Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> ห้องเรียน >> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ ประเภทกลอน >> - กลอนเสภา -
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: - กลอนเสภา -  (อ่าน 3506 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:65535
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10561


เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ


| |
- กลอนเสภา -
« เมื่อ: 22, กุมภาพันธ์, 2568, 01:55:24 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: - กลอนเสภา -

- กลอนเสภา -

          "กลอนเสภา"  เป็นกลอนที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ขับลำนำเพื่อความไพเราะ  โดยมีกรับขยับเป็นจังหวะ  ที่เรียกกันว่า "ขับเสภา"  มีรูปแบบฉันทลักษณ์ทั้งคณะและสัมผัสเหมือนกับกลอนสุภาพ   แต่มีข้อแตกต่างบางประการดังนี้คือ

๑)  จำนวนคำ

          - ในวรรคหนึ่งมีได้ตั้งแต่ ๖ ถึง ๙ คำ (ในผังแสดงไว้แบบ ๘ คำ) ขึ้นกับเนื้อความที่ต้องการบรรยายและความเหมาะสมของการเอื้อนเสียงประกอบ  

๒) ลักษณะการส่งสัมผัส  (ดูผังด้านบนประกอบ)

          - การส่งสัมผัสของกลอนเสภานั้น  เฉพาะระหว่างวรรคหน้ากับวรรคหลัง (วรรคที่ ๑ กับ ๒ / วรรคที่ ๓ กับ ๔)  สามารถส่งและรับสัมผัสได้ตั้งแต่คำที่ ๑-๕   ตามความเหมาะสม  ให้ผู้ขับเสภาสามารถเอื้อนทอดรับจังหวะได้ ในส่วนอื่นเหมือนกลอนสุภาพทั่วไป

๓)  การขึ้นต้น

          เอกลักษณ์ของกลอนเสภาอีกอย่างหนึ่งคือคำขึ้นต้น  นอกจากจะขึ้นต้นอย่างกลอนสุภาพทั่วไปแล้ว   ยามเมื่อขึ้นเนื้อความใหม่หรือตอนใหม่มักนิยมขึ้นต้นวรรคด้วยคำว่า  “ครานั้น......”  หรือ  “จะกล่าวถึง......” หรือ “มาจะกล่าว......”  หรือ  “ฝ่าย......”  และ  “ครั้น......”    เฉกเดียวกับกลอนสักวา ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า สักวา นั่นเอง

00000000000000000000000000000000000000000

- ตัวอย่างคำประพันธ์  "กลอนเสภา"  บางส่วน -

- เสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน -

๐  ขุนเพชรอินทรากลับมาเรือน           เสบียงเรียงเกลื่อนเมียจัดสรร
ขุนรามก็กลับมาฉับพลัน                     บ่าวไพร่ทั้งนั้นก็เรียกมา
ผู้คนรายเรียงเสบียงวาง                      ม้าช้างผูกแหล่งไว้แน่นหนา
ครั้นคํ่าลงพลันมิทันช้า                        ตัวกับภรรยาเข้าเรือนนอน ฯ

๐  ฝ่ายเมียขุนเพชรอินทราฝัน             ว่าถูกฟันตัวขาดเป็นสองท่อน
ผ่าอกขว้างหัวใจไปดงดอน                  ตื่นนอนตัวสั่นประหวั่นใจ
ปลุกผัวบอกฝันด้วยหวั่นหวาด            น้องฝันประหลาดหาเคยไม่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป                 น้องนี้พรั่นใจอยู่มากมาย ฯ

๐  ครานั้นขุนเพชรอินทรา                    ได้ฟังเมียว่าก็ใจหาย
ครั้นกูจะแก้ว่าฝันร้าย                          จะทุกข์โศกมากมายวุ่นวายไป
จึงเอาความดีมากลบเกลื่อน                หลับใหลใจเฟือนหาแน่ไม่
เจ้าอย่าสลดรันทดใจ                           แล้วชวนเมียนอนไปในราตรี ฯ

๐  ฝ่ายว่าเมียขุนรามอินทรา                ฝันว่าฟันหักเป็นสามซี่
ตกใจผวาคว้าสามี                               พ่อเอ๋ยเมียนี้ช่างฝันร้าย
พ่อจะไปทัพจับขุนแผน                        เมียนี้ทุกข์แทนมิ่งขวัญหาย
วิปริตเห็นนิมิตเป็นอันตราย                  นางฟายน้ำตาเข้าร่ำไร ฯ

