ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๕
๏ “ขวัญม้าดีถ้วนหนาหาได้ยาก หนึ่งหน้าผากขวัญอยู่ดูเด่นสม สองขวัญคู่อยู่กลางศีรษะกลม อกซ้ายขวาเหนือราวนมสองขวัญไซร้
๏ ยังอีกสี่สีข้างฝั่งละสอง โคนหางหนึ่งพึงมองแลเห็นได้ สิบขวัญแห่งอัศวการม้าชาญชัย ที่เหลือใช้ความเชี่ยวชาญการบังคับ
๏ ฤๅพระองค์เห็นว่าอาชาไนย พึงพอใจตัวอื่นมีที่งามสรรพ เชิญพระองค์ทรงสรรหม่อมฉันรับ มาผูกกับราชรถบทจร”
๏ ราชาฟังดังแจงเหตุเป็นเด็ดขาด ยอดวิชาอัศวราชมิอาจค่อน กล่าวเห็นชอบตอบความตามสุนทร มิเกี่ยงงอนแต่ไว้ท่าในพาที
๏ “เจ้ามั่นใจก็ไม่ห้ามตามที่ว่า จักสรรม้าร่วมไว้มิใช่ที่ ถ้าเกิดไปไม่ทันในงานนี้ เจ้าโทษม้าข้าไม่ดีเสียปะไร”
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, ไปยาลฯ, Black Sword, ตติยะรัศมิ์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๖
๏ ในครานั้นพระนลคนรูปชั่ว เมื่อเตรียมตัวจะผูกม้าหาได้ไม่ สี่ม้าคู้เข่านอนเหมือนอ่อนใจ มิคึกคักเลยไฉนยอดพาชี
๏ วาหุกเดินเข้าไปใกล้ใบหน้า มือสัมผัสกายาม้าทั้งสี่ แล้วเอื้อนเอ่ยสุนทรอ่อนหวานดี จ๊ะจ๋ามีจำนรรจ์ฉันคนรัก
๏ สี่ม้ายืนขึ้นพลันสั่นหางหู ร้องก้องอยู่ด้วยคึกเต้นกึกกัก จึงผูกม้าเสร็จได้ไม่ช้านัก จับสายชักสายขับกระชับพลัน
๏ ขอราชาอนุญาตประกาศหา ซึ่งนายวาร์ษไณยอยู่ใกล้นั่น มาขึ้นรถเร็วไวไปด้วยกัน เผื่อได้ช่วยหม่อมฉันขับรถทรง
๏ รถวิ่งแล่นลิ่วไปดังใจคิด ด้วยมหิทธิเดชาพระนลส่ง ดุจธนูจากแหล่งลำแสงตรง ฝ่ารกพงมิพรั่นพรึงคำนึงใด
๏ วาร์ษไณยใคร่ครวญหวนรำลึก ความรู้สึกกลางจิตคิดสงสัย ดูลีลาวาหุกนี้ที่เป็นไป เหมือนกันในเชิงทักษะของพระนล
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, ไปยาลฯ, Black Sword, ขวดเก่า, ตติยะรัศมิ์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๗
๏ ฝีมือม้าคราอยู่กันนั้นบ่งชี้ ละเอียดล้วนถ้วนถี่มีเหตุผล เกิดเหมือนกันฉันใดให้พิกล มิพูดบ่นแต่คิดพลางกลางพนา
๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นนั่งนึกกำหนด ราชรถพุ่งไปไวแกล้วกล้า ไม่ผิดคำที่เคยเอ่ยวาจา องค์ราชาเพ่งพิศพินิจเพลิน
๏ “เออจริงนะพจีที่เปรียบไว้ รถพุ่งไปพลิ้วผ่านปานเหาะเหิน ท่วงทีขับขยับกายงามหลายเกิน เหลือประเมินความสามารถอัศจรรย์
๏ ปรารถนาแห่งข้าวิชานี้ ขอโดยดีเขาจักให้เราไหมนั่น ฤๅต้องใช้วิชามาแลกกัน ดวงจิตแห่งราชันพลันวุ่นวาย”
