Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
 ขอบคุณรูปภาพจาก Internet โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ หลวงธรรมาภิมณฑ์แต่งเป็นโคลงดั้นวิวิธมาลี จำนวน ๒๐๕ บท มีร่ายนำในตอนต้น ๑ บท กล่าวถึงการเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อไปตรวจการศึกษาที่โรงเรียนวัดสมุหประดิษฐาราม ในเขตอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โดยเริ่มพรรณนาตั้งแต่ออกจากบ้านบริเวณตลาดชิงช้า ผ่านวัดบวรนิเวศแล้วมาลงเรือออกปากคลองบางลำพู เข้าแม่นํ้าเจ้าพระยา ผ่านจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดปทุมธานีตามลำดับ แล้วแยกเข้าลำนํ้าป่าสักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รอนแรมมาในเรือจนถึงวัดสมุหประดิษฐารามในคืนที่สามของการเดินทาง
ส่วนระยะเวลาที่แต่งโคลงนิราศเรื่องนี้ ซึ่งท่านระบุไว้ในโคลงท้ายเรื่องว่ากำลังรับราชการอยู่ที่กรมศึกษาธิการนั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นช่วงที่ท่านกลับเข้ารับราชการที่กองตำราเรียน กรมศึกษาธิการ ในระหว่าง พ.ศ.๒๔๔๓ - ๒๔๔๖ สอดคล้องกับระยะเวลาการตั้งโรงเรียนที่วัดดังกล่าว โดยมีสาเหตุมาจากเจ้าจอมมารดาแสงในรัชกาลที่ ๕ ธิดาของพระยาไชยวิชิต (ช่วง กัลยาณมิตร) เกิดเจ็บไข้ แล้วใคร่จะทำบุญเพื่อความเป็นสวัสดิมงคล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งกำลังวางรากฐานการศึกษาสมัยใหม่ให้แก่ราษฎร ด้วยการจัดตั้งโรงเรียนสอนหนังสือทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด จึงทรงแนะนำให้เจ้าจอมมารดาแสงบูรณะวัดสมุหประดิษฐารามและจัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่วัดนี้ ดังพระราชหัตถเลขาถึงกรมหมื่นดำรงราชานุภาพเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ร.ศ. ๑๑๗ ความว่า
“...เมื่อนางแสงเจ็บคราวนี้ อยากจะทำบุญในถาวรวัตถุเปนจำนวนเงินเท่าอายุปีละชั่ง กรมหมื่นวชิรญาณแนะนำให้ทำโรงเรียนที่วัดสัตนารถ เพราะไม่ทราบเรื่องที่ฉันไปเรี่ยรายไว้ทางหนึ่ง เจ้าของก็ตกลง ครั้นเมื่อฉันได้ทราบ ฉันจึงได้ขอย้ายให้ไปทำที่วัดสมุหประดิษฐ์ เปนวัดปู่เขาสร้าง ซึ่งกรมหลวงวรเสรฐท่านทรงเดือดร้อนอยู่เปนอันมากว่าไม่มีผู้ใดจะมีใจสรัทธารักษาชื่อเสียงของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ เมื่อฉันเอ่ยขึ้นก็เปนที่พอใจกันหมด นางแสงมีใจสรัทธาสั่งไว้อีกในเมื่อเวลาฉันลงไปเยี่ยม ขอให้ปฏิสังขรณ์เสนาศนในวัดนั้น อุทิศเงินเบี้ยหวัดซึ่งจะได้ในปีนี้ไว้เปนเงินส่วนปฏิสังขรณ์เสนาศนฤๅพระอุโบสถด้วยก็ตาม รวมเปนเงินส่วนวัดสมุหประดิษฐ์ที่เจ้าของอุทิศแล้วเวลานี้ ๗๕ ชั่ง แลสั่งไว้ต่อไปว่าถ้าหากยังไม่พอก็ให้ออกเงินอิก กรมหลวงวรเสรฐก็รับสั่งว่าถ้าขาดเท่าใด ท่านจะออกเงินช่วย เห็นว่าวัดสมุหประดิษฐ์ควรจะเปนวัดที่พร้อมเสร็จบริบูรณด้วยการปฏิสังขรณ์แลโรงเรียนได้วัดหนึ่ง ถ้ามีสมภารดีๆ ไปจัดการเล่าเรียนในถิ่นนั้นได้ ก็คงจะเปนโรงเรียนติดต่อไปได้ แลผู้ที่สร้างขึ้นคงจะอุปการตามกำลังไม่ทอดทิ้ง เสียดายแต่ห่างทางรถไฟมากอยู่หน่อยหนึ่ง ที่จะไม่ได้มีผู้ใดไปมาเห็น ... ”
การดำเนินงานจัดตั้งโรงเรียนที่วัดสมุหประดิษฐารามในครั้งนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ขณะดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ได้มีรับสั่งให้ต่อพื้นชาลาพระอุโบสถออกไปอีกห้องหนึ่ง กว้าง ๖ ศอก ยาว ๖ วา กั้นเป็นห้องสำหรับเรียนหนังสือ เข้าใจว่าเมื่อหลวงธรรมาภิมณฑ์เดินทางมาตรวจโรงเรียนนั้น คงได้มาตรวจการ ณ สถานที่แห่งนี้ เพราะท่านรับราชการที่กรมศึกษาธิการถึง พ.ศ. ๒๔๔๖ จึงย้ายไปทำงานที่กรมราชบัณฑิตย ส่วนโรงเรียนวัดสมุหประดิษฐ์ที่จัดตั้งขึ้นในครั้งนี้สันนิษฐานว่าคงจะตั้งอยู่ได้ไม่นาน เพราะมีหลักฐานว่าในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบีเอตริศภัทรายุวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแสง มีพระประสงค์จะให้มีโรงเรียนหนังสือไทยขึ้นในวัดนี้อีก พระยาพิไชยรณรงค์สงคราม เจ้าเมืองสระบุรีจึงได้จัดศาลาโรงธรรมในวัดนี้เป็นโรงเรียน และได้รับประทานนามว่า “โรงเรียนประถมสมุหประดิษฐ์” โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์นี้ นอกจากเป็นบันทึกการเดินทางที่แสดงถึงสภาพบ้านเมืองและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติในสมัยช่วงระยะเวลาที่ท่านแต่งแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงภารกิจอันหนักหน่วงของข้าราชการ ในกรมศึกษาธิการยุคแรก ที่ต้องเดินทางตระเวนไปตรวจโรงเรียนยังจังหวัดต่างๆ โดยปราศจากความสะดวกสบาย ดังโคลงที่หลวงธรรมาภิมณฑ์ พรรณนาว่า
นาฬิกาเกือบเช้า ยามสาม แล้วเฮย ดึกเงียบยากทางสัง เกตได้ รอเรือพักจอดตาม โตยฝั่ง เห็นแต่ทิวต้นไม้ มั่วราย ฯ
