สวัสดีค่ะ คุณ Brenda Rustin
ยินดีต้อนรับสู่บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล
ขอให้มีความสุข สนุกกับบทกลอนนะคะ
ทีมงานบ้านกลอนน้อยฯ
1
บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา / อ่านข้อกำหนด กฎระเบียบต่าง ๆ - สมาชิกใหม่ ทักทาย แนะนำตัวที่นี่ / ยินดีต้อนรับคุณ Brenda Rustin สู่บ้านกลอนน้อยฯ
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 11:06:06 PM
|
||
เริ่มโดย ลิตเติลเกิร์ล - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
สวัสดีค่ะ คุณ Brenda Rustin ยินดีต้อนรับสู่บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล ขอให้มีความสุข สนุกกับบทกลอนนะคะ ทีมงานบ้านกลอนน้อยฯ |
2
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 03:13:35 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย | ||
แค่ใบเทาหนึ่งใบหมูจ่ายได้ ว่าแต่ไข่แพงไหมเนาะไข่หวาน |
3
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๖.พาลและบัณฑิตที่รู้จักตัวเอง ~ โคลงจิตรลดา
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 09:35:42 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๘.จิต มโน วิญญาณ เกิดดับ
โคลงสินธุมาลี ๑.ภิกษุดูชนมิ................................ฟังธรรม เบื่อกำหนัดอยากนำ........................พ้นกาย ธาตุสี่รวมประจำ.............................กอปรกาย เพราะเห็นชัดจึงคลาย.....................ถอนไว ๒.แต่ไซร้ธรรม์ชาติเรียก................วิญญาณ "จิต,มโน"มิชาญ...............................หน่ายพ้น เหมือนกายพบเจนพาน.....................แน่แท้ เพราะฝังใจ,ยึดท้น............................ลูบคลำ ๓.จิต,ใจด่ำนั้นเป็น...........................ของเรา "เราเป็น,ตัวตนเอง"เฝ้า.......................ใกล้ชิด ธรรม์ดาชนมักเขลา...........................ขาดรู้ มิสามารถหน่ายจิต............................พ้นคลาย ๔.ชนมิกรายใกล้ธรรม.....................คิดว่า "กาย"เป็นตัวตนดีกว่า........................"จิต"เป็น กายยืนยาวกว่าหนา..........................ร้อยปี แต่จิต,วิญญาณมิเห็น........................ได้เลย ๕.พุทธ์องค์เผยธรรม์ชาติ................เรียกใจ หรือวิญญาณเกิดไว..........................ดับตาม เกิดดับสลับไป..................................ตลอด ทุกคืนวันได้ความ..............................เหมือนกัน ๖.ครันทรงเปรียบลิงป่า....................ท่องเที่ยว จับ-ปล่อยกิ่งไม้เทียว..........................ไปเรื่อย คล้ายจิต,ใจเกิดเปรียว........................แล้วดับ วันคืนทำมิเนือย..................................เสมอ ๗.เจอคำจิต,มโนและ........................วิญญาณ แปลคำเดียวกันงาน.............................นามธรรม หมาย"ธาตุรู้"เกี่ยวสาน.........................รูปธรรม ภาษิต"มโน"นำ.....................................ควบคุม ๘.กลุ่มคำนี้ใช้ใน...............................ธรรมต่าง วิญญาณธาตุรู้พลาง............................โอภาส เรียก"วิญญาณธาตุ"วาง.......................ธาตุแท้ ธรรม์ชาติสร้างเก่งกาจ.........................แน่นอน ๙.ช้อน"วิญญาณธาตุ"เป็น..................หนึ่งใน หกธาตุกอปรกายไว............................."ดิน,น้ำ" "ลม,ไฟ"ช่องว่างใด...............................กายา เรียกอากาศธาตุล้ำ..............................