ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗๕
๏ ครานั้นองค์สุนันทาธิดาเจ้า พาทมยันตีเข้าปราสาทศรี พักกายาสมฐานะพระเทวี ทุกข์ใดที่ช่วยได้หมายผ่อนปรน
๏ ฝ่ายเสนาบดีเจทีสั่ง ตรงไปยังพลกายหลายแห่งหน ออกสืบเสาะทุกเวลาหาพระนล ต่างเมืองบ้านย่านตำบลจนอรัญ
๏ มารายงานการค้นไปแดนใดบ้าง แล้วเดินทางกลับหลังยังไพรสัณฑ์ ย้อนแกะรอยถอยหลังครั้งราชัน เดินทางกันจากนิษัธซัดเซมา ๏ หมู่ชาวเมืองโจษจันกันสะพัด สองกษัตริย์จรในไพรพฤกษา เหมือนไปดับลับหายมลายลา มิพบหน้ายินข่าวคราวนานวัน
๏ รู้ซึ้งว่าเหล่าเสนาบดี ทั้งเจทีทุ่มเทให้ใจมุ่งมั่น เมื่อคืบหน้ามาเล่าข่าวคราวนั้น จึงนับวันที่หวังตั้งตารอ
รายนามผู้เยี่ยมชม : นายประทีป วัฒนสิทธิ์, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, , ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, ศรีเปรื่อง, รินดาวดี, กอหญ้า กอยุ่ง, ขวดเก่า, ปลายฝน คนงาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗๖
๏ ย้อนถึงฝ่ายพระนลราชผู้พลาดผิด คล้ายจริตวิปลาสอนาถหนอ เดินกู่ก้องร้องร่ำน้ำตาคลอ แล้วหัวร่อเย้ยโลกโชคชะตา
๏ โอ้ทมยันตีของพี่เอ๋ย กระไรเลยทิ้งนางเสียกลางป่า ยอดรักหวงดวงฤดีของพี่ยา คงโศกาหวั่นหวาดแทบขาดใจ
๏ รำพึงพลางย่างไพรไม่หยุดหย่อน ข้ามเขาขอนโขดเขินเนินไศล มิคำนึงถึงปลายทางแต่อย่างใด อยู่ที่ไหนก็อกหมกโลกันตร์
๏ แว่วเสียงร้องก้องป่ามาโหยหวน อันมิควรมีได้กลางไพรสัณฑ์ “ช่วยด้วยเถิดพระองค์วงศ์เทวัญ ตัวเรานั้นทรมานนานเต็มที”
๏ พญานาคไฉนโดนไฟเผา ดิ้นเร่าเร่าแต่ไยไม่คิดหนี ไฟเป็นวงเจาะจงเผาเจ้านาคี มิได้มีเผาผลาญพันธุ์พฤกษ์ไพร
๏ พระนลเพ่งพินิจคิดฉงน นาคพูดภาษาคนพ้นสงสัย “ข้าทรมานนานช้าแล้วราชัย ความเป็นไปทั้งหลายใคร่ชี้แจง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗๗
๏ “ที่ผ่านมาข้านั้นสำคัญผิด ตนเลอฤทธิไกรไร้ใครแข่ง เหลิงทะนงหลงตนจนรุนแรง ถึงสำแดงเดชท้ามหามุนี
๏ พระองค์ทรงกำราบสาปแช่งไว้ โดนเผาไฟมิอาจพากายาหนี ให้รอท่านเหมือนรู้การณ์ภายหน้าดี จนวันนี้พระนลดั้นด้นมา
๏ เพียงพระองค์เมตตาต่อข้าแล้ว จักคลาดแคล้วทุกข์นี้ที่หนักหนา ข้าวอนเถิดพระนลท่านอย่าฉันทา โปรดช่วยพาพ้นคำสาปสิ้นบาปร้าย
๏ จักตอบแทนการุญพระคุณท่าน กระทำการกอบกู้สู่เป้าหมาย เพื่อหวนคืนไอศวรรย์ ณ บั้นปลาย มิกลับกลายกล่าวนั้นสัญญาแท้
๏ ข้าย่อกายลงให้ได้เท่าอังคุฐ ท่านดึงฉุดไปได้ง่ายดายแน่” เมื่อรับคำพระนลทำการดูแล เพื่อช่วยแก้คำสาปด้วยช่วยนาคี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗๘
