แขม่วพุงอกเพิ่มเสริมกล้ามมัด น้าหมูอัดลมเบ่งเกร็งลมขัง

1
เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:08:48 AM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ขวัญฤทัย (กุ้งนา) | ||
แขม่วพุงอกเพิ่มเสริมกล้ามมัด น้าหมูอัดลมเบ่งเกร็งลมขัง ![]() |
2
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:18:40 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๙/๑๗) ๕.วิภังค์ เวทนาขันธ์ = เป็นองค์ประกอบหนึ่งของขันธ์ ๕ ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ เวทนา = เป็นความรู้สึก ซึ่งอาจจะเป็นความพอใจ (สุขเวทนา) หรือความไม่พอใจ (ทุกขเวทนา) หรือความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์ (อุเบกขา) ความรู้สึกนี้เกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ (การมองเห็น ลิ้มรส ได้กลิ่น ได้ยิน และสัมผัส ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) และทางใจ โดยขึ้นอยู่กับอารมณ์ คือ สิ่งเร้าที่น่าพอใจ ไม่น่าพอใจ หรือกลาง ๆ คือมีวัตถุภายนอกมากระทบประสาทสัมผัสทั้ง ๕ แล้วส่งไปให้ใจ ใจรับเอาไว้จึงเกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมา เช่น มีรูปมากระทบ ประสาทตาส่งไปให้ใจ ใจรับเอาไว้ คือเมื่อเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกว่า รูปนี้สวยจึงเกิดความสบายใจ หรือไปเห็นสุนัขเน่า ทั้งตัว จึงไม่สบายใจเป็นทุกข์ เวทนาเกิดจากผัสสะและจำแนกได้ถึง ๑๐๘ ชนิด แต่ที่นิยมกล่าวถึงมี ๓ ชนิดได้แก่สุขเวทนา ทุกขเวทนาและอุเบกขาเวทนา เวทนามีธรรมชาติที่อยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ทั้ง ๓ ประการเช่นขันธ์ ๕ ทั้งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะแยกว่า (๑) เป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ =ปราศจากตัณหา มานะและทิฏฐิ เป็นกระบวนธรรมแบบวิวัฏ เวทนาเป็นเพียงองค์ประกอบย่อยๆ ที่ช่วยให้เกิดความรู้ที่ถูกต้องสมบูรณ์ นำไปสู่วิชชาและวิมุติ (๒) เป็นความรู้ที่ไม่บริสุทธิ์ = เจือด้วยตัณหา มานะและทิฏฐิ อันเป็นกระบวนธรรมแบบสังสารวัฏ เวทนาเป็นปัจจัยสำคัญที่ครอบงำความเป็นไปของกระบวนธรรมทั้งหมด นำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด และทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น กล่าวได้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรก็เพราะเวทนาและเพื่อเวทนา จึงนับว่าเวทนามีความสาคัญยิ่งต่อชีวิต เพราะถ้าเกิดเวทนาแล้วปฏิบัติตนไม่ถูกต้องก็จะเกิดความรู้ที่ไม่บริสุทธิ์ต้องวนเวียนอยู่กับกองทุกข์ แต่ถ้าปฏิบัติตนถูกต้องก็จะเกิดความรู้ที่บริสุทธิ์เป็นประโยชน์ต่อชีวิตทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ เวทนาขันธ์ เป็นไฉน = คือ เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็น (๑) เวทนาอดีต เวทนาอนาคต เวทนาปัจจุบัน (๒) เวทนาภายใน เวทนาภายนอก (๓) เวทนาหยาบ เวทนาละเอียด (๔) เวทนาทราม เวทนาประณีต (๕) เวทนาไกล เวทนาใกล้ ประมวลย่อเข้าเป็นกองเดียวกัน นี้เรียกว่า เวทนาขันธ์ ในเวทนาขันธ์นั้น เวทนาอดีต= เป็นไฉน? เวทนาใด ล่วงไปแล้ว ดับแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว ที่เป็นอดีตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอดีต