|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิราศจางเจี่ยเจี้ย (ฉบับปรับปรุง)
 ถนนหนทางสะอาดดี แต่สายไฟระโยงระยางไม่ต่างเมืองไทย ลงเขามาพาเข้าเหลาเกาหลี อาหารมีหลายหลากมากเต็มห้อง จีน+เกาหลีรสเกลียวกลมสมปรองดอง เมืองไทยต้องเน้นรสแท้แลจริงจัง ร้านญี่ปุ่น-เกาหลีเรามีขาย บางเมนูกินแล้วส่ายหน้าผิดหวัง รสเดิมแท้แต่ไม่คุ้นขาดทุน “ตังค์” ได้แต่นั่งเต๊ะท่าข้า “อินเตอร์” ไวน์ เบียร์ เหล้าเอามารินกินไม่ทัน ถ้าพวกฉันพร้อมเพรียงมา “โอ้ละเหนอ...” เจอะ “กวีสุวรรณภูมิ” กลุ่มเพื่อนเกลอ บ๋อยอาจเบลอเหนื่อยหน่ายร่ายรินวน “อ.ณรงค์ อิ่มเย็น” ถือเป็นมิตร ที่ใกล้ชิดให้วิชามาแต่ต้น เข้าจังหวะจะเที่ยวท่องกันสองคน เหตุและผลนั้นหนอ “คอเดียวกัน” กินเหล้าเก่งร้องเพลงก็พอไปได้ คืนหนึ่งให้ต่อกี่ที่มิมีพรั่น นี่หากว่าได้มาด้วยหมวยงงงัน เพราะเมามัน...ขั้นเจรจาภาษาจีน ลงจากเหลาเข้า “โรงเตี๊ยม” เตรียมพักผ่อน หลายคนนอนแต่หัวค่ำคร่ำเคร่งศีล แต่กลุ่มหนุ่มโสดใหญ่ “วัยหลายทีน” ยังอยากปีน “เขาคู่” อยู่ครามครัน หนีไม่พ้นคนกลุ่มนี้มีผมด้วย พอเห็นหมวยหุ่นดาราพาใจสั่น ตอนต่อไป...ใจอยากเล่ายาวกว่านั้น “เซ็นเซอร์” หั่นฉับ...ฉับ..กลับที่พัก
 รูปประธานเหมาขนาดใหญ่ในห้องโถงโรงแรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิราศจางเจี่ยเจี้ย (ฉบับปรับปรุง)
 สถานีรถไฟฉางซา ถึงเวลาล่าถอยหลังยัง “กวางเจา” หลังตีเข้า “ฉางซา” ดั่งมาเริ่ม ในเมืองนี้ที่อยากกล่าวเล่าเพิ่มเติม และ “คอนเฟิร์ม” เขาได้เรื่องใช้ดิน แผ่นดินจีนกว้างใหญ่สุดไพศาล แต่ริมทางข้างบ้านทุกร้านถิ่น เศษพื้นที่มีต้องปลูกของกิน ตามซอกหินเชิงภูเขามิเปล่าจริง ย้อนกลับยังกวางเจาอย่างเหงาจิต คณะเราเขาฮิตเรื่อง “ช้อบปิ้ง” ผมดูได้แต่ไม่ซื้อไปทิ้ง มิได้หยิ่งแต่เบื่อขอต่อราคา เขาขายค้าแบบตาใครดีได้ ถ้าแถวใต้อย่างนี้สิโดนด่า “ความจริงใจ” ควรให้กลับกับ “ลูกค้า” แต่อย่างว่าเขามุ่งหมายขาย “คนจร” ถ้าคล่องภาษาจีนมั่งหรืออังกฤษ พอได้คิดเจราว่าลดหย่อน... ในงานนี้ถ้าพี่ใหญ่ไปแน่นอน ออดอ้อน “เจรจา ต้าอ่วย” กัน พี่ “เวทิน ศันสนียเวทย์” ผู้มีเจตจำนงอันคงมั่น เขียนผลงานกานท์กวีทุกวี่ทุกวัน ล้วนสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้ความคิด ในหลายเล่มหนังสือถือเป็นหนึ่ง ความและคำนำซึ้งถึงดวงจิต อัชฌาสัยไมตรีมากมีมิตร แม้คำนิดมิข่มใครให้อับอาย
 รถไฟพาเราจากฉางซากลับกวางเจา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิราศจางเจี่ยเจี้ย (ฉบับปรับปรุง)
