Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
<<< ก่อนหน้า โอ้ตกยากจากเมืองได้เคืองเข็ญ ใครจะเป็นเช่นข้านั้นหาไม่ ก็สมสาหน้าด้านประจารใจ จะโทษใครโทษตัวชั่วไม่ดี
เป็นเมียเจ้านคราไม่ผาสุก อยากสนุกหลงรักกับปักษี ยังมิหนำซ้ำจิตคิดกาลี ให้ปักษีคนธรรพ์ประจารกาย
ต้องลอยแพแลเขม้นไม่เห็นฝั่ง กุศลยังช่วยชุบไม่ฉิบหาย ได้เป็นเมียพานิชจิตสบาย แล้วกลับกลายเล่นโจรทะโมนดง
จะคิดว่าบุญตัวได้ผัวมาก กรรมวิบากต้องมาในป่าระหง แม้นบุญช่วยไม่ม้วยชีวาปลง ก็เห็นคงได้ใหม่ไว้สักคน
เทพย์เจ้าเอ็นดูช่วยชูชัก ให้ได้ชมสมรักอีกสักหน ไหนก็ได้ชั่วช้ำระยำคน จะเล่นป่นเสียให้ลือชื่อกากี
นางร่ำไรไห้หวนจวนเทวษ ชลเนตรไหลนองไม่ผ่องศรี แต่เดินดงหลงมาหลายราตรี มิได้มีผู้คนจะสนทนา ฯ
๐ จะกล่าวถึงจอมกษัตริย์ขัตติเยศ ครองนิเวศน์เวียงไชยอไภยสา พระนามท้าวทศวงศ์ทรงฤทธา ผูกคชาช้างยนต์รณรงค์
กษัตริย์ใดไม่หาญจะต้านต่อ กลัวระย่อหนีไปในไพรระหง เลื่องระบือลืออิทธิฤทธิ์รงค์ เป็นเอกองค์ขัตติยาในธานี
พระนางเจ้ามีครรภ์ก็บรรลัย ท้าวเศร้าใจคิดถึงมเหสี คิดจะใคร่ไปชมพนาลี ให้คลายคลี่ฤทัยอาลัยนาง
ให้ผูกช้างพระที่นั่งบรรลังก์รัตน์ พร้อมขนัดเกณฑ์แห่แลสล้าง พร้อมหมู่มาตยาเสนานาง พอแสงทองส่องสว่างก็ยาตรา
เสด็จเข้าไพรระหงดงวิเวก ชมเอนกรุกขชาติดื่นดาษป่า บ้างทรงดอกออกดวงพวงผกา ตกระย้าหอมหวนรัญจวนใจ
ลมพระพายชายพัดมาเฉื่อยฉิว ขจรปลิวฟุ้งพู่ดูไสว เสียงปักษาร่ำร้องคนองไพร สกุณไก่ขันจ้าในป่ารัง
หมู่สิงห์สัตว์จัตุบาทก็กลาดเกลื่อน โคถึกเถื่อนเที่ยวไปตามใจหวัง ได้ยินเสียงพลขันธ์สนั่นดัง กระโดดตั้งหางโก่งวิ่งโทงไป
ท้าวประพาสหิมวาหลายราตรี ชมคิรีเขาเขินเนินไศล ค่อยเริงรื่นชื่นบานสำราญใจ เทพไทพามาพบกากี
นางเห็นท้าวน้อมนั่งตั้งบังคม กรประนมนิ้วประณตบทศรี ทำหน้าเศร้าเหงาง่วงในท่วงที นางกากีดัดจริตประดิษฐ์กาย
ทศวงศ์ทรงช้างเห็นนางประหลาด งามวิลาศหน้าเหมือนกับเดือนฉาย นวลละอองผ่องศรีฉวีกาย กลิ่นขจายหอมขจรอาวรณ์ใจ
ให้ปลื้มจิตพิสมัยในอนงค์ เสด็จลงจากคชาหาช้าไม่ ค่อยย่างเยื้องด้วยพระบาทลีลาศไป เข้านั่งใกล้ตรัสถามเนื้อความพลัน
แม่เนื้อหอมจอมสุดามาแต่ไหน เจ้าเป็นไรจึงทรงกันแสงศัลย์ จงบอกเถิดนะนางอย่าพรางกัน จะเชิญขวัญนัยนาไปธานี
เยาวมาลย์ฟังสารสุนทรท้าว จึงแกล้งกล่าวเบือนบิดให้ผิดที่ ว่าตัวน้องเกิดในห้องสุมาลี พระมุนีเลี้ยงไว้จนใหญ่มา
ประทานนามนางเทพอัปสร พระบิดรรักสุดเสน่หา ยังไม่มีคู่ชมภิรมยา อายุข้าเพิ่งได้สิบห้าปี
พระนักสิทธิ์บิดาท้าวอาสัญ ได้เจ็ดวันข้าเที่ยวมาไพรศรี ให้เศร้าจิตคิดถึงคุณพระมนี จึงโศกีซูบผอมเพราะตรอมใจ
ขอเป็นข้าใต้ฝ่าละอองพระบาท น้องไร้ญาติไร้มิตรพิสมัย ขอฝากองค์กว่าชีวันจะบรรลัย ไม่เห็นใครอ้างว้างอยู่กลางดง
ท้าวฟังคำนางร่ำพิไรทูล บดินทร์สูรชื่นชมสมประสงค์ จึงตรัสว่าอนิจาแม่โฉมยงค์ อยู่เปลี่ยวองค์เปล่าใจกระไรเลย
เชิญไปเมืองเถิดอย่าเคืองระคางโฉม จะประโลมเลี้ยงนางข้างเขนย จนตัวตายมิได้วายสวาทเชย อย่าอยู่เลยเชิญน้องไปครองวัง
