ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๐
๏ “ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”) ๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น อกตื้นตันอัสสุชนล้นรินไหล จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง
๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงนัก ใจประจักษ์มิเสแสร้งแกล้งหมองหมาง จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง “อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด” ๏(“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก”
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, รินดาวดี, ตติยะรัศมิ์, กอหญ้า กอยุ่ง, ศรีเปรื่อง, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, Black Sword, รพีกาญจน์, นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๑
๏ “ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา
๏ ทั้งที่ตกระกำชอกช้ำยิ่ง แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)
๏ ย้อนคิดย้ำซ้ำกล่าวเล่าหลายหน เหมือนเร้ารุกทุกข์ทนเพิ่มหม่นหมอง ผินหน้าพ้นชลนัยน์หลั่งไหลนอง การจับจ้องเกศินีมิละตา
๏ น่าสงสัยใช่สะท้อนเพียงกลอนนั้น ความจาบัลย์จากกมลตนมากกว่า เหมือนพระนลตัวตนแท้แค่วาจา แต่กายาต่างกันจนเกินการ
๏ ก่อนกลับหลังสั่งความคำยั่วเย้า “จะโศกเศร้าเกินไปฉันใดท่าน ตัวพระนลยังทนได้หายไปนาน มิสงสารทมยันตีนี่กระไร
๏ ท่านหยุดยั้งรอฟังข่าวคราวตรงนี้ ฉันจักทูลทมยันตีที่ถามไถ่ หากพระนางยังต้องการความอันใด รบกวนท่านขานไขให้อีกครา”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๒
๏ ก่อนจะลาครานั้นนางเกศินี ดูถ้วนถี่ไปทั้งปวงทุกท่วงท่า ครบถ้วนคำจำจดพจนา ทุกลีลาอารมณ์จะชมชัง
๏ เมื่อมาถึงจึงบังคมก้มเกศี กราบทูลทมยันตีตามที่สั่ง เป็นความจริงทุกสิ่งไปไม่ปิดบัง จึงสมดังพระนางไว้วางใจ
๏ เล่าความนั้นอันวาหุกตอบทุกถ้อย “ช่างเรียงร้อยมิสะดุดหยุดตรงไหน ราวราชาพระนลภูวไนย หม่อมฉันเคลิบเคลิ้มไปใช่จริงจัง
๏ ครั้นตอบความตามที่ให้พราหมณ์ไว้นั้น มิผิดผันไปจากจิตที่คิดหวัง อักขระวลีมิมีพลั้ง แม้กระทั่งวรรคตอนแห่งกลอนเพลง
๏ เห็นหม่นหมองต้องหลบหน้ากลบเกลื่อน หม่อมฉันเตือนด้วยคำถามความเร้าเร่ง จี้ตอกย้ำว่าโศกคำร่ำบรรเลง เพื่อตนเองหรือโศกแสนแทนพระนล