๐  ครานั้นขุนรามอินทรา                      ได้ฟังเมียว่าไม่นิ่งได้
ประคองโฉมโลมเล้าเอาใจ                   แม่อย่าได้หวาดหวั่นพรั่นวิญญาณ์
ด้วยตัวพี่นี้จะไปเสียไกลห้อง                จิตรเจ้าจึงหมองประหวั่นหา
ผัวไปก็จะได้ขุนแผนมา                        ว่าแล้วก็พากันนอนไป ฯ

๐  ครั้นรุ่งสว่างกระจ่างฟ้า                  ขุนเพชรอินทราไม่ช้าได้
อาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล                ได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียยกมือไหว้แลไปดู                          ไม่เห็นหัวผัวอยู่แต่เพียงบ่า
ตกใจวิ่งไปแล้วโศกา                           พ่อฟังเมียว่าอย่าเพ่อไป
เดินมาเมื่อตะกี้ไม่มีหัว                        ตัวเมียนี้เห็นเป็นข้อใหญ่
สมกับความฝันที่พรั่นใจ                      เข้ากอดตีนผัวไว้ที่กลางเรือน ฯ

๐  ครานั้นขุนเพชรอินทรา                    ได้ฟังเมียว่าก็หน้าเฝื่อน
วิปริตผิดนักที่ทักเตือน                         เบือนหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
เป็นลางขวางอกตกตะลึง                    ยืนขึงตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
ไปทัพหลายครามาแต่ไร                      ก็มิได้เคยเป็นเหมือนเช่นนี้
อกเอ๋ยไหนเลยจะได้กลับ                    คงจะยับลงในป่าพนาศรี
ครั้นมิไปกลัวภัยพระภูมี                      ขับเมียจากที่แข็งใจไป ฯ

๐  ฝ่ายว่าขุนรามอินทรา                      แต่งตัวนุ่งผ้าหาช้าไม่
เอาเครื่องคาดตัวพัวพันไป                   ฉวยได้ดาบคู่มือก็ถือมา
เมียเดินมาตามด้วยความรัก                หนักใจแต่ลงจากเคหา
บันไดไหวยวบหักสวบมา                     ห้าขั้นสะบั้นลงจมดิน
อัศจรรย์หวั่นไหวข้างในจิตร                 ครั้งนี้ชีวิตจะสูญสิ้น
จะตายจากพรากเจ้าผู้เพื่อนกิน           ผินหน้าดูเมียยิ่งเสียใจ
พลไพร่หน้าหลังสะพรั่งพร้อม              แวดล้อมตามมาหาช้าไม่
พบขุนช้างก็พากันคลาไคล                  บ่าวไพร่ตามหลังสะพรั่งมา
เยียดยัดอัดไปในถนน                         ผู้คนเอิกเกริกอยู่หนักหนา
ถึงวัดจัดกันเป็นโกลา                          ท่านแม่ทัพสองราก็พร้อมกัน
จัดหมวดตรวจถ้วนกระบวนหน้า         ดาบปืนยืนร่าเป็นเหล่าหลั่น
พลหอกพลง้าวเกาทัณฑ์                     ระวังชั้นคอยฤกษ์จะยกทัพ ฯ

๐  ครั้นได้ฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง                    โห่ก้องปืนลั่นสนั่นศัพท์
หอกดาบปลาบแปลบแวบวับ              ขี่ขับม้าช้างสล้างมา
พระหมื่นศรีขี่ช้างกลางพหล                พระหมื่นไวยไล่พลมาข้างหน้า
ขุนเพชรขุนรามตามยาตรา                  ล้วนขี่ช้างงาสัปคับ
ขุนช้างขี่ช้างอ้ายกางเถ้า                     นั่งเจ่ามาในกูบหัวหงุบหงับ
ศรพระยาขี่คอขอกระชับ                     ราทยานั่งขับข้างท้ายมา
ผู้คนแลดูเขาหัวเราะ                            ว่าช้างนั้นล้านเหมาะกันหนักหนา
ที่ไม่เห็นก็เรียกกันเพรียกมา                ขุนช้างหลบหน้าไม่เยี่ยมแล
ข้ามขนอนดอนฟากข้างปากคู             ผู้คนมาดูอยู่เซ็งแซ่
ช้างม้าเยียดยัดอัดแอ                          หมายมุ่งทุ่งแน่เอาตาลาน
บ้างก็ชิงปลาแห้งแย่งปลาสด             พบอะไรเอาหมดมาทุกบ้าน
รีบเร่งรี้พลอลหม่าน                             เย็นลงมินานถึงสามโก้
หยุดยั้งตั้งหม้อเสร็จสรรพ                    กินแล้วนอนหลับเช้าตั้งโห่
รีบรัดตัดมาเอาท่าโพธิ์                         แฟ้มโพล่หาบคอนย่อนย่อนมา ฯ
                ............... ฯลฯ ...............

