สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระนางมาคันทิยาหาความด้วยเรื่องงู ** ธรรมดาของท้าวอุเทนราช มีสามนาฏโฉมตรูผู้สูงส่ง ท้าวเธอแบ่งเวลาสามอนงค์ แต่ละองค์เจ็ดวันเท่ากันเลย
** ครั้นถึงเวลาสามาวดี มาคันทิยายอดนารีสุดนิ่งเฉย รีบส่งข่าวไปยังอาดังที่เคย ท่านอาเอ๋ยรีบจัดการส่งงูไป
** ฝ่ายท่านอาจัดการงานที่สั่ง รีบส่งงูไปยังในวังใหญ่ ถอดเขี้ยวทิ้งเสียก่อนในทันใด เพื่อจะได้ไม่กัดนางให้วางวาย
** ท้าวอุเทนเมื่อเสด็จ ณ ที่ไหน นำเอาพิณท้าวเธอไปไม่ห่างหาย มาคันทิยารู้ดีในอุบาย จึงวางแผนใส่ร้ายในทันที
** นำงูไปใส่ไว้ในช่องพิณ ยอดนารินนำดอกไม้หลากหลายสี มาปิดช่องเอาไว้ให้ดูดี รอวันที่พระองค์ทรงคลาไคล
** และแล้ววันเวลาก็มาถึง พระองค์จึงเสด็จหาคนใหม่ คือสามาวดียอดยาใจ องค์ท้าวไทไม่ลืมพิณคู่กายา
** มาคันทิยาทูลว่าขอไปด้วย จะได้ช่วยถ้าเกิดภัยใฝ่อาสา องค์ท้าวเธอปฏิเสธเจตนา ตรัสบอกว่าไม่ต้องไปให้วุ่นวาย
** นวลอนงค์ไม่ลดละพยายาม ขอติดตามให้ได้ดังใจหมาย นางออดอ้อนพูดจาหาอุบาย จนสุดท้ายองค์ราชายอมพาไป
** ครั้นถึงปราสาทสามาวดี พระภูมีจอมราชาผู้เป็นใหญ่ ทรงวางพิณของรักไว้ไม่ไกล หากจะใช้ก็ทรงใช้ได้ทันที
** มาคันทิยาจัดการไปตามแผน หวังแก้แค้นให้สมใจไม่ถอยหนี ทำมองหาสิ่งต่างต่างบรรดามี เดินมาที่วางพิณจินตนา
** จึงแกล้งทำดอกไม้ให้ตกไป งูข้างในเลื้อยออกดังปรารถนา จึงโวยวายใส่ใคร้นางสามา ว่าวางแผนจะฆ่าองค์ราชัน
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระเจ้าอุเทนลงโทษพระนางสามาวดี ** พระราชาหลงกลคนชั่วช้า ตะโกนก้องจะฆ่าให้อาสัญ สามาวดีต้องตายวายชีวัน บริวารของมันตายทุกคน
** สามาวดีชี้แจงนางห้าร้อย อย่าได้คิดน้อยใจใฝ่กุศล จงช่วยกันแผ่เมตตาอย่าร้อนรน ขอทุกคนจงอยู่ดีมีสุขใจ
** ด้วยเดชะกุศลผลบุญนี้ จงอย่ามีเวรกรรมทำหมองไหม้ ขอให้พบศาสดาอย่าห่างไกล ชาติไหนไหนบุญส่งจงได้ดี
** องค์ราชันทรงน้าวพระแสงศร หวังจะให้งามงอนตายเป็นผี ด้วยความเขลาเข้าใจผิดยอดนารี จะฆ่าฟันบั่นชีวีให้วอดวาย
** อัศจรรย์บันดาลบังเกิดขึ้น ทุกคนยืนตะลึงขวัญหนีหาย ลูกศรเปลี่ยนทิศทางอย่างง่ายดาย ย้อนกลับหมายอุระพระราชา
** ท้าวอุเทนได้คิดจิตสะท้อน แม้ลูกศรยังเข้าใจรู้คุณค่า แม่โฉมงามผู้ถวายใจกายา เปี่ยมศรัทธาสร้างความดีมิเสื่อมคลาย
** ส่วนพระองค์เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ อวิชชาพาเตลิดให้เสียหาย ไม่รู้ซึ้งถึงความดีมีมากมาย ใจหนอใจแสนร้ายทำได้ลง
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระเจ้าอุเทนทรงประทานพรพระนางสามาวดี ** สำนึกได้ก้มลงกราบขอขมา แล้วตรัสว่าเราฟั่นเฟือนและเลือนหลง ทิศทั้งปวงมืดมิดจิตพะวง สามาเอ๋ยเจ้าจงช่วยต้านเรา
