กลอน123
|
Permalink: กลอนนั้นสักวันเถอะ
ทำงานดีมีเงินเกินสะสม รสนิยมบ้านอยู่อย่างหรูหรา มึรถขับสลับคันกับภรรยา ตามด้วยข้าคลานก้มครับผมนาย
คร้านแค่บอกออกปากว่าอยากได้ ง่ายกว่าไข่ปอกปลิ้นผินถวาย มีลูกน้องป้องปิดคนคิดร้าย ใครจะตายดีชั่วช่างหัวม้น
อวดบารมีชี้นำตอบคำถาม นี่เรียกตามจริงเท็จสำเร็จฝ้น ทำดีไว้ได้ดีที่หมายกัน ก็อย่างนั้นอิจฉาหรือว่าชม
คนนิยมชมว่าน่าศึกษา ร่ำเรียนมาเช่นนี้ก็มีถม สอนหลานลูกปลูกท่าค่านิยม หวานหรือขมไม่รู้แต่ดูดี
ถ้าหากฝันชั้นชนที่ค้นหา นี้ให้ค่าภูมิภัคเป็นศักดิ์ศรี คือลูกขวัญกตัญญูเป็นผู้ดี เถลิงทวีขั้นเทพเสพสุรา
ความคิดต่างห่างแยกแตกความเชื่อ เป็นเพียงเพี่อสุขจิตใช่อิจฉา สำเร็จความตามนั้นฉันถามว่า พระภิกขาว้ตรทำสำเร็จใด
กลอนฝึกหัดหนอ ขออย่าด่วนรำคาญ สักพักพอชำนาญหน่อยค่อยดูดี
ขอบคุณบ้านฯที่ให้โอกาส
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, Black Sword, Mr.music, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, นักเลงกลอน, กุพชกะ, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, Toom Na, ก้าง ปลาทู, Thammada, ธนุ เสนสิงห์, ปิ่นมุก, ธมกรก, หญิงหนิง พราววลี, เนิน จำราย, เฒ่าธุลี, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
สักวันหนึ่งถึงคราวก้าวตามฝัน สักวันนั้นเขียนกลอนใจวอนขอ สักวันไหนได้เขียนเรียนไม่ท้อ สักวันหนอแค่ไหนได้รู้กัน
เขียนคำสร้อยร้อยเรียงเสียงพริ้งเพราะ เขียนความเหมาะจับใจให้สุขสันต์ คิดคำรับขับคล้องต้องผูกพัน เขียนความฝ้นของคนพ้นงมงาย
เริ่มขย้บน้บท่องหนึ่งสองสาม เหล่มองตามลอกเรียนเซียนทั้งหลาย แอบลักจำทำเนียนว่าเขียนคล้าย อีกน้อมกายไถ่ถามเชื่อตามครู
เรียนรู้ย้อนอ้อนอิงสิ่งก่อนเก่า รับรู้เอาศิลป์สรรค์อันเลิศหรู ร่ำเรียนชัดจัดเจนเด่นเชิดชู ครบเครื่องรู้ทีท่าน่าเชิดชม
มีวิชาท้าลองต้องฝึกฝน เขียนแต่งกลคมคายหมายเหมาะสม จะร้องเล่นเต้นรำนำนิยม หว่านคารมคำขานให้หวานตา
จากใจนำทำถามตามความคิด ชั่วชึวิตหนึ่งนั้นสั้นนักหนา ทำที่ชอบรอบรู้ดูตื่นตา วันเวลาถึงทีนี้ชวนโชว์
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, Toom Na, ก้าง ปลาทู, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, Thammada, ธนุ เสนสิงห์, ปิ่นมุก, ธมกรก, กอหญ้า กอยุ่ง, หญิงหนิง พราววลี, Mr.music, เฒ่าธุลี, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
เขียนพอขำทำไปม้นไม่ขำ จะเขียนซ้ำคนอ่านพาลโมโห เปิดเพลงตอบมอบไปมีไชโย ให้คนโก้รำเต้นตอนเล่นกลอน
ม่วนแท้หนอขอใจให้อีสาน หลังทำงานเหนื่อยหนักมาพักผ่อน อาหารชิมอิ่มหนำมาลำฟ้อน เสียงแคนอ้อนเสียงซอโอ้หนอน้อง
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ฟองเมฆ, Thammada, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, Toom Na, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, ธนุ เสนสิงห์, ปิ่นมุก, ธมกรก, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, หญิงหนิง พราววลี, Mr.music, เฒ่าธุลี, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
