
-๐ ม้าพันลี้ ๐-
ในดินแดนแสนห่างไกล มีม้าหนุ่มตัวหนึ่ง ที่มีร่างกาย กำยำ แข็งแรง ดูสง่างาม
ความสามารถของม้าตัวนี้ สามารถวิ่งได้ระยะทางถึงพันลี้ โดยที่ไม่ต้องหยุดพัก และไม่มีเหนื่อยเลย
จึงทำให้เป็นที่หมายปองของหลายๆคน ที่อยากจะเป็นเจ้าของมัน
แต่ม้าตัวนี้ก็ไม่ยอมให้ใครได้ขี่เลย เพราะมันกำลังรอผู้ที่เพียบพร้อม เหมาะที่จะขี่มันอยู่
ในช่วงเวลาที่ม้ากำลังมองหาผู้ที่มันคิดว่าเหมาะสมจะขี่มันได้นั้น
ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาหาม้าตัวนี้เพื่อจะได้ครอบครองและขี่มัน
พ่อค้าได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า “เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่…ข้ามีน้ำมีอาหารให้กินไม่ขาดนะ”
ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า “ม้าดี ๆ แบบข้าไม่ไปกับพ่อค้า ที่ใช้ข้าไปแค่ส่งของเฉยๆหรอกนะ”
ทหารได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า “เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่…เจ้าจะได้เป็นม้าคู่กายทหารออกรบเลยนะ”
ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า “ม้าดี ๆ แบบข้า ทำไมข้อต้องไปรับใช้ทหารธรรมดาแบบเจ้าด้วย”
นายพราน ได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า “เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่..”
ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า “ม้าดี ๆ แบบข้าทำไมต้องไปรับใช้นายพรานแบบเจ้าด้วย”
ไม่ว่าใครจะเข้ามาหา ชักชวนยังไง ม้าพันลี้ก็ไม่ตอบตกลงไปกับใครเลย
เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปหลายปี แต่ม้าพันลี้ก็ยังหาเจ้าของที่ถูกใจมันไม่ได้สักที!!
จนเมื่อข่าวความเก่ง และความสามารถของม้าพันลี้ เข้าไปถึงในวัง และไปถึงหูของพระราชา
พระราชาจึงได้ออกรับสั่งให้ขุนนางรีบไปตามหาม้าพันลี้ตัวนี้ เพื่อมาเป็นพาหนะคู่กายของพระราชา
ขุนนางจึงออกเดินทาง และได้ตามหาม้าพันลี้ตัวนี้จนพบ และได้แนะนำตัวเองกับม้าพันลี้
เมื่อม้าพันลี้รู้ว่า คนที่มาหาตน เป็นถึงขุนนางชั้นสูง
และจะได้ไปเป็นพาหนะคู่กายของพระราชา ก็ดีใจมาก
และตัดสินใจที่จะไปกับขุนนางในทันที เพราะม้าพันลี้ได้เจอกับคนที่เหมาะสมจะขี่มันแล้ว
แต่ก่อนที่จะได้กลับไปวัง ขุนนางได้ถามม้าพันลี้ว่า “เจ้าเชี่ยวชาญเส้นทางแถบนี้มากแค่ไหน”
ม้าพันลี้ตอบว่า ”ไม่เลย..เพราะข้าไม่เคยเดินทางไปไหนนานมากแล้ว"
ขุนนางจึงถามต่อว่า ”เจ้าเคยมีประสบการณ์ ในการสู้สมรภูมิรบบ้างไหม"
ม้าพันลี้ตอบว่า ”ไม่เลย..เพราะข้าไม่ยอมรับใช้ทหารธรรมดา ๆ หรอก“
ขุนนางจึงถามต่อว่า ”งั้น…เจ้าเคยเข้าป่าไหม บางครั้ง พระราชาทรงโปรดออกไปล่าสัตว์นะ“
ม้าพันลี้ตอบว่า ”ไม่เลย..ข้าไม่ใช่ม้าธรรมดา ข้าไม่ยอมไปให้นายพรานใช้งานหรอก“
ขุนนางมองม้าพันลี้ด้วยความสงสัย ว่าทำไมม้าตัวนี้ถึงมีชื่อเสียงเลืองลือไปไกลถึงในวัง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย
ขุนนาง เลยพูดขึ้นว่า ”เจ้าไม่เคยทำอะไรมาเลย…แล้วข้าจะเอาเจ้าไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีก“
ม้าพันลี้บอกว่า “ข้าวิ่งเวลากลางวันได้ วันละพันลี้ กลางคืนแปดร้อยลี้"
ขุนนางจึงเปรยไปว่า “ถ้างั้น เจ้าก็ลองวิ่งให้ข้าดูหน่อย ถ้าเจ้าวิ่งได้เร็วสมคำล่ำลือ ข้าจะพาเจ้ากลับวัง“
ม้าพันลี้จึงเริ่มออกวิ่งด้วยความมั่นใจ และดีใจที่จะได้โชว์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่นได้ดูสักที
แต่เมื่อเริ่มออกวิ่งไปได้ไม่นาน ม้าพันลี้ก็เริ่มเหนื่อย หมดแรงซะแล้ว
ขุนนาง จึงพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนตอนหนุ่ม..เจ้าคงจะเก่งมากจริงๆ ตามที่คนล่ำลือกันไว้
แต่ตอนนี้เจ้าแก่แล้ว ไม่ไหวแล้ว ถ้าข้าเอาเจ้าไป คงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว!!
ข้าว่าเจ้าคงไม่ใช่ม้าที่ข้าตามมาหาแล้วล่ะ“
เมื่อพูดจบขุนนางก็ขึ้นควบม้าตัวเดิม แล้วจากไปทันที ทิ้งให้ม้าพันลี้ยืนหอบหายใจไม่ทันหาย..
ข้อคิดของเรื่องนี้ สอนให้เรารู้ว่า…. อ ย่ า หลงทะนงตน อ ย่ า คิดว่าตนเก่งอยู่ค้ำฟ้าตลอด
คนเรามีนำหน้า ก็ต้องมีถอยหลัง หากเราคิดว่าตัวเองเก่ง และหยุดที่จะพัฒนา หรือหาความรู้มาเพิ่ม
เราก็จะกลายเป็นคนที่ถอยหลัง และคนอื่นจะแซงหน้าเราไปทีละก้าว
มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี…แต่อย่าถือทะนงตน จนเกินไป
เมื่อใดที่คิดว่าตนเองสุดยอด…จนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
เมื่อนั้นความ ห า ย น ะ จะมาเยือน
เพราะเราจะหยุดพัฒนาตนเอง…จนมีแต่ทรงกับทรุด เท่านั้นเอง
เลิกหลงทะนงตน อย่าทำตัวเป็นม้าพันลี้
ขอขอบคุณที่มาจาก : rugyim, ชุลีพร ช่วงรังษี