** เราจะถึงซึ่งเจ้าเป็นที่พึ่ง เปรียบประหนึ่งลูกนกตกจากเขา มาพบเจ้าเหมือนเช่นรังให้บังเงา ช่วยแบ่งเบาให้ทุกข์คลายมลายพลัน
** สามาวดีทูลว่ามหาราช ผู้มีความฉลาดเป็นมิ่งขวัญ อย่าได้คิดไปว่าข้าสำคัญ ข้าถึงใครถึงคนนั้นเพื่อพึ่งพา
** องค์พุทธะคือที่พึ่งพึงทรงทราบ นับเป็นโชคเป็นลาภสุดจักหา ขอพระองค์จงถึงซึ่งพุทธา เป็นที่พึ่งวันข้างหน้าจะสบาย
** ประการหนึ่งข้าถึงซึ่งพระองค์ เป็นที่พึ่งสูงส่งดังใจหมาย พระองค์สุขข้าก็สุขไม่เว้นวาย พระองค์ทุกข์ข้ายอมตายแทนพระองค์
** พระราชาตรัสว่าขอบใจนัก เรานี้จักทำตามเจ้าประสงค์ เราจะขอถึงซึ่งพุทธองค์ เป็นที่พึ่งมั่นคงนานเท่านาน
** และเราจะขอถึงซึ่งตัวเจ้า ทุกค่ำเช้าเป็นที่พึ่งพึงประสาน เราจะประทานพรให้นงคราญ สามาวดีเยาวมาลย์ยอดดวงใจ
** พระราชานิมนต์พระพุทธองค์ พร้อมพระสงฆ์ห้าร้อยทั้งน้อยใหญ่ เพื่อทรงฉันภัตตาหารที่วังใน ตลอดไปเจ็ดวันหรรษารมย์
** พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา เป็นกถาอวยพรให้สุขสม เกิดจากผลแห่งทานเอกอุดม ดุจดังพรมลาดปูสู่วิมาน
** ในที่สุดแห่งมงคลกุศลนี้ ท้าวอุเทนภูมีทรงกล่าวขาน ให้สามาวดีเยาวมาลย์ จงรับพรเราประทานให้แก่นาง
** สามาวดีทูลว่าตัวข้านี้ ไม่ปรารถนาพึงมีสิ่งต่างต่าง ทั้งทรัพย์สินเงินทองมากองวาง แต่อยากสร้างกุศลผลอนันต์
** ตัวข้านี้มั่นคงองค์ศาสดา จึงต้องการนิมนต์มาเพื่อทรงฉัน พร้อมพระสงฆ์ห้าร้อยมาด้วยกัน พวกเรานั้นอยากฟังธรรมองค์สัมมา
** ราชาทรงประทานพรแก่ยอดหญิง ให้เป็นจริงตามที่ปรารถนา ทรงนิมนต์สมเด็จพระศาสดา จงทรงเสด็จมาทุกทุกวัน
** พระศาสดาตรัสว่าย่อมไม่ได้ เพราะทุกคนอยากให้เราไปฉัน ซึ่งภัตตาหารเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนั้นเราจึงเฉลี่ยไป
** เราจะให้อานนท์รับภาระ ขอทุกท่านจงอย่าได้หวั่นไหว ตั้งศรัทธาให้มั่นอยู่กลางใจ ความเลื่อมใสเป็นบ่อเกิดแห่งผลบุญ
** สามาวดีได้พรตามต้องการ บริวารห้าร้อยคอยเกื้อหนุน ตั้งจิตประพฤติธรรมได้ค้ำจุน สนองคุณศาสนาสถาพร
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระนางสามาวดีถูกไฟคลอก ** มาคันทิยาคิดว่าเราทำพลาด ไม่สามารถทำร้ายสายสมร นางสามาวดีโฉมบังอร บริวารของหล่อนก็พ้นภัย