ว่าพลางอุ้มอนงค์ขึ้นทรงช้าง วิสูตรกางปิดสุดาทั้งหน้าหลัง ให้เคลื่อนทัพกลับเข้านิเวศน์วัง เสด็จยังปรางค์ชัยที่ไสยา
ท้าวภิรมย์ชมอนงค์หลงสวาท ไม่คลาคลาดเยาวมิตรกนิษฐา โฉมยุพินยินดีค่อยปรีดา ก็อยู่มาเนิ่นนานประมาณปี ฯ
๐ จะกลับกล่าวถึงท้าวพรหมทัต ผ่านสมบัติเมืองพาราณสี ตั้งแต่ลอยแพสุดานางกากี ท้าวไม่มีผาสุกทุกเวลา
เพลาสรงทรงคิดถึงองค์อรรคเรศ ทรงเทวศมิได้วายถวิลหา ยามเสวยเช้าค่ำไม่นำพา คิดรัญจวนครวญหาถึงกากี
ยามบรรทมตรมเทวศไม่วายถวิล ถึงยุพินองค์สุดามารศรี ว่าโอ้แก้วเกศราสุมาลี ตั้งแต่นี้น้องจะลับไม่กลับมา
กรรมไฉนจึงให้เกิดวิบัติ ต้องกำจัดนางนุชเสน่หา จะเลี้ยงไว้ขายพักตร์เสียศักดา ความนินทาก็จะลือระบือไป
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, ตูมตาม, Paper Flower, รพีกาญจน์, อิงดาว พราวฟ้า, ลมหนาว ในสายหมอก, ขวดเก่า, ลิตเติลเกิร์ล, กอหญ้า กอยุ่ง, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
ท้าวคะนึงถึงนางพลางเทวษ เกิดอาเพทโหยหาประชวรไข้ ด้วยโรครักปักทรวงดวงฤทัย ก็บรรลัยสิ้นชีวาด้วยอาวรณ์ ฯ
๐ ฝ่ายเสนาข้าบาทในราชฐาน ก็แต่งการศพปิ่นบดินทร์ศร ปลูกพระเมรุแจ่มกระจ่างกลางนคร ชักพระศพสดับปกรณ์แล้วจุดไฟ
พวกโรงงานเล่นการมหรสพ ถ้วนคำรบเจ็ดวันสนั่นไหว พวกอำมาตย์ราษฏรก็ร้อนใจ ไม่มีใครเป็นกระหม่อมจอมบุรี
จึงปรึกษาวรนาถกุเวรนั้น เป็นคนธรรพ์องอาจดังราชสีห์ เฉลียวฉลาดรู้ราชประเพณี ก็ควรที่จะบำรุงผดุงนคร
ต่างเห็นพร้อมยอมยกสมบัติให้ แต่งราชัยภิเษกสโมสร นาถกุเวรได้สำราญผ่านนคร ราษฏรชื่นบานสำราญใจ จึงเปลี่ยนนามชื่อบรมพรหมทัต เหมือนกษัตริย์บังคมประณมไหว้ ประดับด้วยสาวสวรรค์กำนัลใน ประมาณได้หกพันกัลยา
แต่ล้วนรูปสำอางดังนางสวรรค์ บังคมคัลนั่งบำเรอเสมอหน้า บำรุงโฉมงามประโลมนัยนา ชะม้อยตาแต่งกระบวนให้ยวนใจ
ท้าวภิรมย์ชมสุรางค์ในปรางค์แก้ว พระทัยแผ้วผ่องจิตพิสมัย เกียรติยศปรากฏทั่วแดนไตร ไม่มีใครอาจหาญจะราญรอน
วันหนึ่งท้าวสถิตย์ในไสยาสน์ ภูวนาถคิดคะนึงถึงสมร นางกากีลอยไปในสาคร จะม้วยมรณ์เสียในชลหรือกลใด
หรือจะพลัดซัดส่งเข้าดงลึก พระรำลึกถึงสุดาน้ำตาไหล ว่าโอ้อนงค์นางงามวิไล แม่ต้องไกลนัคราเพราะสามี
เมื่อปางน้องอยู่ห้องวิมานครุฑ พี่ตามนุชในแนบถนอมศรี หอมระรื่นชื่นกลิ่นติดอินทรีย์ มาบุรียังไม่หายเป็นหลายวัน
ต้องจำให้ไกลน้องเพราะสองชู้ ถ้าคงคู่แล้วไม่ร้างภิรมย์ขวัญ เพราะตัวเรากล่าวกลอนค่อนรำพัน ขุนสุบรรณจึงได้พาสุดาคืน
อันเวรนี้เห็นจะมีแต่ตัวเรา สงสารเจ้าไปชลาต้องฝ่าฝืน ถ้าแม้นว่าชีวังเจ้ายั่งยืน จะพาคืนธานินทร์เป็นปิ่นอนงค์
ถึงเสียตัวชั่วช้าสักห้าชู้ ยังงามอยู่เป็นคู่อย่างหมู่หงษ์ กรุงกษัตริย์กำจัดไปจากวงษ์ แล้วกลับทรงโศกศัลย์จนบรรลัย
ทำไฉนจะได้ประจักษ์เหตุ ว่าดวงเนตรจะจรดลไปหนไหน จะถามหมู่มาตยาเสนาใน ใครเข้าใจรู้บ้างในทางชล
ดำริเสร็จพระเสด็จออกข้างหน้า พร้อมเสนาข้าบาทอยู่กลาดกล่น จึงตรัสถามถึงนางในกลางชล ใครยังยลแจ้งบ้างว่าอย่างไร
พระวิจิตร์ภักดีผู้ปรีชา ฟังวาจาทูลแจ้งแถลงไข ว่าพ่อค้ามาจากเมืองอไภย เขาแจ้งใจบอกว่านางกากี