และ
ยามยลยามนิทรเพี้ยง เพียงฝัน เห็นแฮ กำหนัดเสน่ห์นาง นึกเคลิ้ม อยากเข้าขบกลอยมัน มาตก ยากนา อร่อยเมื่อหิวเทิ้มเริ้ม รสมี ฯ
ดังนั้น โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์จึงน่าจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ข้าราชการในยุคปัจจุบันซึ่งอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานพร้อมมูลได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยการอุทิศแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณในองค์พระมหากษัตริย์ของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่ทรงมุ่งพัฒนาประเทศชาติและประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง
ที่มา : คัดย่อจากหนังสือ โคลงนิราศวัดรวก คลิกและนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ (หลวงธรรมาภิมณฑ์) กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. ๒๕๔๕
- กวีนิพนธ์อื่นของหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) - • กลบทสุภาษิต คลิก • โคลงทวาทศราศี คลิก • โคลงนิราศวัดรวก คลิก
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, บ้านกลอนน้อยฯ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, Paper Flower, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
 โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
ร่าย ๏ สรวมชีวชุลี ศรีรัตนตรัยางค์ โลกุตมางคพิจิตร สฤษดิบังคม บรมบาทนฤบดี ศรีอโยทธยา มหาดิลกราช นรนาถธราดล สากลรัตนโกสินทร์ เวียงอินทรสงกาศ ปรเทศราษฎร์ทุกแขวง ใฝ่แฝงพึ่งพรเดช น้อมเกศชูมาศมาลย์ อรินท์รานเร่งปรา ปวงประชาแช่มชื้น ทั่วพ่างพื้นปรัถพี พระบารมีปูปกเกล้า สุขทุกค่ำคุ้งเช้า ฉ่ำใจ ยิ่งนา ฯ
๑. อโยทธเยนทรยศยิ่งสร้อย สรวงสวรรค์ เพียงพิมานแมนไข เขตหล้า เกริกเกียรดิขจรบรร เจิดทวีป เว้นฤๅ ชูพิภพฟื้นฟ้า เฟื่องดิน ฯ
๒. สมภารสมภพพร้อม ไพรบูลย์ เรืองรัตนโกสินทร์ สุขล้ำ เพิกพื้นพิภพพูน เผยโลก กว้างแฮ บุญพระฟื้นฟ้าขว้ำ ไขว่หงาย ฯ
๓. เสร็จยอพระยศอ้าง ออกแสดง ปางรํ่านิราศสาย สวาดิน้อง จำจากเจ็บจิตแหนง ขนางเสน่ห์ นางนา ฝากโศกยอดสร้อยซ้อง สั่งสาร ฯ
๔. เด็ดใจเจียรจากแก้ว กับอก อรเอย ทุบทุ่มอุราราน ร่ำเศร้า สะอื้นอัดอุรกรรศก สังเวช ตนแฮ หวนคิดคืนเข้าห้อง สั่งขวัญ ฯ
๕. อ้าโอษฐ์ฤๅอาจกลั้น ชลนา กรกอดสมรศัลย์ ซบสะอื้น สั่งกระซิบอรยุพา พูนเทวษ ยิ่งแฮ เฟือนสติตื้นตั้ง แต่กรม ฯ
๖. กรรโหยลำโหกไห้ หวนถวิล โอบผโอนผอืดสม สั่งห้อง ปลอบนุชสุชลริน รํ่ารัก วายฤๅ เรียมจะห่างน้องเต้า ต่างเมิล ฯ
๗. ทรุดพักตร์ซบพักตร์แก้ว กานดา ดวงเอย โฉมแม่คู่ใจเพลิน พลบเช้า เด็ดแดฤดีคลา คลาดแม่ แล้วแม่ ใจฝากใจเฝ้าเจ้า จุ่งถนอม ฯ
๘. สั่งสารเสาวณิศสร้อย สายสมร แม่นา เสนาะสนั่นทรวงกรอม เกริ่นเศร้า บำบวงภิวาทวอน วิงเทพ ทั่วแฮ รํ่าฝากหนึ่งน้องเหย้า อย่าลืม ฯ
๙. อาราธน์อารักษ์ได้ ปรานี ข้านา ขอแต่กระมลยืม อยู่ป้อง โปรดช่วยรักษาศรี สมรนุช หน่อยพ่อ จงท่านทุกห้องฟ้า ใฝ่ใจ ฯ
๑๐. ควรอมรเมศถ้วน ทุกสถาน สังเวชเทวษใน อกบ้าง รับธุระเอาภาร เพียงโศก สั่งนา โททุเรศร้อนร้าง รํ่าครวญ ฯ
๑๑. รํ่าสั่งรํ่าฝากท้าว เทพา รักษ์ฮา โลมลูบกำลูนนวล นิ่มเนื้อ จำใจหักใจลา ละแม่ ไปแม่ ห่างเสน่ห์น้องเอื้อ อัดแด ฯ
๑๒. สองโศกสนั่นก้อง กำสรด จาตุรจักษุแล หลั่งน้ำ ดุจเด็ดฤดปลด ปลอบเปลี่ยน กันนา โททุกข์โทซ้ำซ้ำ ชอกใจ ฯ
๑๓. อาสูรสายสวาดิโอ้ อาทวา จักนิทรวังเวงใน ม่านป้อง ไปไป่เนิ่นจักมา สมสวาดิ แม่แม่ ลานุชลาห้องแล้ว หลีกจร ฯ
๑๔. จากทวารเทวษเศร้า ทรวงระทด ผินพักตร์พบพักตร์สมร หม่นคล้ำ ย่างเท้าอุระสลด ลาญสวาดิ ดาลกระมลกลั้นน้ำ เนตรคะนึง ฯ
๑๕. เหลียวกระซิบสั่งสร้อย ศรีสมร แม่เฮย ศัพท์แว่วสวาดิพึง เพียบห้อง แรมเรือนนิราศจร โอจาก จริงนา เหินห่างแหนด้วยน้อง หนึ่งเนา ฯ
๑๖. ฝืนแดจรดุ่มด้อม ดำเนิน ทรวงระทดเทาเทา สะทึกเต้น โหยหนกระเหิมเหิน ระหกหอบ ไห้แฮ อุรภาคเพียงค้อนเฟ้น ฟาดสลาย ฯ
๑๗. ลับนุชพริบเนตรเอ้ กายาม เดียวนา เสียวโศกสยองกาย กึ่งม้วย เสมอจากสมรสาม ปีเศษ เจียวแม่ ทรวงพี่เย็นด้วยนํ้า เนตรชโลม ฯ
๑๘. เรียมคิดทุกย่างย้าย จรลี กายจากจิตจำโฉม แชล่มหน้า ถวิลนุชทุกวิถี ทิวตรอก ซอกเฮย ลัดตลาดชิงช้าด้วย ด่วนคลา ฯ
๑๙. ลุวัดบวรนิเวศไหว้ อาราม ภิวาทรัตนชุลีลา ลับแล้ว บุญบัติแบ่งโฉมงาม งอนรับ เร็วแม่ แนบเมื่อคํ่าเช้าแคล้ว คลาดนาง ฯ
๒๐. กรอมกระมลหม่นเศร้า ทรวงแสยง ยิ่งเอย ลุตลิ่งบางทาง ท่าน้ำ นาเวศละแวกแฝง ฟากฝั่ง จอดแฮ พายถ่อแจวคุ้ยค้ำ คั่งคลอง ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, บ้านกลอนน้อยฯ, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, Paper Flower, ตูมตาม, มยุเรศ เมรี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๒๑. เรือเรียมเลียบท่าพร้อม ฝีพาย ถือผจงแจวจอง จับจ้อง ได้ฤกษ์เลื่อนเรือผาย ผันจาก ท่านา พลางรีบเร็วร้อนร้อง เร่งแจว ฯ