** จึงคิดวางอุบายหมายพิฆาต สังหารอนงค์นาฏให้ตักษัย แล้วบอกอาถึงแผนฆ่าทรามวัย หวังได้ชัยชนะอย่างแน่นอน
** พราหมณ์มาคันทิยะผู้เป็นอา ตอบสนองวาจาไม่ถ่ายถอน ผ้าชุบน้ำมันพันเสาวังบังอร แล้วจึงต้อนผู้คนให้เข้าไป
** โดยบอกว่าราชาทรงรับสั่ง เพื่อทำการบำรุงวังให้สดใส ได้โอกาสลั่นกลอนในทันใด ขังทุกคนข้างในรอความตาย
** แล้วจึงจุดไฟเผาให้เร่าร้อน เป็นกองฟอนชีวามาสลาย ก่อนที่แม่โฉมนางจะวางวาย บอกสาวสาวก่อนตายแผ่เมตตา
** นางทั้งหมดกำหนดกัมมัฏฐาน ว่าด้วยเวทนาการอันสูงค่า เป็นอารมณ์ดังคำสอนองค์สัมมา บรรลุผลเป็นที่น่าพอใจ
** บางคนสำเร็จสกทาคามี ช่างแสนนดีหนักหนาจะหาไหน บางคนได้อนาคามีเป็นที่ไป ไม่รุ่มร้อนเพราะไฟเผาไหม้กาย
** เหล่าภิกษุเข้าเฝ้าพระศาสดา ณ ธรรมสภาเวลาสาย เพื่อกราบทูลฟังคำอธิบาย เรื่องการตายและคติที่ควรเป็น
** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระวัจนะ เป็นสัจจะจริงจังดังที่เห็น คนทำดีได้ดีมิลำเค็ญ ดังเฉกเช่นเหล่านางกลางกองฟอน
** อันวัฏฏะพาหมุนหนุนให้สัตว์ ได้อุบัติตามกรรมดังคำสอน ทำกรรมดีได้ดีอย่างแน่นอน ไม่ต้องคอยอ้อนวอนขอฟ้าดิน
** ทำกรรมชั่วสิ่งชั่วตอบสนอง แม้ไม่ได้หมายปองใฝ่ถวิล ทำความชั่วเดือดร้อนเป็นอาจิณ มีมลทินติดกายให้ร้อนรน
** อย่าระเริงอยู่ในวงเวียนทุกข์ อยากมีสุขต้องใฝ่สร้างกุศล ทำความดีมีคุณไม่มืดมน จะพาตนสุขใจไปนิรันดร์
** สามาวดีพร้อมนางทั้งห้าร้อย สร้างบุญมาใช่น้อยไม่โศกศัลย์ สุคติเป็นที่หวังดังใจพลัน นางเหล่านั้นสร้างกรรมดีหนีอบาย
** ความประมาทศัตรูคู่อาฆาต ทำความดีให้พินาศเสื่อมสูญหาย ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย หายนะตัวร้ายหมายมาเยือน
** นรชนคนใดไม่ประมาท ย่อมไม่พลาดความดีมีใครเหมือน จะสุขสันต์ในโลกนี้มิลางเลือน โลกหน้าไม่คลาดเคลื่อนพบสิ่งดี
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระเจ้าอุเทนลงโทษพระนางมาคันทิยากับพวก ** พระราชาทรงสดับรับฟังข่าว รู้เรื่องราวที่เกิดกับมเหสี เกิดไฟไหม้ตำหนักสามาวดี ยอดนารีอัคราชนาฏสุดา