๏ เขามิได้ตอบคำอ้ำอึ้งอยู่ หม่อมฉันดูแล้วเห็นน่าเป็นผล ผิดแปลกแท้แต่กายีที่พิกล สิ่งอื่นใดไม่น่าพ้นพระภูมินทร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๓
๏ ยังสำทับก่อนกลับหลังสั่งความไว้ สิ่งพะวงสงสัยยังไม่สิ้น จะย้อนมาถ้ายังหมองข้องใจจินต์ ขออย่าลาจากธานินทร์สู่ถิ่นใด”
๏ ใคร่ครวญความตามเกศินีกล่าว หลายเรื่องราวพอคลายหายสงสัย แต่หลายข้อที่ยังข้องหมองดวงใจ จักชำระกระไรต่อไปดี
๏ คิดขึ้นได้อย่างหนึ่งจึงเอ่ยว่า “เกศินีช่วยเถิดหนาอย่าหน่ายหนี ไปอีกครั้งตั้งตาในครานี้ จ้องดูไว้ให้ดีใกล้ที่นั้น
๏ แค่เพียงมองจ้องไว้ไม่ช่วยเหลือ เรื่องโอบเอื้อทั้งหมดงดแข็งขัน ให้ช่วยตนเองจริงทุกสิ่งอัน การสำคัญนี้ย้ำเรื่องน้ำไฟ
๏ เจ้าจงมองให้มั่นมิหันห่าง ทุกท่าทางกระทำต้องจำได้ เห็นพิกลต่างจากคนอื่นทั่วไป ดุจเทพไทรีบมุ่งหน้ามารายงาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๔
๏ ครานั้นนางเกศินีหน้าที่อยู่ คอยเป็นผู้เฝ้าระวังดั่งบรรหาร ตากำหนดจดจ้องมองอาการ ระยะก็พอประมาณมิกวนใจ
๏ เห็นกระทำสิ่งสำคัญอันชอบกล ต่างจากคนสามัญนั้นทำได้ รีบกลับมารายงานอย่างทันใด ตามเป็นไปเห็นกับตากล้ายืนยัน
๏ “หม่อมฉันมองอยู่ไกลไม่ใกล้นัก จิตหมายจักมิให้ใครเห็นฉัน จนได้สบภาวะอัศจรรย์ ดุจเทวัญท่านดลด้วยมนตรา
๏ เขาทำการโภชนาอีกหน้าที่ ฝีมือดีปรุงเครื่องต้นรสเลิศหล้า ต้องพระทัยเจ้ากรุงอโยธยา เมื่อทำการโภชนาพาตะลึง
๏ ทั้งเนื้อปลาเนื้อสัตว์ที่คัดสรร ใส่หม้อนั้นเหมาะสมแกงต้มนึ่ง แค่ตาจ้องมองหม้อนึกคำนึง ไยน้ำจึงเต็มหม้อขึ้นมาพลัน
๏ หยิบฟางแห้งกรอบแดงอยู่ชูขึ้นฟ้า ไฟลุกมาให้เห็นกะทันหัน ยื่นใส่เตาเป่าเปลวไฟจนไร้ควัน ทำการนั้นดังอัคคีเย็นดีจริง
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, รินดาวดี, ตติยะรัศมิ์, กอหญ้า กอยุ่ง, ศรีเปรื่อง, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, Black Sword, นายประทีป วัฒนสิทธิ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๕
๏ กองดอกไม้ใช้เก่าเฉาแห้งอยู่ เขาผ่านดูพลันดีสีสดยิ่ง กลิ่นโชยฉมชวนดมมากจากที่ทิ้ง เห็นหลายสิ่งอัศจรรย์พันลึกดี
๏ กระทำการอันใดฉับไวแสน มิคลอนแคลนมั่นคงตรงหน้าที่ อันกิริยาทั้งหลายได้กล่าวนี้ ถ้วนวจีเป็นสัจจังดังรายงาน
๏ ทมยันตียินคำพร่ำเฉลย สิ่งที่คิดมิผิดเลยกับเล่าขาน ยินคำพรเทวะแปดประการ ที่ถวายให้ภูบาลกาลก่อนมา
๏ คือองค์อัคนีเทพนั้น ให้พรแห่งเทวัญอันเลิศหล้า ตรัสเรียกไฟได้ดังตั้งจินดา ทัณฑธรเทวาให้รสล้ำ
