อเรืองปลาย ปลีสลับ ประกับแฮ เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อ หมดรื้อซื้อเสมอ ฯ
๑๘๒. วังปรานบ้านเว้นว่าง วางเวง สองฝั่งวังเสือเกรง เกรียบชม้อย นายรอด๑ทอดท้ายเพลง พลอยหนุ่ม ชุ่มเอย ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อย ชุ่มฉ้อออรชร ฯ
๑๘๓. บางม่วงห้วงหาดตื้น ติดเรือ ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือ ซับซ้อน ซึ้งซึกพฤกษ์ครุมเครือ ค่างโครก โฮกแฮ โปรยแต่ใบไม้หว้อน วิ่งร้องพองขน ฯ
๑๘๔. ลูกค่างอย่างย้อมชาติ ชมพู เหลืองอ่อนโอ้เอนดู เด็กน้อย แม่อุ้มชุ่มชื่นชู ชมลูบ จูบเอย กอดแอบแนบอกห้อย หกโน้มโถมทยาน ฯ
๑๘๕. ย่านซื่อชื่อว่าบ้าน ย่านยาว เหนแต่ชุมนุมลาว ล่อนโล้ง ลากอวนส่วนหนุ่มสาว เสียงแซ่ แม่เอย เฒ่าแก่แลโล้งโต้ง ต่างหล้อน๒ห่อนอาย ฯ
๑๘๖. อ้างว้างกลางน้ำร่ม ลมโชย ลิงค่างครางครวญโหย โห่ร้อง กระเบาออกดอกร่วงโรย รศรื่น ชื่นเอย หึ่งหึ่งผึ้งเพียงฆ้อง ย่ำเถี้ยงเสียงกระหึม ฯ
๑๘๗. ยนย่านศาลปู่เจ้า๓ จอมไพร ปลาคล่ำน้ำซึ้งใส สอาดสอ้าน งูเหลือมเลื่อมเลือกไคล คลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ โตเท่าเสาเรือนกว้าน กวาดน้ำดำปลา ฯ
๑๘๘. ติดตื้นขืนถ่อค้ำ เข็นเรือ บนบกรกรังเสือ ซอกซุ้ม นำงูฟู่เลื้อยเหลือ หลีกยาก หลากแฮ สักครู่ดูควันกลุ้ม กลบข้างทางจร ฯ
๑๘๙. เด็กเหนเช่นมนุษหนั้ง หลังงู แวววับคลับคลายฟู ฟ่องเฟื้อย รู้ชัดจัดหมากพลู พลีปู่ เจ้าเอย งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อย หลีกคล้ายหายสูญ ฯ
๑๙๐. เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อน เคลื่อนคลา ถึงย่านบ้านกล้วยเวลา บ่ายคล้อย กล้วยไข่ไร่รื่นระดา ดกเรื่อ เครือเอย หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อย แอบกล้วยสลวยลำ ฯ
๑๙๑. ถึงช่องคลองน้ำซับ ซ้ายมือ เกิดแร่แง่งอกครือ ครืดท้อง ผู้เฒ่าเล่าเลื่องฦๅ เหล็กที่ ดีเอย ครึคระระเรือต้อง ติดตื้นขืนเข็น ฯ
๑๙๒. บ้านว่าขวาซ้ายค่าง ทางจร หินแร่แลสลับสลอน ฦกซึ้ง เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เสียบ๔เอย ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้ง แอบคุ้งมุ่งทาง ฯ
๑๙๓. วังหินถิ่นเถื่อนกว้าง ยางยูง สมอแสมสารสูง สดฉุ้ม หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูง ฟุบเขี่ย เรี่ยเอย เด็กใคร่ได้ไก่อุ้ม แอบขึ้นครึนราย ฯ
๑๙๔. ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อ๕ ก้อกพือ เด็กย่องด่องดีดมือ มุ่งหน้า เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋อ ปร๋อร่อน ว่อนแฮ เด็กโดดโลดไล่คว้า ไคว่ขว้ำขะมำมอม ฯ
๑๙๕. ลงเรือเหื่ออาบหน้า หนูเอย อย่าไล่ไก่เลยเชย ช่อไม้ ดอกดวงร่วงรื่นรเหย หอมกลิ่น รรินแฮ เก็บสักห่อพ่อได้ เด็ดร้อยสร้อยสน ฯ
๑๙๖. ย่านยาวลาวตั้งกลาด หาดทราย แล่ผ่าปลาฉแวงสวาย แหวะท้อง ย่างไฟใส่ข่าราย เรียงนั่ง สพรั่งเอย พวกหนุ่มสุ่มเรือร้อง เจ่ยระน้อฬ้อลาว ฯ
๑๙๗. ถึงวนก้นหวดห้วง หินแลง แร่เกลื่อนเหมือนขิงแขง ค่างคุ้ง ตำราว่าทองแดง เด็กต่อย ย่อยแฮ พรายพร่างอย่างสีรุ้ง รอดชี้ที่แถลง ฯ
๑๙๘. ตะวันเย็นเห็นพยัฆด้อม ดื่มชล โห่ขับกลับโฮกคน เคี่ยวโง้ง ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรน เราะไล่ ใกล้แฮ ทั้งคู่ภู่เมียโขร้ง คร่างร้องก้องกระหึม ฯ
๑๙๙. นายรอดสอดรู้เท่า เหล่าเสือ มักกัดสัตว์กินเหลือ ละไว้ มันหวงล่วงไล่เรือ รอดแนะ แวะแฮ หนูหนุ่มกุมมีดไม้ มุ่งแย้งแทงเสือ ฯ
๒๐๐. โห่ร้องซ้องแส้ป่า กล้าหาญ เสือวิ่งยิ่งทเยอทยาน หยักรั้ง ตามทางห่างฝั่งประมาณ สองเซ่น เห็นแฮ ได้แต่เนื้อเหลือทั้ง ท่อนท้ายชายโครง ฯ
๒๐๑. รอดรัดมัดเชือกกลุ้ม หนุ่มหาม ถึงที่เรือเสือตาม ติดก้น จากท่าป่าเปลี่ยวขาม ขยาดพยัฆ นักพ่อ ถ่อถี่หนีเสือพ้น พี่ให้ใจหาย ฯ
๒๐๒. บูรานท่านว่าล้วง คอเสือ เหล่าลูกถูกตำราเหลือ เหล็กกล้า เช่นพ่อก็กลืนเกลือ กลั้วเค่า๖ เจ้าเอย ชิงเหยื่อเสือต่อหน้า นึกคร้ามขามแขยง ฯ
๒๐๓. วังฉลามยามสูริยเยื้อง เย็นรอน เสียงสุนัขไนหอน เห่าเนื้อ ลิงค่างต่างโหวยวอน วิเวกวาบ สาบเอย เผาะเผาะเราะรกเรื้อ เรียดข้างทางจร ฯ
๒๐๔. มืดค่ำจำจอดค้าง หว่างไพร หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟ ฝั่งน้ำ เนื้อย่างค่างเครื่องใน แบ่ง แกงแฮ เนื้อสดรสอร่อยล้ำ กระหลบฟุ้งคุ้งแหลม ฯ
๒๐๕. นอนค้างกลางหาดตื้น ตลิ่งสูง นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูง มฤคฆร้อง เงาไม้ใหญ่ยางยูง เย็นเยียบ เงียบเอย เผาะเผาะเราะป่าต้อง ตวาดซ้ำร่ำไป ฯ
๒๐๖. เกือบหลับกรับเกรียบไม้ ไต้เหนือ คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือ รอบข้าง ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือ สวบโขยด โดดแฮ เด็กด่าคว้าฟืนขว้าง ก่อให้ไฟโพลง ฯ
๒๐๗. เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้ง ระวังไฟ ดึกยิ่งวิ่งเวียรไว แวดล้อม จำเปนเซ่นพระไพร เพราะเหยื่อ เสือแฮ ตัดตับกับเนื้อพร้อม พร่ำตั้งสังเวย ฯ
๒๐๘. เย็นเยียบเงียบสงัดเงื้อม เงาครึม อารักศักดิ์สิทธิ์พึม พุ่มไม้ ทิ้งทูตพูดงึมงึม เงี่ยง่วง ทรวงเอย จังหรีดกรีดกริ่งให้ ลเหี่ยเศร้าหาวนอน ฯ
๒๐๙. ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้ง ฟังเสียง แม่ม่ายลองไนเรียง แหร่ร้อง รฦกแต่แม่ม่ายเวียง สวาดิว่าง ค้างเอย เปนม่ายร้ายนักน้อง จะต้องลองไน ฯ
๒๑๐. หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อม แลเหน เจ้าป่าหน้าปากเปน พยัฆร้าย ขี่แรดแผดเสียงเยน ขยอกเหยื่อ เนื้อเอย ร้องว่าลาแล้วคล้าย เคลือบเข้าเงาหาย ฯ