๒๒. อกเอยแต่จากเจ้า จวบวัน แล้วนา โฉมแม่แมกแววแนว เนตรไว้ ผลเวรแต่เพรงสรรค์ สองร่วม สร้างฤๅ บำราศเราให้ร้าง คู่ครอง ฯ
๒๓. ออกปากคลองชื่ออ้าง บางลำ พูเอย แพจอดตลิ่งสอง ฟากน้ำ พิศไป่พบสมรกำ สรดโศก ยิ่งแฮ ตรอมเทวษว้าปล้ำ ปลุกใจ ฯ
๒๔. เรื่อยเรื่อยเรือล่องท้อง ทางชลา ลิ่วลิ่วลับนุชไกล ยิ่งแล้ว พิศพักตร์ทั่วแพหา เห็นแม่ ไม่แม่ เร่งพวกแจวแคล้วแคล้ว เคลื่อนไป ฯ
๒๕. บางขุนพรมแพร่อ้าง ออกบาง นามเอย นึกพระพรหเมศไท เทพเท้า เผลอนิทรอาสน์หงส์พลาง เพลินหลับ ฤๅพ่อ สองรํ่าโศกซ้องเศร้า สร่างฟัง ฯ
๒๖. พันตาจาตุรพักตร์ท้าว เทพา รักษ์ฮา พิษณุอิศวรทัง สี่ถ้วน สองพิโยคยิ่งอา ลัยสนั่น น้อยฤๅ ไยช่างนิ่งนี้ล้วน เล่ห์เมิน ฯ
๒๗. ควรแค้นควรค่อยง้อ งอนสาร สั่งเอย ฝากนุชเพราะเรียมเหิน ห่างห้อง แม้ว่าอยู่ไป่ขาน คำกล่าว เลยพ่อ นี้จากจำต้องร้อง ฝากโฉม ฯ
๒๘. อกห่างใจห่วงสร้อย สงสาร ยิ่งนา เรียมจากใครจักโลม ปลอบบ้าง แม่จะโศกทรวงปาน ใดห่อน เห็นเฮย จะกอดขนนข้างค้าง ค่อยคอย ฯ
๒๙. เรือเลยเรียมลับแล้ว ลาญระลุง จิตนา นั่งนึกว่าเรือถอย แทบบ้าน ถนัดคลองพระผดุง ดูลิ่ว แลแฮ คิดทุกคุ้งน้ำหย้าน ยิ่งไกล ฯ
๓๐. วัดราชกุญชเรศเรื้อง อาราม โบสถพิหารไพ จิตรพร้อม ช่อฟ้าประงอนงาม เงื่อนส่าย เฟื้อยแฮ ถวายภิวาทเกล้าน้อม ฝากนาง ฯ
๓๑. รีบเรือเร่งลัดคุ้ง คงคา ครวญคระหึมโหยคราง ครั่นไห้ ลุยังวัดราชา ธิวาส กรชุลีไหว้ร้อง ร่ำครวญ ฯ
๓๒. ผลกุศลภิวาทเอื้อ อาราม อวยสฤษดิคำณวน นึกนี้ แม่อย่าละลืมความ ขวนรัก สั่งนา ถนัดมโนน้องชี้ เช่นแสดง ฯ
๓๓. ถนัดยังบางจากแจ้ง เจ็บกาม กลพี่จากใจแฝง ฝากเจ้า เด็ดจากผจงยาม ใยสวาดิ หวังแม่ ร่างพี่ร้างน้องเฝ้า ฝากใจ ฯ
๓๔. อายจากรีบจากตั้ง ตาดู อื่นเอย เมินพักตร์ผายเรือไกล เกลียดคุ้ง เล็งถนัดบางพลู เพลินจิต ยิ่งนา จีบผจงลิ้นลุ้ง เลี่ยมทอง ฯ
๓๕. เจียนสลาสลับจอกเจ้า ผจงหา ไว้แม่ เชี่ยนนากพลูจีบซอง สอดไว้ ตั้งแต่พี่จากมา ไกลสวาดิ หวาดว่าพลูน้องให้ เผ็ดใจ ฯ
๓๖. ถั่นถึงบางพลัดโอ้ อาดูร แดเอย เรือเร่งเร็วเร็วไป ไป่ช้า ดุจพี่พลัดสมรสูญ สังเวช ยิ่งแฮ เห็นแต่ป่านํ้าฟ้า ฝั่งชล ฯ
๓๗. สามเสนสาปชื่อคุ้ง คงคา ไว้ฤๅ เดิมว่าสามแสนคน เรียกเพี้ยน ระลึกรักนิราศมา เมินสวาดิ กลัวเกลือกเป็นเสี้ยนแกล้ง กลับกลาย ฯ
๓๘. อกเอยอาภัพแท้ ทุรพล มาแต่กายโดดดาย เดี่ยวคว้าง นับเริศทุเรศหน ทางจาก โฉมแม่เนาบ้านร้าง คู่ครอง ฯ
๓๙. บางกระบือบอกบ้าน บงใจ เจ็บเอย ตรอมกระมลกรมหนอง เหนอะเนื้อ แสนเขากระบือไถ แถกขวิด ปวดไป่เท่าร้างเรื้อ รสชม ฯ
๔๐. เรือดลบางซื่อแล้ว แลพลาง เพลินแฮ สองจากจงจิตสม เสี่ยงไว้ หวังสัตย์ร่วมใจนาง ในพี่ สองซื่อต่อตั้งให้ แห่งกัน ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, Paper Flower, ตูมตาม, ก้าง ปลาทู, มยุเรศ เมรี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๔๑. เรียมเหินสวาทเจ้า จรไกล นึกเมื่อเรียมแรกวัน ร่วมห้อง เคยประสบประสานใจ จำเพาะ กันนา มาจากปานนี้น้อง นิทรเดียว ฯ
๔๒. ลุย่านบางซ่อนเศร้า สงสาร เบือนเบื่อ บ อยากเหลียว เหลือบใกล้ หวนระลึกเสน่ห์ลาญ ลับพักตร์ มาแม่ ฝังรักร่วมส้อนไว้ หว่างใจ ฯ
๔๓. สองเนตรจักลับหน้า นานวัน ยิ่งเอย เกรงแต่ชู้ชายใด ดอดด้อม ลอบลักประโลมขวัญ เนตรพี่ เสี่ยงแต่บุญสร้างซ้อม ส่งครอง ฯ
๔๔. คิดมิตรเมินย่านบ้าน เบือนแล ถนัดหนึ่งบางสายทอง ถิ่นนั้น สวนเรือกละแวกแคว แขวงไขว่ เห็นแต่ทิวไม้กั้น กับเรือน ฯ
๔๕. สายทองธรรมชาติเนื้อ นพคุณ สีสุวรรณฤๅเหมือน พักตร์เจ้า ผ่องยิ่งมาศแมนจุณ ผจงเปรียบ ปานฤๅ งามกว่าทองร้อยเถ้า ทาบสี ฯ
๔๖. โฉมเจ้าจักเปรียบปิ้ม ปานใด เล่านา แม้แม่แบ่งภาคย์มี แม่นแม้น เปรียบอื่นอสงไขย เขินเปล่า คิดยิ่งคิดซ้ำแค้น ค่อนครวญ ฯ
๔๗. เลยล่วงระยะบ้าน บางโพ แล้วนา ลุเขตบางเขนหวน สวาดิน้อง ทอดแม่อยู่เดียวโอ อนาถ จะสะอื้นก้องห้อง โหกใจ ฯ
๔๘. เยื้องแสงสุริเยศเมื้อ เมฆา เรือก็รีบครรไล ลิ่วล้ำ ถั่นถึงวัดเขมา มาจอด ร่มโศกริมถ้าน้ำ น่าฉนวน ฯ
๔๙. ต้นโศกแทรกเขื่อนชั้น ชายเลน เขียวระบัดปัดปน๑ ปิดก้าน โศกพี่จากนุชเกณฑ์ คราวเคราะห์ แทรกฤๅ ปลดเสน่ห์เนาบ้านป้อง ปิดสมร ฯ
๕๐. อาสูรเสาวลักษณ์สร้อย สายใจ พี่เอย นี่ก็ย่ำทิวากร เกือบแล้ว เคยแม่แมกม่านไข คอยพี่ พักตร์ผัดสองแก้มแผ้ว ผ่องผจง ฯ
๕๑. ผ่อนพักภักษ์โภชน์แล้ว ฤๅนาน ยอย่ำพระสุริยง เยี่ยมไม้ ถอยเรือรีบจากธาร ท่าจอด เรียมภิวาทน้อมไหว้ วัดลา ฯ
๕๒. รอนแสงรพิศแปล้ ปลายพฤกษ์ โอภาสเผือดเพหา เหือดคลุ้ม เรือห่างฝั่งแฝงลึก ลาญสวาดิ ทรวงพี่กลัดเศร้ากลุ้ม เกลือกถวิล ฯ
