Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10399
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: - คมแฝกฉันท์ ๔๐ / อัษฎางค์ดุริยา -
 - คมแฝกฉันท์ ๔๐ -
คมแฝกฉันท์ ๔๐ หรือ ฉันท์ ๔๐ หรืออัษฎางค์ดุริยาฉันท์ เป็นฉันท์ประดิษฐการเชิงทดลองที่ประดิษฐ์ขึ้นมาโดยคมทวน คันธนู (ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร) โดยท่านคมทวนได้ให้คำอธิบายไว้ในหนังสือกวีนิพนธ์ “กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์)” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ ว่า “คมแฝกฉันท์ ๔๐ นี้ ใช้ลีลาของวิชชุมมาลาฉันท์ และเติมลหุแทรกลงไปตรงกลางทุกวรรค”
ด้วยรูปแบบในแต่ละวรรคที่มีคำครุมาก และคั่นด้วยลหุเพียงหนึ่ง ทำให้ฉันท์มีลักษณะเข้มแข็งและหนักหน่วงอยู่ในที เหมือนคมแฝกที่วาดจังหวะเงื้อแล้วฟาดลงมา นำใช้ครั้งแรกในหนังสือกวีนิพนธ์ กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์) และนำใช้เรื่อยมาในงานประพันธ์อื่นหลังจากนั้นอีกหลายหลาก
๑.) รูปแบบของคมแฝกฉันท์ ๔๐
หนึ่งบทจะมี ๘ วรรค วรรคละ ๕ พยางค์ (รวมเป็น ๔๐ พยางค์ในหนึ่งบท)
๒.) ลักษณะบังคับ ครุ – ลหุ (ดูผังด้านบนประกอบ)
ครุ-ลหุ แต่ละวรรคจะบังคับเหมือนกันทุกวรรค คือ
ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ .................. ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
โดยแต่ละวรรคจะแบ่งจังหวะการอ่านเป็น ๒+๓ เหมือนกันทุกวรรค
๓.) ลักษณะการส่งสัมผัส (ดูผังด้านบนประกอบ)
- สัมผัสภายในบท -
คำสุดท้ายของวรรคแรก เชื่อมสัมผัสไปยังคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ เชื่อมสัมผัสไปยังคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๖ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ รับสัมผัสจากคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๗
- สัมผัสระหว่างบท -
หากแต่งมากกว่าหนึ่งบท ให้คำสุดท้ายของบทก่อนหน้า ส่งสัมผัสไปที่คำสุดท้ายในวรรคที่ ๔ ของบทต่อไป
- ตัวอย่างคำประพันธ์บางส่วน -
บรรพ ๒ พ.ศ. ๒๔๗๕ (ร.ศ. ๑๕๐) ขุนสมบัติ - พจนา
"ความลับจะดำมืด ความชืดจะชินชา ด้วยเล่ห์ ณ เวลา มองฟ้าสิอาจม คนไทยไฉนเล่า โง่เง่าและงายงม หลงชื่นระรื่นชม นานนมนิยมมา
ต่างเห็นจะเป็นเหยื่อ เฝ้าเชื่อและบูชิต ยิ่งคาดอนาถผิด เจ็บจิตอนิจจา ฝังปลูกกระดูกผี กี่ปีก็เปรมปรา โคตรใครจะไคลคลา ไพร่ฟ้าสิหน้าเซียว
เหตุการณ์ก็ผ่านก้าว เร็วราวจรวดวิ่ง บางสิ่งและบางสิ่ง หยุดนิ่งประเดี๋ยวเดียว ใครดัดจริตพ่น เล่นกลและแก้เกี้ยว ใครขุน ณ ทากเขียว เอาค้ำประเคน...ใคร …………….. ฯลฯ …………….. (คมทวน คันธนู, กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์), ๒๕๓๑)
ถือเป็นแรกเบิกบทที่ปรากฏขึ้น แสดงลักษณะของครุ ลหุ ที่บังคับลักษณะของฉันท์ ๔๐ นี้ มีสัมผัสอักษรและสัมผัสสระเป็นระยะเหมือนจะธรรมดาทั่วไป แต่ความไม่ธรรมดาเริ่มขึ้นเมื่อต่อ ๆ มา นอกเหนือจากส่วนของรูปแบบบังคับแล้ว ท่านคมทวนใส่ลีลาเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ไปทีละน้อยในต่อ ๆ มา
๐--------------------๐
บรรพ ๓ หลัง พ.ศ. ๒๕๑๖ (ร.ศ. ๑๙๑) พิณสรวง – ปกาศิต
จำรสกษีรา มารดาเพราะด่ำดื่ม จำรสมิเคยลืม แต่เยาว์กระทั่งใหญ่ แม่กอดถนอมกก อ้อมอกก็อุ่นไอ ตาเพ่งระวังภัย ปากพร่ำนิทานเผย