๑. นายรอด คงจะเป็นนายท้าย และนำทางด้วย ๒. หล้อน = ล่อน-ล่อนจ้อน ๓. ศาลปู่เจ้า ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ ๔. เสียบ = เซียบ, เชียบ ๕. จฬ้อ = จะล้อ ๖. เค่า = ข้าว
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, รินดาวดี, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, Paper Flower, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๒๑๑. ยามสามยามสงัดไม้ ไพรพนม พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม พร่างพร้อย เยนเยียบเงียบสงัดลม แลโล่ง ดงเอย ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อย ชื่นฉุ้มพุ่มพกา ฯ
๒๑๒. ค่อนรุ่งฝูงไก่แจ้ แจ้วเสียง เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียง เนื่องซ้อง เรไรร่ายร้องเรียง รับแซ่ แม่เอย เพียงระนาดพาดฆ้อง แข่งเจ้งเพลงจีน ฯ
๒๑๓. เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง เพียงสุคนธ์ หึ่งหึ่งพึ่งเวียนวน ว่อนเคล้า มาลีคลี่กลีบบน บานกลิ่น รรินเอย ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้า เร่งให้ใจเจริญ ฯ
๒๑๔. รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำ อบหอม หวนจิตคิดเคยสนอม แนบน้อง เจือจรรกลั่นกลิ่นรอม รวยรรื่น ชื่นเอย เคยชื่นรื่นรศต้อง ตกไร้ไกลสมร ฯ
๒๑๕. เรืองรุ่งฝูงนกร้อง ก้องดง เรียกเร่งรถสูริยง เยี่ยมฟ้า ล่าป่าท่าน้ำจง เจริญศุข รุกขเอย จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้า หนุ่มน้อยพลอยเพลิน ฯ
๒๑๖. ล่วงทางบางขวากคุ้ง เขตไพร เหนแต่แร่ระกะไคล เคลือบคล้ำ ซ้ายขวาป่าสูงไสว ว่างย่าน บ้านเอย เด็กใคร่ไปปลายน้ำ สนุกแท้แควเหนือ ฯ
๒๑๗. นึกนามสามชุกถ้า ป่าดง เกรี่ยง๑ไร่ได้ฝ้ายลง แลกล้ำ เรือค้าท่านั้นคง คอยเกรี่ยง เรียงเอย รายจอดทอดท่าน้ำ นับฝ้ายขายของ ฯ
๒๑๘. นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้อง กะหนองกะแหนง สาวผูกลูกปัดแดง ประดับพร้อย คิ้วตาน่านวลแตง ตะละหม่อม จอมเอย แข้งทู่หูยานย้อย อย่างละว้าพาคลาย ฯ
๒๑๙. สามเพงเลงสะล่างไม้ ไพรสณฑ์ ป่าใหญ่ใช่เขตคน ขาดบ้าน ร่มรื่นชื่นชมชล ซุ่มแต่ แร่เอย ปลาว่ายสายสินสอ้าน สอาดตื้นพื้นทราย ฯ
๒๒๐. ปลาชนางคว้างแคว้งว่าย ลายแล เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแก กระดิบกระเดี้ย ไข่ฉะนางอย่างฝักแค เขียวชอุ่ม ชุ่มเอย สร้อยซ่ากากดเพลี้ย พล่านน้ำคล่ำทาง ฯ
๒๒๑. ไอ้บ้าอ้าปากกว้าง หางแดง ซิวสูบสีเสียดแซง แซกซ้อน กริมกรายว่ายเวียนระแวง ระวังม่าย หมายเอย ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อน แฉลบหว้ายสายสินธุ์ ฯ
๒๒๒. ปลาตเพียนเวียนว่ายเคล้า คลอเรือ เกล็ดเคลือบเหลือบเหลืองเหลือ เลื่อมพร้อย ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือ ส่ายโบก กระโชกแฮ หางไก่ใช่หางช้อย ชแล่มหว้ายร่ายเรียง ฯ
๒๒๓. นานาปลาน้ำถิ่น หินทราย ชมเล่นเหนประหลาดหลาย เล็กน้อย ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลาย น้ำเล่า เจ้าเอย บนบกนกกระเตนกระต้อย ต้องร้องซ้องเสียง ฯ
๒๒๔. ถึงรวางว่างบ้านชื่อ ชัดหอม หอมประดู่ปรูพยอม ยื่นย้อย ดอกกระดึงผึ้งแตนตอม ต่อร่อน ว่อนแฮ นกพริกจิกจับห้อย หกหิ้วพลิ้วแพลง ฯ
๒๒๕. ถึงแก่งแห่งท้ายย่าน บ้านทึง หินแร่แก่เก่าตรึง กรวดก้อน ลงเข็นเล่นน้ำอึง อาบชุ่ม หนุ่มเอย เยนสบายหายร้อน เรื่อยร้องลองลำ ฯ
๒๒๖. เอนหลังฟังดอกสร้อย สักระวา ร้องรับขับเสภา เพื่อนพร้อม ลำนำคร่ำครวญหา หวนเอก วิเวกเอย ผอยหลับรับเสียงซ้อม เสนาะน้ำคำครวญ ฯ
๒๒๗. หยุดเรือเหนือวัดเงื้อม เงาโพ รื่นร่มรมย์ศุกโข ค่างคุ้ง วัดมีที่พระอุโบ สถที่ กุฎีแฮ เหนพระศรัทธาหมุ้ง มั่นสร้างทางบุญ ฯ
๒๒๘. จัดแจงแต่งตบะเหลื้อม ลายทอง เทียนธูปถ้วยแก้วรอง ดอกไม้ ลูกพลับกับกระเทียมดอง ถวายคณะ พระเอย ย่ามร่มสมภารได้ รับพร้อมน้อมถวาย ฯ
๒๒๙. ตวันเยนเหนพระพร้อม ล้อมวง ตีปะเตะตะกร้อตรง คู่โต้ สมภารท่านก็ลง เล่นสนุก ขลุกแฮ เข่าค่างต่างอวดโอ้ อกให้ใจหาย ฯ
๒๓๐. หยุดกระกร้อล่อไก่ตั้ง ตีอัน ผ้าพาดบาดเหล็กพนัน เหน็บรั้ง ไก่แพ้แร่ขบฟัน ฟัดอุบ ทุบเอย เจ้าวัดตัดเรือตั้ง แต่งเหล้นเยนใจ ฯ
๒๓๑. เสียเทียนเสียธูบซ้ำ เสียสัทา๒ เสียที่มีกระมลมา โนชน้อม เสียดายฝ่ายศาสนา สมณะ พระเอย เสียน่าตาหูพร้อม เพราะรู้ดูเหน ฯ
๒๓๒. จวนค่ำจำค้างย่าน บ้านทึง ถอยหนีที่วัดอึง แอบคุ้ง ตรวดน้ำร่ำรำพึง แผ่ทั่ว ตัวเอย ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้ง เทพสริ้นดินสวรรค์ ฯ
๒๓๓. เหมือนรู้ผู้เถ้าท่าน ทังสอง เมียนากนามผัวทอง ผ่องแผ้ว มาหาพ่าขาวของ คำนับ รับเอย ท่านช่วยอวยภรแล้ว เล่ารู้บูราณ ฯ
๒๓๔. ฝ่ายตาอายุร้อย ญี่สิบแถม ยายสิบแปดปีแกม กับร้อย ตามองช่องเขมแหลม ตลอดแน่ แม่เอย ฟันปากหมากเคี้ยวจ้อย แจ่มอ้วนนวลขาว ฯ
๒๓๕. ผู้เฒ่าเล่าเรื่องหย้าน บ้านทึง ท้าวอู่ทองมาถึง ถิ่นถุ้ง แวะขอเชือกหนังขึง เขาไม่ ให้แฮ สาปย่านบ้านเขตคุ้ง คี่ทึ้งทึงแปลง ฯ
๒๓๖. วัดสร้างข้างคุ้งย่าน บ้านทึง ชื่อชัดวัดคี่ทึ้ง ถูกต้อง ผู่เฒ่าเล่าเรื่องจึง จะแจ้ง แสดงเอย ท่านนั่งสั่งสอนพร้อง พร่ำไว้ไมตรี ฯ
๒๓๗. ได้ครูผู้เท่าทั้ง ยายตา สมมุติดุจะเทวดา บอกเหล้า ทายทักลักขณะรา ศรีทั่ว ตัวเอย จอดน่าท่าผู้เถ้า ท่วนห้าราตรี ฯ
๒๓๘. ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้ แซ่สนอง เสือตบขบภิกขุสอง รูปม้วย ต่อไก่ไล่นกคะนอง นามเทศ๓ เกดแฮ เสือฟัดกัดกินด้วย บาปซ้ำกรรมหนา ฯ
๒๓๙. ต่อนกยกพเนียดตั้ง บังกาย เสือฉีกซีกโครงทลาย ทลักท้อง กินตับกับตโพกหาย เหนน่า ขาเอย ภิกขุทุศีลต้อง โทษนั้นทันตา ฯ
๒๔๐. ต่อไก่ไม่สู้ฟาด ขาดใจ ที่อยู่ปู่เจ้าไป หลับเหล้า เสือกินซิ่นตับไต ตีนน่อง ท้องแฮ สังเวชเหตุผู้เถ้า ทักแท้แน่จริง ฯ