๏ ราชรถทะยานไปกลางไพรกว้าง ถิ่นแถวทางเถื่อนทุ่งมุ่งที่หมาย ข้ามเขาเขินเนินดินโดยง่ายดาย ตะลุยสายธาราฝ่าพงรก
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, ไปยาลฯ, Black Sword, ขวดเก่า, ตติยะรัศมิ์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๘
๏ กำลังม้าพารถมิลดหย่อน สุรีย์รอนอ่อนแสงแรงไม่ตก ราชันนึกตรึกในไวดั่งนก จึงหยิบยกผ้าคลุมปล่อยลอยลมไป
๏ เรียกวาหุกให้สั่ง “รั้งม้าหยุด อย่ารีบรนจนสุดนักก็ได้ ภูษาอันพันอังสาข้าคลุมไว้ หลุดลอยไกลเกินจะกะประมาณ
๏ รถเรารั้งรอไว้ไม่ต้องย้อน พักม้าก่อนกินน้ำหญ้าหน้าละหาน วาร์ษไณยไปเก็บมามิน่านาน” ก็กระทำตามการที่บัญชา
๏ ยามเมื่อวาร์ษไณยคล้อยไปนั้น องค์ราชันพลันเอ่ยเปรยขึ้นว่า “อันปวงชนคนทั่วทั้งโลกา ฤๅประสิทธิ์วิทยาได้มาครบ
๏ บุรุษใดใครเชี่ยวชาญทุกด้านถ้วน บางสิ่งควรดีเด่นเรียนเจนจบ หากศิษย์ครูคู่กันมาน่าเคารพ เพื่อนที่คบรู้แจ้งอาจแบ่งปัน
๏ ต้นสมอพิเภกไพรกลุ่มไกลโน้น จำนวนโคนสิบห้าแน่มิแปรผัน นับเพียงใบแก่ทั้งกอเมื่อรวมกัน สังขยา*ห้าโกฎิสรรเศษมิเอา
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, ไปยาลฯ, Black Sword, ขวดเก่า, ตติยะรัศมิ์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๙
๏ ผลสมอทั้งกอใหญ่ได้แสนสี่ กิ่งใหญ่นั้นอันข้าชี้สองพันเก้า หัวใจสกาใช้มิได้เดา ใจของเจ้าจักเชื่อความตามนั้นฤๅ”
๏ “ลูกสกาหามากสักเท่าใด ยังทำให้เสียสินจวนสิ้นชื่อ ผลสมออาจขอทายในกำมือ ทั้งกิ่งคือใจมิเหลือที่เชื่อเลย
๏ อยากขอให้ฉันไปฟันกิ่งอันว่า นับต่อหน้าด้วยกันนั้นเฉลย จะตกลงดังจงใจได้ไหมเอย โปรดอย่าเฉยนิ่งช้าพาเสียการ
๏ แม้นตรวจนับผลดูจึงรู้ได้ จักมิใช้เวลาช้าเลยท่าน ม้าได้พักแล้วจักโผนโจนทะยาน มิเนินนานถึงปลายทางโปรดวางใจ”
๏ “ถ้ากระนั้นฟันโดยไวอย่าได้ช้า แล้วตรวจตรานับให้ดีมีเท่าไหร่ หากหล่นลงตรงโคนนั้นคราฟันไม้ จงนับไว้รวมกันตามกติกา
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๐
๏ ตกลงความตามใจที่หมายมั่น วาหุกรีบไปฟันกิ่งพฤกษา เริ่มนับพลันหวั่นเรื่องเปลืองเวลา กองละห้าร้อยไล่ไปจนครบ
๏ วาหุกถึงตะลึงหลงงงงันอยู่ ฤตุบรรณท่านถามดูผลประสบ วาหุกหันมาระยอบนอบน้อมนบ “ท่านเจนจบจริงถูกต้องมิพร่องเลย
๏ ยอดยิ่งนักจักมีใครในโลกนี้ วิชาดีอยากวานท่านเฉลย หัวใจอาชาไนยให้ชดเชย แลกเปลี่ยนกันท่านจงเอ่ยมาตามตรง”
๏ ใกล้เวลาสายัณห์ตะวันลับ ต่างรีบรับด้วยจิตคิดประสงค์ “เริ่มหัวใจสกาข้าดำรง หากจิตจงสังขยากีฬาคณิต