สร้างตน ๑๐.ค้นเพิ่ม"วิญญาณ"หมาย................ปรุงแต่ง จากขันธ์ห้า,รูปแจง...............................สังขาร เรียก"วิญญาณขันธ์"แฝง......................เวท์นา รู้แจ้งอารมณ์ผ่าน.................................ห้าขันธ์ ๑๑.ครัน"วิญญาณธาตุ"ของ................สัตว์,คน ธาตุรู้ไม่สูญชน.....................................ตัณหา กิเลสสะสมท้น......................................มากมาย เป็นสัตว์ติดข้องหนา.............................ภพเวียน ๑๒.ที่เปลี่ยนวิญญาณธาตุ..................สถิตย์ ชนเร่งวิปัสสน์ชิด.................................เบื่อหน่าย ถอนยึดกิเลสมิด..................................ด้วยญาณ วิญญาณธาตุผันผาย...........................เลิกเกิด ๑๓.สิ่งเลิศ"จิต"คือจำ.........................คิด,รู้ มีอารมณ์รู้จำคู่....................................คิดนึก "มโน"ธรรม์ชาติน้อมพรู.......................อารมณ์ "วิญญาณ"แจ้งอารมณ์ตรึก.................พิจารณ์ ๑๔.การปลงจิตสงบ...........................ไม่ข้อง ปรุงแต่ง,ยึดติดผอง.............................กิเลส ความเห็นถูกครรลอง...........................ทุกกาล จึงจะหมดภัยเภท.................................นานา ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา :สังยุตตนิกาย นิทานวัคค์ ๑๖/๑๑๔ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๘-๑๐๙ ธาตุที่ประกอบเป็นกายมนุษย์,สัตว์=มี ๖ ธาตุ ได้แก่ ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ,อากาศธาตุ,วิญญาณธาตุ ขันธ์ ๕=๑)รูป,๒)เวทนา-ความรู้สึก ๓)สัญญา ความจำได้,หมาย,รู้ ๔)สังขาร การปรุงแต่ง ๕)วิญญาณ รู้แจ้งทางอารมณ์ |
4
เมื่อ: 19, กันยายน, 2567, 09:29:13 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
ไข่พะโล้สองใบแลกใบเทา ได้ไหมเล่าตอบหน่อยค่อยยื่นจาน |
5
เมื่อ: 19, กันยายน, 2567, 09:25:35 PM
|
||
เริ่มโดย ลิตเติลเกิร์ล - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
6
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๖.พาลและบัณฑิตที่รู้จักตัวเอง ~ โคลงจิตรลดา
เมื่อ: 19, กันยายน, 2567, 10:03:35 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๗.เรื่องของกิเลส(เครื่องทำใจให้เศร้าหมอง) ๑๐ อย่าง
โคลงมหาจิตรลดา ๑."กิเลส"เครื่องทำใจ.....................เศร้าหมอง เป็นธรรม์ชาติยังสัตว์.......................เร่าร้อน เรียก"กิเลส"ครองจิต.......................เปรอะเปื้อน หมักดองสุดถอนยาก.......................กมลสันดาน ๒.กิเลสซ่านสิบอย่าง.....................ชั่วแฝง รู้สึกใจขุ่นมัว...................................สกปรก หนึ่ง"โลภะ"แจงโลภ........................อยากได้ มี"อารมณ์หก"พา.............................พอใจยินดี ๓."โทสะ"รี่สองหวัง........................มุ่งร้าย เริ่มหงุดหงิด,ขุ่นเคือง.......................รำคาญ รุนแรงมากกลายเป็น.......................เข่นฆ่า ตัดโลภะรานไว................................โทสะหยุดเอย ๔.เผย"โมหะ"สามหลง....................โง่เขลา มิรู้อริย์สัจ........................................ดับทุกข์ ขาดพินิจเกลาธรรม.........................ละเลย ทุจริตรุกกาย...................................พร้อมวาจา,ใจ ๕.ใฝ่"มานะ"สี่ชอบ.........................ถือตัว นำตนเองเปรียบเทียบ......................