๑. เกรี่ยง = กะเหรี่ยง ๒. สัทา = ศรัทธา ๓. พระภิกษุที่ถูกเสือกัดตาย ชื่อเทศ กับ เกด
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, ตูมตาม, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, มยุเรศ เมรี, น้ำหนาว, Paper Flower, หญิงหนิง พราววลี, ขวดเก่า, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๒๔๑. สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วย อวยภร สิบประการประกอบกลอน กล่าวไว้ ขอสวัดสัฐถาวร ไว้ว่า ลาเอย สองเท่าเฝ้าร้องไห้ ละเหี่ยละห้อยหงอยเหงา ฯ
๒๔๒. สงสารท่านสอื้นโอ้ โศกา พรั่งพรั่งหลั่งน้ำตา ตกด้วย หนูหนุ่มชุ่มชลนา นั่งเจ่า เหงาเอย ร่ำว่าท่าไม่ม้วย ไม่สริ้นถวินหวัง ฯ
๒๔๓. เรือออกนอกท่าบ้าน ท่านยาย ย่อไว่ไห้สอื้นฟาย มูกย้อย เชาบ้าน๑ท่านทังหลาย แลสลด หมดเอย ไห้มั่งทังใหญ่น้อย นั่งผร้ำน้ำตา ฯ
๒๔๔. แลลับกลับกลั้นโศก สงสาร หนุ่มน่อยพลอยรำคาญ คิดเศร้า ทังหลายฝ่ายบูราณ รักคู่ ชู้เอย เราพรากจากผู้เถ้า ทุกข์ร้อนห่อนเสบย ฯ
๒๔๕. ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่า เชาดง๒ โกนจุกลูกสาวทรง สอาดสอ้าน เชิญด้วยช่วยแต่งมง คลเกริก ฤกษ์เอย โกนจุกลูกเชาบ้าน อยู่ค้างกลางคืน ฯ
๒๔๖. ฟังตีปี่พาดฆ้อง กลองตโพน เพลงไทยใส่กลองโยน ยุ่งแท้ เด็กโดดโลดเล่นโขน แขนคอก ออกเอย ร้องขับรับอ้อแอ้ อุบเหล้าเมามาย ฯ
๒๔๗. เสียงซออออ่ออ้อ เอื่อยเพลง จับปี่เตร๋งเต้งเตง เต่งต้อง คลุย๓ตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง เหน่งเน่ง รนาดแฮ ฆ้องหน่องหนองน่องหน้อง ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโพน ฯ
๒๔๘. สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่น เต้นรำ ซองหมากฝากหนุ่มนำ เนตรชม้อย โกนจุกลูกเล็กทำ ขวันเล่า เจ้าเอย เนตรซู่หนูหนุ่มน้อย นั่งปลื้มลืมนอน ฯ
๒๔๙. บ่วงรักดักเด็กต้อง สองตา เปิดปากฝากคำลา เหล่าน้อง ลงเรือเมื่อจะคลา คลอเนตร ทเวษเอย แก่เท่าสาวส่งซ้อง แซ่หน้าอาไลย ฯ
๒๕๐. บ่วงผูกลูกรักแล้ว แร้วราย ดักพ่อท้อที่กาย แก่แล้ว ห่อนอยู่ซู่สมรหมาย มัติโมฆ โอขเอย๔ แต่เหล่าเจ้าลูกแก้ว ก่อร้อนสอนแสลง ฯ
๒๕๑. หมากพลูบูหรี่ส้ม ขนมขนุน สาวหนุ่มรุมการุญ รักให้ ผูกมิตรคิดขอบคุณ คนเท่า สาวเอย ทุกโศกโรคอย่าได้ เดือดร้อนนอนสบาย ฯ
๒๕๒. จากย่านบ้านกระตั้วแต่ แลดู ศรรักปักทรวงหนู เหน็บช้ำ รักป่าน่าชื่นชู ชมเล่า เจ้าเอย ดูถูกลูกปลายน้ำ หนุ่มต้องหมองหมาง ฯ
๒๕๓. น้อยน้อยพลอยว่าน้ำ ลำสุพรรณ สาวแก่แลคมสัน สะคร้าน ดูมากว่าสิบวัน ตลอดแว่น แคว้นเอย ไรจุกทุกทุกบ้าน บ่อเว้นเห็นสาว ฯ
๒๕๔. บูราณท่านว่าน้ำ สำคัญ ป่าต้นคนสุพรรณ๕ ผ่องแผ้ว แดนดินถิ่นที่สูพรรณ ธรรมชาติ มาศเอย ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้ว แจ่มน้ำคำสนอง ฯ
๒๕๕. ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่า โป่งแดง เรือติดคิดขยาดแสยง พยัฆร้าย สวบสวบยวบไม้แฝง ฟุ้งสาบ วาบแฮ สองฝั่งทั้งขวาซ้าย สัตว์ร้องซ้องเสียง ฯ
๒๕๖. คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้าง ทางโขลง เคยถิ่นกินโป่งโทง เที่ยวเร้น ขามช้างต่างจัดโจง กระเบนกระบิด ตี๊ดแฮ เก็บกรวดอวดกันเหล้น ตลอดน้ำลำทาง ฯ
๒๕๗. คุ้งขวางบางแวกตื้น พื้นทราย กรวดกระจ่างพร่างพรายลาย เลื่อมพร้อย เหมือนเม็ดเพชรัตน์ราย แอร่มอร่าม งามเอย ฉุนว่าแววแก้วก้อย นพเก้าวาวแหวน ฯ
๒๕๘. กระเบาออกดอกรยับย้อย ห้อยหอม ผึ้งหมู่แมงภู่ตอม ไต่เคล้า ว่าสุกลูกงามงอน เงาะป่า พวาเอย กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า รื่นข้างทางจร ฯ
๒๕๙. รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้ง คลุ้งโขลง ป่านอกดอกสำโรง ร่วงค้าง เหล่าลูกผูกเรือฉโลง ลากวิ่ง จริงแฮ เหมนเช่นเหมนชื่ออ้าง อีกล้ำสำโรง ฯ
๒๖๐. ถึงหว่างยางพี่น้อง สองยาง เก่าแก่แต่ก่อนปาง ป่าต้น เกิดแร่แง่งอกขวาง ขวากระ รกะแฮ ถูกปวดรวดเร้าล้น สะล่างแหร้แง่สลอน ฯ
๒๖๑. ปลายน้ำลำคุ้งแคบ โขดเขิน ขดค่องต้องติดพเอิญ แอ่งตื้น จอดสองพี่น้องเพลิน พลองสะล่าง ยางเอย ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้น คร่อมน้ำลำลหาน ฯ
๒๖๒. ประหลาดเหลือเรือหนุ่มน้อย ลอยพาย ถึงหว่างต้นยางตาย ตกน้ำ ช่วยฉุดสุดชีพทลาย ทลักเลือด เฝือดแฮ เมียแม่แซ่มาปล้ำ ปลุกร้องซ้องเสียง ฯ
๒๖๓. ถามเขาเล่าว่าอ้าย ฟักเฟือน ตีแม่แร่ลงเรือน ร่านร้าย เจ้าสองพี่น้องเหมือน มุ่งปราบ บาปแฮ โพล่งผลักหักคออ้าย ฝักม้วยด้วยกรรม ฯ
๒๖๔. ชาวป่าพาศพเศร้า สู่สถาน เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาล สองพี่น้อง อารักษ์ศักสิทธิ์ชาญ เชี่ยวช่วย ด้วยเอย โป่งป่าอย่าแผ้วพ้อง พวกข้าอาไศรย ฯ
๒๖๕. สรวง๖จ้าวพร้าว๗อ่อนกล้วย ด้วยเอย เชิญพี่น้องสองเสวย สว่างร้อน แรกมาอย่าถือเลย ลุกระโทษ โปรดพ่อ ขอแร่แม่เก็จก้อน กับเต้าเจ้ายาง ฯ
๒๖๖. หนูน้อยพลอยร้องบ่วง สรวงศาล เสียงฉ่ำน้ำนมหวาน แว่วก้อง เบิกป่าท่าเทวถาน ถูกท่วน ขบวนเอย หนุ่มรับศัพท์เสียงซ้อง เสนาะซ้อนกลอนใน ฯ
๒๖๗. เทียนจุดขุดแร่หลั้น ควันเขียว พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียว ดุ่มคล้าย หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียว เลื่อนกลับ ลับแฮ ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้าย รู้เถ้าเจ้าหวง ฯ
๒๖๘. เหมือนครูผู้เท่าแจ้ง แหนงใจ รอขุดจุดเทียนไชย เช่นรู้ ดับพิศฤทธิพระไพร พรหมสมุทร หยุดแฮ เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้ อ่อนไม้ใหญ่ระเนน ฯ
๒๖๙. ลมลั่นครั่นครึกฟ้า หนาฝน ซู่ซู่หนูวิ่งวน ว่าช้าง เทียนดับกลับมืดมน เหมนเบื่อ เสือเอย จวนค่ำจำหยุดค้าง คิดแก้แร่โพรง ฯ