๕๓. นาเวศวิ่งว่ายนํ้า ตามแจว แหวกระลอกลอยสินธุ์ เสียดส้า หมายมิตรแม่แมกแวว วนว่าย มาแม่ เผยม่านมองม้วนหน้า นึกอาย ฯ
๕๔. ตลอดตลาดแก้วเร่ง ฤๅรอ หากว่าแก้วใครขาย คิดซื้อ ฝากแก้วกระมลพอ พิศต่าง หน้านา ต้นตลาดรื้อไย้ อยู่ไหน ฯ
๕๕. แลเลยตลอดบ้าน บางขุน เทียนแฮ โอเสี่ยงเทียนไชยไร ร่วมน้อง บนเทพยการุญ รับธุระ หน่อยนา ตกเคราะห์คราวนี้ต้อง ต่างกัน ฯ
๕๖. มาไกลกลอยจิตกลุ้ม กลัดทรวง ลับพักตร์วรเพ็ญขวัญ เนตรแล้ว คิดสายกระมลดวง ดาลสวาดิ ยิ่งนา โฉมจะวายแป้งแผ้ว ผัดสี ฯ
๕๗. แดเดียวสวาดิโอ้ อางขนาง เยาวอยู่ใครมี เพื่อนพร้อง พึ่งผืนพัสตราบาง สไบห่ม พลางแม่ วานม่านมุ่งห้องป้อง ปกสมร ฯ
๕๘. บางขวางแขวงบ้านชื่อ ฉันใด หวนเสน่ห์เรียมจร จากเจ้า โศกขึ้นแทรกขวางใน แนวอก พี่แม่ ขัดยิ่งบางร้อยเถ้า ทับขวาง ฯ
๕๙. บางแพรกพรํ่าพรากเจ้า เจ็บใจ จริงเอย หญ้าแพรกมะตูมใบ๒ บาตรน้ำ มงคลคู่ทัดใน หอฤกษ์ ร่วมแม่ พฤทธญาติพร้อมซ้ำ สฤษดิ์พร ฯ
๖๐. คิดพลางเพลินจิตแจ้ง ใจตรอม แรกเริ่มวิวาหสมร แมกใกล้ เคยแนบอุระถนอม ในม่าน แรมนุชยามไร้ได้ แต่ครวญ ฯ
๑. สัมผัสกับบาทนี้ไม่รับกับ "ฉนวน" ปลายบาทโคลงบทที่ ๔๘ ๒. สัมผัสกับบาทนี้ไม่รับกับ "ขวาง" ปลายบาทโคลงบทที่ ๕๘ โคลงบทนี้สัมผัสเป็นโคลงสี่สุภาพ ต่างจากบทอื่น ๆ ซึ่งเป็นโคลงดั้นวิวิธมาลี
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, Paper Flower, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, ตูมตาม, หนูหนุงหนิง, ก้าง ปลาทู, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๖๑. ตลาดขวัญใจคว่างคว้าง ขวัญปลิว ทิ้งทอดธุระสงวน เงียบห้อง เรียมลาจากใจหวิว วายเทวษ แล้วฤๅ ใครจะปลอบน้องร้อง รับขวัญ ฯ
๖๒. วัดเฉลิมพระเกียรดิอ้าง อาราม นั้นฤๅ อนบรัตนภิวันท์ หว่างเกล้า บุญบัติเฉลิมความ สัตย์เสี่ยง สองแฮ รักร่วมอย่ารู้เร้า เริศปอง ฯ
๖๓. เสร็จไหว้อาวาสซ้อง สารแสดง สั่งส่วนกุศลครอง นุชด้วย บำบัดพิบัติแหนง ชายอื่น นาแม่ ตรงต่อสัตย์สู้ม้วย แม่นใจ ฯ
๖๔. อาสูรทรามสวาดิสร้อย สงสาร พี่เอย ใครจะขานคำไข ข่าวพร้อง คิดลมและน้ำวาน บอกนุช หน่อยพ่อ โศกสั่งทุกห้องท้อง นัที ฯ
๖๕. ดลนนทบุเรศโอ้ อัสดง แล้วนา เชิงทิฆัมพร์เสกสี แสดย้อม ทรวงทวีปเทวษสง สารโศก ด้วยฤๅ ฤๅช่วยเรียมเศร้าพร้อม พรํ่าครวญ ฯ
๖๖. สางแสงศศิขึ้น ไขสี เรื่อเรื่อแพหน้าจวน จอดไว้ ตามประทีปอัคคี โคมสว่าง หมายเขตบอกให้รู้ น่าเมือง ฯ
๖๗. เรียมเมิลรีบเมื้อด้วย ดาลแด ยิ่งเอย เห็นแต่แสงไฟเรือง เรื่อนํ้า สองเนตรสอดเนตรแล ตลอดย่าน นํ้านา หมอกพยับคลุ้มกล้ำ เกลื่อนมี ฯ
๖๘. มืดแล้วเหลือทราบบ้าน บางใด เลยแม่ จักสืบสั่งข่าวศรี สวาดิบ้าง คราวทุกข์จักถามใคร ฤๅพบ จากสุขพลอยซ้ำร้าง เพื่อนจร ฯ
๖๙. ปากเกร็ดตัดลัดอ้อม เอาตรง ทางเอย ถามข่าวสมรวอน สั่งถ้อย เกร็ดเอยปากวานสง เคราะห์พูด หน่อยนา นิ่งไป่กล่าวด้วยน้อย เพื่อใด ฯ
๗๐. ปากไป่ขานข่าวไม้ บอกพราง ฤๅพ่อ วานตลอด บ ไข ข่าวพร้อง ยินแต่ระลอกกลาง ลัดซัด เสียงนา เสนาะประเล่ห์น้องร้อง เรียกเรียม ฯ
๗๑. เรือล่องออกลัดคุ้ง คงคา แล้วนา จันทร์กระจ่างแสงเทียม ปทีปแก้ว ปรมัยยิกาอา วาสลุ แล้วนอ เห็นทงุ่มแพร้วแพร้ว พรั่งพราย ฯ
๗๒. จักจอดสั่งข่าวสร้อย ทรามสง สารเอย ยามคํ่าหาคนกราย ยากแท้ รีบเรือเร่งเลี้ยวตรง บางภูต เกรงม่าห์สิงคุ้งแล้ หลอกหลอน ฯ
๗๓. ภูตแมกมีเร่งให้ มาหา หน่อยนา วานภูตพูดวอนอร อัตถ์ชี้ ฤๅขยาดมนต์คา ถาห่วง ทรัพย์พ่อ ภูตก็หลบหน้าลี้ หลากครัน ฯ
๗๔. บ้านใหม่มืดดึกแล้ว จำลา หอใหม่ยกฤกษ์วัน ร่วมเจ้า ละนุชนิทรเอกา กายเปลี่ยว เกรงจะชวนชู้เข้า คู่หอ ฯ
๗๕. บางโควัดหว่างนั้น ไหนอา รามนา ฤๅว่าฝากชื่อพอ เพื่อรู้ เรียมคิดแต่ยามมา จากแม่ เจียวแม่ ยังไป่พบเพี้ยงผู้ พากย์ความ ฯ
๗๖. บางพังตลิ่งล้น ลงชลา หล่นถล่มเลนหลาม ลาดไล้ พังอุระเรียมพา หาทุ่ม ทุมแฮ เจ็บยิ่งฝังน้ำไซร้ เซาะพัง ฯ
๗๗. นาฬิกาเกือบเข้า ยามสาม แล้วเฮย ดึกเงียบยากทางสัง เกตได้ รอเรือพักจอดตาม โตยฝั่ง เห็นแต่ทิวต้นไม้ มั่วราย ฯ
๗๘. ยามดึกสงัดสิ้น เสียงคน มารุตระเรื่อยชาย เฉื่อยหล้า เรียมแรมทุเรศหน โหยสวาดิ เนื้อเหน็บหนาวน้ำฟ้า ฝ่าทรวง ฯ
๗๙. บงจันทร์แจร่มห้อง หนหาว จากเมฆมัวกลางดวง ดุจเศร้า พักตร์สายสมรคราว ครองเสน่ห์ นั้นฤๅ แจ่มยิ่งจันทร์ร้อยเถ้า เทียบสี ฯ
๘๐. สาวน้อยมาโนชญ์หน้า แนมสุวรรณ พี่เอย ลมจะแผ่วผิวหนี เหน่อเนื้อ ใครเลยจะโลมขวัญ เนตรสนิท ราแม่ อุ่นแต่ผืนผ้าเสื้อ สอดนอน ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, รินดาวดี, ขวดเก่า, Paper Flower, ก้าง ปลาทู, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๘๑. ยามร้อนเคยรํ่าแป้ง ปนปรุง จุณกระแจะอบอร แอบข้าง เกรงแต่เรือดริ้นยุง เหลือบลอบ กวนแฮ โฉมจะชุ่มนํ้าค้าง ข่วนคัน ฯ
๘๒. ครวญคะนึงนิทรเคลิ้ม คลำผวา เปล่านา โสตเสนาะไก่ขัน แข่งร้อง เดือนดาวกระดากอา กาศคับ แล้วเฮย รุ่งสว่างท้องฟ้า เผือดสี ฯ