 พิพิธภัณฑ์ใต้พื้นถนนกวางเจา ถึงเวลาล่าถอยหลังยัง “กวางเจา” หลังตีเข้า “ฉางซา” ดั่งมาเริ่ม ในเมืองนี้ที่อยากกล่าวเล่าเพิ่มเติม และ “คอนเฟิร์ม” เขาได้เรื่องใช้ดิน แผ่นดินจีนกว้างใหญ่สุดไพศาล แต่ริมทางข้างบ้านทุกร้านถิ่น เศษพื้นที่มีต้องปลูกของกิน ตามซอกหินเชิงภูเขามิเปล่าจริง ย้อนกลับยังกวางเจาอย่างเหงาจิต คณะเราเขาฮิตเรื่อง “ช้อบปิ้ง” ผมดูได้แต่ไม่ซื้อไปทิ้ง มิได้หยิ่งแต่เบื่อขอต่อราคา เขาขายค้าแบบตาใครดีได้ ถ้าแถวใต้อย่างนี้สิโดนด่า “ความจริงใจ” ควรให้กลับกับ “ลูกค้า” แต่อย่างว่าเขามุ่งหมายขาย “คนจร” ถ้าคล่องภาษาจีนมั่งหรืออังกฤษ พอได้คิดเจราว่าลดหย่อน... ในงานนี้ถ้าพี่ใหญ่ไปแน่นอน ออดอ้อน “เจรจา ต้าอ่วย” กัน พี่ “เวทิน ศันสนียเวทย์” ผู้มีเจตจำนงอันคงมั่น เขียนผลงานกานท์กวีทุกวี่ทุกวัน ล้วนสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้ความคิด ในหลายเล่มหนังสือถือเป็นหนึ่ง ความและคำนำซึ้งถึงดวงจิต อัชฌาสัยไมตรีมากมีมิตร แม้คำนิดมิข่มใครให้อับอาย
 ร้านค้าขายสินค้าประเภทคล้ายตลาดคลองถมบ้านเรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิราศจางเจี่ยเจี้ย (ฉบับปรับปรุง)
 ณ กลางเมืองกวางเจาเขายิ่งใหญ่ สินค้าใหม่ ไอ. ที. มีมากหลาย ของเกรดบี. “ก๊อบปี้แบรนด์” แสนมากมาย การซื้อ-ขายต้องตาดีรู้ดีครบ นึกถึงน้อง “ธนเดช รักษ์ชูชีพ” ผมตัวลีบเลยนะแรกประสบ คนดังเด่น ด้อยเช่นเรา เขารึคบ ยากปรารภเรืองพระ “จตุคาม” ด้วยผมนี้มิถนัดแม้สักหน่อย จึงมักถอยไปนั่งฝั่งตรงข้าม มินานนักชักสนิทเลิกคิดคร้าม จึงรู้ความว่าคนซื่อมิถือตน นับเป็นนักกลอนดังฝั่ง ไอ.ที. มิตรมากมีกว้างไกลไปทุกหน ผมเพิ่งได้ร่วมเล่นเป็นกังวล ด้วยเป็นคนมิเก่งกล้าวิชาคอมฯ อีกท่านหนึ่งที่ขึงขังครั้งแรกปะ บางจังหวะเข้าใกล้ใจตุ้มต่อม อยากคุยด้วยป่วยใจมิใคร่พร้อม มักจะอ้อมห่างไกลไม่นั่งชิด พี่ “ประสิทธิ์-นนทวรรณ บุญวงษ์” บอกตามตรงเคยเกรงขามนามประสิทธิ์ ท่านพูดตรงส่งเสียงดังตั้งข้อคิด เมื่อพินิจคือผู้ใหญ่น้ำใจงาม พี่นนทวรรณท่านเรียบร้อยพูดน้อยนัก เพียงถามทักมิเหมือนเราเมาแล้วพล่าม ชื่นชมท่านด้านร้อยกรองทั้งสองนาม คอยติดตามด้วยใจพร้อมน้อมประณต
[/color][/size][/font]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิราศจางเจี่ยเจี้ย (ฉบับปรับปรุง)
 หน้าอนุสาวรีย์แพะ สัญลักษณ์เมืองกวางเจา  ตรวจพาสปอร์ต แล้วขึ้นเครื่องอำลา
กลับมายังกวางเจาเข้าใจถิ่น ผมได้ยินความเป็นมาน่าจำจด อดีตกาล ปัจจุบัน อนาคต ล้วนสัมพันธ์กันหมดกฎโลกา กวางเจานี้เขามีฉายามาก “เมืองแพะ” จากอนุสาวรีย์มีคุณค่า ฝรั่งเรียก “แคนตั้น” อีกฉายา “ก๋องเจ๊า” “หนานต้าเหมิน” พาที แล้วเวลาห้าวันก็ผันผ่าน ขอคืนบ้านแดนดินถิ่นสุขี รอประชุมสมาคมกวีฯ พบน้องพี่มากมายจากใกล้ไกล ท่านที่มิมีนามตามนิราศฯ ก็ล้วนญาติมิตร “กวีร่วมสมัย” มิได้ลืมเลือนนะขออภัย เรื่องมันไม่ยาวหนาฟ้าใหม่มี ต้องขอขอบพระคุณทุกทุกท่าน ที่ทนอ่านแต่หน้าหนึ่งมาถึงนี่... พบกันใหม่ในปีหน้าถ้าจรลี มิรอรีแต่งนิราศแห่งชาตินั้น ขอความสุขสวัสดีมีทั่วหน้า พลั้งผิดไปอภัยหนาอย่าเดียดฉันท์ ถือความรัก สามัคคีมีสัมพันธ์ ร่วมสร้างสรรค์ศักดิ์ศรีกวีเอย
.............................................๑.................................................
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|