** รีบเสด็จดับไฟที่ตำหนัก ของยอดหญิงที่รักช้ำหนักหนา ไม่สามารถช่วยได้....อนิจจา โอ้....กานดาคนดีหนีไปไกล
** สุดปัญญาป้องกันขวัญตาพี่ แสนอาลัยไม่มีน้องอยู่ใกล้ คงเงียบเหงาเศร้าตรมสุดข่มใจ จากนี้ไปอาวรณ์ไม่คลอนคลาย
** หากชาติหน้าถ้ามีพี่ขอร้อง ได้ครอบครองคู่กันดังมั่นหมาย ถนอมน้องรักน้องจนชีพวาย ฟ้าถล่มดินทลายก็รักกัน
** คลายวิโยคโศกเศร้าเฝ้าหวนคิด จำต้องนำคนผิดมาห้ำหั่น จับมาลงอาญาและฆ่าฟัน จะไม่ปล่อยให้มันหนักแผ่นดิน
** มั่นพระทัยคนผิดคิดทำร้าย จนพระนางชีพวายสมถวิล เป็นมาคันทิยายุพาพิน ผู้มีจินต์ริษยาอาฆาตนาง
** ครั้นจะขู่ให้กลัวแล้วซักถาม คงจะไม่ได้ความที่สะสาง ต้องวางกลอุบายตามแนวทาง เป็นหลุมพรางล่อให้หลงคงได้การ
** จึงแกล้งตรัสเป็นนัยว่าใครหนอ ที่ช่วยก่อสุขให้อย่างห้าวหาญ เราอึดอัดพระทัยมาแสนนาน สามาวดีเยาวมาลย์ไม่ซื่อตรง
** คิดเอาใจออกห่างช่างสิ้นคิด เพราะหลงผิดปล่อยให้เฝ้าใหลหลง ปรนนิบัติเอาใจใส่พุทธองค์ นวลอนงค์ตายไปใจสบาย
** มาคันทิยาหลงกลจอมกษัตริย์ ที่ทรงจัดวางแผนแบบง่ายง่าย รีบกราบทูลหม่อมฉันฆ่ามันตาย มอบถวายแก่องค์พระทรงชัย
** จอมกษัตริย์ได้ฟังทรงนั่งนิ่ง รู้สาเหตุแท้จริงดังสงสัย แกล้งบอกจะประทานพรอรทัย อีกทั้งญาติทรามวัยทุกทุกคน
** มาคันทิยาส่งข่าวให้ญาติรู้ ถ้วนทุกหมู่ไม่มีใครตกหล่น รับรางวัลที่ประทานให้แก่ตน อย่าชักช้าวกวนจะเสียการ
** พระราชารับสั่งให้ขุดหลุม จึงควบคุมทั้งหมดไว้ประหาร ฝังครึ่งตัวแล้วจุดไฟไม่ช้านาน พระเพลิงผลาญเผากายไหม้เกรียมดำ
** อันกรรมใดใครหนอได้ก่อไว้ ต้องชดใช้ทุกเวลาอย่าถลำ ทำกรรมดีมีผลดีคอยน้อมนำ ทำกรรมชั่วจะชอกช้ำระกำทรวง
** เช่นมาคันทิยากล้าทำชั่ว ต้องหมองมัวใช้กรรมอย่างใหญ่หลวง ทั้งชาตินี้ชาติหน้าใช่จะลวง กรรมตามทวงผลกรรมอยู่ร่ำไป
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน บุรพกรรมของพระนางสามาวดีกับบริวาร ** ณ ธรรมสภาคราวันหนึ่ง เหล่าภิกษุรำพึงถึงเรื่องใหญ่ ได้พูดคุยเรื่องสามาถูกเผาไฟ ทั้งที่ใจเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา
** พระพุทธองค์ทรงมีพระดำรัส แล้วทรงตรัสพระธรรมกถา ถึงกรรมเก่าของสตรีมีสามา เป็นหัวหน้าถูกเผาไฟไม่อีนัง
** อดีตกาลผ่านมาคราครั้งก่อน จะขอย้อนเรื่องราวคราวหนหลัง พรหมทัตต์ครองเขตนิเวศน์วัง สถิตย์ยังพาราณสีบุรีรมย์
** พระปัจเจกพุทธะลงจากเขา มารับเอาภัตตาหารตามเหมาะสม เพื่อสงเคราะห์โปรดสัตว์ในสังคม ได้ชื่นชมบุญญาบารมี
** ถึงเวลาหวนกลับยังไพรสัณฑ์ ต่างพากันมุ่งไปยังไพรสี มีองค์หนึ่งหยุดเข้าฌานริมวารี โดยได้มีกอหญ้ามาปิดบัง
** พระราชาได้พาหญิงทั้งหลาย ไปแหวกว่ายน้ำเล่นที่ใกล้ฝั่ง เล่นน้ำนานเหนื่อยหนาวเกินกำลัง ขึ้นไปยังที่พระได้เข้าฌาน
** แล้วจุดไฟเพื่อผิงอิงไออุ่น ไฟเริ่มไหม้เป็นจุณเห็นหลักฐาน