๘๓. ปลุกเพื่อนนาเวศฟื้น นิทรา เสนาะสนั่นนัที ถิ่นนํ้า ไขรวิแหวกผา เผินผ่อง ภพแฮ จัดโภชน์ภุญช์แล้วลํ้า เลื่อนเลย ฯ
๘๔. อกโอถึงโคกช้า พลูเผลอ ใจแฮ พลูหมากรวมปูนเคย ปากเคี้ยว ยามยากยกเชี่ยนเจอ ใจเหมาะ แลตะลึงคุ้งเลี้ยว ลับลี ฯ
๘๕. เรือพ้นทรวงพี่เศร้า เสียวแด ยิ่งเอย ถึงประทุมธานี ชื่อพร้อง เมิลเมืองมุ่งใจแห เหินสวาดิ คิดประทุมน้องต้อง ติดมือ ฯ
๘๖. แสงสายสุริเยศแผ้ว เพ็ญดวง เด่นเอย แหนงเสน่ห์นึกคือ ค่ำเช้า ดลดำแหน่งบางหลวง เชิงราก แล้วนา ราคเสียดทรวงเศร้าซํ้า แซกใจ ฯ
๘๗. รากรักร่วมพุ่มต้น เต็มกอ ใครขุดรากรานใบ บั่นกลิ้ง เหลือแต่รากแรมตอ ติดอยู่ เช่นพี่จากเจ้าทิ้ง ทอดมา ฯ
๘๘. กระแชงกระฉ่อนบ้าน บอกใจ เจ็บเอย นึกกระแชงอ่อนฝา ฝากน้อง แผ่ผืนกระแชงใบ บังนุช หน่อยนา เนาแต่ในห้องป้อง ปิดตน ฯ
๘๙. สามโคกโขดแข่งขึ้น เคียงราย ตะลึงเสน่ห์ยามยล เยี่ยงเคล้า เพลินหมู่ทุมาชาย ชวนสวาดิ เพียงหนึ่งโคกคุ้งเย้า ยั่วถวิล ฯ
๙๐. เที่ยงแสงอาทิตย์ต้อง ตากกาย เคยกระแจะเจือสินธุ์ อบอ้า คราวร้างนิราศสาย สมรโศก วักแต่นํ้าถ้าไล้ ลูบทรวง ฯ
๙๑. บ้านงิ้วเงื่อนชื่อแจ้ง ใจระบม หวนเสน่ห์เรียมหวง ห่างหน้า ผิว่าอื่นชายชม ชวนเช่น ชู้แม่ วานหน่อยหนามงิ้วง้า เงือดแทง ฯ
๙๒. แม้นน้องมีคู่ดั้ง เดียวเดิม ก็ดี เวรสวาดิประหวัดแสดง ดุจนี้ งิ้วกรดกราดกรวยเติม ตามต่อ เรานา บาปกับบุญใช้ชี้ เช่นใด ฯ
๙๓. ทองหลางรายเรียดตั้ง ตีรา รอบเอย โอพี่จากเจ้าไป ป่างค้าง นุชพี่รวบรายฝา เรือนปิด ชายจะปองล้อมข้าง เคาะเรือน ฯ
๙๔. เกาะใหญ่แสนเกาะทิ้ง ทับอก เรียมเอย หนักไป่เท่าทุกข์เตือน ต่อเตื้อง ใครจะช่วยชูยก โยนโศก เสียนอ ได้แต่หนึ่งน้องเปลื้อง ปลดคลาย ฯ
๙๕. ลานเทชลทุ่มท้อง ธารา แม้ว่าเทโศกผาย ผึ่งบ้าง แสนลานจะกองอา ดูรหมด แล้วฤๅ วานช่วยเทเศร้าร้าง อย่ารอ ฯ
๙๖. แควน้อยสามแยกนํ้า แนวคลอง แม้ว่าทรวงเรียมหนอ แยกได้ ไปหนึ่งหนึ่งเนาครอง คราวจาก นุชนา แบ่งแต่ใจไว้ให้ กับใจ ฯ
๙๗. บางไทรใดเทพยท้าว สถิต สมชื่อบางไทรใคร สาปไว้ อ้าเทพยศักดิ์สิทธิ์ สิงย่าน นี้นา ขอพระปู่เจ้าได้ เมตตา ฯ
๙๘. ไทรเอยอุณรุทท้าว เธอวาน ท่านฤๅ จึ่งสุรเทพาพา ร่วมห้อง อกอาตมก็นาน วันจาก นุชนา วานเทพยอุ้มเพี้ยงห้อง แห่งสมร ฯ
๙๙. ไทรเฉยเช่นไป่รู้ เรียมครวญ เจ็บเสน่ห์ใจจร จากแก้ว ปวดยิ่งเซี่ยนไทรสวน เสียบอก เรือรีบแจวแคล้วแคล้ว คลาดไป ฯ
๑๐๐. ดลด่านเสียงฆ้องรํ่า รุมตี เรียกพวกเรือค้นใน น่านน้ำ ทรวงโศกเสกเรือมี ของหนัก แดดุจค้อนฆ้องซ้ำ ซัดรัน ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รินดาวดี, ขวดเก่า, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, Paper Flower, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๑๐๑. ดลแดนบ้านดาบโอ้ อาดูร ทรวงยิ่งดาบเพชรฟัน ฟาดม้วย เด็ดเดียวฤดีสูญ แสนโศก ขาดสวาดิไว้ด้วย ดาบเวร ฯ
๑๐๒. เกาะเกิดเกิดเกาะกั้น กลางทรวง พี่เอย เรือเลื่อนระลอกเลน หล่มไล้ เรียมแรมฤแดดวง เดียวเปลี่ยว เกิดแต่เศร้าซ้ำให้ โหกโหย ฯ
๑๐๓. เฟือนแสงสุริยะฟ่าฟ้า แฝงดอย ลับทวีปเดินโดย ด่วนแล้ว แสงจันทรแข่งคอย ไขสว่าง โลกแฮ เสร็จภักษ์โภชน์พร้อมแคล้ว เคลื่อนจร ฯ
๑๐๔. นภาพายุตั้ง ตีชล ซัดระลอกคลองคลอน คลื่นเต้น เรือชะเยื่อนโยกกล กวนล่ม เฟื่องกระแสนํ้าเฟ้น ฟาดเรือ ฯ
๑๐๕. รีบเร็วถึงเกาะบ้าน บางประ อินเอย จรก็จนใจเฝือ ฝ่าเต้า ดึกสงัดศัพท์จะ จวนรุ่ง แล้วนอ หนาวหยาดนํ้าค้างเช้า ชุ่มชล ฯ
๑๐๖. โอภาสรพิศต้อง เตือนกัน ตื่นแฮ แสงสว่างเวหน แห่งฟ้า ถนัดวัดนิเวศน์ธรรม์ ประวัติ ถวายภิวาทแคล้วหน้า วัดไป ฯ
๑๐๗. ยลราชนิเวศน์เรื้อง โรจี เพียงทิพยพิมานชัย เชิดหล้า ลอยเลื่อนอมรลี ลงสู่ เกาะฤๅ งามยยับย้อยย้า ยาบพราย ฯ
๑๐๘. เคารพวังราชแล้ว ลาจร อำนาจรัชละอองปราย ประเกล้า คุ้มปวงพิบากรอน รมเยศ โสตสุขเสื่อมเศร้าชื้น ฉ่ำทรวง ฯ
๑๐๙. บ้านเลนเกาะพระไหว้ หวังลา แล้วนา ตลาดเกรียบกรุ่มเกรียมดวง จิตร้อน บ้านเมฆมุ่งมองอา กาศเปล่า หมายเมฆแมกน้องส้อน กลีบบัง ฯ
๑๑๐. บ้านกลิ้งเรียมกลอกหน้า หานาง รอนอุระเพียงพัง เพิกกลิ้ง ลุวัดโปรดสัตว์วาง วอนภิ วาทนา วัดโปรดเพื่อนน้องทิ้ง อยู่เดียว ฯ
๑๑๑. เกาะเรียนพยัคฆ์ข้าม ขบใคร เรียมนึกขลาดขลาเสียว สาบคลุ้ง บางกะจะจากใจ เจ็บจะ เห็นฤๅ สั่งตลอดคุ้งขึ้น ข่าวครวญ ฯ
๑๑๒. ลุหน้าวัดพระเจ้า นางเชิง แล้วเฮย ถวายภิวาทฝากนวล หนึ่งน้อง อำนาจรัตนบำเทิง ทางโมกข์ บุญรักษ์สองข้าพร้อง พรากกัน ฯ
๑๑๓. อกเอยเรือล่องเข้า เขตกรุง เก่านา แสนสุขกระเษมครัน ครึกครื้น บ้านเรือนปลูกรายมุง มีมาก สองฝั่งนํ้าล้วนพื้น พวกแพ ฯ
๑๑๔. เรือพายแจวขึ้นล่อง แลหลาย หลากเฮย เสียงสนั่นจอแจ จ่ายซื้อ แม่ค้าต่างค้าขาย คอนเร่ เรียมพิโยคเร้ารื้อ เร่งจร ฯ
