ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
สาลินีฉันท์ ๑๑ *
ชื่อ สาลินีฉันท์ ๑๑ ด้วยอัตถะว่า มากด้วยครุ เปรียบประดุจมีแก่นสาร มากกว่าฉันท์ก่อน,
บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ ส่งและ สัมผัสภายในบทคล้ายกาพย์ยานี ๑๑ ต่างที่รับสัมผัสวรรค ๒ เลื่อนมาเป็นคำที่ ๒, ส่งและรับสัมผัสระหว่างบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันท์ดังนี้.. (มะคณะ) ( ตะคณะ...........................) ( ตะคณะ ) ( ๒ ครุลอย) ครุ ครุ ครุ ครุ ครุ........................ ลหุ ครุ ครุ ลหุ (ครุ ครุ) ลักษณะเดียวกันทั้ง ๒ บาท ๑๒๖๖ ๏ ยิ่งยามจิตมั่นคง จะส่งหวังพลังใจ มีเหตุความเป็นไป ฉะนั้นจริงก็ควรตรอง ๑๒๖๗ ๏ ต่างคนต่างความคิด ผิผิดคนละมุมมอง เชื่อความตามครรลอง พิจารณ์เหตุประกอบกัน ๑๒๖๘ ๏ ถ้าไร้ความเชื่อดล ผจญพลีมิมีวัน ผู้ทำได้ดังนั้น เพราะดวงจิตสุศรัทธา ๑๒๖๙ ๏ ใคร่ครวญทบทวนความ มิตามเขาเพราะวาจา เชื่อแล้วความเชื่อพา ลุล่วงกิจสฤษดิ์ชัย
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ สาลินีฉันท์ ๑๑
๏ กลฉันท์รำพันพร้อง ลบองบทก็โสภา เผยอรรถบัญญัติสา ลินีนามกรแสดง ๏ มวลหมู่เมธาชาติ ฉลาดลองนิพนธ์แถลง หลากหลายบรรยายแจง กระจ่างจิตรลิขิตสาร
รายนามผู้เยี่ยมชม : ก้าง ปลาทู, prin, ลิตเติลเกิร์ล, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, Black Sword, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, เฟื่องฟ้า, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
สวาคตาฉันท์ ๑๑ *
ชื่อ สวาคตาฉันท์ ๑๑ ด้วยอัตถะว่า มีคณะมาเป็นอันดี, บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๗ พยางค์ วรรคหลัง ๔ พยางค์ รับและส่งสัมผัส ภายในบท ท้ายวรรค ๑ ไปยัง คำที่ ๓ วรรค ๒ ท้ายวรรค ๒ ไปยังท้ายวรรค ๓ สัมผัสระหว่าบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันท์ดังนี้.. (ระคณะ) ( นะคณะ ) ( ภะคณะ ........................) ( ๒ ครุลอย) ( ครุ ลหุ ครุ) (ลหุ ลหุ ลหุ) (ครุ ลหุ ....................... ลหุ) (ครุ ครุ) ลักษณะเดียวกันทั้ง ๒ บาท
๑๘๘๐ ๏ โทสะครองก็จะกระทำ คุรุกรรมพา โดยมิมีสุจริยา สติสับสน ๑๘๘๑ ๏ โมหะครองเพราะสติคลอน อุระร้อนรน บาปจริตเกาะหิริ*ตน มลอำพราง ๑๘๘๒ ๏ ยากระงับอคติใน อริใจหมาง เคืองและแค้นเพราะมิละวาง จะกระทำทราม ๑๘๘๓ ๏ หากละโกรธจิตอภัย สละให้งาม ชนม์จะดีสุคติตาม และมิมีทัณฑ์
อุลามก เลวทรามต่ำช้า หิริ ความละอาย,
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ สวาคตาฉันท์ ๑๑
๏ พากยะนี้ธิระประกาศ พจนารถขนาน สวาคตาคติบุราณ รจนานาม ๏ เสนอกระวีคณอเนก รจเรขตาม แบบฉบับนิบุณะคาม ภิรพร้องเพรง
รายนามผู้เยี่ยมชม : ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, prin, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, Black Sword, กร กรวิชญ์, กอหญ้า กอยุ่ง, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักฉันท์ไว้นิด สลับมากลบท กลอนกลบทธงนำริ้ว*
กำหนดให้ซ้ำคำต้นวรรค ๒ คำทุกวรรค
๑๐๘๑ ๏ นานนานไปเข้าใจดีที่พบเห็น แท้แท้เป็นตามหลักธรรมนำทางอยู่ ผ่านผ่านได้ ใคร่ครวญทบทวนดู ร้ายร้ายหรือถือดั่งครูคอยเตือนติง
๑๐๘๒ ๏ ใดใดบ้างลางคนที่ขี้สงสัย จ้องจ้องอยู่ดูสนใจไปทุกสิ่ง แน่แน่นักจักเป็นผู้ได้รู้จริง ใครใครที่ดีแต่นิ่งยิ่งโง่งม
๑๐๘๓ ๏ นี่นี่แหละผู้มีใจใฝ่ศึกษา โถโถหรือถือปริญญาว่างามสม รับรับตั้งบนหลังตู้ไว้ดูชม เคร่งเคร่งเครียดเกียรตินิยมได้เพียงยล