๏ ผู้ใดกินอาหารท่านปรุงแล้ว มิคลาดแคล้วปลาบปลื้มใจดื่มด่ำ พระวรุณมอบพรให้ไว้เรียกน้ำ แลอีกคำใกล้มาลีมิโรยรา”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๖
๏ คิดข้อที่พิสูจน์ได้หวังให้ชัด เกศินีรับปฏิบัติเหมือนดังว่า ให้ไปจ้องมองจังหวะพระเผลอตา หยิบชิ้นเนื้อหรือปลาหลังปรุงดี
๏ รีบเอามาข้าจักชิมลองลิ้มรส เคยชินนอยู่รู้หมดรสกลิ่นสี ในครานั้นแลนางเกศินี เริ่มทำงานทันทีไม่รอช้า
๏ พระเผลอไผลจึงได้ฉวยเนื้อชิ้นน้อย แล้วค่อยค่อยย่องหนีมิพบหน้า อย่างเร็วไวไปถวายพระธิดา ยังอุ่นอุ่นจึงชายาเสวยพลัน
๏ เผลอองค์ทรงกรีดร้องก้องปราสาท ใช่แน่พระนลนาถผู้เสกสรร รสชาตินี้คุ้นนักหนามานานวัน มิผิดผันเที่ยงแท้แน่จริงเจียว
๏ หลายหลายสิ่งจริงจังสมดังคิด ค่อยทอนจิตเรรวนชวนเฉลียว พระรักบุตรสุดชมอย่างกลมเกลียว อีกสิ่งเดียวจักเกิดการณ์เป็นฉันใด
๏ ให้เรียกหาบุตราบุตรีเฝ้า “เกศินีพาสองเจ้าทำงานใหญ่ นิ่งเฉยนะเขาจะว่ามาอย่างไร ฤๅล่วงเกินกายใจให้พึงทน”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๗
๏ “พร้อมแล้วนำลูกเราเจ้าทั้งสอง ไปเพื่อลองใจดูคงรู้ผล ถ้ารักลูกผูกพันนั้นพระนล ใจดำจนหมางเมินก็เกินการ”
๏ เกศินีจึงนำราชนัดดา ไปถึงหน้าวาหุกพลันตามบรรหาร มิให้ทันเตรียมตนกมลมาน ดันสองหลานเข้าไปหามิช้าที
๏ พระนลในร่างร้ายได้เห็นหน้า ของบุตราอินทรเสนพระโฉมศรี และอินทรเสนากุมารี เกิดปรีดีปลาบปลื้มถึงลืมตน
๏ เข้าโอบกอดจุมพิตด้วยคิดถึง สุชลจึงนองหน้ามาอีกหน “โอ้ลูกจ๋าพ่อทำตัวชั่วเกินคน หมางกมลลูกไกลแต่วัยเยาว์”
๏ เกศินีถาม “ความนั้นเป็นไฉน” จึงตกใจว่า “โศกซึ้งถึงกาลเก่า จำพรากบุตรธิดามานานเนา ขอโทษเราเผลอใจไปจริงจริง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๘
๏ เกศินีจึงพานัดดากลับ ทูลความกับทมยันตีสิ้นทุกสิ่ง เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยใดไม่มีทิ้ง เหมือนกันยิ่งกิริยาทุกท่าที
๏ การณ์ทั้งหลายได้กำหนดบทพิสูจน์ ทุกคำพูดกระทำใดไม่หลีกหนี ตระหนักแน่แท้ตัวตนนลบดี นำเรื่องนี้ทูลท่านพระมารดร
๏ ลำดับความตามเดิมแต่เริ่มต้น วาหุกหรือคือพระนลอดิศร พิสูจน์ได้ไม่คิดผิดแน่นอน วานวิงวอนพระบิดาโปรดปรานี
๏ ขอพระอนุญาตให้ไปหา หรือบัญชานำเขาเข้ามานี่ หม่อมฉันจะเจรจาวอนวจี ขอภูมีเฉลยเผยพระองค์
๏ พระมารดาทูลราชาภีมราช ทรงประกาศให้เข้าวังดังประสงค์ กองวังทำตามนั้นเป็นมั่นคง เชิญดำรัสปิตุรงค์มุ่งตรงไป
