“ขอกราบขอบคุณ”
....การต้อนรับขับสู้เลิศหรูนัก
ร้อยกรองทักล้ำเลอชวนเก้อเขิน
ยิ่งพบพานท่านศิลาฯ มาเชื้อเชิญ
พาเพลิดเพลินคารมสิ้นตรมใจ
.....ตัวผู้น้อยด้อยค่าความสามารถ
ฟังโอวาทท่านพร้อมน้อมเลื่อมใส
คารวะหนึ่งจอกบอกความนัย
ขออาศัยร่มเงาท่านเจ้าคุณ
....บ้านกลอนน้อยร้อยเรียงเสียงขับขาน
ฟังแว่วหวานโอบเอื้อช่วยเกื้อหนุน
อันน้ำคำล้ำค่าดั่งการุน
ให้เป็นบุญมาพบประสบกัน
......ท่านวางภาพซาบซึ้งตรึงใจจิต
ดั่งนิมิตถึงในจิตใจฉัน
จึงยกกลอนฟ้อนคำมากำนัล
พร่ำรำพันจากภาพมากราบไว้.....
..........”บางเขน”.........
....”โอ้ เขตคุ้งทุ่งคลองของ “บางเขน”
ก่อนควายเคยย่ำเลนเล่นน้ำใส
ทิวทุ่งข้าวพราวพันธุ์อันอำไพ
งามไสวชื่นชีวินทั่วถิ่นบาง
......ครั้งปู่ย่าอาศัยสมัยเก่า
ไม่เคยเศร้าโศกตรมระทมหมาง
หาข้าวปลาหาสินไม่สิ้นทาง
ฟังคำอ้างเขาเล่าพอเข้าใจ
......ชื่อถิ่นนามตามวิหคนกดำขาว *
นิยายฉาวคาวหน่อยเรื่อง “รอยไถ”*
เขยตกยากแม่ยายพรากลูกสาวไป
ฝากเอาไว้ในเพลงช้ำช่างลำเค็ญ
......เหลือเพียงนาวิชาการงานเกษตร*
เหลือสังเวชคลองน้ำครำที่ดำเหม็น
รถราติดควันพิษเผาทั้งเช้าเย็น
เป็น “บางเข็ญ” แล้วกระมัง ยังเสียดาย”
..........................
*นกกางเขน
* นิยาย “รอยไถ” ของ “ไม้เมืองเดิม”
*แปลงนาสาธิตของกรมวิชาการ นาแปลงสุดท้ายในบางเขน