๑๑๕. ดลแนวดำแหน่งหน้า วังจันทน์ เกษมนา เล็งพระดำหนักสลอน เลิศล้วน กำแพงสิมาขัณฑ์ เขตเขื่อน งามประเสริฐสิ้นถ้วน ทุกประการ ฯ
๑๑๖. พิศที่ประทับไท้ ธาตรี เพียงพิศพิมานสถาน เทพเท้า จากดุสิตราศี สู่โลก ลงแฮ อันประดับแก้วเก้า กํ่าแสง ฯ
๑๑๗. อำนาจภูวนาถป้อง ปัดเข็ญ ข้าบาทนิราศแขวง เขตค้าง พระเดชพระคุณเป็น ปานฉัตร กั้นนา คุ้มทุกย่านน้ำกว้าง ป่าไพร ฯ
๑๑๘. ครวญถึงสี่แยกเวิ้ง วัดทอง บุนา สี่ส่วนกระแสไหล เชี่ยวเลี้ยว นึกทรามสวาดิครอง ตัวอยู่ เดียวแม่ ทรวงหากสี่เสี้ยวได้ ดุจคะนึง ฯ
๑๑๙. สามส่วนจักแบ่งไว้ หวังระวัง นุชนา จากแต่ส่วนเดียวพึง คลาดคล้อย จนแดเพราะเดียวสัง เวชจิต ทิ้งแต่รักเฝ้าร้อย ชั่งชม ฯ
๑๒๐. บ้านไผ่ไผ่ป่าล้อม ลำไสว รักแม่ร่วมอารมณ์ เรียบป้อง ฝากเสน่ห์ล้อมใจ จำเพาะ เจ้านา รอบยิ่งไผ่ล้อมห้อง แห่งคาม ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, ขวดเก่า, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๑๒๑. บ้านเกาะมีเกาะขึ้น คราวใด ทรวงพี่ฟกเฝือยาม ตยากเจ้า หนักเทวษหว่างใจ จักยก ยลฤๅ ยิ่งกว่าเกาะร้อยเถ้า ทับแด ฯ
๑๒๒. บ่อโพงพึ่งบ่อบ้าง เป็นไร โพงช่วยโพงกระแส โศกทิ้ง บ่อเปี่ยมกระสินธุ์ใส เสกเนตร พี่นา นํ้าขุ่นทรวงข้นกลิ้ง กลัดกรม ฯ
๑๒๓. ตลอดบ้านปักจั่นแล้ว แลไกล เล็งละเมาะไพรพนม เนื่องคุ้ง บ้านเสือชื่อบ้านใคร หนอแรก รังนา ฤๅว่าเสือสร้างวุ้ง หว่างบาง ฯ
๑๒๔. ถั่นถึงสกัดน้ำ มันนาม บ้านนา รักกอกสกัดกลาง จิตกลุ้ม น้ำมันกระแจะยาม ยวนเสน่ห์ แม่เอย ทาคํ่าหอมเช้าคุ้ม ขวบวัน ฯ
๑๒๕. โฉมเคยแป้งประแก้ม กันไร แล้วฤๅ ฤๅจะโชมน้ำมัน เขม่าเผ้า เรียมจากจักแต่งใคร เชยแม่ เล่าแม่ นวลจะซูบหน้าเศร้า ซีดผิว ฯ
๑๒๖. บางระกำแก่งนี้ นึกใจ หายเฮย กรรมซัดสมรปลิว ปลิดทิ้ง นอกรักระกำใน แนมโศก เสียบอุระร้อยปิ้ง ปวดใจ ฯ
๑๒๗. ถึงแถวนามถิ่นบ้าน บางพระ ครูเอย สิทธิครูเพทไสย ศาสตร์รู้ โปรดศิษย์หากสมจะ คำนับ ท่านนา เชิญพระครูถ้วนผู้ ใฝ่ฟัง ฯ
๑๒๘. บ้านสะออมอาทิตย์เยื้อง ยลยอ แสงแฮ เสื่อมสลดลงยัง หย่อมไม้ ฝากสีสั่งโลกรอ ริมป่า สังเวชโพยมร้างไร้ เริศสูริย์ ฯ
๑๒๙. กลางคืนเรียมคิดด้วย แดตรอม มาเลศลักษณกำลูน ลับแล้ว เคยห้อยสุมาลย์หอม หวนกลิ่น เสร็จใส่พานแก้วแพร้ว พร่ำผจง ฯ
๑๓๐. ดำบลบอกบ้านแม่ ลาอา ดูรเอย โฉมแม่จักเปลี่ยวองค์ แอบเหย้า ตั้งแต่พี่ลามา เมินพิโยค ยังฤๅ ฤๅจะใฝ่เศร้าเฝ้า ฝ่าถวิล ฯ
๑๓๑. ถามถึงทุกถิ่นท้อง ทางชลา สั่งโศกฝากฝั่งสิน ธุถ้วน ลุบางชื่อเขมามา จวนดึก แล้วเอย ครวญทุกย่านนํ้าล้วน สั่งขวัญ ฯ
๑๓๒. ดลบ้านศีรษะคุ้ง คดคง คาแล พักผ่อนฝีพายพลัน ผลัดยั้ง พร้อมพวกเพื่อนเรือจง ใจจอด นิทรนา เงียบสงัดถ้วนทั้ง ถิ่นสินธุ์ ฯ
๑๓๓. บงโอฆอากาศล้วน ลมบน เบิกระเบียบเมฆิน คว่างคว้าง เหลือบเปล่าเปลี่ยวแดยล ยามดึก พูนเทวษอ้างว้าง เหว่กาย ฯ
๑๓๔. ดาวเดือนกระดากฟ้า เฟือนสี จวนรุ่งเรื่อประกาย พรึกพร้อย หวนโฉมแชล่มลี ลาลับ นานแม่ สยองหยาดนํ้าค้างย้อย หยัดเย็น ฯ
๑๓๕. ยามหนึ่งนึกจวบสิ้น ยามปลาย แล้วเฮย หลับเนตรนึกใจเห็น พักตร์น้อง เผลอพลิกผวากาย กอดตื่น เปล่าแฮ เสนาะสกุณก้องร้อง เร่งตรวัน ฯ
๑๓๖. วาโยพิโยคไย้ ยามสาง แสงแฮ พัดพุ่มทุมาบรรณ โบกก้าน รื่นรสบุปผาพลาง เพลินกลิ่น เงยพักตร์เผยม่านแล้ว เหลือบยล ฯ
๑๓๗. ชมเฌอฤๅใช่หน้า นวลผจง พลางปลุกเพื่อนเรือคน ตื่นพร้อม เตือนแจวเร่งจากคง คาท่า นั้นนา เหลียวทุกเลี้ยวนํ้าอ้อม อ่าววน ฯ
๑๓๘. กระเดืองกระฎีกรุบ้าน บอกแคว บางเอย สั่งเสน่ห์เสนาะหน หาดห้วง แม้ว่าควักแดแบ บนหาด ได้นอ จะเลิกอุระรื้อล้วง เลื่อนวาง ฯ
๑๓๙. ถนัดอ่าวอรัญญิกอั้น อกกรม เล็งตลาดตลอดนาง แม่ค้า ยามโศกสบสาวชม ชวนเบื่อ งามไป่เงื่อนน้องหน้า หนึ่งไฉน ฯ
๑๔๐. ค้นนุชทุกบกนํ้า แนววน สายเนตรเสน่ห์ใคร ใคร่รู้ สืบข่าวขัดข่าวจน ใจเจ็บ ยิ่งนา ยากแสวงน้องผู้ เพื่อนเข็ญ ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, หนูหนุงหนิง, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, Thammada, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๑๔๑. เคียนด้วนใครเดาะต้น ตัดราน คงซากตะเคียนเป็น ป่างพร้อง อกเรียมนิราศกาน ดาด่วน มาแม่ ตัดแต่ใจให้น้อง นึกชม ฯ
๑๔๒. เรือเลยล่วงบ้านชื่อ ปากกะทา ถึงถิ่นสามเรือนกรม อกแท้ เรือนเอยอนาถอา ภัพเพื่อน ยิ่งฤๅ เฉกพี่เป็นหม้ายแม้ เมื่อมา ฯ
๑๔๓. ท่าม่วงหมายถิ่นบ้าน นามมี นึกแถบแพรพัสตรา ห่มน้อง สีม่วงแม่สอดสี แสดร่ำ อบเอย กลิ่นตลบห้องป้อง ไป่หาย ฯ
๑๔๔. โพเอนเบนกิ่งก้าน กลสมร เคยแอบอุระอิงกาย กอดเกี้ยว ทอดทวัดทวัยกร กรรดึก เล่ห์วลีเลื้อยเลี้ยว ลัดพัน ฯ
๑๔๕. วังแดงดาลจิตไห้ โหยถวิล สองจักษุเรียมศัลย์ ใส่เศร้า แดงยิ่งกว่าวังสินธุ์ สายเนตร เรียมนา คิดทุกค่ำคุ้งเช้า ชอกทรวง ฯ
๑๔๖. ศาลาลอยสลัดเจ้า จำลา ลับฤๅ ฤๅแม่ลอยชูดวง สวาดินี้ นับวันจะลอยคลา คลาดจาก พี่แม่ ถนัดประหนึ่งบ้านชี้ ชื่อแสดง ฯ