๏ ให้วาหุกเข้ามายังเขตวังรัตน์ อันจะข้องจะขัดย่อมมิได้ ครานั้นนลราชาจึงคลาไคล ต่อเยื่อใยอนงค์องค์ชายา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๒๙
๏ ครั้นพระนลผู้ร่างร้ายได้มานั่ง เหมือนจังงังเมื่อราชันประจันหน้า พระพักตร์แม่หมองหมางอย่างผิดตา ห่มผ้ากาษายวัสตร์ตัดฤทัย
๏ ให้รู้เห็นเป็นหญิงหม้ายผัวหายสูญ ดูอาดูรทุกข์ทนเหลือหม่นไหม้ คำนึงครวญหวนโศกวิโยคใจ ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรู
๏ ทมยันตีมีใจในส่วนลึก ยิ่งรู้สึกกำสรดแสนหดหู่ เมื่อได้จ้องมองนัยนาดู เหมือนหยั่งรู้วูบวาบปลาบฤดี
๏ โอ้พระองค์จำนงใดไม่เผยร่าง เคืองระคางสยมพรก่อนมานี่ หรือมีเรื่องเคืองใดอยู่ในที หรือกรรมมีให้กายร้ายทั้งปวง
๏ สุดจะกลั้นสุชลหล่นรินไหล หัวอกสั่นหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง ต่างคนต่างตื้นตันอัดอั้นทรวง ทั้งสองดวงฤดีสิ้นปรีดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๐
๏ ครั้นเมื่อทมยันตีมีสติ นางดำริเริ่มตัดพ้อพร้อมต่อว่า “ขอเถิดนะสารถีมีปัญญา ตอบวาจาตามสัจจะอย่าประวิง
๏ อันชายใดได้ชื่อว่าซื่อนัก ยึดถือหลักเที่ยงธรรมล้ำเลิศยิ่ง สัญญาไว้ให้ประจักษ์ว่ารักจริง แล้วทอดทิ้งเมียอ้างว้างอยู่กลางไพร
๏ คงเป็นคนใจดำทำเช่นนี้ ฤๅเมียที่อยู่ชิดผิดตรงไหน ปล่อยเมียทุกข์ระทมตรมฤทัย พร่ำเรียกผัวทั่วไพรพนาวัน
๏ เชื่อหรือไม่ชายใจดำที่พร่ำหา คือพระนลราชาฟ้ารังสรรค์ พระลืมเลือนเหมือนไม่ใช่คู่กัน เสียแรงฉันจงรักมั่นภักดี
๏ ต่อหน้าองค์เทวาสัญญาไว้ จะรักมั่นมิให้เมียเสียศรี จะรักกันตราบวันสิ้นชีวี พระมิมีสัจจาดังว่าเลย”
๏ จะตัดพ้อต่อไปมิไหวแน่ ปวดดวงแดทุกวจีที่เอื้อนเอ่ย ชลนัยน์ไม่หยุดสุดเปรียบเปรย จึงทรามเชยนิ่งสงบหลบสายตา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๑
๏ พระฟังคำรำพันอัดอั้นจิต ขืนปกปิดบังกายคล้ายมุสา จึงกล่าวคำพร่ำเฉลยเผยวาจา “ใจร้ายจริงทิ้งชายาทมยันตี
๏ เพราะมิรู้ตัวตนจนทำผิด กลีร้ายแรงฤทธิ์สิงจิตพี่ ตั้งแต่การคลั่งสกาเสียธานี สิ้นราศีสูญทรัพย์แทบอับปาง
๏ มันหมายให้เราสิ้นรักหักสวาท จนตัดขาดแยกไกลใจหมองหมาง ทมยันตีมีใจไม่ราร้าง ตามมากลางพนาวันมันยิ่งแค้น
๏ คราเมื่อทมยันตีมีคำแช่ง กลีเริ่มอ่อนแรงไม่โลดแล่น พอนาคีกัดพี่ที่ดงแดน พิษร้ายเผากลีแทนร้อนสุดทน
๏ ครั้นพี่ได้หัวใจสกาขลัง สิ้นพลังออกจากกายบุญให้ผล แต่กลางทางที่มานี้พี่จึงพ้น เป็นตัวตนเหมือนเกิดใหม่ได้อีกครา”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๒