๑๐๘๔ ๏ คิดคิดลึกการศึกษาจบน่าผิด ต่อต่อไปตลอดชีวิตสัมฤทธิ์ผล รู้รู้โลกรู้แก่นธรรมรู้ห้ามตน ทุกทุกคนหยุดเรียนรู้อยู่รอตาย
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””"""""""""""”””
ศิริวิบุลกิตติ์ หลวงศรีปรีชา(เซ่ง) เป็นกลอนเก้า กลอนกลบทธงนำริ้ว จารึกวัดพระเชตุพนฯ เป็นกลอนแปด , จึงถือว่าใช้ได้ทั้งสองแบบ
ต้นแบบ กลบทธงนำริ้ว
๏ ใครใครเขาได้รู้อดสูเขา แนแนเจ้าขอแต่ปากอย่าถากถาง พิดพิดโฉมเล่าก็เฉิดประเสริฐสำอาง คิดคิดข้างประยูรศักดิ์ก็สูงธรง
๏ เออเออไฉนใจจึงไม่สม ค้าคารมข่มมิตร์น่าพิศวง รักษรักษได้แต่รื่นไม่ยืนยง ชื่อว่า “ธงนำริ้ว” ปลิวปลายเอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, เฟื่องฟ้า, prin, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, กอหญ้า กอยุ่ง, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทหงส์คาบพวงแก้ว
กำหนดให้ซ้ำคำ คำที่ ๓ กับคำที่ ๔ และ คำที่ ๖ กับคำที่ ๗ ของทุกวรรค
๕๕ ๏ อันคนแก่แก่เพียงกายกายเหี่ยวย่น ความเป็นคนคนค่ามีมีมิหย่อน ได้เรียนรู้รู้จักโลกโลกเย็นร้อน พบมาก่อนก่อนผ่านวันวันเยาว์วัย
๕๖ ๏ เคยทั้งสุขสุขสมรักรักหวานชื่น เคยเจอทุกข์ทุกวันคืนคืนหมองไหม้ เคยรู้รสรสชีวันวันเปลี่ยนไป มิมีสิ่งสิ่งอันใดใดยืนยง ๕๗ ๏ อย่าดูถูกถูกคนแก่แก่แรงอ่อน ยังคงมีมีดีก่อนก่อนลืมหลง รู้ปรับใช้ใช้ประสบสบการณ์ตรง ค่ายังคงคงมั่นอยู่อยู่นานเนา
๕๘ ๏ เลือกเฟ้นรับรับสิ่งดีดีมากมาย ไม่เสียหลายหลายอย่างไม่ไม่โง่เขลา ใคร่ครวญคิดคิดแล้วอย่าอย่าใจเบา วันหนึ่งเราเราก็แก่แก่แน่จริง
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทหงษคาบพวงแก้ว
๏ไฉนหนอหนอจะแจ้งแจ้งจิตร์เจ้า ว่าพี่เศร้าเศร้าโศกทอดทอดใจถอน ถึงยามกินกินแต่ทุกข์ทุกข์นั่งนอน ดั่งต้องศรศรเสียบอกอกอาทะวา
๏ นี่สุดคิดคิดเหลือคิดคิดเสี่ยงสาร แจ้งการการสังวาศวาศนา ขอจงน้องน้องอย่าแหนงแหนงวิญา ชื่อ “เหมราคาบพวงแก้ว” แพร้วพรายเอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, prin, ปลายฝน คนงาม, Black Sword, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, ก้าง ปลาทู, กอหญ้า กอยุ่ง, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทดุริยางค์จำเรียง
กำหนดให้ทุกวรรค มีซ้ำคำ ๓ คู่ และสัมผัสสระชิด ๓ คำอีก ๒ ชุด
๑๘๖๒ ๏ รักรักเอ๋ยเคยเคยหวานพานพานขม ใครใครรู้ชู้ชู้ชมสมสมหมาย หนักหนักจิตคิดคิดเคืองเรื่องเรื่องอาย แค้นแค้นใจไม่ไม่หายหลายหลายครา
๑๘๖๓ ๏ เชิงเชิงสิ้นหมิ่นหมิ่นชายร้ายร้ายเหลือ ก่อนก่อนเมื่อเบื่อเบื่อช้ำร่ำร่ำหา เลือนเลือนไกลไม่ไม่กลับลับลับลา เห็นเห็นซ้ำตำตำตาพาพาซม
๑๘๖๔ ๏ เก็บเก็บกดอดอดจนทนทนหน่าย หาหาทางล้างล้างอายหายหายสม นานนานทับอับอับโชคโศกโศกตรม กรีดกรีดจมคมคมกริชมิดมิดใจ
๑๘๖๕ ๏ รอรอว่าหาหาช่องจ้องจ้องล้าง สบสบทางสางสางแค้นแสนแสนใหญ่ เป็นเป็นตายร้ายร้ายดีมีมีใด ก้าวก้าวไปไม่ไม่ถอยคอยคอยวัน
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทดุริยางค์จำเรียง
๏ หลาบหลาบใจไกลไกลลับนับนับชาติ์ สิ้นสิ้นเสร็จเด็ดเด็จสวาดิ์ขาดขาดหาย อย่าอย่าพ้องต้องต้องใจใกล้ใกล้ตาย ขอขอหน่ายหายหายชื่อฤๅฤๅมี
๏ ตราบตราบลับดับดับจันทร์พันพรรณ์แสง ห้วงห้วงสมุทรทรุดทรุดแห้งแหนงแหนงหนี ไกลไกลกันพันพันโยชน์โกฎโกฎทวี บทนี้นี้ ดุริยางค์จำเรียง เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, เฟื่องฟ้า, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, prin, คอนพูธน, ศรีเปรื่อง, Black Sword, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทมยุราฟ้อนหาง
กำหนดให้ซ้ำคำ ๒ คำต้นวรรค และ ๒ คำปลายวรรค...