ได้เป็นเอกองค์นงค์นาฏ พระจอมราชสุริวงศ์ผู้ทรงศรี เสวยสุขสำราญประมาณปี ยังไม่มีบุตราเอกากาย
ท้าวฟังทูลค่อยสร่างสว่างโศก ความวิโยคค่อยเบาบรรเทาหาย เราจะใช้เสนาปรีชาชาย ไปขอสายสวาทมายังธานี
สงสารน้องต้องกำจัดพลัดนิเวศน์ เคยเป็นเกศกัลยาพาราณสี จะเชิญองค์สุดดามาธานี ภิเษกศรีตามอย่างเป็นนางวัง
ตรัสพลางทางทรงอักษรแถลง เล่าแสดงเรื่องต้นแต่หนหลัง ให้อำมาตย์ที่ฉลาดเฉลียววัง ให้ไปยังเมืองอะไพสาลี
พระยาพรหมบริรักษ์รับอักษร ถวายกรลุกลามาจากที่ เกณฑ์ทหารสามพันขยันดี ขึ้นพาชีครบทั่วทุกตัวคน
ออกจากกรุงมุ่งมากลางพนัส ให้รีบรัดมโนไมยเข้าไพรสณฑ์ เดือนหนึ่งเศษก็ถึงซึ่งมลฑล บอกเสนาสามนต์ให้แจ้งใจ
มาตยาพาเข้าบังคมบาท พระจอมราชปิ่นประชาหาช้าไม่ ถวายสารทรงอ่านก็แจ้งใจ ตามที่ในเรื่องเก่าสำเนามี ฯ
๐ ราชสารผู้ผ่านนัคเรศ มงกุฏเกษขัตติยาพาราณสี ทรงพระนามพรหมทัตสวัสดี คือกวีนาถกุเวรนเรนทร
มาถึงท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ อย่าโทมนัสอดสูดูอักษร นางกากีคนนี้กระลำพร เป็นเมียเจ้าท้าวนครแต่ก่อนมา
นางรักเราเป็นชู้คู่สวาท พระจอมราชเห็นความไม่งามหน้า จึงตัดรักหักใจไล่สุดา แรมนิรารัฐเยศประเวศไพร
บัดนี้เจ้านัคราท้าวอาสัญ สมบัตินั้นได้แก่เราเป็นเจ้าใหม่ เราสืบรู้ว่าอนงค์นั้นหลงไป ตกอยู่ในเมืองท้าวเจ้าบุรี
อย่าน้อยใจคืนให้แก่เราเถิด จะล้ำเลิศลือชาสง่าศรี สองนครจะถาวรสวัสดี เป็นสุวรรณปัถพีอันเดียวกัน
ถ้าหวงไว้คงจะได้เกิดวิวาท ประชาราษฏร์เดือดร้อนจงผ่อนผัน อย่าเสียดายให้นางคืนปรางค์จันทร์ เราทั้งสองเป็นมิตรกันตลอดไป
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ตูมตาม, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, Paper Flower, หญิงหนิง พราววลี, รพีกาญจน์, อิงดาว พราวฟ้า, ลมหนาว ในสายหมอก, ขวดเก่า, กอหญ้า กอยุ่ง, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
ท้าวฟ้งสารเจ็บช้ำด้วยคำแถลง ดังศรแผลงเสียบทรวงให้ตักษัย มันรู้ว่าได้นางมากลางไพร พูดใส่ไคล้กล่าวพะวงให้หลงกล
เหมือนของตกเก็บได้ในไพรเขียว พูดแก้เกี้ยวว่าเป็นคู่ดูฉงน จักให้ไปอายหน้าประชาชน ดูเหมือนคนขี้ขลาดไม่อาจอง
คิดพลางทางร่างอักษรตอบ โดยระบอบเรื่องความตามประสงค์ จึงตรัสแก่อำมาตย์ผู้อาจอง ว่าเจ้าเองจะประสงค์เอาองค์นาง
จงไปพากันมาสักห้าหมื่น จักให้คืนไปเป็นคู่ไว้ดูอย่าง ถ้าไม่มาอวดกล้าพูดนอกทาง จักให้นางแช่งด่าสักห้าปี
อำมาตย์รับสาราขึ้นม้ากลับ เร่งควบขับกลับมาพาราณสี ครั้นถึงวังขึ้นเฝ้าเจ้าบุรี แจ้งคดีถวายสารก็อ่านพลัน ฯ
๐ ในสาราว่าพระยาทศวงศ์ ผู้ดำรงเมืองอไภยมไหสวรรย์ ได้ทราบสารอนุสนธิ์ของคนธรรพ์ อัศจรรย์คิดอนาถประหลาดใจ
มากล่าวตู่ดูพิกลเหมือนคนบ้า ไม่อายหน้าอายศักดิ์คนมักได้ รู้ว่าเขาได้นางมากลางไพร ทะยานใจพูดจาไม่น่าฟัง
ถ้าเมียท้าวทำชั่วกับตัวยักษ์ พระจอมจักรจับได้ดังใจหวัง คงสังหารผลาญชีพให้มรณัง เหมือนดังโทษขบถไม่ลดรา
นี่จับได้สิกลับจะไล่แต่ผู้หญิง ข้างชายนั้นจะนิ่งไว้ดูหน้า เจ้าพูดผิดกฏหมายขายพักตรา จะโกงข้าหรือไฉนเราไม่กลัว