๏ ก่อนศึกษาวิชาดีมีข้อแม้ ให้แน่วแน่จำนงจงในจิต มิละโมบโลภหลายหมายฆาตมิตร และมีสิทธิ์เพียงคราละหนึ่งครั้ง
๏ เมื่อหัวใจสกาขลังตั้งมั่นแล้ว จักผ่องแผ้วในฤดีดังที่หวัง ตัดสินใจไปตามจิตนิมิตภวังค์ มิพลาดพลั้งเป็นแน่แท้จริงเจียว
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๑
๏ ชวนกันนั่งหลังโขดเขินเนินไศล คาดมิให้ใครจ้องมาข้องเกี่ยว ขีดเขียนดินโดยใช้กิ่งไม้เรียว ประเดี๋ยวเดียวเสร็จสมอารมณ์ปอง
๏ ฤตุบรรณคะยั้นคะยอ “ขออย่าช้า สอนให้ข้าเข้าใจไม่เป็นสอง ซึ่งหัวใจอาชาไนยข้าใฝ่ปอง ตามครรลองตรรกะไฉนกัน”
๏ วาหุกทูลราชาว่า “ข้าบาท มิบังอาจโยกโย้มีโมหันธ์ ก็จักหมายขยายนัยใจม้านั้น ความสำคัญแม้สักนิดมิปิดบัง
๏ หัวใจแห่งพาชีเมื่อมีแล้ รู้เที่ยงแท้พิสุทธิ์ดุจมนต์ขลัง อาชาที่ฝีเท้าเลิศเกิดพลัง ความดุจดังมุ่งมั่นสรรม้ามา
๏ หลักสำคัญอันเน้นเป็นเอกอุ คือบรรลุข้ามชาติพันธุ์ภาษา มิคิดเห็นเป็นแต่แค่อาชา ใจเชื่อมกันมิฉันทาพาเลิศแล
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๒
๏ จุดประสงค์จำนงใดกล่าวให้แจ้ง ช้าเร็วแรงสำแดงความตามกระแส ถึงจุดใจเชื่อมใจได้จริงแท้ ก็คือแง่แห่งตรรกะอัศวการ
๏ มีเคล็ดหนึ่งซึ่งพระองค์ต้องทรงคิด ด้วยดวงจิตเป็นกุศลบนพื้นฐาน เลี้ยงสมบูรณ์พูนพละอภิบาล เมตตาทานนั่นคือทุนบุญความดี
๏ แล้วจึงชวนฤตุบรรณร่วมผันผาย พากันย้ายจากเนินดินถิ่นไพรศรี ออกดำเนินเดินไปหากลุ่มพาชี วาหุกมีอธิบายขยายนัย
๏ มือสัมผัสผิวกายใช้จิตส่ง เจตน์จำนงสิ่งนั้นเป็นไฉน เคล็ดวิชาดังว่านั้นบรรยายไป โดยมิให้ใครอื่นดูและรู้ความ ๏ เป็นครูศิษย์เสร็จสมหวังกันทั้งสอง คลายหม่นหมองแห่งจินต์สิ้นคำถาม วาร์ษไณยกลับมาเวลางาม ฤตุบรรณนั้นได้ตามน้ำใจจง
๏ แต่วาหุกครานั้นมิทันย่าง กลีออกจากร่างดังประสงค์ ดิ้นเร่าเร่าอยู่บนพื้นมิคืนทรง “ขอเมตตาข้าพระองค์อย่าทำลาย”
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๓
๏ “ยอมต่อพระเมตตาบารมีท่าน แลข้าแสนทรมานเจ็บปวดหลาย คำสาปทมยันตีมีฤทธิ์ร้าย เข้ากล้ำกลายวิญญาณผลาญย่ำยี
๏ คาบที่สองต้องพิษฤทธิ์แรงร้อน ดังกองฟอนสุมกายไม่อาจหนี นั่นคือพิษรุนแรงแห่งนาคี จนชีวีแทบมลายอยู่หลายครา ๏ และถึงคาบที่สามในยามนี้ พระองค์ได้วิชาดีมากมีค่า คือหัวใจตรรกะแห่งสกา ล้วนนำพาข้าแดดิ้นสิ้นพลัง ๏ บุญฤทธิ์อิทธิสร้างแต่ปางก่อน ถูกลิดรอนมลายพ้นด้วยมนต์ขลัง พระองค์ย่ำซ้ำก็ดิ้นสิ้นเอวัง หากว่ายังเมตตาข้าขอจร”