๏ ลุยกองไฟไม่ร้อนแม้สักนิด พระนลคิดมนต์หรือสาปฤๅษี จับพญานาคเบาราวสำลี วางลงกลางพงพีก็สิ้นกรรม
๏ นาคานบเศียรลงตรงพระบาท แห่งพระนลภูวนาถพร้อมพูดพร่ำ ข้าเหมือนทาสแห่งองค์ผู้ทรงธรรม จักน้อมนำทุกข์จากพระหทัย
๏ ขอดำเนินนับย่างไปข้างหน้า กิจนี้ช่วยพระราชาอย่าสงสัย สิบย่างก้าวเท้าพอดีที่เดินไป แลทันใดนาคราชกัดพระนล
๏ พลันเรือนร่างสำอางองค์แห่งทรงศักดิ์ ก็กลายกลับอัปลักษณ์น่าฉงน พระตะลึงจึงพิศพินิจตน ในบัดดลนาคามาบรรยาย
๏ กล่าวโดยสัจกัดราชา ณ ครานี้ เป็นกุศลผลดีที่มากหลาย ข้อหนึ่งคือจำแลงเปลี่ยนแปลงกาย เหมือนพระองค์สูญหายจากโลกา
๏ ข้อสองพิษมิต้องพระกายท่าน สิ่งชั่วร้ายในดวงมานซ่านพิษข้า จักถึงกับรับทุกขเวทนา ร้อนยิ่งกว่าโดนไฟประลัยกัลป์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗๙
๏ มิอาจดลผลร้ายให้ท่านเพิ่ม พลังเสริมจิตภูมีทีละขั้น ขอประทานนามใหม่ให้ท่านนั้น ครองฉายา“วาหุก” สรรค์สืบต่อไป
๏ ต่อแต่นี้มีเป้าหมายให้เสด็จ มิระเห็จระเหหนด้นแดนไหน มุ่งสู่อโยธยารอราชัย ถวายตัวแก่ท้าวไทฤตุบรรณ
๏ ต้องแสดงอัศวโกศล ให้ท่านซึ้งถึงผลเลิศเฉิดฉัน หัวใจแห่งสกาของราชัน ผิแลกกันเมื่อใดได้สมฤดี
๏ เมื่อท่านสบสุขสมอารมณ์หมาย จักคืนกายเดิมอันวรรณฉวี ขอให้ใช้ภูษาวิเศษนี้ อัญชลีนึกถึงข้าคลุมกายิน
๏ พระกลับร่างดังเดิมได้โดยแท้ มิเปลี่ยนแปรอันใดให้ถวิล จบวาจาถวายผ้าแล้วนาคินทร์ พลันดำดินหายวับกลับบาดาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๐
๏ พระนลคิดจิตหวนทบทวนย้ำ ถึงน้ำคำนาคีที่กล่าวขาน จักพาทมยันตีศรีนงคราญ คืนสู่สุขสำราญมินานนัก
๏ มเหสีชีวีรอดปลอดภัยแน่ หากดวงแดยังวิโยคเศร้าโศกหนัก รู้สึกผิดอย่างยิ่งทิ้งเมียรัก เหมือนดังผลักเอกอนงค์ลงห้วงทุกข์
๏ พี่เชื่อมั่นยิ่งนักน้องรักพี่ ทมยันตีเมื่อผัวไกลไม่มีสุข ต้องแดเดียวเดินดงดอนซอกซอนซุก ถูกเร้ารุกจากภัยร้ายในอรัญ
๏ จะลำบากยากจะเข็ญเป็นไฉน มิมีใครช่วยชีวาพ้นอาสัญ พระหทัยทุกข์เกินเดินรำพัน ครบสิบวันถึงอโยธยา
๏ ทำตัวเป็นเช่นชนคนตกยาก แสนลำบากมิท้อรอคอยท่า จวบจนได้เข้าเฝ้าเจ้าพารา อันพระองค์ทรงโปรดม้ามโนมัย
๏ ครั้นราชามาทรงอัศวราช จึงแสดงความสามารถถวายให้ เห็นเหนือกว่าชีวลและวาร์ษไณย ที่รับใช้พระภูธรอยู่ก่อนแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๑
๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นพอพระทัยยิ่ง ห้าวหาญจริงใจคอก็แน่แน่ว ฝีมือนั้นชั้นครูดูพราวแพรว ตรงตามแนวมุ่งหมายในภูมี