เมียเขาเขารักดังแก้วตา ไม่อายหน้าช่างมาตู่ว่าชู้ผัว จะชิงนางยกมาสักห้าครัว ก็เห็นหัวจักกระเด็นไม่เป็นคน
อ่านสิ้นสาราที่ว่าขาน ท้าวเดือดดาลโกรธาโกลาหล มันพูดจาจองหองลำพองตน จักยกพลมาผลาญประหารมัน
ดำริเสร็จตรัสสั่งเสนามาตย์ ให้เร่งรัดพยุบาตเป็นทัพขันธ์ ทั้งสาตราอาวุธให้ครบครัน ในสามวันให้เสร็จสำเร็จการ
เสนารับอภิวันท์แล้วครรไล มาจัดไพร่พร้อมทั่วตัวทหาร ทั้งรถรัตน์อัสดรกุญชรชาญ ล้วนอาจหาญแกล้วกล้าวิชชาดี
พลม้าเผ่นผยองลำพองโผน ดังจะโจนจับดวงพระสุริยศรี กลอกกลิ้งวิ่งตามสนามคลี ร้องระรี่เต้นระริกกระดิกเพลา
นายม้าถือทวนกระบวนรบ ใส่เครื่องครบงามดีเหมือนอิเหนา เบาะอานผ่านภู่ก็ดูเพรา เดินเหยาะเหย่าสะบัดย่างเหมือนอย่างยนต์
พลช้างชาญณรงค์นั้นองอาจ โกญจนาทกึกก้องคะนองหน ล้วนแกล้วงากล้างวงทะลวงคน เคยประจญเข้าประจัญปัจจามิตร
นายช้างขึ้นคอถือของ้าว ทะยานห้าวใหญ่ล้ำอำมหิต คชฉกรรจ์ผันผยองลำพองฤทธิ์ งามวิจิตรเครื่องประดับสำหรับกาย
พวกรถแต่งรถบทจร สารถีถือศรกำกับก่าย แอกงอนอ่อนงามอร่ามพราย ธงฉายท้ายชูเฉลิมงอน
ดุมกงกังก้องเสียงกั้งกั้ง ขับประดังแลระดาษดูสลอน มีทนายถือธนูอยู่กับกร อัสดรอุตส่าห์เดินดำเนินพล
พวกทหารพลหอกกลอกกลับ เดินโขยกโขกขยับอยู่สับสน มอญเขนเขมรตั้งฝรั่งปน ก็เกลื่อนกล่นแลกลาดดาษดา
พร้อมเสร็จโยธาอันสามารถ จึงผูกราชมงคลหัตถา ชื่อบรมไกรสิทธิ์อิศรา แกล้วกล้าสงครามไม่ขามคน
แต่งบัลลังก์พระที่นั่งคชาธาร ชัชวาลย์งามประเทืองด้วยเครื่องต้น ประดับด้วยสายพัดรัดประคน เศวตฉัตรปักบนคชาธาร
ครั้นเสร็จสรรพเทียบประดับกับเกยชัย เสนาในกลับคืนเข้าทูลสาร จัตุรงค์โยธีที่สี่ประการ พลทหารพร้อมทั่วล้วนตัวดี
นฤบาลฟังสารเสนาทูล บดินทร์สูรย์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี ครั้นถึงวันศุภฤกษ์สวัสดี จึงเข้าที่สรงสนานสำราญกาย
ทรงเครื่องขัตติยาสรรพาวุธ จับอาวุธงามประเสริฐดูเชิดฉาย ทรงพญาคชสิทธิ์ฤทธิราย ให้คลี่คลายจัตุรงค์เข้าดงดอน
พวกทหารโห่ลั่นสนั่นก้อง สะเทิ้นท้องหิมวันต์ลั่นกระฉ่อน ยูงยางโอนอ่อนระเนนนอน พื้อนอัมพรมืดคลุ้มชะอุ่มควัน
ฆ้องกลองแตรสังข์ดังพิลึก มโหระทึกก้องสะเทื้อนเสียงเลื่อนลั่น พลม้าออกหน้าเข้าอรัญ โห่สนั่นเลื่อนหน้าสุธาธาร
พลคชยศยงดูองอาจ โกญจนาทแปร๋แปร๋นแล่นขนาน บ้างบ้ามันผันผยองลำพองพาล หัตถาจารย์ขี่คอถือขอรำ
พลรถชัยเรียงเสียงครั่นครื้น ทหารยืนถือธนูก็ดูขำ พลเท้าถือง้าวเป็นเพลงรำ ใส่เสื้อดำหมวกแดงกางเกงดี
พระเสด็จมาในไพรระหง เที่ยวชมดงแดนป่าพนาศรี เสนรัญจวนครวญหาถึงกากี โอ้ว่าศรีเสาภาคย์มาจากไป
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, Paper Flower, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, อิงดาว พราวฟ้า, รพีกาญจน์, ขวดเก่า, กอหญ้า กอยุ่ง, ตูมตาม, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
เมื่อไรเรียมจะได้ชมภิรมย์น้อง ให้แผ้วผ่องชื่นจิตต์พิสมัย แม่เนื้อหอมจอมอนงค์องค์วิไล พี่เศร้าใจมิได้ลืมสุดาเลย