๏ เมื่อพระนลมิมีจิตคิดจะปราบ กลีกราบกระย่องกระแย่งเรี่ยวแรงอ่อน แล้วลาลับวับไปในดงดอน นลราชามาผ่อนร้อนกายใจ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๔
๏ เหลือแต่รูปร่างกายภายนอกแล้ว จิตราชันนั้นดั่งแก้วเปล่งแววใส ดั่งร่างองค์เบาลงเสียกระไร สำนึกได้ไร้อธรรมครอบงำครอง
๏ จึงรีบขึ้นไปนั่งเตรียมตั้งท่า ขับอาชาต่อไปไม่หม่นหมอง เถื่อนวิถีเหมือนมีใจให้สมปอง สนธยาฟ้าทองถึงวิทรรภ์
๏ นายประตูผู้ใหญ่ครั้นได้พบ เป็นคำรบที่มากะทันหัน รีบกราบทูลองค์ภีมราชัน แล้วเชิญท้าวฤตุบรรณเข้าวังใน
๏ รถทะยานผ่านประตูสู่วังราช กัมปนาทลั่นเลือนสะเทือนไหว มีทั้งเสียงรถม้าที่คลาไคล ม้าต้นของพระนลไซร้ประสานกัน
๏ อยู่ในโรงคงรู้ว่านายมานี่ เหล่าพาชีคะนองเสียงร้องลั่น จากกันคราพาบุตราบุตรีนั้น วาร์ษไณยรับบัญชาธิดา
๏ รถวิ่งตามถนนวนวังใหญ่ ดูแคล่วคล่องว่องไวยิ่งนักหนา ทมยันตียินเสียงนี้ที่คุ้นมา รีบออกไปยังหน้าพระบัญชร
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๕
๏ ทั่ววังทองผ่องสีสะท้อนแสง เจิดแจรง*เรืองจรัสประภัสสร แว่วยินเสียงสวรรค์ประทานพร มองอมรรุ่งอร่ามงามพิไล
๏ ที่สวนขวัญนกยูงงามรำแพนหาง ร่ายรำอย่างสนุกสุขสดใส ช้างลำพองร้องเสียงสังข์ดั่งอวยชัย ทมยันตีนั้นมั่นใจในครานี้
๏ แม้นภัสดามิมาชมให้สมรัก ไม่พบพักตร์ขององค์พระทรงศรี ตัดสินใจไม่ขออยู่สู้ชีวี จะขอพลีร่างให้พระเพลิงมลาน
๏ รำพึงใจใช่พระนลคนพูดปด ทรยศต่อใครให้หักหาญ สิ่งเลวทรามยามจิตดีมิแผ้วพาน จะพิจารณ์ร้ายใครไม่เคยยิน
๏ พระทัยงามตามจิตจริตแท้ พระดูแลเมียดังหวังถวิล ความจงรักมิจางใจไปจากจินต์ ตราบจนสิ้นชีวันจากกันไกล
๏ เทวีพิไรครวญป่วนในจิต จักพบองค์ทรงสิทธิ์ได้ไฉน เป็นจริงจังดังคิดหรือผิดไป ร้อนฤทัยระทมมิสมประดี
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๖
๏ ท้าวฤตุบรรณครั้นลงราชรถ จุดกำหนดชานชาลาสารถี เสด็จสู่ปราสาทในไม่รอรี จึงท้าวภีมราชามาทักทาย
๏ มิได้รู้เบื้องลึกนึกฉงน ถามเหตุผลที่แท้แก่สหาย “ท่านรีบมาฉะนี้เหตุดีร้าย ขอขยายให้แจ้งประจักษ์ใจ”
๏ ครานั้นฤตุบรรณอันมีศักดิ์ ทรงฉลาดยิ่งนักด้วยรู้ได้ หากมีการสยมพรแน่นอนไซร้ เจ้ากษัตริย์น้อยใหญ่เต็มพารา
๏ พราหมณ์ทุกหมู่ผู้ชาญการพิธี มาร่วมงานวันนี้มิพบหน้า นึกคำนึงจึงเจ้าอโยธยา เอ่ยความว่า “มาเยี่ยมองค์พระทรงธรรม์”