๏ “อย่าคิดไปว่าใจพี่นี้มิช้ำ แสนระกำคลั่งแค้นแน่นนักหนา มิเคยจะลืมอนงค์องค์ชายา ยิ่งแก้วตารักหวงดวงฤทัย
๏ และช้ำหนักยิ่งกว่าในครานี้ เมื่อทมยันตีคิดมีใหม่ ป่าวร้องให้ต้องอายกระจายไกล ช่างกระไรสองหรือสมสยมพร
๏ พระมารดาแลราชาภีมราช มิบังอาจต่อว่าแต่น่าสอน มิให้น้องหมองมัวทั่วนาคร ใดจะร้อนเท่าอกผัวผู้ชั่วช้า”
๏ ครานั้นทมยันตีฤดีร้าว ฟังคำกล่าวขื่นขมนั่งก้มหน้า เมื่อยินความตามพระพจนา คำพ้อพากายสั่นสะท้านไป
๏ จำกล้ำกลืนยืนยันเสียงสั่นเครือ “ฤๅพี่เชื่อว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้ มิมีจิตคิดคดกบฏใจ ตราบบรรลัยก็อย่าหวังเป็นดังนั้น
๏ อนาถเหลือพี่มาเชื่อว่าน้องชั่ว กระทำตัวปานว่าหญิงก๋ากั่น เสียแรงที่มิเลือกองค์วงศ์เทวัญ มารักมั่นทุ่มใจให้พระนล"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๓
๏ “ที่ส่งพราหมณ์ความหมายให้ไปหา ภัสดาที่หายกลางไพรสณฑ์ ฝากลำนำความนัยให้ทุกคน เฝ้ารอจนพราหมณ์ปรรณาทมา
๏ แล้วเล่าความตามนัยสารถี โศกโศกีตอบคำที่พร่ำว่า เมื่อน้องได้ครวญคิดพิจารณา ความนั้นพาเชื่อถือคือพระองค์
๏ ออกอุบายให้เน้นเป็นความลับ พระบิดามิสดับกับเสริมส่ง ทั้งสิ้นนี้ที่ทำเจตจำนง มุ่งประสงค์พบหน้านลราชัย
๏ ซักซ้อมพราหมณ์ยามแสดงต้องแข็งขัน มิให้ท้าวฤตุบรรณนั้นสงสัย สุเทพพราหมณ์ทำดังที่ตั้งใจ คิดตามกลคนทั่วไปได้รู้กัน
๏ ด้วยสำแดงว่าแจ้งข่าวเล่าขานทั่ว มาบอกให้รู้ตัวกะทันหัน รู้ร้อยโยชน์ระยะทางที่ห่างนั้น ชั่วหนึ่งวันมาทันเพียงพระทรงพล”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๔
๏ “ด้วยรักยิ่งจริงใจในความคิด มิมีจิตกักขฬะอกุศล ไม่จริงจังดังแถลงแจ้งยุบล ขอให้กายมลายป่นในพริบตา
๏ ไหว้วิงวอนปวงเทวัญอันสูงส่ง ขอโปรดจงเป็นพยานเถิดท่านขา หากคิดคดกบฏรักภัสดา ขอสายฟ้าฟาดลงปลงชีวัน
๏ ขอวอนองค์เทวินทร์พระอินทร์ท่าน เป็นพยานวาจากระหม่อมฉัน โอมสาธุถ้ามุสาใจอาธรรม์ จงสาปให้อาสัญเทพบันดล”
๏ เมื่อยลยินถึงอินทราเทวราช คำประกาศทมยันตีก็มีผล เสียงแห่งฟ้าเทวาพร้องก้องสกล จากเวหนบรรหารกังวานไกล
๏ “ดูราพระนลวิมลรัตน์ เป็นคำสัจทุกอย่างนางขานไข คงจงรักภักดีมิปันใจ มิเคยได้ทำตนเปื้อนมลทิน
๏ ทั้งสามปีที่กาลผ่านมานี้ กรรมอันมีทุกบทจบหมดสิ้น เลิกกังขาอย่าสับสนนลบดินทร์ วางชีวินสุขสราญสืบสานไป”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|