ได้แก่สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า เวทนาอดีต เวทนาอนาคต = เป็นไฉน? เวทนาใด ยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่ตั้งขึ้นพร้อม ที่เป็นอนาคต สงเคราะห์เข้ากับส่วนอนาคต ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขสุขเวทนา นี้เรียกว่า เวทนาอนาคต เวทนาปัจจุบัน = เป็นไฉน? เวทนาใด เกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิดพร้อมแล้ว ตั้งขึ้นพร้อมแล้ว ที่เป็นปัจจุบัน สงเคราะห์เข้ากับส่วนปัจจุบัน ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขสุขเวทนา นี้เรียกว่า เวทนาปัจจุบัน เวทนาภายใน = เป็นไฉน? เวทนาใด ของสัตว์นั้นๆ เองซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตนเฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิยึดครอง ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า เวทนาภายใน เวทนาภายนอก = เป็นไฉน? เวทนาใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตนเกิดในตน มีเฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฏฐิยึดครอง ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า เวทนาภายนอก เวทนาหยาบ = เป็นไฉน? (๑) อกุศลเวทนาเป็นเวทนาหยาบ (๒) กุศลเวทนาและอกุศลเวทนาเป็นเวทนาหยาบ (๓) ทุกขเวทนาเป็นเวทนาหยาบ (๔) สุขเวทนาและทุกขเวทนาเป็นเวทนาหยาบ (๕) เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติเป็นเวทนาหยาบ (๖) เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาหยาบ เวทนาละเอียด = เป็นไฉน? (๑) กุศลเวทนาและอัพยากตเวทนาเป็นเวทนาละเอียด (๒) อัพยากตเวทนาเป็นเวทนาละเอียด (๓) สุขเวทนาและอทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาละเอียด (๔) อทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาละเอียด (๕) เวทนาของผู้เข้าสมาบัติเป็นเวทนาละเอียด (๖) เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาละเอียด หรือพึงทราบเวทนาหยาบเวทนาละเอียด โดยอาศัยเทียบเคียงเวทนานั้นๆ เป็นชั้นๆ ไป เวทนาทราม = เป็นไฉน? (๑) อกุศลเวทนา เป็นเวทนาทราม (๒) กุศลเวทนา และ อกุศลเวทนา เป็นเวทนาทราม (๓) ทุกขเวทนา เป็นเวทนาทราม (๔) สุขเวทนาและทุกขเวทนา เป็นเวทนาทราม (๕) เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติ เป็นเวทนาทราม (๖) เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นเวทนาทราม |
3
เมื่อ: วันนี้ เวลา 03:36:03 AM
|
||
เริ่มโดย ปลายฝน คนงาม - กระทู้ล่าสุด โดย กรกช | ||
![]() ถ้าจะเปรียบความต่างระหว่าง “เลี้ยงหมา” กับ “เลี้ยงแมว” มันก็เหมือนเราได้เรียนรู้ “ภาษาของหัวใจ” ที่ไม่เหมือนกัน เลี้ยงหมา หมา คือเพื่อนแท้ที่รักเราด้วยความซื่อสัตย์หมดหัวใจ เขาจะรอเราอยู่หน้าประตู ไม่ว่ากลับดึกแค่ไหน เขายอมเดินไปทุกทาง แม้ทางนั้นจะลำบาก แค่เราอยู่ใกล้ เขาก็สุขที่สุดในโลกแล้ว เลี้ยงหมา เราจะได้เรียนรู้ว่า “ความรักคือการยกทั้งหัวใจให้ใครสักคน โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน” เลี้ยงแมว แมว คือเพื่อนแท้ที่รักเราในแบบที่มีเสรีภาพ เขาจะมาหาเราในวันที่อยากอ้อน และเดินห่างในวันที่อยากพักใจ เขาสอนให้เราเข้าใจว่า ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการเคารพพื้นที่ของกันและกัน