เรื่องแย้คจะฆ่ายักษ์ ชอบนักบ่อยู่นิ่ง ชอบใจซะจริงจริง ชอบเหลือมิเบื่อเลย หมวกแดงกะเด็กน้อย เงี่ยคอยเพราะคุ้นเคย ขากางและคางเกย ตักแม่จะแผ่มือ
ต่อด้วยอิสปแซม อ้อมแอ้มและอึกอัก เล่าซ้ำก็ร่ำซัก แม่อืออะอออือ อุ้มมา ณ ที่มืด ทืดทืดแน่ะถืดทือ มองดูสิเด็กดื้อ มันลูก(ะ)ตาเหลือง
จิ้งหรีดกระกรีดไล่ ลองในประสานนำ หิ่งห้อยก็เหินรำ ดังเพชรจรัสเรือง แสงจันทร์กระจ่างแจ้ง ดาวแข่งก็คับเคือง แม่เล่านิยายเรื่อง ตอเต่ากระดองตุง …………….. ฯลฯ …………….. (คมทวน คันธนู, กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์), ๒๕๓๑)
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เอกลักษณ์ของท่านคมทวนคือการนิยมเล่นสัมผัสอักษรแบบตกกระทบทอดรับกันไปเรื่อยระหว่างช่วงจังหวะภายในวรรค ใครที่คุ้นเคยกับงานของท่าน ไม่ว่าในงานประพันธ์ประเภทไหน ๆ ทั้งการสืบทอดและสร้างสรรค์ใหม่ ก็มักจะพบว่าไม่ทิ้งลีลานี้ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับท่าน สำนวนต่อมานี้อย่าง “พิณสรวง – ปกาศิต” จึงนอกจากครุ ลหุ ตามรูปแบบที่กำหนดไว้แล้ว แน่นอน! ยังมีการเล่นอักษรในคำที่ ๒ และคำที่ ๕ ของในแต่ละวรรคตามสไตล์ของท่านอย่างเป็นระเบียบด้วย ทำให้น้ำหนักของเสียงเวลาอ่านจริงแน่นหนักขึ้นอีกอักโขเลยทีเดียว
๐--------------------๐
มิใช่ครูก็เหมือนครู
คือผู้จะชูผืน ธงยืนสะบัดยาว ด้วยแรงคุแฝงราว โถมร่างจะสร้างรอย ถือนำ ณ ตำนาน ร่ำขานและรอคอย ไป่เคลื่อนคละเลื่อนคล้อย หรือใคร่คระไห้ครวญ
กี่พ่ายก็ "นายผี" คนนี้แหละอยู่เหนือ -ชัยชี้เพราะพลีเชื้อ เผาไหม้และให้มวล แสงสร่างสว่างใส อุ่นไอและอุ่นอวล ด้วยซัดอสัตย์สวน โดยใจและใฝ่จริง
สมสร้าง ณ ทางซึ่ง ซ่านซึ้งสมองเสพ คับคั่งจะสังเขป คำเอื้อก็เหลืออิง เป็นครูเสมอครู แด่ผู้จะพักพิง ซึมซ่านผสานสิง ชื่นชูเพราะบูชา
เดือนเพ็ญผิว์เด่นภพ สาดสบสว่างสรวง เพ็ญเดือนเสมือนดวง วิญญาณและปัญญา ส่องพราวอะคร้าวพลี รังสีมิสร่างซา เป็นศรีกวีสา- -มารถที่จะมี-แท้! (คมทวน คันธนู, (เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก, ๒๕๔๑))
มาถึงสำนวน “มิใช่ครูก็เหมือนครู” นี้ ซึ่งแต่งคารวะต่อนายผี (อัศนี พลจันทร์) ถือว่าจัดเต็มครับ ทุกอย่างที่กล่าวมา ถูกนำมาใช้หมด ครุ ลหุ ตามรูปแบบ / การเล่นอักษรระหว่างคำที่ ๒ และ ๕ ของแต่ละวรรค และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากสองอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้า คือการเพิ่มการเล่นสัมผัสสระแทรกเข้าไปในคำที่ ๒ และคำที่ ๔ ภายในแต่ละวรรคของทุกวรรค ยกเว้นเฉพาะวรรคที่ ๒ และวรรคที่ ๖ (อาจเพราะไม่ต้องการให้เกิดภาวะสัมผัสเกินล้นเกร่อ เพราะสองวรรคนี้มีการรับสัมผัสจากวรรคหน้าอยู่แล้ว) ทำให้ลื่นไหลขึ้นอีกมากเลย
ที่สุด
• ที่สุดมนุสสา ล้นหล้าทะลักหลาม เพิ่มกลและผลกาม รอบค่าย ณ ข่ายเครือ ต่างหลงทะนงเหล่า ใจเจ้าก็จางเจือ มากลายละม้ายเกลือ ข้นแค่นแหละแสนเค็ม
น้ำใจเลาะไหลจาก แรงอยากทะยานยื่น แผ่พาดขนัดผืน เต็มตาเพราะบ่าเต็ม แข่งขันกระสันข่ม ใครล้มก็เถือเล็ม มุ่งแข่งจะแย่งเข็ม- มุ่งสอดกะทอดเศียร
งัดอัตตะกวัดโอ่ งัดโมหะแกว่งเหมือน -หนึ่งเพื่อจะเหนือเพื่อน เหนือผลก็ทนเพียร ทนเพื่อจะเหนือผู้ เลียนรู้มิรู้เรียน หิวหื่นซะคลื่นเหียน หื่นหิวละลิ่วหวัว