๑๗๒๔ ๏ จริงจริงแล้วล้วนมิมีที่แน่แน่ เห็นเห็นตายเกิดเจ็บแก่แต่ไหนไหน เด็กเด็กว่าแก่จะตายยายใครใคร เผลอเผลอไปฟังพระสวดทวดยายยาย
๑๗๒๕ ๏ ป่วยป่วยหนักน่ามิรอดนักหนาหนา กลับกลับมาถามคนไหนไปหายหาย ดีดีอยู่แล้วกระไรไยตายตาย แท้แท้มิกำหนดหมายเวลาลา
๑๗๒๖ ๏ อย่าอย่าคิดว่าเขาล้มมิฟื้นฟื้น ลุกลุกขึ้นมาหยัดยืนวันหน้าหน้า แข็งแข็งแรงอาจอมโรคอยู่นานา แป๊บแป๊บอ่อนนอนตัวชาตาลอยลอย
๑๗๒๗ ๏ คิดคิดดูแล้วชีวีมินานนาน ทำทำทานบุญกันไว้ให้บ่อยบ่อย รีบรีบทำแต่ความดีมิคอยคอย วันวันผ่านสวรรค์คล้อยมาไรไร
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทมยุราฟ้อนหาง
๏ ติดติดเงี่ยเสียเชิงเจ้าชัดชัด เก่งเก่งจัดเจียวคารมออกจ้านจ้าน ทำทำนองไขรอยคอยรานราน เบื่อเบื่อจิตร์คิดก็คร้านพานจางจาง
๏ เถิดเถิดสาปหลาบลาทั้งรักษรักษ อย่าอย่าพักเอื้อนอำทำขวางขวาง ดีดีชั่วไม่ต้องบอกออกรางราง ชื่อ"มยุราฟ้อนหาง"ไว้อย่างเอยฯ ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, คอนพูธน, prin, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ศรีเปรื่อง, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทรักร้อย
กำหนดให้ซ้ำคำ ระหว่างคำที่ ๓ และคำที่ ๔ ของทุกวรรค
๒๕๐ ๏ การกินอยู่อยู่ชายป่าใครว่าด้อย ต้นทุนน้อยน้อยราคามิคว้าไขว่ นี่แหละคือคือชีวีวิถีไทย การกินใช้ใช้ก็แต่พอเพียง
๒๕๑ ๏ เศรษฐกิจกิจแดนไกลมิใคร่เกี่ยว ถึงโดดเดี่ยวเดี่ยวเดียวดายไร้สุ่มเสี่ยง สะสมทรัพย์ทรัพย์แท้แค่เสบียง มักหลีกเลี่ยงเลี่ยงกลุ่มที่ฟุ่มเฟือย
๒๕๒ ๏ ตอนกลางวันวันยังค่ำทำนาไร่ สิ่งที่ได้ได้ผลตามความเหน็ดเหนื่อย อาจมองเห็นเห็นเป็นชีวีที่เปล่าเปลือย ก้าวไปเรื่อยเรื่อยเรียงเรียงเพียงมั่นคง ๒๕๓ ๏ ความรุ่งเรืองเรืองโรจน์โชติชัชวาล ธรรมชาติชาติแหลกลาญมิประสงค์ อนุรักษ์รักษ์ไว้ให้ดำรง เป็นชาวดงดงหล่อเลี้ยงเราเพียงพอ
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทรักร้อย
๏ จนเขาชมชมชื่อออกฤๅฉาว ด้วยปะคราวคราวครั้งมังฉมวย เพราะได้มนต์มนต์มามะหาละลวย จึงดูรวยรวยรุ่งออกฟุ้งฟู
๏ อันเพลงพ้อพ้ออ้างเหมือนอย่างสนอง นาม "รักษร้อย" ร้อยกรองต้องคู่คู่ ไว้เปนแบบแบบฉบัพตำหรับครู ตามที่รู้รู้อ่านบุราณเอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทสร้อยสน
กำหนดให้มีซ้ำคำภายในวรรค ๑ คู่ และซ้ำคำ ๑ คำปลายวรรคกับต้นวรรค ต่อเนื่องกันไป
