อินทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑
ปฎิจจสมุปบาท
เหตุเกิดและเวียนว่าย มิละคลายสลายหนี
มาฟังจะพาที สติมั่นจะจรรจา
แรกเริ่มเพราะหมู่สัตว์ ปฎิพัทธ์สิเน่หา
มัวเมาอวิชชา อปการนิยมยอม
ไม่รู้อุบัติโทษ อนุโพธนิโรธน้อม
ใฝ่หาถลาดอม อฆะร้ายก็ลามลน
ปัญญามิเกื้อหนุน นิรคุณประดังผล
สังขารก็ดาลดล อนุกูลนิยามพลัน
วิญาณก็ปรากกฎ บริบทสกนธ์ขันธ์
รู้สึกก็ครบครัน จุติน้อม ณ. รูปนาม
รูปเกิดมโนรู้ อสุสู่กระหยับถาม
องคาพยพตาม ก็นิพัทธ์อุบัติตน
ตาลิ้นจมูกครบ บมิจบกระทบผล
น้อมรับสดับยล อุระทุกข์สนุกมี
ดั่งน้ำสนุตล้น จรดล ทะเลที่
เค็มเคล้าละเลงตี ก็ผสมและกลมกลืน
ตัณหาก็อาศัย หฤทัยมิต้านฝืน
ยึดมั่นมิหวนคืน อภิรามลุอัตตา
ดำเนินวิถีโลก บริโภคตะกรามหา
ภพชาติก็ตามมา และชราก็เกิดเป็น
เร่าร้อนและทุกขัง มรณังมิว่างเว้น
เนาเนื่องลุลำเค็ญ ก็เพราะฤทธิ์อวิชชา
หลวงทวด....มือสี่
ในการเขียนฉันท์นั้น บางครูจะแยกคำออกเพื่อให้ได้คำลหุ
แต่ในทางปฎิบัติของกวีนั้นถือว่าผิด โดยสิ้น
ทุกคำในการถ่ายทอดที่เรียกว่ากวีนั้นต้องมีความหมาย
จึงฝากนักเรียนผู้ต้องการสืบทอดพึงสำคัญในข้อนี้ด้วย
ในพจนานุกรม มีคำลหุให้เขียนฉันท์ครบถ้วนทุกเรื่องราว
การเขียนฉันท์ไม่เกินความพยายามเป็นแน่
….มือสี่เพิ่งหัดเขียนมาสองสามบทเท่านั้นเอง
ขอให้เราเข้าใจลหุครุเท่านั้นพอ ง่ายมาก
มือสี่