ว่าเป็นพระปัจเจกะพาร้าวราน กลัวจะถูกพระภูบาลลงอาญา
** จึงนำฟืนมาสุมไฟกองใหญ่มาก หวังเผาไม่เหลือซากสิ้นกังขา แล้วจึงรีบหลีกไปไม่รอรา ด้วยหวังว่าร่างกายต้องไหม้ไป
** ความเป็นจริงเวลาพระเข้าฌาน ไม่มีใครทำให้ร้าวฉานได้ ครบเจ็ดวันท่านกลับเข้าพงไพร โดยไม่มีส่วนใดเสียหายเลย
** ด้วยผลกรรมที่ทำยิ่งใหญ่นัก เป็นประจักษ์เจตนาอย่างเปิดเผย จะเผาพระปัจเจกะให้สิ้นเลย ในชาตินี้ต้องลงเอยถูกเผาไฟ
** วิบากกรรมที่ทำย่อมส่งผล ให้ร้อนรนปวดร้าวสุดทนไหว จงหันมาสร้างกุศลผลอำไพ พึงหลีกไกลความชั่วตัวกาลี
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ปัจฉิมบท ** ปัจฉิมบทยกพุทธพจน์มากล่าวอ้าง เป็นแนวทางส่งให้มีศักดิ์ศรี เว้นกรรมชั่วแล้วทำแต่กรรมดี ทั้งโลกนี้โลกหน้าสถาวร
** พุทธองค์ตรัสว่าอย่าประมาท สร้างกรรมดีทุกชาติอย่าถ่ายถอน แม้ชาตินี้ชาติไหนไม่ร้าวรอน จะนั่งนอนยืนเดินเพลิดเพลินใจ
** มีสติยั้งคิดจิตคงมั่น สัมปชัญญะเสริมกันแสนยิ่งใหญ่ ความรู้ตัวและความระลึกได้ จะทำให้ปลอดภัยจากมลทิน
** ความประมาทคือหนทางความฉิบหาย มีชีวิตหรือตายก็ตายสิ้น เพราะได้ตายจากความดีมีราคิน พระมุนินทร์ตรัสว่า “ปมาโท”
** เป็นอันตรายต่อกรรมดีที่ใหญ่ยิ่ง น่ากลัวจริงจะเกิดตัวโมโห จะติดตามมาด้วยเจ้าโลโภ อีกโทโสจะเรียกหาไม่ช้าที
** คุณธรรมทั้งหลายจะหายหมด ปัจจุบันอนาคตมืดเหลือที่ ความเศร้าหมองจะครอบงำชั่วชีวี ความประมาทตัวนี้อันตราย
** จงสั่งสมกรรมดีไว้ดีกว่า ทั้งชาตินี้ชาติหน้ามีที่หมาย สุคติดีล้นพ้นอบาย จะไม่ตายเมื่อมรรคผลนำหนทาง
** ขอจบกลอนวอนว่ามาเล่าเรื่อง ไม่ปราดเปรื่องผิดพลาดอย่าบาดหมาง เขียนไม่เก่งยังอ่อนหัดการจัดวาง ให้สัมผัสต่างต่างถูกกฎเกณฑ์
** ชิงสัมผัส สัมผัสเลือน สัมผัสซ้ำ มีมากล้ำทุกท่านคงได้เห็น โปรดจงให้อภัยไม่ลำเค็ญ ใช่อยากดังอยากเด่นจงเห็นใจ
** ขอบพระคุณทุกท่านอ่านเรื่องนี้ ถ้าไม่ดีโปรดได้ช่วยแก้ไข เพื่อต่อเติมส่วนที่ขาดหายไป จะไร้ส่วนบกพร่องของงานกลอน
** ท่านผู้รู้จงปรานีอารีด้วย โปรดได้ช่วยแนะนำมอบคำสอน เพื่อการพัฒนาอันสุนทร ขออ้อนวอนเมตตามาช่วยกัน
** ที่สุดนี้ขอให้มีแต่ความสุข นิราศทุกข์ห่างภัยไม่โศกศัลย์ สิ่งชั่วร้ายหายไปนิจนิรันดร์ ทุกคืนวันสร้างความดีมีโชคชัย
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, มุกดาริน, Mr.music, Black Sword, น้ำหนาว, หญิงหนิง พราววลี, ตูมตาม, ปลาย อักษร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
|