เห็นนางแย้มเหมือนเจ้าแย้มยามสวาท ให้สมมาดกอดแอบไว้แนบเขนย เห็นสายหยุดเหมือนพี่ยุดพระกรเกย เห็นอบเชยเหมือนพี่ชมภิรมย์นาง
เห็นกาหลงหลงว่านางกากี ป่านฉะนี้นวลละอองจะหมองหมาง ซ่อนชู้ซ่อนชายไว้ที่ในปรางค์ เห็นเต่าร้างเหมือนเรียมนิราสมา
ท้าวรัญจวนครวญคนึงถึงสมร นรินทรเศร้าสร้อยละห้อยหา ก็เร่งรีบพลไกรครรไลลา ถึงเขตแดนนัคราเมืองสาลี ฯ
๐ ฝ่ายข้างพวกนายด่านทหารใหญ่ ที่ตั้งไว้ให้ตระเวณอยู่ไพรสี เห็นกองทัพพลไกรพวกไพรี ก็รู้ว่าจะมาตีเวียงไชย
ก็พากันขึ้นม้าเข้ามาเมือง ก็แจ้งเรื่องข้อความสงครามใหญ่ ทศวงศ์ทรงทราบก็ปลาบใจ จึงสั่งให้จัดพหลพลนิกาย
ครั้นพร้อมเสร็จโยธาอันสามารถ ระดาดาษเสื้อแดงดูแสงฉาย พวกทหารชาญไชยไกรนารายณ์ ทั้งไพร่นายพร้อมทั่วพื้นตัวดี ฯ
๐ ปางนรินทร์ปิ่นณรงค์ทรงนิเวศน์ เรืองพระเดชองอาจดังราชสีห์ ท้าวรู้มนต์ประสิทธิ์ทรงฤทธี ผูกหัตถีช้างยนต์ไปรณรงค์
ครั้นรุ่งเรืองสุริยาทิพากร นรินทรจรเข้าสู่ที่สรง ประดับองค์ทรงเครื่องเรืองณรงค์ พระหัตถ์ทรงแสงสิทธิ์ฤทธิไกร
เสด็จยังเกยไชยไอยรา ทรงพญาช้างยนต์สกนธ์ใหญ่ ให้คลี่เคลื่อนจัตุรงค์เข้าพงไพร ยิงปืนใหญ่โห่ลั่นให้สัญญา
เสียงฆ้องกลองก้องกึกพิลึกลั่น พลขันธ์บันเทิงสำเริงร่า ถือดั้งดาบกำซาบแลปืนยา ทั้งง้าวง่าเขนโล่ห์แลโตมร
ต่างคนต่างแผลงสำแดงเดช สีคเรศเพียงขุดจะหลุดถอน พะโยมพะยับดับดวงทิพากร พลนิกรนับแสนดูแน่นดง
มาสามวันบรรลุถึงทุ่งกว้าง ให้หยุดช้างพระที่นั่งตั้งประสงค์ คอยดูพวกโยธาจะมาณรงค์ ตั้งค่ายคงมั่นไว้ในดงดอน ฯ
๐ สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี เห็นโยธีกองทัพสลับสลอน รู้ว่าท้าวทศวงศ์ทรงนคร ยกนิกรจัตุรงค์มาสงคราม
จึงให้แยกโยธาตีตะบัน เสียงปืนลั่นกึกก้องท้องสนาม พวกชาวเมืองรับรบประจบตาม เข้าลุยลามไล่ฟันประจันกร
พลม้าต่อม้ากล้าขยัน ยิงเกาทัณฑ์ทวนแทงแล้วแผลงศร พลช้างไสช้างตะลุมบอน งาสลอนวิ่งแซงเข้าแทงกัน
พลรถชักเรียงเข้าเคียงคู่ ยิงธนูปืนผากล้าขยัน พลเท้าถือง้าวเข้าพัวพัน ตัวฉกรรจ์ต่อฉกาจบังอาจอึง
ดาบหอกถลอกกลับขยับง่า ครั้นได้ท่าแทงจมก็ล้มผึง พวกตะบองไล่กระบี่ตีตะบึง ถูกทะลึ่งแทงทะลวงถึงดวงใจ
พวกเขมรถือเขนเข้าสู้โล่ห์ อ้ายมอญโตตีเขมรขะมำหงาย พวกมุหงิดถือกริชวิ่งกรุยกราย ญี่ปุ่นรายถือธนูเข้าสู้กัน
ต่างคนต่างแผลงสำแดงเดช ล้วนเรืองเวทอิศรากล้าขยัน พวกชาวเมืองได้ทีตีตะบัน พวกคนธรรพ์ไล่แทงเลือดแดงไป
สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี ทรงหัตถีไสรุกเข้าบุกใส่ แทงพวกพลชาวเมืองก็เปลืองไป เข้ามาใกล้ทศวงศ์ผู้ทรงฤทธิ์
จึงตรัสว่าดูราพระยาบาป ทำหยิ่งหยาบถือตัวไม่กลัวผิด มาบังเมียเขาไว้ชั่งไม่คิด เราตามติดมาง้อจะขอคืน
ไม่ให้นางแล้วมาอ้างทำอวดยศ จิตขบถใจกระบัดพูดขัดขืน เมื่อเมียรักของเราจะเอาคืน ผู้หญิงอื่นมีถมไม่ชมเชย
ถ้าไม่ส่งศรีสวัสดิ์มาบัดนี้ เห็นชีวีจะไม่คงเจ้าวงศ์เอ๋ย ถ้ารักตัวกลัวชีวาอย่าช้าเลย ส่งทรามเชยเมียรักของเรามา
ทศวงศ์ทรงฟังให้คั่งแค้น ตวาดแปร๋นสุรเสียงสำเนียงจ้า ว่าเฮ้ยเฮ้ยพรหมทัตกษัตรา เจ้าพูดจาประจานให้เจ็บใจ