ปากเปํนเอกเลขเป็นโทโบราณบอก จริงไม่หลอกพูดเพื่อคนเชื่อถือ คำพูดสร้างทางดีแทนฝีมือ ปากสร้างชื่อเก่งเกี่ยวคือเชี่ยวชาญ
เก่งตลอดยอดมากตามปากเล่า เก่งแต่เก่าเหมือนว่าปาฏิหาริย์ เก่งไม่พอต่อคำต้องชำนาญ อย่าวิจารณ์อย่าถามจะหยามกัน
ศรัทธาตอบมอบทั้งกำลังใจ ภักดีให้แน่วแน่ไม่แปรผัน ถึงพ่ายหวังพลั้งท่าไม่ว่ากัน เพราะว่านั่นประสบการณ์ที่ท่านทำ
บอลแพ้เขาเราว่าไม่น่าแปลก แค่ทีมแจกประตูดูพอขำ เต็มที่แน่แพ้เห็นเป็นเรื่องซ้ำ เชื่อผู้นำไม่ผิดท่านคิดไกล
สึ่ปึครั้งยังว่าเวลาน้อย คงต้องคอยแปดปีจะดีไหม ถึงจะแพ้แต่เก่งเจ๊งยังไง ทีมเขาได้พัฒนาเวลานาน
คำพูดฝากมากจังฉันฟังบ่อย แต่ไม่ค่อยอยากจำคำดาษด้าน เคยทนฟังทั้งว่าน่ารำคาญ ก็ให้ท่านพล่ามบ่นไปคนเดียว
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ธนุ เสนสิงห์, ฟองเมฆ, ปิ่นมุก, รพีกาญจน์, Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ธมกรก, ปลายฝน คนงาม, Thammada, ลมหนาว ในสายหมอก, กอหญ้า กอยุ่ง, หญิงหนิง พราววลี, Mr.music, เนิน จำราย, เฒ่าธุลี, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
เฒร
พูดจาย้ำสำเนียงเสียงคะขา เกิดเมตตานิยมชมแลเหลียว ชวนคบค้าสมาคมช่างกลมเกลียว เผลอหน่อยเดียวหลงเชื่อไม่เหลือลาย
เธอตาหวานชาญฉลาดสวยบาดจิต เฝ้าตามติดตามขลุกทุกเช้าสาย คิดถึงแต่แม่ค้าอย่าใจร้าย เธอก็ขายฉันซื้อคือพึ่งกัน
คนสุจริตคิดดีเป็นที่ตั้ง น้องคนดังเฌอปรางคนสร้างฝัน ช่วยสังคมสมสุขทุกชนชั้น หน้าที่นั้นนคือหนของคนดี
คนทุจริตคิดร้วยมันขายตัว ทำแต่ชั่วเหลือทนคนหรือผี เที่วยระรานนารผจญคนทำดี คนเช่นนี้อัปลักษณ์หนักแผ่นดิน
อัปลักษณ์ หมายถึง (เวิร์สทฺ) adj.,adv.,n. (สิ่งที่) เลวที่สุด,แย่ที่สุด,ชั่วที่สุด,ระยำที่สุด,ผิดพลาดที่สุด,ไม่น่าพอใจที่สุด,อัปลักษณ์ที่สุด
เขียนเรื่องคนจนรวยคนสวยหล่อ อย่าได้ท้อคนดีมีทั่วถิ่น กำลังใจให้ล้นคนได้ยิน คนปลัอนปลิ้นคิดคดจงหมดไป
สังคมมีดีชั่วเป็นขั้วฝ่าย เรื่องดีร้ายปะปนทนฟังไหว ไม่คบพาลมารผีเราหนีไกล ธรรมมีไว้เพื่อคนดีตนเอง
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, Thammada, ธมกรก, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, หญิงหนิง พราววลี, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, Mr.music, เนิน จำราย, เฒ่าธุลี, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: - กลับบ้านเถอะ -
ตอบกระทู้ สุวรรณภูมิครับ
ตอบในที่กระทู้ไม่ได้
- รบกันขั้นจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย -
ทหารเอกพระนารายณ์ในกองทัพ ใช้โจมจับข้าศึกฮึกผยอง สามคนดีมีพิษฤทธิ์ลำพอง รับสนองเดชาพระนารายณ์