๑๔๗. ลุวัดนางคุ่มบ้าน บางตะไล แล้วเฮย สวนพริกดำบลแขวง ไขว่ข้าม เรียมนับเสน่ห์ไกล ทุกย่าน เล็งตลิ่งน้ำห้าม หาดเขิน ฯ
๑๔๘. บ้านแขกสั่งข่าวถ้วน ทุกภา ษาเอย ยามทุกข์ท่านทำเมิน หมอบสิ้น คราวสุขทุกหน้ามา สมัครชอบ ชิดแฮ งำเงื่อนรสรู้ลิ้น ลับไข ฯ
๑๔๙. บ้านสฎางค์สันโดษโอ้ อกกรม เหลียวปฤษฎางค์ไกล กลับช้า รสรักนิราศรมย์ เรียมทุเรศ หวังเสน่ห์น้องถ้า เท่าคืน ฯ
๑๕๐. ดลตำบลบ้านชื่อ กอกา เรียมใฝ่สวาดิฝืน ฝ่าเศร้า กาเอยบอกข่าวหา นุชหน่อย กาไปรับร้องเร้า เร่งครวญ ฯ
๑๕๑. บ้านฟ่างฟังชื่อแจ้ง จำรส ได้เอย ฟ่างแม่เจือตาลกวน กอกก้อน อบกลิ่นมะลิสด เสียบใส่ พานแม่ จานผจงส้อมช้อน เชือดชิม ฯ
๑๕๒. อกเอยอนาถโอ้ อาภัพ ห่างพะงางอนหงิม เงียบห้อง ก่อนเคยประคองรับ ขวัญแม่ นาแม่ โอว่าป่านนี้น้อง จักเหงา ฯ
๑๕๓. ท่าเกยนึกคู่แก้ว กานดา เคยผจงกรเกยเลา ไหล่แล้ โททอดประเทืองอา รมณ์ร่วม รสแม่ สนั่นเสน่ห์สร้านแส้ ซาบกาย ฯ
๑๕๔. ท่าเรือพุทธบาทแล้ว แลลาญ สวาดิเอย เรือเรียบจอดเรียงราย เรียดถ้า ตรวจตลอดตลิ่งธาร แถวฝั่ง สองแฮ ไป่พบพักตร์น้องหน้า หนี่งเรียม ฯ
๑๕๕. หนองแห้วเห็นหาดแห้ง โหยใจ ยิ่งเอย เพลิงราครมอกเกรียม กรุ่มร้อน กำเดาฤดีใน หนองพุ กรมโศกแทรกเศร้าซ้อน เสียดทรวง ฯ
๑๕๖. โคกมะนาวมาโนชน้อย นึกสนุก เคยเก็บมะนาวพวง เพียบต้น คิดเค้าคู่ใจปลุก ปลงสวาดิ เจียวแม่ เพลินเมื่อยามปลื้มพ้น พิศถวิล ฯ
๑๕๗. จำปาดำแหน่งบ้าน บอกนาม สีแถบพัสตราริน รสเร้า เฉียงบ่าสไบงาม เงาจับ พักตร์แม่ ห่อประทุมส้อนเต้า เต่งทรวง ฯ
๑๕๘. สวนทับทิมเทียบชี้ ชวนชม ชื่นแฮ แหวนทับทิมพลอยดวง เด่นพร้อย ผูกเรือนนพคุณสม แสงสุก งามเมื่อสอดก้อยน้อย นาดกร ฯ
๑๕๙. ชุมแสงระส่ายเศร้า แสงสูริย์ ละทวีปรอนรอน เรี่ยรู้ คืนวันเทวษพูน ลืมพิศ ภพแฮ ชมแต่เศร้าชี้ชู้ เช่นครวญ ฯ
๑๖๐. ท่างามงามเงื่อนเจ้า ใจงาม เล่าฤๅ โฉมเสงี่ยมสกนธ์สงวน แง่ไว้ ท่าพี่ทุกทุ่มยาม เยียสั่ง สารแม่ ใจอย่าเหลินเหล้อให้ ห่างคำ ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, หนูหนุงหนิง, ลมหนาว ในสายหมอก, ขวดเก่า, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๑๖๑. ยางนมนึกแท่งเนื้อ นวลสมร ก่ายกระไดแดกำ เริบชู้ สองยอดสยุ่นยอน ยันอก อุ่นแม่ กำหนัดเสน่ห์เนื้อกู้ ก่อกาม ฯ
๑๖๒. เผลอตนเตือนจิตตั้ง ตาเมิล มาแม่ ล่วงถลุงเหล็กถาม ถิ่นบ้าน หัวหินระเหิดเหิน เห็นหาด เปล่าเฮย ถนัดยังบ้านช้างคร้าน ครั่นคะนึง ฯ
๑๖๓. ดงรางนึกร่องน้อย แนวนา ภิศแม่ เผยแผ่นสไบขึง คาดเต้า รางรางร่างเอวอา รมณ์สวาดิ แลแฮ เพลินเมื่อยามเคล้าเย้า ยั่วใจ ฯ
๑๖๔. อกรางบำราศนํ้า เนาดง ดอนพ่อ เช่นกับอกเรียมไคล คลาดน้อง ก่อนเคยอุรอนงค์ ถนอมนิท ราแม่ มาอาบสุชลน้ำต้อง ต่างชลา ฯ
๑๖๕. บ้านชุ้งเชิงหาดแห้ง เห็นสิน ธุเอย สูงตลอดตลิ่งรา รุกข์รื้อ อ่าวแอ่งกระอายดิน ดูฝุ่น ฟุ้งแฮ บงระบัดหญ้าปื้อ ปุกปุย ฯ
๑๖๖. โขดเขินเจียนขาดน้ำ ในคลอง เรือติดต้องลงลุย เลื่อนโล้ ทรวงพี่เหือดแต่สอง สายเนตร ชุ่มแฮ มากแต่เนตรนํ้าโอ้ อกโหย ฯ
๑๖๗. เรือมาลุบ้านหมาก มีนาม ไป่ปะหมากใดโดย ดั่งอ้าง จับพลูพลิกจีบถาม ถึงหมาก ดิบแม่ คำหนึ่งฝาดเคี้ยวค้าง ค่อนวัน ฯ
๑๖๘. บ้านม่วงมะม่วงไม้ มีผล รสโอชอร่อยทันต์ ทบเคี้ยว ม่วงคว้านผจงบน จานจอก แก้วแม่ หอมกลิ่นหวานลิ้นเปรี้ยว ไป่มี ฯ
๑๖๙. หัวจระเข้ใครฆ่าทิ้ง ทอดไป นะเฮย เศียรจึ่งสืบกุมภีล์ เพศเรื้อ ฤๅชาลวันไกร ทองสลัด มาพ่อ ฝากชื่อเพื่อไว้เชื้อ เช่นคาม ฯ
๑๗๐. ท่าตรูดตรองชื่อแจ้ง จำเล็บ ได้แม่ เคยเด็ดมะตรูดหนาม เหนี่ยวน้อม เอวอรแอบกิ่งเก็บ กองห่อ ผิวขยี้ผ้าย้อม กลิ่นขจร ฯ
๑๗๑. บ้านกลางกลชื่อชี้ ชวนตรอม ระลึกแรกภิรมย์สมร ม่านกั้น เตียงกลางเกลือกกลิ่นหอม หวนประทิ่น ฝากระจกเซี้ยมชั้น ฉากเขียน ฯ
๑๗๒. แรมพนอุรภาคเพี้ยง ภินทนา หมายตลิ่งโตยเตียร ต่างห้อง แสงรพิศจันทรา แทนประทีป บุปผชาติชลค้างต้อง ต่างสุคนธ์
๑๗๓. บ้านยางยางบ่วงลุ้ง รองหลุม ควบคบคุมเพลิงลน ลวกต้น ราคเผาผ่าวทรวงสุม แสนเทวษ ตั้งแต่จากเจ้าพ้น พักตร์ไกล ฯ
๑๗๔. บ้านกงเกิดแก่งขึ้น คือกง เวียนละแวกชลไหล ลัดอ้อม ใจเรียมพะวงวง หวังกลับ สมแม่ ถนัดแต่สายนํ้าห้อม หาดเห็น ฯ
๑๗๕. ถั่นถึงเมืองเก่าเศร้า สงสาร ดุจอาตมครวญเข็ญ คาบนี้ แรมนวลนิราศนาน ขนางรส รักนา ละนุชนิทรบ้านปลี้ เปล่าทรง ฯ
๑๗๖. ขวัญเมืองพิมพ์มาศแม้น เหมือนโฉม แม่ฤๅ เลียนลักษณ์จำลองลง หล่อไว้ เรียมแรมอุระประโลม ละสวาดิ มาแม่ แม่จะครั่นเคร้าไห้ โหกหน ฯ
๑๗๗. ศาลารีร่ำตั้ง ตาระวัง นึกยุพนารีดล ดักหน้า เนตรมลักเหลือบหลัง เหลียวเปล่า เห็นแต่นกร้างร้า ร่อนบิน ฯ
๑๗๘. จักสั่งสาเรศสร้อย สกุณี นกก็รีบเร็วผิน ผาดแคล้ว สารจะสั่งวารี ริมหาด น้ำก็ไหลขึ้นแล้ว หลากครัน ฯ
๑๗๙. เสาไห้เสาโศกด้วย ใดถาม หน่อยนา โทมทุกข์ฉุกเฉินบรรพ์ บอกบ้าง ฤๅคิดจิตเจ็บความ ลับช่าง เทอญแม่ ฤๅช่วยเรียมร้องสร้าง โศกแทน ฯ