๒๗๐. คอนเรือเหนือน้ำนึก น้อยใจ คราวเคราะห์เพราะพระไพร พี่น้อง ขัดพระจเชิญไฟ ฟอนซู่ รู้ฤๅ ทุ่งท่าป่าจะต้อง โตล่งสริ้นถิ่นสถาน ฯ
๑. เชาบ้าน = ชาวบ้าน ๒. เชาดง = ชาวดง ๓. คลุย = ขลุ่ย ๔. มัติโมฆ โอขเอย = มัติโมกข์ โอฆเอย ๕. มีคำพังเพยว่า "ช้างป่าต้น คนสุพรรณ" ในต้นฉบับสมุดไทย มีคำว่า "ช้าง" หน้าคำว่า "ป่าต้น" แต่มีรอยลบออก ๖. สรวง = บวงสรวง ๗. พร้าว = มะพร้าว
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, ก้าง ปลาทู, ตูมตาม, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, หญิงหนิง พราววลี, Paper Flower, ขวดเก่า, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๒๗๑. เราถือซื่อสัจสร้าง ศีลทาน แหล่งล่าฟ้าดินพญาน ย่อมรู้ หวังแร่แต่บูราณ ระงับโศก โลกเอย จ้าวคิดปิดของขู้ มนุษย์นั้นฉันใด ฯ
๒๗๒. ดึกสงัดสัตว์สงบคลุ้ม พุ่มพง เยนระย่อบริเวณวง หว่างไว้ เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์ อารักษ์ ทักแฮ เหนสพรั่งนั่งไหว้ ว่าฬ้อขอสะมา ฯ
๒๗๓. รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วน นวลงาม สองพี่มีเป็นสาม ทั่งน้อง เรียกสองพี่น้องนาม น้องพี่ มีเอย สามแน่แต่คำพร้อง พี่น้องสองชาย ฯ
๒๗๔. เล่าความตามเรื่องแหร้ แต่หลัง ใช่คิดบิดเบือนบัง บอกแจ้ง ขัดเคราะเพราะยุคยัง อยู่อย่า มาเลย กายสิทธิ์พิษกล้าแกล้ง กลบกลุ้มคลุ้มควัน ฯ
๒๗๕. รู้สึกนึกเรื่องเจ้า เล่าความ ทราบหมดจดหมายตาม แต่งไว้ โออกตกอับยาม ยุคยาก มากเอย บุญบวชกรวดกระสินให้ แห่งเจ้าเล่าความ ฯ
๒๗๖. เหมือนรู้ผู่เฒ่าเล่า จ้าวแถลง สามอย่างต่างลายแทง ถูกต้อง ใคร่เหนเช่นชี้แจง เจ้าบอก ดอกแฮ ค้างย่านศาลพี่น้อง พนัสร้ายหายสูญ ฯ
๒๗๗. รุ่งเช้าเข้าป่ากว้าง ทางโขลง คลองเก่าเท่าลำกระโดง โป่งช้าง ซ้ายขวาป่าสมอโมง ไม้อุโลก โมกเอย กระแบกกระเบาเสลาสล้าง สลับต้นคนทา ฯ
๒๗๘. ตามร่องคลองที่เจ้า เล่าความ เด็ดดอดลอดลัดตาม ติดท้าย เลี้ยวลดปลดปลิดหนาม หน่อคลอก ออกแฮ เสียงแต่เนื้อเสือร้าย ร่านร้องก้องกระหึม ฯ
๒๗๙. สุดคลองหนองหนึ่งกว้าง อย่างแถลง ที่ถิ่นดินดาดแดง ดุจพร้อง สังเกตเขตขอบแขวง ความที่ ชี้เอย ขึ้นค่างทางขวาท้อง ทุ่งช้างวางเวง ฯ
๒๘๐. พบถ่อบ่อแร่น้ำ ดำนิล เหมือนหมึกปึกปะดิน เด็กคุ้ย ปะแต่แร่ปรอดกิน แก่นเท่า เจ้าเอย เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ย ยกไว้ไปแสวง ฯ
๒๘๑. ตัดทางหว่างต้นโตนด โขดสูง เนื้อแยกแตกตื่นฝูง ฝุ่นฟุ้ง แฝงดูหมู่นกยูง ยอบย่อง มองเอย พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง อร่ามเพี้ยนเขียนขน ฯ
๒๘๒. รำแพนแอ่นอกฉะแง้ แผ่หาง หันร่ายฝ่ายฝูงนาง นกเคล้า ตัวผู้อยู่กลางกาง กลมปีก หลีกเอย ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้า ท่าฟ้อนอ่อนเอียง ฯ
๒๘๓. ด้อมดูหมู่มยุรย้าย ร่ายรำ เยี่ยงย่างนางระบำทำ ท่าฉะม้าย เคยดูคู่เคียงระบำ รเบงกลับ ลับเอย เหนแต่ฝูงยูงคล้าย นุชฟ้อนงอนงาม ฯ
๒๘๔. ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้ สู่สม สังวาสชาติเช่นพรม พระพร้อง ตัวผู้ฟู่ฟองกลม เมียชื่น กลืนแฮ เกิดไข่ได้พวกพ้อง เพื่อส้องฟองกสิน ฯ
๒๘๕. หนุ่มหนูพรูไล่พร้อม ล้อมยูง ปีกกระพือฮือฝูง ฟ่องฟ้า ตานโดดโขดทรายสูง สมเล่า เจ้าเอย เหนรอบขอบเขตหน้า สนุกแท้แลเพลิน ฯ
๒๘๖. เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น เคียงเคียง ร่มรื่นรุกข์รังเรียง เรียบร้อย โหมหัดหิ่งหายเหียง หัดหาด แฮ่วแฮ ยางใหญ่ยอดยื่นย้อย โยกโย้โยนเยน ฯ
๒๘๗. เลี้ยวทางหว่างช่องไม้ ไผ่เหลือง ปะแต่แร่กะรัตเรือง ร่วงรุ้ง ย่องเหยียบเลียบลำเหมือง ไม้ชื่น รรื่นเอย หอมกระถินกลิ่นฟุ้ง เฟื่องฟื้นชื่นใจ ฯ
๒๘๘. สุดเหมืองเยืองขึ้นค่าง หว่างเนิน ล้วนแร่แก่เก่าเกิน เก็บทิ้ง พลวงเหล็กเด็กสดุดเดิน กระโดดค่าม ตามแฮ ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้ง กลาดสล้างอย่างฝัน ฯ
๒๘๙. ลงเนินเดินป่ากว้าง วังเวง ลมลั่นครั่นครืนเครง ครึกครื้น ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรง เกรียวโห่ โร่แฮ ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้น ช่อช้อยย้อยไสว ฯ
๒๙๐. พิศพวงดวงดอกไม้ ไพรพนม รยับรย้าน่าชม แช่มช้อย ม่วงโมกโศกสุกกรม กรวยกร่าง สล้างเอย ดอกดกนกน้อยน้อย เหนี่ยวไซ้ไส้เพกา ฯ
๒๙๑. ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้าง ว้างเอย คิดใคร่ได้คนเคย คู่ชี้ คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชย ชมนก หกแฮ ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้ กระแจะแต้มแก้มหอม ฯ
๒๙๒. ยลโศกยามเศร้ายิ่ง ทรวงเยน คิดสุดขัดแสนเขน โศกไข้ หวนหนาวหากนึกเหน หน้าแห่ง น้องแฮ ดวงจิตเด็ดจากได้ จึ่งดิ้นจำโดย ฯ
๒๙๓. เสลาสลอดสลับสล้าง สลัดได สะอึกสะอะสะอมสะไอ สะอาดสะอ้าน มะแฝ่มะฟาบมะเฟืองมะไฟ มะแฟบมะฝ่อ พ่อเอย ตะขบตะขาบตะเคียนตะคร้าน ตะคร้อตะไคร้ตะเคราตะครอง ฯ
๒๙๔. ถึงธารบ้านเกรี่ยง๑ร้าง กลางดง ไร่ฟ่ายหมายมั่นคง คิดค้าง รอนรอนอ่อนอัสดง แดดพยับ ลับเอย พักผ่อนนอนเรือนห้าง ก่อให้ไฟโพลง ฯ
๒๙๕. เหล่าลูกถูกส้มทับ พลับจีน หักฮ่างต่างหัดปีน คล่องแขล้ว เหนื่อยนอนอ่อนมือตีน ต่างรงับ หลับเอย ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ว วิเวกวิ้วหวีวโหวย ฯ
๒๙๖. หนาวลมห่มผ้าห่อน หายหนาว ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว พร่างฟ้า เด่นเดือนเกลื่อนกลาดดาว ดวงเด่น ใจเปล่าเศร้าซบหน้า นึกน้องหมองใจ ฯ
๒๙๗. ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้ โหร่เสียง โหว่งโหว่งโรงรายเรียง รับพร้อง หว่างไม้ไก่ขันเคียง เสียงเอ่ก อี๋เอ้กเอย ยามดึกนึกนุชน้อง นิ่งเศร้าเปล่าทรวง ฯ