๐  จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ        ทศทิศฦๅลบพิภพไหว
สถิตยังปรางค์มาศปราสาทชัย            นางในแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
สำราญราชหฤทัยอยู่ในที่                    ดนตรีขับขานประสานเสียง
ฉํ่าเฉื่อยเรื่อยร้องซ้องสำเนียง              พอยํ่าเที่ยงเสด็จออกนอกห้องทอง
สระสรงทรงเครื่องเรืองระยับ               จับพระแสงยุรยาตรผาดผ่อง
พระสนมเชิญเครื่องมาเนืองนอง          ประทับท้องพระโรงรจนา
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์               พวกขุนนางกราบลงไม่เงยหน้า
อันพวกไปทัพที่กลับมา                        ภาวนาร้อนตัวด้วยกลัวภัย ฯ

๐  ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช                ทอดพระเนตรแลมาหาช้าไม่
เห็นพระหมื่นศรีกับหมื่นไวย                 ไม่เห็นขุนเพชรและขุนราม
ขุนช้างหมอบข้างพระหมื่นศรี               พระพันปีจึงดำรัสตรัสถาม
ด้วยเรื่องขุนแผนแสนสงคราม              ตามไปได้มาฤๅว่าไร ฯ
                  ............... ฯลฯ ...............
                                (ตอนที่ ๒๐ ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นขบถ)

- เสภา เรื่องอาบูหะซัน -

๐   ครานั้นนารีศรีสมร                        ประสานกรก้มยิ้มอยู่ริมตัก
หะซันกริ่มยิ้มลไมปราไสซัก                ว่านงลักษณ์เหลืองามนี่นามใด
จงเอ่ยออกบอกบ้างอย่าหมางจิตร      พี่ได้พิศผิวภักตร์นึกรักใคร่
จะอดสูดูอายพี่ชายไย                        พอชื่นใจที่ประจักษ์ตระหนักนาม ฯ

๐   นางนึกอายชม้ายชม้อยช้อยเนตร  จึงแจ้งเหตุเขินปนระคนขาม
ว่าหม่อมฉันชั้นนี้ไม่ดีงาม                    เปนทราม ๆ สาวใช้ชื่อไข่มุก
เปนข้าบาทบงกชบทเรศ                      พึ่งพระเดชเช้าเย็นพอเปนศุข
ภูวไนยใช้อยู่เช่นยุนุก                          ไม่อาจอุกเอื้อมประเมินให้เกินภักตร์ ฯ

๐   หะซันชมสมงามนามเจ้า               ไฉนเฝ้าออมอดถ่อมยศศักดิ์
จะแกล้งกลั่นสรรทรงเช่นนงลักษณ์    ทั่วทั้งจักรวาฬไม่พานทรง
ผู้ขนานนามเจ้าเยาวลักษณ์                ควรเปนศักดิ์อภิชาติราชหงษ์
คือเชื้อปราชญ์ปรีชาปัญญายง           จึ่งขนานนามอนงค์เสนาะนาม
ว่าพลางทางกล่าววาที                        แก้วพี่อย่าสเทินเขินขาม
รินองุ่นให้พี่บ้างเถิดนางงาม               ได้มีความมิตใจเปนไมตรี
จงชื่นช่วยถ้วยถือในมือน้อง                จะดื่มคล่องคอหอยอร่อยพี่
แล้วเชิญน้องลององุ่นที่ฉุนดี               พอเปนที่เบิกบานสำราญใจ ฯ
                  ............... ฯลฯ ...............
                                 (เสภาอาบูหะซัน ตอนที่ ๓ : ขุนวิสูตรเสนี จาง)

บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล
- Black Sword -
 (หมู มยุรธุชบูรพา)
                             
                                    • กลับสู่หน้า สารบัญ กลอน คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน กาพย์ คลิก  
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลง คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน ฉันท์  คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน ร่าย คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอนกลบท คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลงกลบท คลิก
                                    • กระโดดสู่ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท คลิก
                              


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

รวมบทกลอน "ที่นี่เมืองไทย..."
รวมบทกลอน "ร้อยบุปผา"
รวมบทประพันธ์ทั่วไป "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์กลบท "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
รวมบทประพันธ์ฉันท์ "Black Sword (หมู มยุรธุชบูรพา)"
กลอนสุภาษิต-คำพังเพย-สำนวนไทย บ้านกลอนน้อย
ลานอักษร มยุรธุชบูรพา
..

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.151 วินาที กับ 31 คำสั่ง
กำลังโหลด...