๙๑๕ ๏ พิไรร่ำร่ำร้องให้ก้องโลก โลกพลอยโศกโศกสร้อยละห้อยหา หามีใครใครรู้อยู่ไกลตา ตาแห่งฟ้าฟ้ามิจ้องมามองเรา
๙๑๖ ๏ เราตกยากยากเข็ญเป็นดังสัตว์ สัตว์ป่าจรจรจัดลัดทิวเขา เขาคงลืมลืมเลยเคยคลอเคล้า เคล้าให้เฉาเฉาแห้งแรงราโรย
๙๑๗ ๏ โรยทั้งกายกายใจไม่มีชื่น ชื่นสักคืนคืนผ่านวารหิวโหย โหยหาคนคนอยู่หลังนั่งโอดโอย โอยแดโดยโดยเดี่ยวเปลี่ยวเอกา
๙๑๘ ๏ กาจากคอนคอนคอยกาน้อยกลับ กลับไปลับลับหายไกลนักหนา หนาแน่นโศกโศกชีวินสิ้นชีวา ชีวาเราเราสิ้นค่าโลกาลวง
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทสร้อยสน
๏ พิรมรื่นรื่นรศบงกชมาศ มาดนุชนุชนิราศสมานสมัก สมักมิตร์มิตร์เอนดูช่วยชูภักตร์ ภักตร์ที่หมองหมองนักด้วยรักษแรง
๏ รักษร้อนรึงรึงอุราเมตตาพี่ พี่สอดสารสารศรีมาแจ้งแถลง แถลงน้องน้องอย่าหมางระคางแคลง สารแสดงชื่อ “สร้อยสน” กลบท เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : prin, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง, กรกช, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทพยัคฆ์ข้ามห้วย
กำหนดให้ซ้ำคำ พยางค์ที่สามจากต้นวรรค กับปลายวรรค ของทุกวรรค
๑๒๙๐ ๏ มีความหวังอื่นใดถ้าใจหวัง ควรต้องตั้งความพอดีเป็นที่ตั้ง อย่ารอรั้งก้าวต่อไปไม่รอรั้ง มุ่งมิคืนอย่ายั้งหันหลังคืน
๑๒๙๑ ๏ ทนรอเขาช่วยเมื่อใดตามใจเขา คงสุดฝืนมาช่วยเราเฉาจำฝืน เหมือนเรายืนดูเขาช่วยด้วยการยืน เรารอดตายให้ใครอื่นเขาเจียนตาย ๑๒๙๒ ๏ เพียงเศษเสี้ยวหวังกลายเป็นหลายเสี้ยว ที่ปองหมายไว้นิดเดียวมิสมหมาย ทุ่มแรงกายใจคงดำรงกาย พึงดิ้นรนขวนขวายให้ดิ้นรน ๑๒๙๓ ๏ ช่วยตนก่อนมิรอให้ใครช่วยก่อน จึงมีผลบนขั้นตอนตามเหตุผล อันตัวตนพึ่งได้แน่แค่ตัวตน มีเมตตาอย่าเป็นคนรอเมตตา
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””” ต้นแบบ กลบทพยัคค่ามห้วย
๏ เสียดายโฉมชื่นฤทัยประไพโฉม เคยประโลมชื่นเชยกลิ่นจะสิ้นชื่น ไม่ยืนรักษ์แรกเหมือนรักษ์จักยาวยืน ไม่ทันวายรศรื่นมาแรมวาย
๏ อย่ากลับฬ่อลิ้นให้ล้มด้วยลมลิ้น พี่รู้สิ้นว่าหายรักษ์จึงหักหาย เหมือนตายจากพรากกันคุ้งวันตาย บทขยาย “พยัฆค่ามห้วย” เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : prin, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, รินดาวดี, ศรีเปรื่อง, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กรกช, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทกินนรเก็บบัว.