ผู้อื่น ทำประโยชน์พัวพัน..........................ตนเอง มีโทษแฝงดื่นมาก............................ลาภ,ยศ,สรรเสริญ ๖.เกริ่น"ทิฏฐิ"ห้าก่อ.......................เห็นผิด ทำให้การพูด,ทำ..............................ผลต่าง เห็นถูกแล้วคิดทำ.............................สิ่งดี เห็นผิดก็ขวาง"ดี".............................ทำชั่วเลวทราม ๗.ความ"วิจิกิจฯ"หก........................สงสัย ลังเลพระรัตน์ตรัย............................ดีหรือ สิ่งครอบงำใจต่ำ...............................ปัญญา จึงปิดตาปรือจาก..............................วัฏฏะสงสาร ๘.ผ่านเจ็ด"ถีนะ"ความ....................หดหู่ จิตง่วง,ซึม,เกียจ,ท้อ.........................ห่อเหี่ยว หมดยินดีกรูพร้อม............................เริ่มใหม่ เพียร,สติเปรียวมั่น...........................ถีนะหมดลง ๙.บ่ง"อุทธัจจะ"แปด.......................ฟุ้งซ่าน จิตพลุ่ง,วุ่นวายไร้.............................สงบ สติประสานใจ..................................มั่นคง วุ่นวายสยบลง..................................จิตนิ่งเยือกเย็น ๑๐.เก้าเด่น"อหิริฯ".........................ไม่อาย ทำผิดทางกาย,ใจ.............................วาจา ไม่รู้ไหนฝ่ายเลว...............................หรือดี ไม่เกลียดกายว่าผิด..........................ทำชั่วจนเคย ๑๑.เอ่ยชนทำบาปขาด....................ละอาย และไม่เกลียดต่อบาป........................กรรมเลย โลภะเกิดพ่ายบาป.............................ทันที หากละอายเพ้ยบาป..........................ไม่ทำทั้งปวง ๑๒.บ่งสิบ"อโนตตัปฯ".....................ไม่กลัว เกรงต่อบาปกรรมเลว........................ทั้งสิ้น พฤติล่วงศีลมัวหมอง..........................แน่แท้ เขาเดินทางผินหลัง............................ไกลจากความดี ๑๓.ชี้พุทธ์องค์สอนหลัก...................กรรมฐาน วิปัสส์นาเพื่อละ...................................กิเลส จิตสงบพานพบ...................................ปัญญา จิตห่างไกลเภทภัย..............................วัฏฏะเวียนวน ๑๔.ลำดับดลละกิเลส........................ทั้งสิบ ขั้นพระอริยะ.......................................อุบัติ "โสดาบัน"ลิบห่าง................................กิเลส "วิจิกิจฯ"ชัดละ....................................พร้อม"ทิฏฐิ"ไกล ๑๕.ใช่"อนาคามี"...............................ละเพิ่ม อีกหนึ่ง"โทสะ"แน่................................ประหาร ที่เหลือเจ็ดเติมแล้................................อร์หันต์ ผู้เลิศห่างรานไกล................................กิเลสทั้งมวล ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : เรื่องของกิเลส(เครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง) ๑๐ อย่าง: อภิธัมมปิฎก ๓๕/๕๒๘ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๘ กิเลส ๑๐ อย่าง=๑)โลภะ คือความโลภ ๒)โทสะ คือ ความคิดประทุษร้าย ๓)โมหะ คือ ความหลง ๔)มานะ คือ ความถือตัว ๕)ทิฏฐิ คือ ความเห็น (ผิด) ๖)วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๗)ถีนะ คือ ความหดหู่ ๘)อุทธัจจะ คือความฟุ้งซ่าน ๙)อหิริกะ คือ ความเป็นผู้ไม่ละอาย ๑๐)อโนตัปปะ คือ ความไม่เกรงกลัวต่อบาป วัฏฏะ,วัฏฏะสงสาร=การเวียนว่ายตายเกิด |
7
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / ...-๐ ผู้บวกลบคูณหาร กับการเล็งผลเลิศ ๐-...