๏ ภีมราชก็รู้นัยว่าใช่ที่ อยู่ดีดีจะมาหาดังว่านั่น ร้อยโยชน์ไกลมิใช่ว่ามาเยี่ยมกัน โดยไร้เหตุสำคัญอันบ่งชี้
๏ ชวนให้พักผ่อนกายหลายวันก่อน นัยแฝงอยู่รู้แน่นอนมิอาจหนี จึงเชิญเจ้าอโยธยาจอมธานี “ขอจงมีสำราญพระหฤทัย”
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ตติยะรัศมิ์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, Black Sword, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๗
๏ ครานั้นหนาวาหุกสารถี นำพาชีสู่โถงโรงม้าใหญ่ ปลอบม้าเดิมที่พรากจากกันไกล และม้าใหม่ให้ชินคุ้นกลิ่นกัน
๏ แล้วทำความสะอาดราชรถ โศกกำสรดถึงเทวีฤดีสั่น สยมพรที่ว่ามาก่อนนั้น ดูการณ์อันเป็นไปไม่น่ามี
๏ ทมยันตีมีใจดั่งร้อน จะพักผ่อนนอนหลับใหลก็ใช่ที่ แสนสงสัยใช่ไหมหนอนลบดี มีวิธีให้เผยร่างได้อย่างไร
๏ รับสั่งเรียกเกศินีสาวพี่เลี้ยง มานั่งเคียงปรึกษาฟังปราศรัย เมื่อตกลงกันได้จึงให้ไป เริ่มซักไซ้เค้าความตามกระบวน
๏ เกศินีพี่เลี้ยงผู้ฉลาด ไปสัมภาษณ์วาหุกสิ้นทุกส่วน ด้วยลีลาคารมอันสมควร เรื่องมาด่วนอยากรู้เหตุเจตนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๘
๏ “สยมพรพิธีที่กล่าวขาน ท้าวอโยธยาต้องการขนิษฐา ด้วยพระองค์ทรงฤทธิ์คิดเมตตา ช่วยธิดาพ้นโศกวิโยคใจ
๏ รู้ข่าวดีที่เวลากะทันหัน มาเร็วพลันมิแวะวนแห่งหนไหน วันเดียวบึ่งถึงวิทรรภ์พร้อมท้าวไท ความเป็นไปทุกส่วนล้วนสัจจริง”
๏ ครานั้นนางเกศินีฟังที่เล่า เริ่มซักเค้าความทั้งหลายไปทุกสิ่ง “สารถีที่ตามมาน่าติติง เขาเคยทิ้งพระนลเหตุผลใด”
๏ “พระนลแท้แลผิดติดสกา จะสนใจอาชาก็หาไม่ เขามีนามว่านายวาร์ษไณย เคยรับใช้การอัศวพระนล”
๏ “เขารู้แหล่งแห่งหนพระนลหาย หลีกเร้นกายจากไปกลางไพรสณฑ์ หรือรู้ที่แอบแฝงแหล่งตำบล พระทรงพลซ่อนกายได้เนานาน”
๏ “เขามิรู้ความใดในสิ่งนี้ เมื่อพระนลมิมีการประสาน คงอัดอั้นตันใจในการงาน ฉะนั้นถึงไปพึ่งท่านฤตุบรรณ”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑๙
๏ “อยากจะถามความท่านเป็นกาลย้อน เคยพบพราหมณ์ร้องกลอนก่อนไหมนั่น เนื้อเพลงกลอนซ่อนนัยไว้สำคัญ เคยยินคำรำพันว่าฉันใด”
๏ ด้วยหม่นหมองวาหุกร้องกลอนขึ้นว่า (“พ่อยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง
๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง เฝ้าร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ
๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|