ตีเชียงใหม่ได้พลันอย่างหาญห้าว ข้าศึกหนาวฤทธีหลบหนีหาย ได้ยินชื่อลือทั่วแล้วกลัวตาย ล้วนยอมพ่ายไม่รอต้านต่อตี
มาช้าแต่ก็มาแล้ว รีวิวเพื่อเข้าบรรยากาศ อาจไม่เข้าเรื่อง แต่อาจเข้าตาเข้าใจนะคร้าบ
สมิงพระรามนามแกร่งแห่งหงสาฯ เชลยผู้พาอังวะชนะศึก พระประกาศประสาทให้สมใจนึก น้อมระลึกรับอุปราชทั้งราชชธิดา
ขออภัยและขออณุญาตท่านเจ้าของลิขสิทธิ์วีดีโอที่ได้เผยแพร่ในที่นี้ ข้าพเจ้ามิได้มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ หวังเพียงเผยแพร่ เชิดชูงานศิลปวัฒนธรรมอันสวยงามด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจยิ่ง
[/font][/color]
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, มดดำ, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, Mr.music, เนิน จำราย, นักเลงกลอน, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
ศิลปะแบบเชียงแสนได้แพร่หลายลงมาตามลุ่มแม่น้ำโขงเข้าไปในพระราชอาณาจักรลาว สมัยที่เรียกว่าลานช้าง หรือกรุงศรีสัตนาคนหุต แล้วแพร่หลายเข้าในประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนด้วย
คัดลอกข้อมูลจาก กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานเขตพื่นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11
ผิดพลาดขออภัยครับ
เกร็ดความรู้ จากสารานุกรมไทย
ศรีสัตนาคนหุต เป็นชื่ออาณาจักรล้านช้าง คำว่า สัตนาคนหุต มาจาก สต แปลว่า ร้อย นหุต แปลว่า หมื่น นาค แปลว่า ช้าง รวมแปลว่า ช้างร้อยหมื่น คือ ล้านช้าง พญาฟ้างุ้ม สถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1896 ต่อมาอาณาจักรแห่งนี้แยกออกเป็นสามส่วน แต่ยังคงใช้ชื่อ อาณาจักรเดิม รวมกับชื่อเมืองหลวงของแต่ละส่วน จนถึงปี พ.ศ.2481 จึงได้กลับมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พระราชอาณาจักรลาว ................ ในปี พ.ศ.2106 พญาไชยเชษฐาธิราช ย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบาง มาอยู่ที่เมืองเวียงคำ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองจันทบุรี ใช้ชื่ออาณาจักรว่า ศรีสัตนาคนหุต อตมะราชธานี ล้านช้างร่มขาว เวียงจันทน์ ต่อมาอาณาจักรล้านช้างแยกออกเป็นสามส่วน ต่างเป็นอิสระแก่กันมีเมืองหลวงอยู่ที่หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาสัก แต่ยังใช้ชื่ออาณาจักรว่า ศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาว จนกระทั่งพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ (ครองราชย์ พ.ศ.2446 - 2502) ซึ่งครองอยู่ที่หลวงพระบาง มีพระราชโองการประกาศรวมทั้งสามส่วนเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ.2489 ให้ชื่อใหม่ว่า พระราชอาณาจักรลาว
ไทยสู่ลาวสาวรู้ลาวสู่ไทย โขงรินไหลก่อแก่งเกิดแหล่งศิลป์ งามเลิศล้ำนำพ้องสองแผ่นดิน รวมรักถิ่นพี่น้องเกี่ยวสองใจ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, Mr.music, กร กรวิชญ์, เนิน จำราย, Black Sword, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, นักเลงกลอน, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