โลภ-หลงก็คงล้อม- เผาหลอมละลายโลก ทุกส่วนน่ะล้วนโศก มืดมนแหละหม่นมัว แหงนหน้าจะหาใน แสงใสก็มัวซัว เหลือกล่าวเพราะเขลากลัว ฉานฉายประกายชุม (คมทวน คันธนู, (จตุรงคมาลา, ๒๕๔๖))
แถมสำนวน “ที่สุด” นี้ไว้ให้อ่านเล่นอีกสักสำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ สำนวนกับลูกเล่นทั้งหลายที่นำใช้อย่างเป็นระเบียบ แต่ว่า ยัง ยังไม่พอเท่านั้น ยังเล่นได้อีก
อหังการ์มหากาพย์
เสียงชมประสมเชียร์ ผัวเมีย-ประสาหมา ใครต้านประสานตา เห่าเสียงประเปรี้ยงแซง หางสั่นประชันสวน ทั่วถ้วนประสงค์แทง ฟืดฟาดประกาศแฝง โชว์เขี้ยวประเดี๋ยวคุ้ม
เมียผัวสลัวภาพ ลูกหาบสลอนหิ้ว เนืองนองสนองนิ้ว -ชี้ใช้ไสวชุม 'ครับท่าน' สนานทั่ว หอนรัวเสมือนรุม ถ่มเศษเสลดสุม สัตว์ป่าสวาปาม
ผัวเมียเฉลี่ยมอม เมา, ล้อมฉลองลาย โลภซ้อนฉะอ้อนสาย ตาสาดฉกาจทราม เห่อเหิมเฉลิมเหี้ยม เงินเทียมฉนวนทาม ซ้ำสั่งฉมังสาม -หาวแลบแฉลบไหล
เสียงชมผงมชัวร์ เมียผัวผงาดแผ่ เสียงเทินเผอิญแท้ สำนึกผนึกใน ชัดลึกผนึกเหลิง สำเริงผจัญไร ขอจงผจงไข คำขานผจานเขียน ฯ (คมทวน คันธนู, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ๒๕๔๗ ฉบับที่ ๔๐)
สำหรับสำนวนนี้ อหังการ์มหากาพย์ เป็นฉันท์ ๔๐ ที่เรียกกันว่า อัษฎางค์ดุริยา หรือ อัษฎางค์ดุริยาฉันท์ ๔๐ เป็นการร้อยเรียงเสียงทั้งแปด สำนวนนี้ท่านคมทวนนอกจากใช้ลักษณะเฉพาะตัวที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เล่นลูกเล่นเพิ่มเข้ามาอีก คือ แต่ละบททั้งแปดวรรค ใช้คำ ลหุ คำเดียวกันทั้งสิ้น เช่น บทแรกใช้ลหุคำว่า ประ ตลอดทั้งบท บทสองใช้ลหุคำว่า ส(ะ) ทั้งบท บทที่สาม ฉ(ะ) บทที่สี่ คำว่า ผ(ะ) อันเป็นระเบียบตลอดสิ้นสำนวน นับเป็นฉันท์กลบทที่น่าสนใจทีเดียว (เห็นโครงร่างอันซับซ้อนแบบนี้แล้ว สมกับที่ท่านคมทวนใช้คำว่า มหากาพย์ จริง ๆ ชวนนึกถึงเรื่องราวมหากาพย์ต่าง ๆ เลย (มหากาพย์ = เรื่องราวความซับซ้อน ยิ่งใหญ่ ยาวนาน เกี่ยวข้องตัวละครมากมาย อย่างมหากาพย์สตาร์วอร์ส มหากาพย์รามายณะ))
ทั้งหมดทั้งมวลสำหรับฉันท์ ๔๐ นี้ บังคับเพียงตำแหน่งครุ ลหุ และสัมผัสนอกตามผังเท่านั้น ส่วนอื่นเป็นลูกเล่นชวนเล่นของท่านคมทวนเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ บางคนอาจคุ้นเคยอยู่แล้ว ใครชอบเล่นแบบไหนก็แล้วแต่ชอบครับ ส่วนผมชอบแค่จังหวะและลีลาสัมผัสอักษรเท่านั้นก็เพลินใจแล้วครับผม
บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล - Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา)  • กลับสู่หน้า สารบัญ ฉันท์ คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน กาพย์ คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอน คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลง คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน ร่าย คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอนกลบท คลิก • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลงกลบท คลิก • กระโดดสู่ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ลินดา, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), มนชิดา พานิช, ข้าวหอม, ก้าง ปลาทู, ตุ้ม ครองบุญ, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กรกช, กร กรวิชญ์, เฟื่องฟ้า, ปิ่นมุก, เฒ่าธุลี
|