ฟัน ฟัน ฟัน
ผมต้องถอนฟันหลายซี่ ถอนไปแล้วสามซี่ คุณหมอแจ้งให้ทราบว่าควรถอนอีกห้าซี่ แค่สามซี่ก็ทำเอาตกใจแทบหัวโกร๋น พอพวกเพื่อนเจอหน้าผม เขาทำตาลุกวาว และแถมทำตาโต โตขนาดเหมือนจะหลุดจากเป้าตา ผมจะไม่ขวัญเสียได้ไง ที่เขาทำประหลาดเช่นนั้นก็ผมนึกว่าเขาเห็นฟันเรา เราต้องตกอกตกใจเป็นธรรมดา มันมิใช่ขวัญอ่อนน่ะแต่บางครั้งบางคราวหัวสมองมันคิดไม่ทัน เจ้าใจจึงปรับตัวไม่ทัน ปรับตัวยาก ดีที่เขาทักเราว่า "นี่ฟันหักรึนี่" ทุกอย่างก็ไปด้วยดี
"นี่ฟันหักหรือนี่" ทำเอาเรางงไปอีก ทำเราครั้งแรกแทบจะหลับกลางอากาศ มาครั้งนี้ยังพูดอะไรผิด ๆ อีก มันไม่ได้พูดความจริง เราก็เสียหายซี จึงต้องแก้ตัวให้ "ฟันผมไม่ได้หักหรอก มันหลุดต่างหาก ถ้าหักจริง ๆ คุณต้องเห็นตอมันบ้าง" หลังพูดจบเห็นเพื่อนยิ้มให้แต่ไม่ใช่จะสบายใจนัก ไม่รู้ว่ายิ้มด้วยความไม่พอใจ หรือเพราะนึกขำ ผมทายใจยากจริง ๆ เพื่อนคนนี้ ......ผับแผ่
ฟันผมไม่ได้ผุหรอก มันโยกมันคลอนเพราะกินหมากมากไปหน่อย เคี้ยวหมากแข็งราวกับว่าฟันตัวเองเป็นเพชร ซ้ำร้ายเจ้าหินปูนตัวดีก็มาชุมนุม มาเดินขบวนอะไรมันก็ไม่รู้ เห็นมันทำกันเป็นประเพณี เลยต้องสลายการชุมนุมตามหลักสากลคือจากเบาขึ้นเป็นหนัก พอปราบจราจลแบบหนักมันก็ตายเรียบ อาวุธคุณหมอหลายชนิด มันดังสนั่นหวั่นไหว เราถึงสะดุ้งไปบ้างในบางเวลา มันรุนแรงถึงเลือดสาดถึงเพดาน ใต้พระลานชิวหาไม่ต้องพูดถึงเลือดกลบไปหมด
นี่น่าจะเป็นสองประการที่ทำให้ "ทนต์" แต่ไม่ทนต้องโยกต้องคลอนถึงหลาย ๆ ซี่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย คือเคี้ยวหมากแข็ง และขูดหินปูนมากเกินไป ฟันโยก..คุณหมอแนะนำให้ถอนอย่างเดียว คงจะรักษารากฟันไม่ได้แล้ว ต้องล้มมันทั้งต้น ทั้งคิดเอง และร่วมปรึกษาคุณหมอ ผลสรุปต้องกวาดล้างคุณโยกคุณคลอนให้เรียบ เหลือไว้เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กับคุณเหงือก ชั้นบนสี่ซี่ ชั้นล่างอีกสี่ซี่ แล้วคอยใส่ฟันชุดที่สาม คุณหมอรายงานเพิ่มเติมว่าหลังจากถอนเสร็จแล้วต้องรออย่างน้อยประมาณ 1 เดือน เพื่อให้คุณเหงือกเข้าที่ เราก็ไม่รู้ว่ามันออกจากสถานที่ตั้งมันเมื่อไร มันซุกซนเป็นบ้ายิ่งกว่าเด็กสมัยนี้ พูดอะไรไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย เอ..แต่ว่าเราไม่ได้พูดกับเหงือกสักนิดเลย จะเทียบความซุกซนกับเด็กสมัยนี้ได้ไง นี่ถ้าเราสอนมัน ตักเตือนมัน และถ้าหากไม่รู้ฟัง ไม่รู้เรื่องจะได้เคี้ยวให้มันแหลกเพราะมันอยู่ใกล้เรา มันจะได้หลาบจำ เด็กเดียวนี้มันไม่หลาบจำเพราะมันไม่โดนเคี้ยว โดนตียังไง จะบอกให้..ผับเผื่อย