ทุกครั้งที่เขาเลือกเดินเข้ามาซุกตัว มันคือ “ของขวัญจากใจ” ที่บริสุทธิ์ที่สุด เลี้ยงแมว เราจะได้เรียนรู้ว่า “ความรักคือการรอ และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น” แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะหมาหรือแมว ความรักที่เราให้ไป มันสะท้อนกลับมาทั้งหมด หมาอาจตอบแทนด้วยหางที่กระดิกไม่หยุด แมวอาจตอบแทนด้วยการหลับสบายบนตักเรา ต่างกันเพียง “ภาษา” แต่มีความหมายเดียวกันคือ พวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนแท้ ที่จะอยู่กับเราจนวันสุดท้ายของลมหายใจ ดูแลเค้าให้ดี ตราบที่แววตาสะท้อนเงาของเรา เค้าจะรักเราจนหมดใจ เครดิต หมอเนย์ |
4
เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:00:33 AM
|
||
เริ่มโดย ปลายฝน คนงาม - กระทู้ล่าสุด โดย กรกช | ||
![]() การร่ำลาของแมวก่อนลมหายใจสุดท้าย มีคนเคยถามหมอว่า “แมวรู้ตัวไหม เวลาจะจากไป?” หมออยากบอกว่า รู้ครับ และสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ แมวหลายตัวจะเลือก “เจ้าของ” เป็นสถานที่สุดท้ายที่เขาอยากวางใจฝากชีวิตไว้ แมวที่ป่วย ร่างกายซูบลง ขนไม่ฟูเหมือนก่อน บางทีตาไม่ใสเหมือนเดิม เดินกะเผลก หายใจหอบ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ยัง “ชัดเจน” คือความรักที่เขามีต่อเรา ก่อนลาจาก หลายครั้งที่หมอเห็นแมวพยายามเดินโซซัดโซเซเข้ามาหาเจ้าของ แม้เจ็บ แม้เหนื่อย แต่เขายังอยากเอาหน้าไปซุก ยังอยากเบียดข้างแขน อยากขึ้นมานั่งตัก บางตัวจะมองตาเจ้าของนาน ๆ ราวกับกำลังพูดว่า “ขอบคุณนะ ที่รักกันตลอดมา” นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มันคือ การร่ำลา ครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากได้ของเล่นใหม่ ไม่อยากได้อาหารหรู สิ่งเดียวที่เขาอยากได้ คือ อ้อมกอด ความอบอุ่น และการยอมรับว่า ‘เขายังสำคัญ’ อย่าผลักเขาออกเพียงเพราะกลิ่นยา อย่าหันหน้าหนีเพียงเพราะเขาไม่สวยเหมือนเมื่อก่อน เพราะในมุมของแมว เขายังเป็น “ลูกน้อย” ของคุณเสมอ และคุณคือ “ทั้งโลก” ของเขา หมอเห็นเจ้าของหลายคนร้องไห้เมื่อถึงวินาทีจากลา แต่รู้ไหมครับ สำหรับแมวแล้ว แค่ได้ซุกตัวในอ้อมแขน ได้ฟังเสียงคุณเรียกชื่อเขาอีกครั้ง แม้หัวใจเขาจะหยุดเต้น แต่เขาจากไปอย่าง อบอุ่นที่สุด เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวันที่แมวมาคลอเคลียเป็นพิเศษ แม้เขาจะผอม แม้จะป่วย แม้จะไม่สวยเหมือนเดิม อย่าเบือนหน้าหนี จงโอบเขาไว้แน่น ๆ เพราะนั่นอาจเป็น ของขวัญชิ้นสุดท้าย ที่เขาอยากมอบให้คุณ เครดิต หมอเนย์ |
5
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:16:35 PM
|
||||||||||||||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||||||||||||||
![]() Photo By บ้านกลอนน้อยฯ© วันประมงน้อมเกล้า 2568 ครั้งที่ 35
|
6
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:07:14 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
แขม่วปุ๊ปผอมปั๊บพุงกลับย้อน ดูเอวอ่อนอ้อนแน่นกล้ามแน่นปัง ![]() |
7
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:10:02 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ฝาตุ่ม | ||
หลบอย่างไรก็รู้ดูเถอะท่าน เห็นพุงบานใหญ่ใหญ่ไม่อาจซ่อน ![]() |