๒๙๘. จังหรีดกรีดกริ่งร้อง ซ้องเสียง แหร่แหร่แม่ม่ายเรียง รับซ้อง จักกะจั่นสนั่นสำเนียง เสนาะเรื่อย เฉื่อยเอย ผี่ผิ่วหวิวโหวกร้อง รอบข้างวางเวง ฯ
๒๙๙. ค่อนคืนดืนดึกแท้ แม่เอย เกรี่ยงไร่กระไรเลย ล่าเนื้อ ด่องด่องย่องเหยาะเงย ฉโงกฉะงัก ทักแฮ ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อ ผงะร้องซ้องเสียง ฯ
๓๐๐. ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย กรายมา พูดเล่นเป็นคนชรา รักใขร้ ถามชี้ที่ว่านยา ระยะย่าน บ้านเอย ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้ แวะเข้าเย่าเรือน ฯ
๑. เกรี่ยง = กะเหรี่ยง
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, หญิงหนิง พราววลี, น้ำหนาว, ตูมตาม, Paper Flower, ขวดเก่า, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๓๐๑. ลูกปัดตัดให้สี่ สิบใบ เกรี่ยงชอบยอบยิ้มละไม ใส่ข้อ หมากพลูสู่สมใจ จันอับ พลับเอย ถามกวั่งนั่งพูดจ้อ จวบแจ้งแสงสูร ฯ
๓๐๒. รุ่งเช้าเข้าบ้านเกรี่ยง เลี้ยงเหลือ แกงฟักผักพริกมะเขือ ค่างปิ้ง อึ่งแย้แช่เค็มเกลือ เกลียดขะยั่น กลั้นแฮ เด็กบ่อชอบลอบทิ้ง ท่วยขว้ำซ้ำแสยง ฯ
๓๐๓. หญิงชายฝ่ายเกี่ยงล้อม พร้อมเพรียง รักหนุ่มอุ้มแอบเคียง ใคร่พร้อง สาวแก่แม่ม่ายเมียง มุ่งขยิ่ม ยิ้มแฮ ทักเพรียกเรียกพี่น้อง นั่งเฝ้าเคล้าเคลีย ฯ
๓๐๔. น้อยน้อยคอยหลีกเหลี้ยง เมียงเมิน หญิงฉุดยุดหยอกเอิญ แอบข้าง ผลักไสไล่เล่นเพลิน พลอยระรื่น ชื่นเอย รุมรักชักชวนค้าง คิดหน้าอาไลย ฯ
๓๐๕. ลูกปัดตัดแจกถั้ว ตัวคน หมดย่ามตามยากจน จัดให้ ลาจากอยากตรมปรน นิบัติหนุ่ม อุ้มเอย ตากวั่งซั่งบูเรได้ เพื่อนด้วยช่วยนำ ฯ
๓๐๖. ตามเกรี่ยงเลี้ยงเลี้ยวลัด ตัดทาง หนามไหน่ไม่มีระคาง ค่างเท้า ดงยาป่าฝิ่นฝาง ฟุ้งรศ โอสถเอย ต่างต่างย่างทรายเปล้า โปร่งฟ้าชาเกลือ ฯ
๓๐๗. ปรายปรูปู่เจ้าเจ็ด ตพังคี ลักกระจั่น๑ขันใชศรี๒ แซ่ม้า ใครเครือเดื่อดีหมี มื้อเหลก เดกเอย เขามวกรวกรกฟ้า ฝิ่นต้นคนจาม ฯ
๓๐๘. กะทกรกกกกนากน้ำ๓ ใจใคร ราชดัตสลัดได ไข่เหน้า พิษนาดพาดไฉน นากกภด กรดเอย สอึกสะอมส้มเช้า ชิ่งช้าชาลี ฯ
๓๐๙. มหาดดำคำไก้ต้น ทนดี หางตเค่๔เนระภูศรี ซ่มกุ้ง ชาเลือด๕เหมือดคนมี สมอพิเภก เอกเอย ลมป่วนหวนหอมฟุ้ง เปลือกไม้ใบยา ฯ
๓๑๐. กำยานก้านกิ่งช้อย ย้อยยาง คิดใคร่ได้สำอาง อบน้ำ ยามไร้ไม่มีนาง เสน่ห์พี่ นี้เอย สรี้นกลิ่นสรี้นศุขซ้ำ โศกเศร้าเช้าเยน ฯ
๓๑๑. ฉลูดโลดโกฎเก้าค่า ตาเสือ มเดื่อดินขมิ้นเครือ ครอบฟ้า กรันเกราเค่าเยนเหนือ หนอนตยาก๖ ซากเอย หวายตะมอยข่อยคล้า ขลู่ขล้อสมอไทย ฯ
๓๑๒. หนามหันสันพร้าผัก แพวแดง สหัศคุณหสมุลแวง สวาดเอื้อง สลอดเสลาเหล่ากระเจี้ยงแจง กำจัด อัดเอย หนุ่มหยุดขุดครบเขรื้อง ห่อผ้าละว้าสะพาย ฯ
๓๑๓. เกรี่ยงนำตำแหน่งแหร้ แลหลาย ทุบแหลกแตกเนื้อพราย พร่างพร้อย เหมือนรู้ผู้เฒ่าทาย ถิ่นแร่ แม่เอย ชมเล่นเยนบ่ายคล้อย คล่ำเนื้อเสือคะนอง ฯ
๓๑๔. หวังปะพระปรอดรื้อ ดื้อเดิน พลอยกวั่งสังบูเรเพลิน พลอดพร้อง หลีกหนามค่ามโขดเขิน พนัสรื่น ครื้นเอย ลำฦกนึกขนิษฐ์น้อง เสน่หเต้าเคล้าคลอ ฯ
๓๑๕. ดงมะเกลือเหลือดกล้ำ ดำเหลือ เล่หม่อมย้อมมะเกลือ กแจะให้ ใจหม่อมย่อมเหมือนเกลือ กลิ่นร่ำ ดำเอย ดำเทือกเปลือกแก่นไสร้ ซี่นต้นผลดำ ฯ
๓๑๖. เดินดงวงหว่างเวิ้ง เซิงสูง รื่นร่มชมฉมันฝูง ฝ่าน๗เนื้อ เนินไม้ใหญ่ยางยูง พย่อมย่อม หอมเอย ชุ่มชื่นกลืนกล้ำเกลื้อ กลิ่นเกลี้ยงเพียงสุคนธ์ ฯ
๓๑๗. ค่ามป่งลงฮ่วงน้ำ ค่ำเยน ปะแต่หมอต่อกเตน ตกกลิ้ง หมอตายฝ่ายนกเปน ปล่อยโปรด โทษเอย ย่ามพ่าพร้ากะทอทิ้ง ไท่เข้ายาวยาน ฯ
๓๑๘. สิ่งของต้องแต่งตั้ง บังสกุน ปลงพระอสุภบุญ แบ่งให้ กรวดน้ำร่ำการุญ เกรี่ยงกราบ ราบเอย เฒ่ากวั่งสังบุเนได้ ดาบหญ้ามตามประสงค์ ฯ
๓๑๙. จากศพพลบค่ำคลุ้ม พุ่มพง ป่าว่านย่านหย่อมดง แด่นลว้า๘ ตามเกรี่ยงเลี่ยงลัดลง แหล่งฮ่วย กวยแฮ หักฮ่างค้างที่ถ้า ถิ่นน้ำลำธาร ฯ
๓๒๐. เกรี่ยงสองกองกิ่งไม้ ใส่เพลิง โพลงพลุ่งฟุ้งฟอนเซิง สว่างฟ้า กวางปีบถีบป่ากเจิง กจัดถิ่น สินแฮ ดงว่านกำยานละว้า ระเยือกข้างหว่างเขา ฯ
๓๒๑. เหล่าเกรี่ยงเลี้ยงหนุ่มน้อย อ้อยแตง มันเผือกเลือกจัดแจง จุดไต้ เดือนหนึ่งพึ่งรวงแสวง หวานฉ่ำ ล้ำเอย เอมอิ่มยิ้มแย้มได้ เกรี่ยงด้วยช่วยระวัง ฯ
๓๒๒. เหล่าลูกผูกฮ่างห้อย ย้อยโยน ไกวเล่นเจรจาโขน ขับร้อง ชักเชือกเยือกยวบโอน อ่อนสบัด กวัดเอย กล่อมเห่เรไรซ้อง แซ่เหรื้อยเฉื่อยเสียง ฯ
๓๒๓. เกรี่ยงว่าป่าว่านร้าย ควายงัว เสือบ่อกล้ามากลัว กลิ่นหว้าน เข้าชิดพิศมืดมัว เมาซบ สลบแฮ ต้องย่างค้างไฟร้าน รอดได้ไม่ตาย ฯ
๓๒๔. เหมือนรู้ดูหว้านสว่าง กลางดง เลื่อมลุกทุกที่ตรง เกิดต้น มืดมืดยืดสว่างวง ว่านชื่อ กระสือแฮ คิดใคร่ไปเที่ยวค้น ขุดบ้างกลางคืน ฯ
๓๒๕. เกรี่ยงห้ามยามหว้านลุก ถูกตาย แก้อย่างไรไม่คลาย คลั่งคลุ้ม จำหยุดสุดเสียดาย ดูอร่าม วามเอย ริ่มห่างว่างซอกซุ้ม สว่างหว้านด่านดง ฯ
๓๒๖. ดึกดื่นชื่นชุ่มไม้ ไพรพนม พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม พร่างฟ้า กลิ่นว่านซ่านส่งลม กระหลบกรุ่น อุ่นเอย ยิ่งมืดครืดสว่างกล้า กลิ่นกลุ้มคลุ้มเมา ฯ
๓๒๗. หากครูรู้แก้ว่าน ท่านสอน เสกขะมิ่นกินจึ่งนอน นั่นได้ เกรี่ยงเมาเหล่าลูกถอน ให้ขะมิ่น กินแฮ เมาส่างต่างกราบไหว้ ว่าขมี้นกินหาย ฯ
๓๒๘. ยามสามยามพิษหว้าน ซานซึม เพลิงดับกรับเสียงกระหึม เห่าหื้อ ว่านคนบ่นพึมพึม พูดค่าง ห้างแฮ กบเขียดเอียดอึงอื้อ อึ่งร้องซ้องเสียง ฯ
๓๒๙. กาแกแต่แว่วแหว้ว แจ้วเสียง ไก่กุกลูกเจี๊ยบเรียง รอบห้าง หนุ่มฟังนั่งมองเมียง หมายไก่ ใกล้แฮ เกรี่ยงใส่ไฟค่างหล้าง๙ ดับสิ้นกลิ่นยา ฯ