โม้ใหญ่ไปแล้วเข้าเรื่องดีกว่า ที่คุณหมอบอกว่าให้เหงือกเข้าที่ก็คือให้เหงือกมันหายปกติ การที่ต้องใช้เวลามากอย่างน้อยเป็นแรมเดือนทำให้เกิดทุกข์ทันที ก็ทุกข์เรื่องต้องดื่มเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ดื่มเหล้านะ อย่าเอาใจไปคิดทางอกุศล ที่ว่าดื่มเพิ่มขึ้นก็คือ ดื่มอย่างแรกคือน้ำซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว และหากทำตามแพทย์แนะนำการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ คือดื่มวันละหลาย ๆ ครั้ง โดยการจิบเรื่อย ๆ ไป มากกว่าสองลิตรต่อวันก็ไม่อันตราย ยิ่งดีมีประโยชน์ นั่นคือภาระการดื่มอย่างที่หนึ่ง อย่างที่สองคือต้องดื่มข้าว และกับข้าว มันเหลือแต่ฟันตัดจะไม่ให้เราดื่มอาหารอย่างไรได้ ฮะฮาดื่มหมูต้มชนิดขนมเปียกปูนไม่เท่าไรพอดื่มกันได้ แต่ดื่มลูกพะเนียงหมาน (พะเนียงเพาะ) นี่ซิทำยากกว่าเข็ญภูเขาขึ้นครกเอามาก ๆ นี่เล่นเอาเราอดอาหารถูกใจไปโดยปริยาย
วันนี้มาถอนอีกซี่ ผมนั่งรอคุณหมอหน้าห้องอยู่เงียบ ๆ คนเรามันมีนิสัยสัปดนจึงอดคิดเรื่องขำ ๆ มิได้ ก็อารมณ์ขันเรื่องฟันของคนเรา มันเป็นความคิดออกจากใจที่แคบ ๆ ของเราหรือเปล่า คิดโทษธรรมชาติ โทษที่ออกแบบฟันไม่ตรงกับความคิดเรา ความจริงฟันน่าจะเชื่อมเป็นแผ่นเดียวกับขากรรไกรทั้งบนล่างหมดเรื่อง หมดเรื่องที่ไม่ต้องถอนฟัน ถ้ามันจะพังก็พังไปทั้งขากรรไกร และก็ควรร้อยน๊อตไว้ที่โคนขากรรไกรกับกะโหลก อีตอนพังจะได้เปลี่ยนใหม่สะดวกขึ้น ดีที่เรายังใจกว้างอยู่บ้าง คือที่โทษธรรมชาติไปแล้วจะขอให้อภัยโดยนึกว่าคิดว่า ธรรมชาติต้องการให้ความสวยงามกับมนุษย์ คือถ้าฟันเป็นกระดูกแผ่นเดียวจะไม่ดูเสมือนกำแพงรึ ? ยิ่งถ้าของใครเป็นอย่างกำแพงเมืองจีนแล้วน่าเกลียดน่ากลัวมาก อย่างนี้เองที่ธรรมชาติออกแบบมาเป็นซี่ ๆ ดูสวยดีแต่ก็ไม่วายตำหนิอีก ออกแบบให้ติดกับขากรรไกรเป็นแผ่นเดียวกันนั่นแหละ แล้วค่อยแกะสลักเป็นรูปซี่ฟัน น่าจะไม่ยาก ความคิดของเราน่าจะได้ประสบการณ์จากเห็นฟันปลอมก็เป็นได้ ตรงนี้ยังหักล้างหรือแก้ตัวให้ธรรมชาติได้อีก ถ้าเป็นมวยก็เปิดหน้าให้เพื่อนชก แก้ตัวให้ธรรมชาติอย่างไร ก็ธรรมชาติไม่เคยเห็นฟันปลอมนี่ จะนึกออกเหมือนเราได้ไง
คิดอย่างนี้แล้วก็น่าให้อภัยธรรมชาติได้อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่วายไม่ให้อภัยอีท่าเดียว รู้สึกว่าตัวเองใจแคบขึ้นมาอีก แคบยิ่งกว่ารูก้นเข็มเย็บผ้า แคบไม่แคบก็ลองมาดูเหตุผลเราบ้าง ก็ทีอวัยวะอื่น ๆ สร้างมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น จมูก ปาก คาง คอ อก ท้อง สะดือ ฯลฯ เออแล้วเราการันตีได้ไหมว่าธรรมชาติออกแบบฟันมาไม่ดี นี่มันบรรทัดฐานของเรา ไม่ใช่บรรทัดฐานของธรรมชาติ ก็รวมแล้วเป็นสองบรรทัดฐาน สองบรรทัดฐานยังมีปัญหา แล้วสองมาตรฐานล่ะ ขออย่ามีสองมาตรฐานก็แล้วกัน ฮะ ฮา
http://www.naturedharma.com/data-1504.html ประทีป วัฒนสิทธิ์
16 กุมภาพันธ์ 2557