กำหนดให้ซ้ำคำ คำที่ ๓ กับคำที่ ๕ ทุกวรรค ( ตามแบบ ศิริวิบุลกิตดิ์ หลวงศรีปรีชา เซ่ง)
๔๗๓ ๏ เมตตาธรรมคือธรรมอันล้ำเลิศ ร้ายไม่เกิดแต่เกิดสิ่งอหิงสา เมตตาธรรมคือธรรมค้ำโลกา คือคุณค่าเหนือค่าบรรดาธรรม
๔๗๔ ๏ เมื่อยามโลกทั้งโลกวิโยคหนัก คนขาดรักหารักอยู่เช้าค่ำ โลกสีขาวหมดขาวเคล้าสีดำ ไม่เป็นส่ำระส่ำอยู่ร่ำไป
๔๗๕ ๏ ก่อการร้ายคนร้ายขยายทั่ว หลงเมามัวต่างมัวเน้นความเป็นใหญ่ หมายแย่งชิงช่วงชิงความมีชัย มิเข้าใจสนใจแค่เห็นแก่ตน
๔๗๖ ๏ เป็นคนดีต้องดีไปในทุกที่ มิใช่ ดีทำดีมีหวังผล ใครพลาดผิดหลงผิดขุ่นจิตทน อภัยคนนั่นคนดีมีเมตตา
แดนคนธรรพ์ ธนุ เสนสิงห์ “””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
ต้นแบบ กลบทกินนรเกบบัว
กำหนดให้ซ้ำคำ ที่ ๓ กับคำที่ ๕ ตามแบบ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง)
๏ เมื่อสั่งทัพเสร็จทัพแล้วรับสั่ง ให้โหรตั้งหาตั้งคูณหารนับ ให้ดูฤกษ์ยกฤกษ์จะเบิกทัพ พวกโหรจับหาจับตำราครู
.......................................................................................
ในศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ สำนวนต้นแบบนี้ ให้ซ้ำเพียงเสียงอักษร แต่ก็ไม่ทุกคำเช่น (อย่าไขสือไขรอยให้พลอยถลำ)
๏ ขอออกตัวออกตนเสียพ้นชื่อ อย่าไขสือไขรอยให้พลอยถลำ แต่ปางนี้ปางหน้าอย่าปิดงำ จงประจำประเจิดเชิดให้ชัดตัว
๏ เรารับแพ้รับผิดเข็ดฤทธิ์เจ้า ค้าตะเภาตะภายชื่อให้ฤๅชั่ว เรื่องเร่ร่อยเร่รักษ์ภักตร์หมองมัว นาม “ กินนรเกบบัว” บทนี้เอยฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, prin, ปลายฝน คนงาม, Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ศรีเปรื่อง, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กรกช, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักกลอนกลบท สลับเป็นกาพย์ *********กาพย์สุราคนางค์ ๒๘ เมื่อบังคับ ครุ ลหุ กลายเป็นฉันท์*********
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ (แบบที่ ๑)*
บทละ ๒ บาท บาทที่ ๑ มี ๓ วรรค บาทที่ ๒ มี ๔ วรรค รวมเป็น ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำ
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๑ สัมผัสท้ายวรรคที่ ๑ กับ ๒, ท้ายวรรค ๓ กับท้ายวรรค ๕ และ ๖
๙๔๓ ๏ คนป่าคนดง อยู่กลางพฤกษ์พง ป่าหรือคือบ้าน เป็นอยู่เยี่ยงสัตว์ กมลสันดาน เช่นคนโบราณ เหล่าบรรพชน ๙๔๔ ๏ แต่ด้านจิตใจ ซึ่งอยู่ภายใน ฝักใฝ่กุศล กิเลสตัณหา ละรากระวน โทสาแห่งตน บรรเทาเบาบาง ๙๔๕ ๏ แดนโลกิยะ ไม่ใช้ธรรมะ เป็นสิ่งนำทาง โลภโมโทสัน เวรกรรมอำพราง ใจชืดจืดจาง ขันแข่งแย่งชิง ๙๔๖ ๏ อันค่าของคน อยู่ในกมล น้ำใสใจจริง มองผ่านเพียงตา งามเลิศเพริศพริ้ง มายาทุกสิ่ง ชวนชมงมงาย (กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๑ พบใน มหาชาติคำหลวง และ อนิรุทธ์คำฉันท์)
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๒*
บทละ ๒ บาท บาทที่ ๑ มี ๓ วรรค บาทที่ ๒ มี ๔ วรรค รวมเป็น ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำ
กาพย์สุรางคนางค์แบบที่ ๒ เพิ่มสัมผัสจากแบบที่ ๑ อีก ๑ คู่ ท้ายวรรค ๔ กับคำที่ ๒ วรรค ๕
๖๖๑ ๏ ความสำเร็จคน ตามจิตแห่งตน คิดหวังต่างกัน แม้รู้อยู่ไกล ภายในความฝัน มีใจมุ่งมั่น จุดหมายปลายทาง ๖๖๒ ๏ ต้องไม่รั้งรอ และไม่ย่อท้อ ความเพียรมิจาง อาจไม่เห็นฝั่ง ความหวังเลือนราง คิดหาหนทาง สืบเท้าก้าวเดิน ๖๖๓ ๏ เพิ่มพูนปัญญา เร่งเรียนวิชา มิร้างห่างเหิน ศรัทธาคว้าไขว่ ตั้งใจเผชิญ ธรรมะเจริญ สมาธิคง ๖๖๔ ๏ หลีกสิ่งยวนใจ กิเลสเภทภัย คลั่งไคล้ ใหลหลง ไม่แวะเวียนวน ดั้นด้นดิ่งตรง มุ่งหน้าคว้าธง สวัสดีมีชัย