๓๓๐. เกรี่ยงชวนจวนสว่างหว้าน ซ่านแสลง ต่อแดดแผดแสงแขง ค่อยเศร้า อยู่ชิดพิษร้ายแรง ร้อนทั่ว ตัวเอย หนีออกนอกดงเข้า เขตละว้าพาเดิน ฯ
๑. ลักกระจั่น = ลักจัน ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๒. ขันใชศรี = ขรรค์ชัยศรี ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๓. กะทกรก, กก, กนาก ๔. หางตเค่, เนระภูศรี = ว่านหางจระเข้, เนระพูสี(ว่านค้างคาวดำ) ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๕. ชาเลือด = ช้าเลือดหรือชะเลือด ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๖. หนอนตยาก = หนอนตายหยาก ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๗. ฝ่าน = ฟาน ๘. แด่นลว้า = แดนละว้า ๙. ค่างหล้าง = ข้างล่าง
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, ตูมตาม, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, ขวดเก่า, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๓๓๑. สามยามตามเกรี่ยงหย้อง มองทาง เดือนแหว่างแสงรางราง เรี่ยไม้ เกรี่ยงเราเป่าหลอดพลาง เพลิงชุด จุดแฮ ออกจากปากดงได้ แด่นลว้า๑ป่าสูง ฯ
๓๓๒. หึ่งหึ่งผึ้งเรียกร้อง ก้องกหึม หมีบ่นด้นดุ่มพึม พุ่มไม้ เยนเยียบเงียบเงางึม สงบสงัด สัตว์เอย ฟ้าพร่ำน้ำค้างไห้ รเยือกเนื้อเหลือหนาว ฯ
๓๓๓. จวนรุ่งฟุ้งดอกไม้ ไพรพนม รื่นรื่นชื่นอารมณ์ เรื่อยริ้ว ร่วงหล่นบนเผ้าผม ผอยถูก ตมูกเอย ลมผ่าวหนาวดอกงิ้ว ง่วงเศร้าเหงาหงิม ฯ
๓๓๔. หนาวลมห่มพ่าแก้ แม่เอย หนาวที่ใจใครเลย จะแก้ ยามรุ่นอุ่นอกเอย เคียงคู่ อยู่แฮ ยามเท่าเปล่าทรวงแท้ เที่ยวค้างกลางดง ฯ
๓๓๕. เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหล้ง โหว่งดัง สำเหนียกเรียกละว้าฟัง ฝ่ายบ้าน ข้างเขาเป่ารับระวัง วิเวกโร่ โหร่แฮ รู้ชัดลัดเข้าหย้าน หย่อมละว้ามาคอย ฯ
๓๓๖. เกรี่ยงปะละว้ารับ นับถือ พาเค่าเย่าเรือนคือ พี่น้อง โหมไฟใส่ฟืนฮือ ให้นั่ง อังเอย เช้าเพื่อนเกลื่อนมาพร้อง พรักพร้อมล้อมสลอน ฯ
๓๓๗. ละว้าเถือเนื้อสดให้ ไส่กระบุง หนุ่มแต่งแกงเผ็ดปรุง เปราะพร้อม กินเค่า๒เหล่าเกรี่ยงมุง มองปาก อยากแฮ เสจสรรพกับเกรี่ยงล้อม กระทะลี้มชิมแกง ฯ
๓๓๘. ร้องอร่อยพลางซดกลุ้ม หนุ่มสาว แม่ลูกมูกฟูมยาว ยืดย้อย หมดเนื้อเหื่อโทรมพราว พร่ำอร่อย น้อยฤๅ กอดหนุ่มอุ้มหนูน้อย น่าได้ไว้ผัว ฯ
๓๓๙. วานแกงแต่งพรึกพร้อม ล้อมดู ครกใหญ่ไส่โขลกครู ครอบให้ กวางป่าฮ่ากระทะหู ห้อมซด หมดแฮ อิ่มอกยกมือไหว้ แวดล้อมพร้อมเพรียง ฯ
๓๔๐. สาวสาวเหล่าลูกละว้า หน้าชม ยิ้มย่องผ่องผิวสม ผูกเกล้า คิ้วตาน่านวลสม เสมอฮ่าม งามเอย แข้งทู่หูเจาะเจ้า จึ่งต้องหมองศรี ฯ
๓๔๑. น้อยน้อยพลอยว่าละว้า หน้านวล ยุดหยอกนอกเสื้อสรวล แซ่ซ้อง สาวสาวเหล่าละว้ากวน กอดหนุ่ม อุ้มเอย ปล้ำเล่นเช่นพี่น้อง นึกหน้าปรานี ฯ
๓๔๒. ตาลวด๓ยวดยิ่งลว้า ป่าเขียว เคยปะพระเจดีเดียว เที่ยวด้วย ลาสาวเหล่าละว้าเกรียว กรูส่ง ดงเอย เกรี่ยงเลือกเผือกมันกล้วย แบกบ้างทางไกล ฯ
๓๔๓. ลวดละว้าพาเลี้ยวลัด ตัดทาง ไผ่ป่าหนาหนามกลาง กลับเกลี้ยง พ้นไผ่ไม้ยูงยาง ยามหล่น ผลเอย ลูกร่อนว่อนเวียนเหลี้ยง หลีกต้นหล่นไกล ฯ
๓๔๔. ลูกยางอย่างลูกน้อย ถ่อยสถุล ไม่รักศักศรีกระกุน๔ เก่งก้อ ครูสอนห่อนเหนคุณ คิดออก นอกเอย ปลิ้นปลอกหลอกหลอนล้อ เล่ห์ต้นผลยาง ฯ
๓๔๕. เยนชื่นรื่นร่มไม้ ไพรระหง เปนป่ากฤศนาลง สลับไม้ โกร๋นเกราะเผาะผุะลง ผุยล่อน กร่อนเอย กฤศนาว่าคือไสร้ พุะไม้ใหญ่พยูง ฯ
๓๔๖. ขึ้นเนินเดินใกล้ชิด กฤศนา หอมรื่นชื่นนาสา สูดซ้ำ สมมุติดุจดังทา แป้งกแจะ และเอย ใครไม่ได้ให้น้ำ กุหลาบหุหล้อยน้อยใจ ฯ
๓๔๗. ขาดขะมิ้นสรี้นแม่เลี้ยง ลูกเอย สารภีพ่อเคย ขัดเนื้อ บุญนากยากไร้เชย เช่นกลิ่น ขมิ้นแฮ ถึงไม่เหลืองเรืองเหรื้อ ร่ำง้อขอหญิง ฯ
๓๔๘. หนุ่มหนูรู้อบผ้า หาหอม ดอกไม้ไส่ห่อสนอม แนบไว้ ขาดแป้งแต่งตัวมอม มีดอก ไม้เอย ต่างฟูกลูกนอนได้ นุ่มเนื้อเจือจอม ฯ
๓๔๙. อกเอยเคยขู้พลอด ฉอดเสียง ตกเถื่อนเพื่อนกับเกรี่ยง ละว้า ยามมีที่รักเคียง ค่างค่อน ฉอ้อนเอย ยามยากบากเบือนหน้า นึกน้องสยองแสยง ฯ
๓๕๐. ทางร่มลมรื่นเหรื้อย เชื่อยโชย หอมสุกกรมยมโดย ดอกไม้ ผิละพวงร่วงกลิ่นโรย รริกร่อน ว่อนเอย ตูมตาดกลาดหล่นใกล้ เกลื่อนข้างทางเดิน ฯ
๓๕๑. ตวันเที่ยงเลี่ยงเลียบน้ำ ลำธาร พบที่ศีลาลาน ฦกซึ้ง หยุดยั้งนั่งสำราญ ร่มโศก ชโงกเอย ชื่นฉ่ำน้ำอ่อนอึ้ง อาบเหล้นเยนสบาย ฯ
๓๕๒. หนูหนุ่มทุ่มท่องน้ำ ลำลหาน ฟุ้งฟาดสาดสายสนาน สนุกบ้า ลวดกวั่งซั่งบูเรบูราน เรียนหนุ่ม กระทุ่มเอย เด็กอ่อนสอนเกรี่ยงละว้า ว่ายน้ำสำราญ ฯ
๓๕๓. เกรี่ยงเลือกเชือกชิ่งช้า ช่วยแขวน หนุ่มหนุ่มรุมไกวแสน สนุกล้ำ เจรจาว่าถวายแหวน หวังเหาะ เคราะแฮ วัน๕ขาดพลาดโพล่งน้ำ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ
๓๕๔. น้ำใสไหลเลื่อนช้า ปลากริม กระกรับเกราะเราะเรียงริม ร่มไม้ ศรีษะตะกั่วพิมพ์ พาตะพาก มากเอย ปักเป่า๖เหล่าหลดไหล้ แฉลบเลี้ยวเที่ยวสลอน ฯ
๓๕๕. แห่งตื้นพื้นกรวดแก้ว แวววาว วาววับจับพฤกษพราว พร่างน้ำ นิลบ้างหล่างเหลืองขาว เฃียวแข่ง แดงเอย ช้อนคึ่นมึนมัวคล้ำ เคลือบคล้ายสลายสลัว ฯ
๓๕๖. กลางน้ำคล่ำดอกไม้ ไหลลอย เหล่าหนุ่มสุ่มว่ายคอย แข่งคว้า เด็จกลีบจีบเรือพลอย เพลินเล่น เยนเอย เกรี่ยงว่ายได้ละว้า ว่ายไหม้ไคร่เปน ฯ
๓๕๗. ชุ่มชื่นขึ้นจากน้ำ สำราญ ลว้าเกรี่ยงเลี้ยงอ้อยตาล มะตาดมะต้อง เงาะป่าว่าหวายหวาน วางต่าง ต่างเอย อิ่มชื่นรื่นเริงร้อง รับช้าลาธาร ฯ
๓๕๘. ตวันบ่ายหายเลื่อยล้า คลาไคล ข้ามโป่งดงเหล็กไหล แหล่งขมิ้น พบเตาเก่าก่อไฟ ผ้าพาด บาตแฮ ตายแน่แร่กินสริ้น ซากเนื้อเหลือของ๗ ฯ