แผ่นดินสมเด็จพระะนารายยณ์มหาราช
ในรัชสมัยของพระองค์นั้น ชาวฮอลันดาได้กีดกันการเดินเรือค้าขายของไทย ครั้งหนึ่งถึงกับส่งเรือรบมาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขู่จะระดมยิงไทย จนไทยต้องผ่อนผันยอมทำสัญญายกประโยชน์การค้าให้ตามที่ต้องการ แต่เพื่อป้องกันมิให้ฮอลันดาข่มเหงไทยอีก สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงสร้างเมืองลพบุรีไว้เป็นเมืองหลวงสำรอง อยู่เหนือขึ้นไปจากกรุงศรีอยุธยา และเตรียมสร้างป้อมปราการไว้คอยต่อต้านข้าศึก
วรรณกรรมในรัชกาล ดูบทความหลักที่: วรรณกรรมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระนารายณ์มิใช่เพียงทรงพระปรีชาสามารถทางด้านการทูตเท่านั้น หากทรงเป็นกวีและทรงอุปถัมภ์กวีในยุคของพระองค์อย่างมากมาย กวีลือนามแห่งรัชสมัยของพระองค์ก็ได้แก่ พระโหราธิบดี หรือพระมหาราชครู ผู้ประพันธ์หนังสือจินดามณี ซึ่งเป็นตำราเรียนภาษาไทยเล่มแรก และตอนหนึ่งของเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์ (อีกตอนหนึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์) กวีอีกผู้หนึ่งคือ ศรีปราชญ์ ผู้เป็นปฏิภาณกวี เป็นบุตรของพระโหราธิบดี งานชิ้นสำคัญของศรีปราชญ์ คือ หนังสือกำศรวลศรีปราชญ์ และอนุรุทรคำฉันท์
“นิราศนครศรีธรรมราช” ก็มี กำสรวล เป็นภาษาเขมร แปลว่า ร้องไห้ หมายถึงบทประพันธ์ที่เขียนทำนองครํ่าครวญถึงนางที่รัก ในการที่ต้องจากสถานที่ไป ตามตำนานกล่าวว่า ในการถูกเนรเทศไปเมืองนครศรีธรรมราช ศรีปราชญ์ได้แต่งนิราศไว้เรื่องหนึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “โคลงกำสรวญศรีปราชญ์” เหตุที่เชื่อว่า ศรีปราชญ์เขียนนั้น เพราะปรากฏว่าออกชื่อผู้แต่งว่า “ศรี” ไว้หลายตอน
แผ่นดินเลิศเกิดกวีท่านศรีปราชญ์ ชนมิอาจลืมวจีกวีใหญ่ ชูดาบร้ายหมายประหารท่านเตือนใจ ใหญ่เพียงใดดาบต้องสนองคืน
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, Mr.music, เนิน จำราย, Black Sword, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, นักเลงกลอน, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
ไม่อยากเอ่ยถึงเขมรไม่ว่าดีร้าย อดีต-ปัจจุบัน มีบางกระแสข่าวว่าเขมรจดลิขสิทธิ์รำ ละคร นาฏศิลป์ที่คนไทยไปสอนให้ เอาเฮอะ จดได้ไม้ใช่หมายถึงจะรักษาไว้ได้ ถ้าไม่ใช่คนประเภทจิตใจอ่อนหวานอ่อนโยนเอื้อเฟื้อโอบอ้อมอารีแบบไทยๆเรานี่ ความเห็นส่วนต้วครับ ไม่ใช่ทฤษฎีใดๆ
ได้เห็นวีดีโอ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงระนาด จึงสลับเรื่องราวขออณุญาตเผยแพร่ในที่นี้ ด้วยระลึกในพระมหากรุณา อันทรงดูแลรักษาศิลปวัฒนธรรมไทย