(กาพย์สุรางคนางค์แบบที่ ๒ พบในสมุทรโฆษคำฉันท์ ของสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส)
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๓*
บทละ ๒ บาท บาทที่ ๑ มี ๓ วรรค บาทที่ ๒ มี ๔ วรรค รวมเป็น ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำ
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๓ เพิ่มสัมผัสจากแบบที่ ๒ ท้ายวรรค ๒ กับ คำที่ ๒ วรรค ๓,
๓๙๓ ๏ จะทำการใด สำคัญที่ใจ ต้องไม่แคลนคลอน มีจิตมุ่งมั่น ฝ่าฟันลุ่มดอน อย่าอนาทร* สะท้อนฤทัย ๓๙๔ ๏ อุปสรรคขวาง ล้มลงไปบ้าง ยันร่างขึ้นใหม่ แม้น้ำตาตก ลงอกภายใน อย่าพร่ำร่ำไร ให้ใครได้ฟัง ๓๙๕ ๏ ต้องก้าวต่อไป มิพรั่นหวั่นไหว อาลัยความหลัง กระทำทุกสิ่ง ต้องจริงต้องจัง ผิดพลาดไปมั่ง เป็นดั่งบทเรียน ๓๙๖ ๏ จดจำให้มั่น ได้รู้เท่าทัน แล้วบันทึกเขียน ไม่มีใดยาก เกินจากพากเพียร คว้าแก้ววิเชียร เป็นเหรียญรางวัล
(กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ แบบที่ ๓ พบในงานของสุนทรภู่ และ ของพระยาอุปกิตศิลปะสาร)
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ( แบบที่ ๔)
บทละ ๔ บาท บาทที่ ๑ มี ๑ วรรค. บาทที่ ๒.๓ และ ๔ บาทละ ๒ วรรค. รวมเป็น ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำ สัมผัส วรรคท้ายที่ ๑ กับ ๒, ท้ายวรรค ๓ กับท้าย วรรค ๕ และ ๖,ท้ายวรรค ๔ กับคำที่ ๒ วรรค ๕
๖๗๑ ๏ หินงอกงามตา หินย้อยห้อยมา เพชรน้ำงามดี ดุจม่านมงคล ชวนยลแสงสี ช่อชูรูจี ศิลป์สรรค์บรรจง ๖๗๒ ๏ ผนังประกาย นูนเว้าเส้นสาย เป็นลายเหมหงส์ สิงห์สาราสัตว์ ช่อฉัตรทิวธง ฉายไฟย้อนตรง โชติช่วงดวงแดง
ต้นแบบ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ( แบบที่ ๔)
๏ บพิตรราชา ตสัตุรา ชรัฐไกร สดับณศาสน์ พระราชหทัย ธ ปรีดีใด บเปรียบบปาสน
๏ พระเผยประกาษ กะมุขอมาตย์ บดีประธาน ตระเตรียมสกนธ์ พหลทหาร สมรรถชาญ ประดังประดา
(สามัคคีเภทคำฉันท์)
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, prin, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กรกช, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์ตุรงคธาวี* ชื่อ กาพย์ตุรงคธาวี ด้วยอัตถะว่า มีระเบียบดังม้าวิ่ง ,
บทละ ๔ บาท. บาท ๑ และ ๓ มี ๓ วรรค, วรรคละ ๓,๔,๕ คำ, บาท ๒ และ ๔ มี ๔ วรรค, วรรคละ ๓,๕,๓,๕ คำ, สัมผัส ท้ายวรรค ๑ กับ ท้ายวรรค ๒, ท้ายวรรค ๓ กับท้ายวรรค ๕, ท้ายวรรค ๔ กับคำที่ ๒ วรรค ๕. ท้ายวรรค ๖ กับคำที่ ๒ วรรค ๗., ท้ายวรรค ๗ กับท้ายวรรค ๑๐ และ ๑๒, ท้ายวรรค ๘ กับท้ายวรรค ๙, ท้ายวรรคที่ ๑๑ กับ คำที่ ๒ วรรค ๑๒, ท้ายวรรคที่ ๑๓ กับ คำที่ ๒ วรรคที่ ๑๔
๓๔๖ ๏ ความสามารถ ความโง่ฉลาด ความถนัดของคน ต่างกันไป นิสัยแห่งตัวตน ตามพื้นฐาน ประสบการณ์ร่ำเรียนมา แต่เมื่อไร รวมเป็นหมู่ใหญ่ สามัคคีมีค่า ร่วมแบ่งปัน สารพันวิทยา เกิดพลัง เป็นคลังวิชาการ
๓๔๗ ๏ เมื่อต้องใช้ ขัดข้องอันใด ร่วมใจประสาน แก้ปัญหา ค้นคว้าดำเนินงาน สุขสมหมาย บั้นปลายเสร็จสวยงาม สิ้นสามัคคี แก่งแย่งชิงดี ประพฤติตัวชั่วทราม กิจมลาย เสียหายมิได้ความ ท้ายมิรอด ม้วยมอดไปด้วยกัน ..............................................................................