เราเก็บได้ของหลงในดงกว้าง เป็นเดนเหยื่อเสือช้างในป่าใหญ่ เมื่อเมียเองพิสวาทเพียงขาดใจ เหตุไฉนถึงไม่อยู่ในบูรี
มากล่าวตู่ดูเบาพูดเดาสวด อย่าพักอวดเลยหวาไอ้หน้าผี ถ้าอยากได้ไปกูไม่ใยดี จะให้อีแพศยาสักห้าคน
มาชิงนางชนช้างกันเถิดเจ้า ถ้าแพ้เราเห็นชีวิตจะปลิดหล่น ท้าวดำรัสตรัสพลางไสช้างยนต์ เข้าประจญคชสิทธิ์ด้วยฤทธา
งวงคว้างาขวิดติดขมับ ชักฉับแทงฉาดพลาดถลา ช้างยนต์รณฤทธิ์อิศรา กำลังกล้าคว้าคเชนทร์นเรนทร
คนธรรพ์อัศจรรย์ประหลาดจิต ช้างตัวนิดชาญไชยดังไกรสร เห็นมิใช่คชวงศ์ในดงดอน เห็นจะเป็นกุญชรคชายนต์
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, อิงดาว พราวฟ้า, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, กอหญ้า กอยุ่ง, ตูมตาม, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
จำจะคิดตัดสายทำลายเดช ให้เสื่อมเวทวิทยาคชาต้น คิดพลางแต่งกายร่ายพระมนต์ บัดเดี๋ยวดลเป็นหนูวิ่งกรูกรี
เข้าตามช่องท้องพระยาคชาต้น กัดสายยนต์มนต์เวทย์วิเศษศรี พอขาดปุดช้างทรุดลงทันที หัสดีได้ท่าเอางาแทง
ทศวงศ์องค์สั่นคนธรรพ์ฟาด ถูกเศียรขาดดิ้นล้มด้วยคมแสง คอตกพับทับช้างลงกลางแปลง โลหิตแดงดูอนาถชีวาตน์วาย
พวกโยธาได้ทีตีตะบัน วิ่งไล่ฟันชาวเมืองก็ฉิบหาย บ้างแตกตื่นหนีระบมบ้างล้มตาย ทิ้งผ้าผ่อนล่อนกายไม่ติดตน
บ้างวิ่งเข้านคราทูลกากี ว่าสามีวายวางเสียกลางหน นางฟังสารเสนีพวกรี้พล นฤมลชื่นบานสำราญองค์
ด้วยจะได้ชมดูพบชู้เก่า แกล้งทำเศร้าเสียใจอาลัยหลง ทำมือเช็ดชลเนตรสังเวชองค์ จิตประสงค์ชู้ใหม่วายประวิง
เมื่อผัวตายไม่เสียดายเท่ากิ่งก้อย ทำเศร้าสร้อยไปได้น้ำใจหญิง ใครไม่รู้น้ำจิตคิดว่าจริง มันเหลือกลิ้งกลอกกลับอัปรีย์ ฯ
๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตขัตติยา เห็นโยธาแตกตายกระจายหนี จึงขับช้างวางมาถึงธานี พวกพราหมณ์ชีในนครก็ร้อนใจ
จึงแต่งรถยศยงปักธงขาว ไปเชิญท้าวเข้าวังตั้งเป็นใหญ่ พวกสังข์แตรแห่กลาดระดาษไป ทั้งกลองชัยกลองชะนะตั้งประโคม
จึงเชิญเจ้าจอมณรงค์ขึ้นทรงรถ ทรงพระยศปรีดิ์เปรมเกษมโสม ชักประเทียบรถทองผ่องโพยม เสียงประโคมสังข์แตรเซ็งแซ่ไป ฯ
๐ ฝ่ายอนงค์ทรงสุดานางกากี เกษมศรีสมจิตพิสมัย แต่งประจงองค์อร่ามงามวิไล พร้อมข้าไทสาวสุรางค์นางกำนัล
เสด็จนั่งยังท่าทวาเรศ ประณมเกศถวายตัวกับผัวขวัญ หมอบชะม้ายชายเนตรดูคนธรรพ์ บังคมคัลก้มหน้าน้ำตานอง
ทั้งความรักความแค้นแสนเทวศ ยุพเรศน้อยจิตให้คิดหมอง กรุงกษัตริย์จูงนางพลางประคอง เข้าสู่ห้องอำไพที่ไสยา
ครั้นถึงแท่นปัจจถรณ์ที่นอนนาฏ นางกราบบาทอิศเรศพระเชษฐา กันแสงพลางทางเอื้อนวัจนา น้องลอยมาได้ยากลำบากครัน
ไม่มีฝั่งเห็นแต่ฟ้ากับสาคร แสนอาวรณ์เพียงจักวายชีวาสัญ เดชะบุญยังไม่สูญชีวาวัน พระพายพัดแพลั่นเข้าพงพี
เดินดงหลงทางมากลางเถื่อน ไม่มีเพื่อนเที่ยวไปในไพรศรี พอพบท้าวทศวงศ์ทรงฤทธี จรลีมาเล่นพนาวัน
ท้าวประสบพบน้องในป่าระหง ถนอมองค์มาไว้มไหศวรรย์ โอ้อกหญิงแสนยากลำบากครัน สุดจะกันการสวาทไม่ขาดกาย
ต้องเสียตัวชั่วช้าประดาเสีย เที่ยวเป็นเมียผัวมากนั้นยากหลาย ด้วยสัตย์จริงเป็นหญิงนี้ยากกาย ได้อับอายเทวาประชากร