8
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 02:45:02 PM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๘/๑๗) ๕.วิภังค์
๗๖.ผัสสะที่ตั้ง.........................เวทนาฝัง เสพสุขเวทนาหยั่ง......................ผัสสะดับแช สุขเวทนาย่อม............................ดับพร้อมเลยแฉ อีกสองเวทน์ฯแท้........................ก็เช่นเดียวกัน ๗๗.อริยะตรึก..........................สุขเวทนานึก ว่าเป็นทุกข์ลึก............................ทุกข์เวทนาพลัน เห็นเป็นลูกศร.............................วิ่งจรไกลครัน อทุกข์สุขเวทน์ฯดั้น.....................ว่าไม่เที่ยงนา ๗๘.พุทธ์เจ้าทรงตรัส................อริยะชัด ผู้เห็นชอบจัด...............................ตัดตัณหาพา ล่วงสังโยชน์รุก............................ลิทุกข์หมดหนา ละมานะกล้า................................ถือตนสิ้นลง ๗๙.สงฆ์ใดพินิจ........................เวทนาชิด เห็นสุขโดยคิด.............................ว่าเป็นทุกข์ตรง เห็นทุกข์ขจร...............................ลูกศรแน่บ่ง เห็นอทุกข์สุขฯคง.........................สิ่งไม่เที่ยงครัน ๘๐.สงฆ์นั้นเห็นชอบ...................พ้นเวทนาตอบ อภิญญานอบ................................จบหกแล้วพลัน อาสวักข์ยญาณ............................รานกิเลสพลัน ลุวิโมกข์ดั้น...................................ชื่อมุนีแล ๘๑.เวทนาที่เกิด..........................จากตา,หู..เชิด จมูก,ลิ้น,กายเปิด............................และใจล้วนแปร ไม่เที่ยงเป็นทุกข์............................ไม่รุกตามแผ่ ว่าของเราแล้..................................เป็นตัวตนเอย ๘๒.เวทนาเกิดหก.......................จักขุสัมฯปก โสตสัมผัสฯดก..............................ฆานสัมผัสฯเปรย ชิวหาสัมฯพร่ำ................................กายสัมผัสฯเคย มโนสัมผัสฯเอ่ย..............................ควรหน่ายพ้นนา ๘๓.กำหนัดคลายลง.....................จิตย่อมหลุดบ่ง ญาณหยั่งรู้ตรง...............................จิตหลุดพ้นมา ทราบชัดบรรเจิด.............................ชาติ,เกิดสิ้นหนา พรหมจรรย์จบครา..........................ทำกิจครบพลัน ๘๔.เวทนาปัจจัย...........................สำคัญ"รู้"ไกล รู้ลึกซึ้งไว........................................มิเจือ"อยาก"ครัน ทิฏฐิ,มานะ.......................................ไม่ประชิดยัน มีสติรู้ทัน.........................................เวทนาทุกครา ๘๕.ทำตนถูกต้อง..........................ไร้โลภ,โกรธครอง หนีกระบวนผอง................................สังสารวัฏพา ไร้ผลเสียเล็ง....................................ตนเองเลยหนา สร้างปัญญากล้า...............................เวทน์นุปัสส์ฯเอย ๘๖.ได้"รู้"บริสุทธิ์............................แบบวิวัฏรุด เห็นจากทุกข์หลุด..............................แม้จิตมิเกย วิมุตหลุดพ้น......................................ก็ดลคุณเผย แก่ตนเองเอ่ย.....................................สงบจิรังกาล ฯ|ะ แสงประภัสสร |
9
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:58:57 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