กาพย์มหาตุรงคธาวี* ชื่อ กาพย์ตุรงคธาวี ด้วยอัตถะว่า มีระเบียบดังม้าวิ่งใหญ่ ,
บทละ ๔ บาท, บาท ๑ และ ๓ มี ๓ วรรค, วรรคละ ๓,๔,๕ คำ, บาท ๒ และ ๔ มี ๔ วรรค, วรรคละ ๓,๕,๓,๖ คำ, สัมผัส ท้ายวรรค ๑ กับ ท้ายวรรค ๒ และ คำที่ ๒ วรรค ๓, ท้ายวรรค ๓ กับท้ายวรรค ๕, ต้นวรรค ๔ กับท้ายวรรค ๔, ท้ายวรรค ๖ กับคำที่ ๒ วรรค ๗., ท้ายวรรค ๗ กับท้ายวรรค ๑๐ และ ๑๒, ท้ายวรรค ๘ กับท้ายวรรค ๙ และคำที่ ๒ วรรค ๑๐, ต้นวรรคที่ ๑๑ กับ ท้ายวรรคที่ ๑๑, ท้ายวรรคที่ ๑๓ กับ คำที่ ๒ วรรคที่ ๑๔
๗๙๗ ๏ ความเชื่อมั่น มีความสำคัญ สัมพันธ์ใจและกาย ป่วยใจด้วย เมื่อไม่สบาย หลีกไม่พ้น ต้องทนทุกข์ทรมาน ควรรักษา กายินวิญญาณ์ มิท้าต่อภัยพาน คนต้องทน ทำใจชื่นบาน มิหวั่นไหว ต่อไข้โศกโรคเกาะกิน
๗๙๘ ๏ หวังของตน เมื่อมีมากล้น เป็นผลนำชีวิน ถ้าหากว่า ปล่อยใจโบยบิน เกิดท้อแท้ รีบแก้ก่อนอย่านอนใจ เมฆหม่นฟ้า ทุกข์เศร้าเข้ามา ฝนลาฟ้าสดใส ยังมีหวัง พลังภายใน อย่าให้มอด คือยอดผู้ทระนง
(ต้นแบบในคัมภีร์กาพย์คันถะ และสารวิลาสินี เป็นภาษาบาลี)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์ตรังคนที ( กาพย์ตรังควชิราวดี)*
ชื่อ กาพย์ตรังควชิราวดี ด้วยอัตถะว่า งาม ดั่งพวงแก้ววิเชียร
บทละ ๔ บาท, ๘ วรรค วรรคหน้า ๕ พยางค์ วรรคหลัง ๖ พยางค์ ส่งสัมผัส และ รับสัมผัส เช่นกาพย์ยานี ๑๑ เขียนคู่กัน ๒ บท
๔๓๗ ๏ กฎอหิงสา*ธรรม ควรน้อมนำกำหนดหมาย โลกอุ่นมิวุ่นวาย สันติธรรมจะหวนคืน นรชนมีแบบบท อยู่ในกฎอย่างยั่งยืน ธรรมชาติสุขกลมกลืน สร้างพื้นฐานชีพมั่นคง
๔๓๘ ๏ ดวงใจใสพิสุทธิ์ เป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรี กฎหมายไม่ต้องมี หากพระธรรมอยู่ดำรง ก่อเกิดความเมตตา กรุณามั่นผจง สรรพสัตว์วัฏฏะวง เกิดร่วมกรรมร่วมโลกา “”””””””””””””””””””””””””””
กาพย์มหาตรังคนที (กาพย์มหาตรังควชิราวดี*)
ชื่อ กาพย์มหาตรังควชิราวดี ด้วยอัตถะว่า งาม ดั่งพวงแก้ววิเชียรใหญ่ ,
บทละ ๔ บาท, ๘ วรรค วรรคหน้า ๕ พยางค์ วรรคหลัง ๗ พยางค์ เท่ากับ กาพย์ยานี ๑๑ เขียน คู่กัน ๒ บท แต่เพิ่มวรรคหลังจาก ๖ คำ เป็น ๗ คำ ๔๔๕ ๏ นามพืชสัตว์ทั้งหลาย ที่กระจายดาษดื่นพื้นบ้าน ต่างชื่อใช้เรียกขาน ภาษาถิ่นทั่วแผ่นดินไทย มุดสัง* คือชะมด กลิ่นปรากฏฉุนไม่เหมือนใคร เลียงผาทางภาคใต้ คูรำ โครำคำแพร่หลาย
๔๔๖ ๏ ชื่อพืชแปลกกันดี แต่ลางที น่าขันน่าขำ มะหวดเป็นนำซำ มะชักคือมะคำดีควาย คอเหี้ยคือคอแลน แต่ละแดนสลับกลับกลาย ขอเพียงรู้ความหมาย ต่างสายคำเรื่องธรรมดา
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
(ต้นแบบในคัมภีร์กาพย์คันถะ และสารวิลาสินี เป็นภาษาบาลี)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์มัณฑุกคติ*
ชื่อ กาพย์มัณฑุคติ ด้วยอัตถะว่า มีดำเนินกลอนดังกบเต้น บทละ ๔ บาท ๘ วรรค วรรคละ ๖ คำ บาทแรก บังคับครุ ลหุ ด้วย
ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ ลหุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ครุ
๕๗๙ ๏ คติว่าประสาสัตว์ ผิจะกัดก็ป้องตน แต่พวกสัตว์กินเลือดคน สัตว์ด้วยกันนั้นแสนร้าย ชีวิตอยู่ด้วยเบียดเบียน สะอิดสะเอียนพวกเลือดเย็น การดำรงชีพจำเป็น สืบชีวีด้วยบีฑา
๕๘๐ ๏ เถอะพยัคฆ์สิพิฆาต มิประหลาดลุชีวา เด็ดชีพเป็นภัตตา ใช้ชีวิตสืบชีวี ริ้นไรยุงทากปลิง ร้ายก็จริงมิถึงตาย กินเลือดเพียงเลี้ยงกาย มิปรารถนาพร่าชีวัน ข้อสังเกต กาพย์มัณฑุคคติ ท้ายวรรค ๔ กับ ๖ ไม่สัมผัสกัน ......................................................................................