๓๕๙. สงสารท่านที่ม้วย อวยบุญ กระดูกยังบังสกุน เก็บผ้า ย่ามบาตขาดเปนจุล จุดใส่ ไฟเอย ตายเปล่าเจ้ากูบ้า บ่อรู้ครูสอน ฯ
๓๖๐. เหล็กไหลได้แต่บ้า หาแสวง ถูกแร่แม่สารแสลง เหล็กคล้าย หลอมถลุงพลุ่งเพลิงแรง ราวรส กรดเอย ควันพิษฤทธิ์สารร้าย ร่ำไซ้ไสร้สูญ ฯ
๑. แด่นลว้า = แดนละว้า ๒. กินเค่า = กินข้าว ๓. ตาลวด ละว้าผู้นำทาง ๔. กระกุน = ตระกูล ๕. วัน = วัลย์ คือ เถาวัลย์ที่ทำเชือกผูกชิงช้า ๖. ปักเป่า = ปักเป้า ๗. คือ พบพระซึ่งเล่นแร่ ถูกแร่กินตาย เหลือแต่ข้าวของ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ตูมตาม, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, ขวดเก่า, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๓๖๑. เดินทางหว่างไม้ชัฏ ลัดเฉลียง ลมตกนกสนั่นเสียง แซ่ร้อง ร่ายไม้ไต่มองเมียง เหมือนจัก ทักเอย เพรียกพลอดฉอดเสียงซ้อง แซ่จ้อซอแซ ฯ
๓๖๒. นกตขาบคาบตขบเต้น เผ่นโจน บ้ารบุ่นขุนแผนโผน ผ่านหน้า เหล่านกหกหิ้วโหน ห้อยไต่ ไม้แฮ ไก่เถื่อนเกลื่อนไก่ฟ้า ฟุบไม้ไซ้ขน ฯ
๓๖๓. คู่ลา๑โห่โหรโร่โหร้ โห่โหย โพระโดกโหวกวิเวกโหวย แว่วซ้อง ยามยินยิ่งดิ้นโดย เดินหว่าง ทางเอย เค้ากู่กู๋กู่ก้อง ไก่แก้วแจ้วเสียง ฯ
๓๖๔. แซ้งแซวแว่วแหว้วพลอด ฉอดเสียง หวีดหว่อจ้อจับเคียง คู่เคล้า นึกเหมือนเพื่อนรักเรียง ร่ำพลอด ฉอดเอย อายนกอกใจเศร้า โศกสะอื้นฝืนเดิน ฯ
๓๖๕. ผงกผงกนกอี่แอ้น๒ กระแวนกระเวน กวักเกว่าเหล่ากางเขน แขกเต้า ตัวผู้จู่โจมเจน กโจมจับ ทับแฮ ขะมิ่นอ่อนนอนแนบเคล้า คู่ป้อนสลอนเหลือง ฯ
๓๖๖. หนูหนุ่มดูขมิ้นอ่อน นอนคลอ ใครช่วยทามาหนอ นกขมิ้น เหลืองอ่อนหล่อนลองขอ ขมิ้นนก ขมิ้นเอย ขมิ้นที่ของน้องสิ้น แซ่งฉอ้อนวอนฃอ ฯ
๓๖๗. รวังไพรร่ายร้องกร่อ กร๋อกรอ แอแอ่แอ้แอ๊อุลอ เลียบร้อง พญาลอล่อล้อคลอ เคล้าคู่ อยู่แฮ กะหรอดกรอดกร๊อดกร๋อดร้อง กะรอกเต้นเล่นกระแต ฯ
๓๖๘. ต้อยตีวิดชิดโฉบร้อง ก้องเกรียว ตวี๋ดตวิ๋ดติ๋ดเตี่ยวเตียว เจี่ยวจ้อย ตามทักปักหน้าเจียว เจ้าตีวิด กระจิ๋ดเอย เด็กรักทักถามกต้อย กเตาะเต้นเผ่นหนี ฯ
๓๖๙. กต่ายตุ่นวุ่นวิ่งข้าง ทางเตียน เด็กโดดโลดไล่เฉวียน ฉวัดคว้า ทักกระทอล่อเลี้ยวเวียน วิ่งลัด สกัดแฮ ล้มลุกคุกเข่าหน้า นิ่วต้องย่องเดิน ฯ
๓๗๐. ตวันเยนเหนโขดตขุ้ม เขาเขียว สูงสุดดุจกลีบเกลียว เมฆคลุ้ม เสือกวางต่างกระเกริงเกรียว เกริ่นป่า มาแฮ เดชะพระเจ้าคุ้ม คชร้ายควายเสือ ฯ
๓๗๑. ถึงถิ่นหินเงื้อมงอก กรอกเขา หินหลักปักสองเสา ซอกน้อย ลอดเลี้ยวเหนี่ยวหน่วงเถา ลดาช่วย ด้วยแฮ ลงพุปรุะน้ำพร้อย พร่างคล้ายสายฝน ฯ
๓๗๒. พระเจดีที่ค่างถ้ำ บุรำบุราน สูงสักหกศอกประมาณ ลม่อมป้อม ปตู๓มีที่ช่องดาน ดันปิด สนิดแฮ ปูนเพชรเขดเขาล้อม แหล่งไว้ใบลาน ฯ
๓๗๓. หนูหนุ่มรุมเข้าผลัก ปักกตู๔ ปิดห่องของท่านผู่ ภิเศศ๕ไว้ ต่างมองซ่องดานดู แวววับ ลับแฮ สะมาบาปกราบไหว้ หวังผึ้งจึ่งมา ฯ
๓๗๔. จัดแจงแต่งตั้งธูป เทียนถวาย เข้าตอกดอกไม้ราย รอบล้อม สรงพระประสุคนธ์ปราย ปรุงรศ สดเอย กราบพระประณตน้อม นั่งใต้ไทรทอง ฯ
๓๗๕. จุดเทียนเวียนสว่างเวิ้ง เพิงผา น้ำพุทลุศีลา ลั่นครื้น ห้วงห้องปล่องคงคา ขังเปี่ยม เปรี่ยมเอย ชื่นชุ่มภูมิภาคพื้น พิลึกหน้าอาไศรย ฯ
๓๗๖. หาถ้ำค่ำมืดไหม้ ใคร่เหน สงัดเงียบเยียบเยือกเยน อย่อมไม้ พบแท่นแผ่นผาเปน ปูนเพช สำเรจเอย ที่อยู่ผู่ภิเศศไว้ ฉวากเวิ้งเพิงเขา ฯ
๓๗๗. อาไศรยในเงื้อมฉโงก โกรกผา ที่แท่นแผ่นศีลา เลื่อมแก้ว เทียรธูปบุปผบูชา เชิญช่วย ด้วยเอย กราบพระอธิถานแล้ว ลูกน้อยพลอยนอน ฯ
๓๗๘. เกรี่ยงกวั่งทังลวดละว้า กล้าแขง ฟืนไส่ไฟโพลงแสง สว่างหน้า หุงเค่าเต่า๖ต้มแกง กินเสร็จ สำเรจแฮ นั่งเล่นเยนเยือกฟ้า พร่ำพร้อยฝอยฝน ฯ
๓๗๙. ลวดว่าป่าปู่เจ้า เขาโพรง ที่อยู่หมู่ช้างโขลง คล่ำล้อม เยนเช้าเหล่าช้างโยง ฝูงเที่ยว เกรียวแฮ มาปลอดยอดดีด้อม ดอดเข้าเขาสบาย ฯ
๓๘๐. ใต้เหนือเสือช้างรอบ ขอบเขา อยู่แต่นอกสอกเสา แซ่ซ้อง โกรกกรอกซอกแซกเรา ทลุโตล่ง โว่งเอย สัตว์อื่นหมื่นแสนต้อง เติ่งค้างข้างเขา ฯ
๓๘๑. เกรี่ยงลว้าป่าปู่เจ้า เขากลัว อยู่แต่นอกกลอกหวัว ไว่ซ้อง แสกเค้าเค่ามามัว มืดน่า ตาแฮ เด็กใหญ่ไม่รู้ฉ้อง ฉวากโว้งโพรงเขา ฯ
๓๘๒. ตาลวดอวดอ้างเริ่ม เดิมที โขลงไล่ไพล่ผลุนหนี เหนี่ยวไม้ เหนปล่องช่องเลกมี มุดลอด ตลอดแฮ จึ่งปะพระเจดีได้ สดับต้นหนหลัง ฯ
๓๘๓. ฟังพร่ำตามเรื่องรู้ บูราน ศักสิทธิ์พิสดารชาญ เชี่ยวแท้ ตรวดน้ำร่ำอธิถาน เทพช่วย ด้วยเอย ขอปะพระปรอดแก้ สดวกได้ใบลาน ฯ
๓๘๔. น้ำผึ้งครึ่งจอกตั้ง สังเวย เชิญพระปรอดเสวย หว่างไม้ บุบผาบุชาเชย ช่วยชัก สลักแฮ ขออ่านลานทองได้ ดุจข้าอาวร ฯ
๓๘๕. หนึ่งครูผู่ภิเศศส้าง ปางหลัง เชิญช่วยอวยสวัดิหวัง ไว่เท้า ประโหญดโปรดสัตว์สัง สารวัฏ สวัดิเอย จึ่งจิตสิทธิแก่กล้า กม่อมหมั้นกตันยู ฯ
๓๘๖. อัพิวาทราตนหนั้ง ตั้งใจ หวิดหวิดชิดเฉียดไฟ ฟอดผึ้ง เทียนดับกลับจุดไฟ ส่องขเม่น เหนแฮ สธุสพระปรอดขรึ้ง จอกแก้วแพรววาว ฯ
๓๘๗. หญิบขึ้นลื่นหลุดเหล้ ปรอดเหลว ใสเหน่งเปล่งปลอดเปลว ปลอบช้อน ห่อนเหนเช่นองคเอว เล็ดฟ่าย๗ คล้ายแฮ หญิบหลุดปลุดปลิ้นปล้อน เปล่าคล้ายหายสูญ ฯ
๓๘๘. น้ำผึ้งครึ่งกระบอกตั้ง หวังริน ฟอดฟอดปรอดกิน กบปล้อง ควักขึ้นลื่นตกหิน หายเปล่า เล่าแฮ หนุ่มห่อ......๘อยู่ซ้อง แซ่ปล้ำคลำหวาม๙ ฯ
๓๘๙. เกรี่ยงละว้าผ้าขอดเข้า เปล่าหาย ใส่กลักหนักมือหมาย มั่นแท้ กลับลอดปลอดเปล่าดาย เด็กกระโดด โครท๑๐เอย ลื่นหลุดสุดกลแก้ กิจสึ้งตรึงกระสิน ฯ
๓๙๐. หายลื่นคืนเข้ากระบอก ออกถูน๑๑ รุ่มร่ำน้ำผึ้งสูญ ซิ่นม้วย๑๒ ปรอดหายฝ่ายกองกูล ก่อกลับ ดับแฮ เทียนท่วยพลอยหมดด้วย เด็กจ้องส่องแสวง ฯ