เมื่อเชษฐาไปสถานพิมานครุฑ ประคองนุชนอนแนบสโมสร น้องตามใจมิให้อนาทร หมายจะอยู่ร่วมร้อนแรมอุรา
ครั้นเจ็ดวันแลหายไม่เห็นพักตร์ สลัดรักร้างนิราศไม่ปรารถนา แล้วมิหนำซ้ำบอกแก่ครุฑา ให้ปักษาพาคืนยังบุรี
ต้องลงแพลอยล่องท้องสมุทร แทบจะทรุดสิ้นกายตายเป็นผี เดชะบุญช่วยไว้กลับได้ดี ไม่ถึงที่เกิดวิบัติกำจัดไกล
น้องคนชั่วเสียตัวไปทั่วทิศ พระมีจิตรักนางนี้อย่างไหน เชิญเสด็จกลับหลังเข้าวังใน ชมสุรางค์นางในเฉลิมตา
น้องขออยู่เมืองนี้คุ้มชีวาตน์ ไม่รองบาทอิศเรศพระเชษฐา เมื่อผัวตายยังไม่วายชลนา พระจะมาชมน้องให้หมองใจ
นาถกุเวรฟังวาจาว่าประชด แสนกำสรดสังเวชน้ำเนตรไหล จึงตรัสว่าอนิจาแม่สายใจ ร่ำพิไรว่าพี่ไม่นำพา
เมื่อเรียมไปสู่สมภิรมย์น้อง ที่ในห้องหิมวันต์ก็หรรษา จะอยู่สวาทกลัวราชอาญา ต้องกลับมาทูลแจ้งแถลงการ
คนธรรพ์กล่าวเท็จเป็นโทษ เสียประโยชน์วิทยาอันกล้าหาญ ต้องกราบทูลตามสัตย์ปฏิญาณ ด้วยสาบานถวายไว้แต่ไรมา
ท้าวให้พี่ขับพิณกระบิลอ้าง เพื่อจะล้างความรักของปักษา ก็จนใจจำจิตประดิษฐ์พา กลัวอาญามิทำก็จำแสดง
ซึ่งโทษพี่ผิดพลั้งแต่หลังนั้น เป็นเวรามาทันอย่ากันแสง ตั้งแต่นี้เยาวมิตรอย่าคิดแคลง ไม่หน่ายแหนงหนีนางให้หมางเลย
แม่เนื้อหอมจอมสุดาพญาหญิง พี่ไม่ทิ้งให้แม่หมองแล้วน้องเอ๋ย สู้ติดตามทรามสวาทไม่ขาดเลย ด้วยเราเคยเป็นคู่อยู่สำราญ
พี่ยกพลมาณรงค์ประสงค์สมร จักพาจรคืนนิเวศน์ทุเรศสถาน ไปครองวังอย่างเก่าเยาวมาลย์ ให้สำราญอิศโรในโลกา
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ตูมตาม, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10397
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: กากี กลอนสุภาพ
ตรัสพลางอุ้มอนงค์ขึ้นทรงเพลา ประคองเยาวมิตรขนิษฐา พลางจุมพิตพิศวงองค์สุดา เสน่หาปั่นป่วนยวนฤทัย
สองชื่นสองชมภิรมย์สวาท ไม่นิราศจากความพิสมัย เหมือนของหายได้คืนก็ชื่นใจ แสนอาลัยเหลือสวาทไม่คลาดคลา
ครั้นรุ่งแสงสุริยาทิพากร นรินทรปลุกองค์ขนิษฐา สำอางค์องค์โสรจสรงสุคนธา เสด็จนั่งยังหน้าพระโรงชัย
พร้อมเสนาข้าหลวงสองนคร ถวายกรน้อมประณมบังคมไสว จึงดำรัสตรัสสั่งเสนาใน ให้แต่งพิไชยรถทรงอลงกา
เราจะเชิญกากีศรีสมร คืนนครให้บรมสุขา พอรุ่งแสงภาณุมาศจะยาตรา พวกเสนาจงไปส่งอนงค์นาง
หมู่อำมาตย์รับราชโองการตรัส มาเตรียมจัดรถมณีศรีสว่าง รถประเทียบรถทรงพระองค์นาง รถสุรางค์สาวสวรรค์กำนัลใน
ครั้นพร้อมเสร็จคืนเข้าบังคมบาท ครั้นภาณุมาศรุ่งรางสว่างไข จึงตรัสสั่งพระสนมกรมใน ใครจะไปเตรียมตัวให้ทั่วกัน
พวกสาวสาวชาววังทั้งเฒ่าแก่ เสียงเซ็งแซ่แต่งกายจะผายผัน บ้างขนของขึ้นช้างกระโจมพลัน ที่เหลือนั้นแจกจ่ายให้ไพร่พล
บ้างใส่หาบหิ้วห่อแต่พอหาบ กระสอบกระสาบเครื่องเรือนเกลื่อนถนน ที่ผู้ดีมีเกวียนค่อยชอบกล ที่คนจนหาบคอนจนอ่อนใจ ฯ
๐ ฝ่ายอนงค์สุดานางกากี ครั้นสุริยศรีส่องสว่างกระจ่างใส สำอางค์องค์ทรงเครื่องเรืองอำไพ สนมในพรั่งพร้อมล้อมอนงค์
ตามเสด็จภัสดาพระสามิต ขึ้นสถิตรถประเทียบเรียบระหง สาวสุรางค์ต่างประณตขึ้นรถทรง สำราญองค์จะไปชมพนมไพร