(ต่อหน้า ๗/๑๗) ๕.วิภังค์ ๖๕.อทุกข์สุขเวทน์ฯมี..............อามิสเจือคลี่ อทุกข์สุขเวทนาฯที่.....................ไม่มีเจือเลย สงฆ์พิจารณ์หนา........................เวทนารู้เผย ภายใน-นอกเชย.........................เกิด,เสื่อมถ้วนนา ๖๖.สงฆ์มีสติชู.........................เวทนามีอยู่ ไร้ตัณหาพรู...............................ไร้ทิฏพา ไม่ถือมั่นใจ.................................ที่ในโลกหนา เรียกเห็น"เวทนา..........................ในเวทนา"เลย ๖๗.สงฆ์มีสติรู้..........................ใจพากเพียรชู สุขเวทนาพรู................................อาศัยกามเกย ผัสสะเกิดไว.................................ซึ่งไม่เที่ยงเผย มีเสื่อม,ดับเอ่ย..............................ต้องสลัดแล ๖๘.ทิ้งผัสสะใน..........................สุขเวทนาไซร้ ราคานุสัย.....................................ละ"ติดกาม"แท้ สุขเวทนาดับ.................................หายลับตามแฉ ตรึกเยี่ยงนี้แล้...............................อีกสองเวทนา ๖๙.ราคานุสัย............................สงฆ์ละเลิกไซร้ เลิกติดกามไว................................จากสุขเวทน์ฯพา ปฏิฆานุฯโกรธ...............................กระโดดพ้นหนา จากทุกข์เวทน์ฯมา.........................ละเสียได้เอย ๗๐.อวิชชานุสัย..........................สงฆ์ละเร็วไกล เลิกหลงรู้ไว...................................จากอทุกข์สุขฯเปรย พุทธ์เจ้าตรัสว่า..............................ผู้กล้าเก่งเผย ตัดตัณหาเสย................................ตัดสังโยชน์แล ๗๑.ดำริถูกต้อง...........................มีความเพียรครอง สติสัมป์ชัญฯผ่อง...........................เรียกบัณฑิตแท้ ย่อมจดรู้หนา.................................เวทนาหลายแฉ หมดกิเลสแน่..................................มิหลงคราวตาย ๗๒.ผู้ศรัทธาธรรม........................เชื่อมั่นยิ่งล้ำ ไม่หวั่นไหวถลำ...............................ตา,หู..แปรกลาย ไม่เที่ยงธรรมดา..............................ด้วยตา,รูปฉาย สัมผัสเกิดกราย...............................จักขุเวทน์ฯเอย ๗๓.โสตสัมผัสเวทนาฯ...................ฆานสัมผัสหนา ชิวหาเวทน์ฯพา................................กายสัมผัสฯเกย มโนสัมผัสฯปรก...............................ทั้งหกแปรเผย ผู้ไม่หวั่นเอ่ย....................................."สัทธานุฯแล ๗๔.พุทธ์เจ้าตรัสเล่า.......................ผู้เพ่งธรรมเคล้า ด้วยปัญญาเนา................................."ธัมมานุฯ"แว เป็นโสดาบัน......................................มิหวั่นต่ำแฉ ผู้เที่ยงซิแน่.......................................ตรัสรู้ต่อไป ๗๕.เวทนาสาม................................สุขเวทนาตาม ทุกข์เวทนาลาม..................................อทุกข์สุขเวทน์ฯใด เกิดด้วยเด่นชัด..................................มีผัสสะไข เป็นมูล,เหตุไว....................................รวมปัจจัยแล |
10
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องว่าง-ขนมไทย จัดใส่โคลง ๐-...
เมื่อ: 30, สิงหาคม, 2568, 10:30:03 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||