๑๘๐. หวนกมลมาเลศสร้อย สงสาร พี่เอย ยามเมื่อเรียมลาแสน สั่งสะอื้น วานลมเลื่อนข่าวขาน คำสั่ง หน่อยพ่อ ลมก็พัดพื้นฟ้า ฝ่ายทวี ฯ
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, น้ำหนาว, ขวดเก่า, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, ก้าง ปลาทู, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10394
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์
๑๘๑. วานใจสมรแม่แจ้ง ใจนาง เองแม่ เรียมลุสระบุรี นี่แล้ว ใจพี่ถอดใจวาง หวังคู่ ใจแม่ ยังไป่คลาดแคล้วตั้ง แต่มา ฯ
๑๘๒. ปานนี้มาโนชเนื้อ นพคุณ พี่เอย แสนจะสงสารทา เรศน้อย พักตร์จะจากจันทน์จุณ เจือมาศ เนตรจะเจิมน้ำย้อย หยาดสาย ฯ
๑๘๓. สุริเยนทรบทเบื้อง บรรพตา เรือจอดตลิ่งชาย หาดใกล้ วัดสมุหประดิษฐา รามชื่อ ชัดแฮ ใจพี่จอดเจ้าไว้ หว่างทรวง ฯ
๑๘๔. อกเอยถึงท่าแล้ ลังเล ใจแฮ จอดแต่เรือรนดวง จิตคว้าง ทรวงเรียมนิราศเอ กาสวาดิ แสนเทวษอ้างว้าง หวั่นถวิลฯ
๑๘๕. ฝีพายผ่อนพักได้ แรงแด เรียมหยุดยิ่งใจจินต์ เจ็บช้ำ หวนระลึกระลุงแล ลาญเปล่า ทุกข์โศกโรคเศร้าซํ้า แซกแซม ฯ
๑๘๖. แหนงนางห่างรักไร้ รสภิรมย์ ยามพิโยคยั่วแถม ทุกข์ต้อง ลำบากพิบัติชม ชวนเทวษ กรรมนิราศร้างน้อง หน่ายมา ฯ
๑๘๗. มลักมลาวแชล่มน้อย นงคราญ ยามคํ่าพระสุริยา เยือกไม้ ลงสู่กระสินธุ์สนาน ในท่า เปลื้องพัสตรสิ้นไว้ ฝั่งวาง ฯ
๑๘๘. ยามยลยามนิทรเพี้ยง เพียงฝัน เห็นแฮ กำหนัดเสน่ห์นาง นึกเคลิ้ม อยากเข้าขบกลอยมัน มาตก ยากนา อร่อยเมื่อหิวเทิ้มเริ้ม รสมี ฯ
๑๘๙. เมิลมองมวลเมฆม้วน เมฆิน ไพชยนตสุริยลี ลับแล้ว เนื้อนกคะนึงผิน ยังพุ่ม พฤกษ์แฮ เรียมเนิ่นวันเว้นแคล้ว คลาดชม ฯ
๑๙๐. สิ้นสูริย์ศศิเฟี้ยม แฝงเข ระบัดระเบียบบนลม ล่องฟ้า จังหรีดจักรจั่นเร ไรหริ่ง ร้องแฮ ประหวัดว่าเสียงน้องอ้า โอษฐ์ขาน ฯ ๑๙๑. เหลียวเปล่าเปลี่ยวจิตคว้าง ขวัญปลิว เจียวแม่ หวนกลิ่นเรณูมาลย์ แมกใกล้ เพียงประทิ่นทาบผิว ผัดผ่อง พักตร์แม่ เจือกฤษณาเนื้อไม้ เมื่อปรุง ฯ
๑๙๒. โฉมเอยเคยแอบอ้อน เอาใจ ยิ่งนา สัมผัสถันพยุง ยั่วเย้า อาลิงคประโลมนัยน์ เนตรเหลือบ คมแฮ งามยิ่งงอนน้องเง้า เงื่อนเตือน ฯ
๑๙๓. ยามดึกดาวดาษฟ้า แฝงโพยม รายรอบภิรมย์เดือน เด่นพื้น หวนว่าอัคคีโคม ไขสว่าง ห้องแฮ แสงประทีปอะคร้าวครื้น ครุ่นสี ฯ
๑๙๔. ชมจันทรนึกแจ้ง ใจจำ แม่นแม่ ร่วมเมื่อฤกษ์จันทร์ตรี ตรู่เช้า ยามค่ำพฤฒิญาตินำ นุชมอบ มาแม่ เรียมประคองเข้าห้อง แห่งหอ ฯ
๑๙๕. มาค่ำคาบนี้เปล่า เปลือยแด ฝากแต่ข่าวรักรอ เร่งรู้ ควรแม่พักตร์เพ็ญแข ประคองสวาดิ แต่พี่จากเจ้าสู้ สั่งสงวน ฯ
๑๙๖. อกเอยยํ่ารุ่งแล้ว ลาญถวิล ยังไป่จบใจครวญ ครั่นเศร้า ม่อยหลับคลับเคลิ้มทิน กรส่อง สว่างแฮ คิดทุกค่ำคุ้งเช้า ใช่วาย ฯ
๑๙๗. เสร็จโภชนภักษ์แล้ว ฤๅนาน แต่งสกนธ์เดินกราย จากถ้า ตรวจตรุณนักเรียนการ กิจราช เสร็จ บ ทันให้ช้า เฉื่อยพลัน ฯ
๑๙๘. ปางสฤษดิ์ราชกิจถ้วน ทุกประ การเอย ลาจากสกูลผัน กลับบ้าน อาลัยคระไลจะ จากวัด อีกนอ สารโศกเสกตั้งร้าน เร่ขาย ฯ
๑๙๙. กำลูนมาเลศสร้อย ทรามสงวน พี่เอย ปรารภอารมณ์ชาย เช่นนี้ ไหนเลยจักเห็นควร คำกล่าว ไว้แม่ สัตย์ทุกสิ่งเศร้าชี้ ใช่พราง ฯ
๒๐๐. กายไกลใจชิดด้วย ดุจแสดง มุ่งเสน่ห์ในนาง แน่แท้ หวังคู่หากคู่แหนง ใจจาก คิดจบชาติม้วยแม้ ไป่ลืม ฯ
๒๐๑. เคยเคียงอรคู่เบื้อง บูรเพ อุบัติชาตินี้ยืม เยื่อเชื้อ ปรโลกประโลมเอ กาสวาดิ เจียวแม่ ขอสนิทน้องเนื้อ หนึ่งนาง ฯ
๒๐๒. ดินฟ้าสาคเรศสิ้น ศิขรินทร์ เหลือแต่ลมลอยกลาง โลกคว้าง รักเรียมภิรมย์ถวิล หวังสวาดิ ร่วมนุชอย่ารู้ร้าง เริศสูญ ฯ
๒๐๓. เชิญสายเสาวลักษณ์สร้อย สงสาร พี่เอย สดับคดีแดดูร ดุจพร้อง ทราบศัพทวอนวาน วิงเสน่ห์ หน่อยแม่ อย่าโกรธโทษนี้น้อง อย่าถือ ฯ
๒๐๔. นิราศสมุหประดิษฐ์นี้ นามถฤก วิวิธมาลีคือ คิดไว้ เนาดำแหน่งกรมศึก ษาธิ การนา ผิวผิดปราชญ์ได้ให้ อภัย ฯ
๒๐๕. ใดบทพจนแผกเพี้ยน พึงตัด เติมแฮ ใช่จะอวดโอษฐ์ไข แข่งรู้ เชิญชาวกระวีทัศน์ ทวนท่วน เทอญพ่อ อย่าด่วนแย้มเย้ยผู้ พากย์แถลง ฯ
- จบโคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ -
โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์ ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ที่มา : "โคลงนิราศวัดรวก คลิก และ โคลงนิราศวัดสมุหประดิษฐ์" กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่
รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวดเก่า, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, มยุเรศ เมรี, หญิงหนิง พราววลี, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, Thammada, ก้าง ปลาทู, Paper Flower, ปลาย อักษร, มนชิดา พานิช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|