พรหมทัตทรงพญาคชาชาญ พวกทหารแห่ห้อมล้อมไสว ครั้นได้ฤกษ์เลิกพลสกลไกร ยิงปืนใหญ่โห่ลั่นให้สัญญา
พระเสด็จมาในไพรระหง ชวนอนงค์ชมพรรณบุปผา บุปผาชาติกลาดเกลื่อนพนาวา พนาเวศดาษดาสุมาลี
สุมาลัยต้องลมภิรมย์รื่น ภิรมย์ใจให้ชื่นเกษมศรี เกษมสุขแสนสนุกทุกนารี ทุกนาเรศน์เปรมปรีดิ์ด้วยชมไพร
ชมพฤกษาแลพิลึกหมู่ปักษร หมู่ปักษินบินร่อนส่งเสียงใส เสียงเสนาะเพราะดังวังเวงใจ วิเวกจิตพิสมัยในไพรวัน
พวกชาววังนั่งแหวกวิสูตรศรี เด็ดมาลีมาเล่นก็เห็นขัน นั่งกรีดเล็บร้อยกรองมะลิวัลย์ จิตกระสันใจเกษมด้วยเปรมปรีดิ์
ลางอนงค์หลงอนาถร้องหวาดหวีด ทำหน้าซ่าหน้าซีดว่าเห็นผี เสียงร้องทักร้องถามตามคดี อ้ายระภีร้องพูดอยู่ในโพรง
เขาบอกว่ารอกโทนมันร้องทัก อย่าพูดนักทักทายจะตายโหง นางชาววังชั่งว่าอ้ายบ้าลำโพง ทำพูดโกงอวดเก่งไม่เกรงกัน
ที่สาวเด็กวอนดัดประสานเสียง ร้องจำเรียงมะโหรีดีขยัน ฟังเสนาะเพราะสำเนียงสนุกครัน สาวฉกรรจ์นั่งสะกิดให้เพื่อนดู
พวกลิงจุ่นโลดโผนโดดผยอง ข้างลำพองเล่นลำพังเที่ยวนั่งอยู่ นางละมาทตามละมั่งอยู่พรั่งพรู ทั้งหมีหมูเม่นม้ามีสารพัน
ท้าวเร่งรีบโยธาเข้าป่าระหง เที่ยวชมดงแดนป่าพนาสันฑ์ เดือนหนึ่งถึงเขตนิเวศน์พลัน ก็พักผ่อนพลขันธ์เข้ากรุงไกร
ครั้นถึงวังสั่งให้ประทับเทียบ เอารถเรียบไว้เป็นคู่ดูไสว จอมณรงค์ลงจากกุญชรชัย ให้เชิญองค์อรทัยเข้าปรางค์จันทร์ ฯ
๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร บทจรเข้าในมไหศวรรน์ พร้อมสนมสาวสุรางค์นางกำนัล บังคมคัลรับเสด็จอยู่ดาษดา
ลางอนงค์ชื่นชมโสมนัส ประณมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา ที่เฒ่าแก่แลเห็นพระธิดา ก็โศกาสงสารละลานใจ
ต่างคนต่างวิ่งเข้ากอดบาท พระเยาวราชทรงโศกกันแสงไห้ ถามถึงความทุกข์ยากลำบากใจ นางเล่าให้ฟังทั่วทุกตัวนาง
สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี ได้กากีมาประคองไม่หมองหมาง แสนสนิทพิศวงในองค์นาง ไม่เหห่างร้างรักสักเวลา
สองระรื่นชื่นชมภิรมย์จิต สมสนิทนอนแนบเสน่หา จำเริญสุขสำราญอยู่นานมา ฝูงประชาราษฎรไม่ร้อนใจ
ก็จบเรื่องกากีศรีสมร ข้าแต่งกลอนกล่าวคำเพิ่งทำใหม่ ขอเดชะบุญพระรัตนตรัย จงคุ้มภัยสารพัตรอย่าแผ้วพาน
ทั้งคุณพระไตรปิฎกดิลกเลิศ ให้ชูเชิดปัญญาข้าแตกฉาน คุณพระสงฆ์สีลาสมาทาน บำราศราญอันตรายมิให้มี
ขอเดชะกุศลทั้งหลายเสร็จ ส่งให้ถึงนิเวศน์ณรังศรี ข้ามพ้นโอฆจากโลกย์ละโลกีย์ ลุบุรีรัตนานิพาพาน
สิ้นฉะบับกากีศรีสวัสดิ์ แกล้งประดัดประดิษฐ์คิดขนาน ไม่ดีดดิ้นในบทพจมาน อย่าว่าขานเลยจ๊ะปราชญ์ฉลาดกลอน
ฉันผู้ต่อแต้มความตามประโยชน์ ชื่อว่าโชติ มณีรัตน์เพิ่งหัดสอน ในคารมไม่เพราะเสนาะกลอน มิใช่ครูภู่สุนทรอย่าติเลย ฯ
-@ จบกากีคำกลอนเพียงเท่านี้ @-
|
<<< ก่อนหน้า
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ธนุ เสนสิงห์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, กอหญ้า กอยุ่ง, หญิงหนิง พราววลี, หนูหนุงหนิง, อิงดาว พราวฟ้า, ก้าง ปลาทู, ตูมตาม, ขวดเก่า, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|