เมื่อ: 18, กันยายน, 2567, 10:25:58 PM
|
|||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | |||
Photo By บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล© ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส (สวนโมกข์กรุงเทพ)
|
8
เมื่อ: 18, กันยายน, 2567, 06:14:04 PM
|
||
เริ่มโดย เฒ่าธุลี - กระทู้ล่าสุด โดย เฒ่าธุลี | ||
♠♠...ฝนมาน้ำตาหลั่ง... ♠♠ ♠.♠ เถอะชีวิตชาวนาหน้าฝนหลั่ง ฝนประดังน้ำท่าบ่าท้วมทุ่ง คนรักทิ้งนาไร่ไปเมืองกรุง ลืมผักบุ้งจิ้มแจ่วแล้วหรือไร ♠.♠ ทุกอาชีพหวังเงินประเมินค่า มุ่งก้าวหน้าใฝ่ฝันวันสดใส เบื่อความจนต่อยต่ำระกำใจ คนรักไกลไปลับไม่กลับนา ♠.♠ ช่วงเปลี่ยนผ่านฝนตกหัวอกช้ำ มองฟ้าฉ่ำคิดถึงคะนึงหา ฟ้าคืนนี้ไร้ดาวพราวนภา หมู่นกกากลับคอนตอนฝนพรำ ♠.♠ ในโลกฝันบรรเลงเพลงคิดถึง รักซาบซึ้งตรึงใจให้ดื่มด่ำ บรรยายพจน์หยดย้อยร้อยลำนำ ฝนฟ้าฉ่ำเงียบเหงาเฝ้าห่วงใย ♠.♠ ทุกทุกวันฉันยังหวังเคียงคู่ รอเธออยู่กับเงาเศร้าหมองไหม้ คืนฝนพร่ำหนาวเหน็บเจ็บปวดใจ มองฟ้าไกลยามค่ำช้ำกมล ♠.♠ แม้ชีวิตผิดหวังนั่งเศร้าสร้อย ยังเฝ้าค่อยห่วงหาน้ำตาหล่น น้ำตาฟ้ารินไหลในสายชล น้ำตาคนผิดหวังขังท้วมใจ ♠.♠ เฒ่าธุลี |
9
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๖.พาลและบัณฑิตที่รู้จักตัวเอง ~ โคลงจิตรลดา
เมื่อ: 18, กันยายน, 2567, 09:53:00 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๕๖.พาลและบัณฑิตที่รู้จักตัวเอง โคลงจิตรลดา ๑.รู้ตัวแค่"คนพาล"..........................อาจเป็น บัณฑิตดีพอควร...............................บางครา แต่คนพาลเด่นคิด.............................ตนเอง คือบัณฑิตหนาเรียก..........................พาลจริง ๒."พาล"ดิ่งคนโง่เขลา.....................นิสัย คิด,พูด,ทำ,ชักนำ..............................ไม่ดี เขามิพอใจผู้.....................................ติติง ประโยชน์โลกนี้,หน้า.........................ตัดรอน ๓.ดูก่อนคนพาลข้อง.......................อกุศล มาก,น้อยไร้ประโยชน์.......................แน่แท้ มีแต่โทษดลเทียว.............................ไร้สุข ความเสื่อมทรามแย่กราย..................ตามมา ๔.จงอย่าชังคนพาล........................ควรช่วย พอเหมาะแต่มิคบ..............................เป็นมิตร เพราะการชังด้วยเสริม......................กิเลส อกุศลชิดใจ......................................โทษลาม ๕.ตรงข้ามบัณฑิตจิต.......................กุศล พฤติธรรมความเห็นตรง.....................ถูกต้อง ยอดบัณฑิตผลเลิศ............................พุทธ์องค์ แสดงธรรมโปรดผองชน.....................รู้ตาม ๖.ชนทำความดีจิต............................อบรม เจริญปัญญาสู่....................................อริย์ ต่าง"พาล"ขาดบ่มศีล..........................ประจำ พร่องฝึกธรรมลิปัญญ์.........................สิ้นทาง ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ๑๖/๒๑๙ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๐ ปัญญ์=ปัญญา (ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต) |
10
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องว่าง-ขนมไทย จัดใส่โคลง ๐-...
เมื่อ: 17, กันยายน, 2567, 10:20:47 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||