กาพย์แก้วมัณฑุกคติ*
บทละ ๔ บาท ๘ วรรค วรรคละ ๖ คำ
๔๙๓ ๏ ณ กลางไพรยามใกล้ค่ำ เย็นเยียบฉ่ำชุ่มอุรา ยินสำเนียงเสียงนกกา เซ็งแซ่แก่งแย่งยืนคอน เคล้าเคลียคลอพะนอคู่ บ้างเป็นหมู่อยู่สลอน เสียงหรีดหริ่งเรไรซ้อน สอดผสมระงมดง
๔๙๔ ๏ ช้าง“ ปี๊บ แปร้น” ก้องป่าใหญ่ เจ้าเขาไพรพร้องเสียงหลง ยามหัวค่ำร่ำแดนดง ดึกสงัดผลัดเงียบงัน เสียงลมพรูลู่ใบไม้ ผู้กล่อมไพรจักจั่น เสียงแปลกแปลกแทรกซ้อนกัน ชวนผวาคราได้ยิน
กาพย์แก้วมัณฑุกคติ ดัดแปลงใหม่ โดย ธนุ เสนสิงห์ จาก กาพย์ มัณฑุกคติเดิม ซึ่งงดการบังคับ ครุ ลหุ บาทแรก และเพิ่มสัมผัสระหว่าง วรรค ๔ กับ ๖ ด้วย
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
(ต้นแบบในคัมภีร์กาพย์คันถะ และสารวิลาสินี เป็นภาษาบาลี)
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, ก้าง ปลาทู, prin, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, รินดาวดี, กร กรวิชญ์, ศรีเปรื่อง, ขวดเก่า, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์กากคติ*
ชื่อ กาพย์กากคติ ด้วยอัตถะว่า ดำเนินกลอนดังกาที่บินไป
บทละ ๔ บาท, บาท ๑ และ ๓ มี ๓ วรรค, บาท ๒ และ ๔ มี ๔ วรรค, วรรคละ ๔ คำ ลักษณะสัมผัสท้ายวรรค ๑ กับ ท้ายวรรค ๒, ท้ายวรรค ๓ กับ ท้ายวรรค ๕ และ ๖, ท้ายวรรค ๔ กับ คำที่ ๒ วรรค ๕,ท้ายวรรค ๗ กับ ท้ายวรรค ๑๐ ท้ายวรรค ๑๒ และ ๑๓, ท้ายวรรค ๘ กับท้ายวรรค ๙, ท้ายวรรค ๑๑ กับ คำที่ ๒ วรรค ๑๒, บาทที่ ๑ บังคับ ครุ และ ลหุ ด้วย
ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ ลหุ ครุ
๘๔๓ ๏ สภาวะคน ณ ยามผจญ กะอันตราย เกิดความคับขัน ผกผันถึงตาย ในจิตวุ่นวาย เอาตัวรอดพลัน ผู้ที่มีธรรม หาทางน้อมนำ ต่อสู้ฝ่าฟัน ต้องช่วยส่วนรวม อยู่ร่วมผูกพัน ด้วยความมุ่งมั่น มิทิ้งจริงใจ
๘๔๔ ๏ ผิใจอธรรม เจอะความระกำ ละลี้ผละไป มิมีเมตตา นำพาผู้ใด สติแตกได้ ความกลัวบีฑา คิดถีบผู้อื่น เพื่อตัวเองยืน รักษากายา ความคิดสับสน ต้องมนต์มรณา ผู้ขาดความกล้า พ่ายแพ้โพยภัย จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..................................................................................
(ต้นแบบในคัมภีร์กาพย์คันถะ และสารวิลาสินี เป็นภาษาบาลี)
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, กอหญ้า กอยุ่ง, prin, Black Sword, รพีกาญจน์, เฟื่องฟ้า, รินดาวดี, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ก้าง ปลาทู, ศรีเปรื่อง, ขวดเก่า, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|