๑. คู่ลา = คุลา (ชนชาติต่องสูและไทยใหญ่) ๒. อีแอ้น = นกอีแอ่น (นกนางแอ่น) ๓. ปตู = ประตู ๔. ปักกตู = ปากประตู ๕. ผู่ภิเศศ = ผู้วิเศษ ๖. เต่า = เตา ๗. เล็กฟ่าย = เล็ดฝ้าย-เมล็ดฝ้าย ๘. ที่ละไว้ ต้นฉบับลบเลือน อ่านไม่ออก ๙. หวาม หรือ หลาย ต้นฉบับไม่ชัด ๑๐. โครท = โกรธ ๑๑. ออกถูน หรือ ออกภูน ต้นฉบับไม่ชัด ๑๒. ซิ่นม้วย = สิ้นม้วย หรือ สิ้นถ้วย ต้นฉบับไม่ชัด
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ลิตเติลเกิร์ล, ขวดเก่า, ตูมตาม, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศสุพรรณ
๓๙๑. ดึกสามยามสงัดครึ้ม งึมเงา เยนเยียบเงียบขอบเขา โขดเงื้อม มืดคลุ้มพุ่มกระแบกกระเบา บังปิด มิดเอย แวววับลับแลเหลื้อม ปรอดหร้อนว่อนเวียน ฯ
๓๙๒. เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋แปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอู่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกเสทือนสท้าน ถิ่นไม้ไพรพนม ฯ
๓๙๓. ต่างตื่นฟื้นสติตั้ง ฟังโขลง ครื้นครั่นลั่นผึงโผง แผดร้อง เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหวง โหว่งโว่ โร่แฮ ช้างสงัดบัดเดี๋ยวซ้อง แซ่เข้าเสาหิน ฯ
๓๙๔. อึกกทึกครึกครื้นนอก กรอกทาง หักโค่นต้นยูงยาง ย่ำค้น เหมือนรู้ว่าอยู่กลาง กลีบช่อง ปล่องแฮ จนรุ่งฝูงช้างร้น รุกร้องซ้องเสียง ฯ
๓๙๕. เกรี่ยงลว้าพาขึ้นฉโงก โกรกสูง แลค่างล่างช้างฝูง ฟูดฉเง้อ กลิ่นใกล้ไล่โยกยูง ยางโค่น ต้นแฮ เขย่งคึ้นยื่นงวงเหย้อ ยุดไม้ไต่เขา ฯ
๓๙๖. ดูเล่นเหนสนุกหน้า ผาเผิน ตรงกรอกซอกเสาเนิน นั่งพร้อม ช้างยิ่งวิ่งพล่านเพลิน พลอยคว่าง ช้างแฮ ช้างแล่นแปร๋นฮูมห้อม หืดฮื้ออื้ออึง ฯ
๓๙๗. หนุ่มหนุ่มรุมโห่ขว้าง ช้างโขลง มันขเม่นเหนคนโขยง เย่อไม้ ตามุ่งพลุ่งพลามโพลง พลั่งพลั่ง ปลั่งแฮ ฮูมเค่าเสาหินไง้ งัดง้างสล้างสลอน ฯ
๓๙๘. แลดูหมู่ช้างเถื่อน เกลื่อนโขลง ลุยผ่ามาผางโผง พวกพ้อง ยัดเยียดเสียดแซกโยง ยาวยืด มืดแฮ แหงนน่างาเงยซ้อง สลับสล้างค่างเขา ฯ
๓๙๙. ช้างบ้างาใหญ่เฟื้อย เปลือยเปลา ทลวงทลึ่งถึงแทงเสา สวบง้าง งากระเด่น๑เผ่นท้าวเทา แทงอีก ฉลีกเอย บ้าเลือดเดือดดุนช้าง อื่นร้องซ้องเสียง ฯ ๔๐๐. เพลินดูหมู่ช้างคล่ำ ต่ำสูง เตี้ยค่อมปลอมแปลกฝูง เฟ่าฉแง้ ขุดคัดงัดยางยูง ยับทับ สลับแฮ จนเที่ยงเสียงเซงแส้ แสบท้องต้องถอย ฯ
๔๐๑. เกรี่ยงลว้าปลาเค่าน้ำ สำรอง ติดย่ามตามทำนอง น่าไม้ พรีกเกลือเมื่อขาดของ คิดคู่ หมูเอย อร่อยอิ่มยิ้มแย้มได้ เด็กน้อยพลอยเพลิน ฯ
๔๐๒. เลียบเดินเนินไม้รอบ ขอบเขา รื่นร่มชมฉลูดเฉลา สลับเลื้อย มสังทรางกร่างกรันเกรา กรวยกระทุ่ม ฉอุ่มเอย เคี่ยมข่อยสร้อยฟ้าเฟื้อย เฟื่องฟุ้งจรุงจรวย ฯ
๔๐๓. มะไฟมะเฟืองเหลืองอร่ามต้น ผลพวา แมงคุดละมุดสีดา ดกด้วย บูราณท่านปลูกมา มีพืด ยืดเอย ไม้งอกซอกเหวห้วย ดอกย้อยห้อยไสว ฯ
๔๐๔. มะตูมมะตาดกลาดกลิ้งหล่น ล้นเหลือ เด็กใคร่ได้ไส่เรือ ร่ำค้า เหมือนปลูกลูกดอกเฝือ ฟุ้งตลบ อบเอย อยากอยู่ดูสนุกหน้า นั่งเหล้นเยนใจ ฯ
๔๐๕. เลียบรอบขอบเขตข้ำ ย่ำเยน มาที่เจดีเหน แห่งถ้ำ น้ำพุปรุะซ่านเซน สาดปิด มิดแฮ ต่อนั่งหลังรับน้ำ พุไว้ได้เหน ฯ
๔๐๖. อยากดูซู่เปียกน้ำ ตรำหนาว มืดเขม่นเหนแวววาว สว่างหว้าน พุน้ำพร่ำพรมพราว หนาวสุด อยุดแฮ ต่างต่างคางสั่นสท้าน สทึกสท้อนถอนใจ ฯ
๔๐๗. หนาวน้ำซ้ำเปียกผ้า หน้าจ๋อย สุมไส่ไฟโพลงพลอย ผึ่งผ้า เพลิงแรงแฮ่งแล้วคอย ขึ่งอื่น ผืนแฮ พร้อมพรั่งทังเกรี่ยงลว้า ไว่ตั้งสังเวย ฯ
๔๐๘. บุบผาสารพัดพร้อม หอมระเหย บำบ่วงสรวงสังเวย สวัดิให้ ผลักดูปตูเผย พอขเยื่อน เคลื่อนแฮ แย้มช่องสองนิ้วได้ เด็กด้วยช่วยดุน ฯ
๔๐๙. ในห้องมองมืดกลุ้ม คลุ้มควัน หอมรื่นชื่นกลิ่นจันทน์ จากห้อง ผลักอีิกกริกกลอนดัน ดุนผลัก หนักแฮ ปตูกลับหับกึงก้อง ปกับแหน้น๒แผ่นผนัง ฯ
๔๑๐. โยกคลอนห่อนจะได้ ไหวสเทือน รู้เท่าเจ้าบิดเบือน บ่อให้ เยนย่ำค่ำคิดเฟือน ไฟไส่ ไว้แฮ ไกลถิ่นสริ้นเทียนไต้ ต่างต้องกองเพลิง ฯ
๔๑๑. เหมือนรู้ครูเถ้าเล่า เราเหน ถ้ำที่เจดีเปน ป่าซึ้ง เบิกสลักผลักกระดอนกระเดน กระดากกลับ หับแฮ หมดเลี่ยนเทียนน้ำผึ้ง ผักส้าปลายำ ฯ
๔๑๒. คิดกลับหลับอ่อนสอื้น ตื้นใจ กรีดกริ่งหริ่งเรไร เรื่อยร้อง แจ้วแจ้วแว่วเสียงใส ซอรับ ขับเอย เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเสียงซ้อง เสนาะน้ำคำครวญ ฯ
ฝัน ๔๑๓. เสียวทราบวาบสว่างเวิ้ง เผิงผา เพียงพระโรงโถงฝา เฟ่าท้าว สี่นางค่างเคียงพญา ยอดยิ่ง หญิงเอย ไว้จุกลูกเล็กจ้าว แจ่มหน้าสง่างาม ฯ
๔๑๔. ท้าทับจับปี่จ้อง ลองซอ พร้อมพรั่งนั่งเรียงรอ เรียบร้อย กระษัตรหัตถ์จบขอ คำขับ สดับแฮ ยินชื่อฦๅเลื่องถ้อย เทพท้าวกล่าวยอ ฯ
๔๑๕. จำรับขับกล่อมท้าว กล่าวกลอน ชมพระศะศริทร๓ ถ่องฟ้า ดาวประดับกับจันทร์จร แจ่มเมฆ วิเวกเอย เพียงราชนาฎนวลหน้า นอบน้อมล้อมสลอน ฯ
๔๑๖. ท้าวชอบตอบเหล้าเรื่อง เบื้องบุราณ ปราสาทราชวังสถาน ท่านสร้าง เขารอบขอบปราการ เกิดห่า มาแฮ เปนเถื่อนเกลื่อนโขลงช้าง ช่วยเฝ้าเข้าของ ฯ
๔๑๗. เจดีที่อยู่ห้อง ทองพทม ปรอดเสร็จเพชปูนประสม ใส่ไว้ สำหรับกับถั่วนม เนื้อแผด แปดแฮ ของลูกจุกจะได้ เกิดสร้างปรางทอง ฯ
๔๑๘. ใช่ยาอายุร้อย แสนปี ทั่วล่าหาห่อนมี แม่นแล้ว ปรอดฟอดรัศมี เสมอเม็ด เพชเอย ใช่พระปรอดแพร้ว พระไหว้ใช่การ ฯ
๔๑๙. หนึ่งคว่างช้างเจ้าป่า งากระเดน โป่งป่ามาคอยเขน เคียดแค้น สมเคราะห์เพราะเหตุเหน ให้สวัดิ กษัตรเอย นอนหลับทับที่แถ้น ท่านอ้างทางบุญ ฯ
ห้าม ๓ ข้อ ๔๒๐. ห้ามอย่าหาปรอดแหร้ แชเชือน สืบทร่างทางบุญเบือน แบ่งบ้าง ยายืนหมื่นปีเฟือน ฝ่ายว่า บ้าแฮ อย่าอยู่จู่หนีช้าง ช่วยให้ไปดี ฯ
๑. กระเด่น = กระเด็น ๒. ปกับแหน้น = ประกับแน่น ๓. ศะศริทร = ศศิธร-พระจันทร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|