หนึ่งในบทเพลงร่ายรำที่ติดหูติดตาชวนติดใจอย่างยิ่ง ฟ้อนแพน ่ยิ่งว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯร่วมทรงดนตรีด้วย ยิ่งไม่น่าพลาดชม
กบฏลาวคราวแย่พ่ายแพ้ไทย จำชื่อไว้ย่าโมแห่งโคราช ลาวเชลยเคยสุขร้องทุกข์ป๊าด จึงแต่งวาดเพลงยาวชื่อลาวแพน
เผยแพร่เมื่อ 12 ธ.ค. 2017 เทปบันทึกภาพพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีกรมศิลปากร รัตนสังคีต ณ พิพิธภัณฑ์กีเม่ต์ นครปารีส ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ สมเด็จพระเทพฯ ทรงเดี่ยวระนาดเอกประกอบการแสดง (ช่วงซุ้ม)
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, เนิน จำราย, กร กรวิชญ์, Black Sword, นักเลงกลอน, ลิตเติลเกิร์ล, Mr.music, น้ำหนาว, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
. แดนอุดมสมบูรณ์พูนเรื่องกล่าว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำรวยล้ำเหลือ ข้าวชั้นดีมีหลายล้นฟายเฟือ ใตรจะเชื่อส่งออกนอกอยุธยา ุ [/color][/size][/font]
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, Mr.music, Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, เนิน จำราย, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
. อยุธยาน่าแปลกแขกคบหา ศรีลังกาอินเดียไกลเสียยิ่ง ทั้งค้าขายขยายธรรมคู่กรรมจริง สวยนักหญิงตาคมพุงกลมงาม
แหล่งข้อมูลหนึ่งระบุว่า กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เพราะภัยโรคระบาดคุกคาม สมเด็จพระเจ้าอู่ทองจึงทรงย้ายราชสำนักลงไปทางใต้ ยังที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงอันอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ซึ่งในอดีตเคยเป็นนครท่าเรือเดินทะเล ชื่อ อโยธยา (Ayothaya) หรือ อโยธยาศรีรามเทพนคร นครใหม่นี้ถูกขนานนามว่า กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ซึ่งภายหลังมักเรียกว่า กรุงศรีอยุธยา แปลว่า นครที่ไม่อาจทำลายได [/color][/size][/font]
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, Mr.music, เนิน จำราย, Black Sword, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
มอญครองหงสาฯพม่าหม่องครองอังวะ ต่างปะทะอวดเบ่งน่าเกรงขาม ราชาธิราชชาติมอญกระฉ่อนนาม โบราณสยามแต่งเล่นเช่นละคร
เรื่องราชาธิราชนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กวีราชสำนัก ๔ คน คือ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เมื่อครั้งเป็นพระยาพระคลัง พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมรัศมี และพระศรีภูริปรีชา ช่วยกันแปลและเรียบเรียงขึ้นเมื่อปีมะเส็ง พุทธศักราช ๒๓๒๘ เป็นคำประพันธ์ร้อยแก้วที่มีความไพเราะ ถ้อยคำภาษางดงามสละสลวย สำนวนโวหารคมคายลึกซึ้งชวนให้จดจำ และเป็นแนวทางในการปฏิบัติและการดำเนินชีวิตของมนุษย์สืบทอดไปทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ระหว่างเจ้าผู้ครองแผ่นดินกับขุนนางหรือไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ ตลอดจนการทำศึกสงครามอันยาวนานระหว่างมอญและพม่า ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยชั้นเชิงทางกลยุทธ์ และสติปัญญายิ่งกว่าพละกำลังกาย นอกจากนี้ยังได้คุณค่าสาระโดยเฉพาะสัจธรรม อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกล้าหาญ และความจงรักภักดีที่ผู้น้อยพึงปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ จึงทำให้เรื่องราชาธิราชเป็นวรรณกรรมดีเด่น ควรค่าแก่การอ่านและศึกษาต่อไป
ข้อความจาก ราชาธิราช คำนำ (ฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๔) https://vajirayana.org/ราชาธิราช/คำนำ-ฉบับ-พศ-๒๕๔๔
ขออนุญาตและขอบคุณครับ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, Black Sword, กร กรวิชญ์, เนิน จำราย, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
พม่าหม่องตองอูผู้เก่งกาจ มหาราชเด่นสง่าอุทาหรณ์ เป็นยอดรักนักรบสยบนคร นามกรคนเก่งบุเรงนอง
........
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, ก้าง ปลาทู, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, เนิน จำราย, เฒ่าธุลี, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
สังคมคละปะปนคนดีชั่ว แยกเป็นขั้วพอเห็นว่าเป็นสอง จะเลือกที่ดีชั่วตัวเองตรอง ใช้สมองคิดลึกสำนึกตน
แยกรุ่นใดใหม่เก่าคำเขาบอก แค่คำหลอกชอบชังเพื่อหวังผล ดีชั่ววัดจัดนามความเป็นคน ได้ฝึกฝนใหม่เก่าล้วนเท่ากัน
เขาหลอกสิ้นชินชาสิน่าเบื่อ ไยหลงเชื่อคนง่ายเขาขายฝัน คนใหม่หรือคือเก่าเขาคนนั้น รู้ไม่ทันใหม่กว่าก็ว่าดี
ความเป็นคนล้นค่าน่าสำนึก รวมเป็นปึกแผ่แพนกว่าแถนผี ยกแขนชูรู้ซึ้งหนึ่งนิ้วชี้ บอกว่านี่เก่าครำ่ไม่สำออย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กลอน123
|
Permalink: Re: กลอนนั้นสักวันเถอะ
You'll take my life but I'll take yours too You'll fire your musket but I'll run you through So when you're waiting for the next attack You'd better stand there's no turning back The bugle sounds as the charge begins But on this battlefield no one wins The smell of acrid smoke and horses breath As you plunge into a certain death Oh oh oh
ยังไม่จบศพกองไม่ต้องนับ กันไม่หลับเฮ้ยมาแกอย่าถอย ออกอาวุธยุทธเชือดหลั่งเลือดย้อย ชีพหลุดลอยต่างพ่ายต่างทลายร้าง
ยุติธรรมกรรมบทแห่งกฏหมาย หยุดเรื่องร้ายเลวชาติหยุดบาดหมาง กฏหมายอ่อนผ่อนปรนคนเคว้งคว้าง ต่างฝ่ายสร้างกฏเถื่อนเชือดเฉือนก้น
บอกกฏเก่าเข้าข้างแกอ้างมั่ว หวังแก้ตัวทั้งโคตรโทษมหันต์ คนใหม่ก่าเฝ้าดูเค้ารู้ทัน อย่าให้มันแก้กฏบทธรรมนูญ
ประเทศกันปันแรงแบ่งกันอิ่ม หน้าเปื้อนยิ้มภัคดิ์ราชชาติรวมศูนย์ ไทยแต่งลาวคราวนี้ทวีคูณ ยิ่งเพิ่มพูนจีนหมวยด้วยเป็นดอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|