๏ วาหุกได้ถวายตัวต่อท้าวท่าน พร้อมรายงานแก่องค์พระทรงศรี “ความสามารถของข้าพเจ้านี้ นอกวิชาภาชีมีอนันต์
๏ การปรุงแต่งอาหารอันรสเลิศ ซึ่งก่อเกิดจากภาวะพรสวรรค์ ธนูศาสตร์ปราดเปรื่องเรื่องโรมรัน เชิญราชันเรียกใช้ตามใจจง”
๏ ฤตุบรรณฟังคำจึงย้ำว่า “อยู่กับข้าเถิดนะจะเสริมส่ง ทั้งเงินทองตำแหน่งแหล่งดำรง ชนม์มั่นคงทำงานสืบสานไป”
๏ จึงวาหุกคลายทุกข์บ้างในบางครั้ง แต่จิตยังคร่ำครวญเฝ้าหวนไห้ ร้องร่ำหาแต่น้ำตานั้นตกใน แสนห่วงใยมิ่งขวัญทมยันตี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๒
๏ ยามใดว่างนั่งคิดวุ่นจิตนัก พระนลมักถอนฤทัยไร้สุขี บางครั้งเผลอเพ้อพร่ำร่ำโศกี จนเป็นที่สงกาของสองเกลอ
๏ จึงซักถามความเป็นมาว่า “เพื่อนเอ๋ย ไฉนเลยวิปโยคโศกเสมอ สามเรามิตรชิดใกล้ใช่ไหมเออ หากเสนออาจสนองจนต้องใจ
๏ จงเล่าความตามที่มีในจิต ทุกปัญหาหน้าที่มิตรคิดแก้ไข เพื่อนกันนาอย่าเห็นเป็นอื่นไกล เฉลยนัยเถิดจะนั่งคอยฟังความ”
๏ วาหุกจึงซึ้งจิตมิตรเป็นห่วง ปิดบังต่อก็คงทวงคอยพร่ำถาม จำเปิดปากหากมิเอ่ยเผยพระนาม เล่าเรื่องตามเป็นจริงทุกสิ่งอัน
๏ “โอ้ว่าเราคือผัวที่ชั่วช้า เกิดฟั่นเฟือนเหมือนบ้าน่าหยามหยัน ตกยากพาเมียมาค้างกลางอรัญ แล้วหุนหันหนีเมียเสียกลางทาง
๏ ช่างใจดำทำได้ร้ายกาจยิ่ง ทั้งที่จริงเมียพี่ดีทุกอย่าง เราตกอับเมียรับทุกข์สุขละวาง ยอมลาร้างพารามากลางไพร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๓
๏ จึงหม่นหมองครองเศร้าเพื่อนเราเอ๋ย ร้างคู่เชยมิรู้นางอยู่ไหน อาจยังหลงดงหรือด้นถึงหนใด กลางฤทัยข้าตรมระบมจริง”
๏ สองมิตรพลอยสร้อยเศร้าฟังเล่าแล้ว มิเห็นแนวช่วยใดได้สักสิ่ง “เมื่อก่อนนั้นฟั่นเฟือนไม่จงใจทิ้ง เพื่อนจงนิ่งเถิดหนาอย่าอาวรณ์
๏ บุญมีพอก็คงสมอารมณ์หมาย พบโฉมฉายร่วมสุขสันต์เหมือนวันก่อน” ได้แต่ปลอบเพื่อนให้คลายรุ่มร้อน ทุกข์เหลือถอนกำหนดให้อดทน
๏ นึกคำนึงซึ้งในน้ำใจมิตร ที่มีจิตผ่องเพ็ญเป็นกุศล ทุกข์อุรากับหน้าที่มิปะปน ยังเป็นคนอภิบาลการอาชา
๏ ทุ่มเทให้ใจภักดิ์พิทักษ์ราช กษัตริย์ชาติฤตุบรรณขันอาสา แม้นทุกข์หนักจักไม่ท้อรอเวลา เป็นจริงจังดังวาจาของนาคี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๔
๏ ย้อนถึงเมืองวิทรรภ์ครั้นรู้ข่าว ถึงเรื่องราวแต่ต้นหม่นเหลือที่ ทั้งพระนลและทมยันตี เสียธานีระหกระเหินดำเนินไพร
๏ องค์จุมพลภีมราชประกาศว่า พราหมณ์ทั้งหลายให้มาฟังปราศรัย เรื่องพระนลราชาหายหน้าไป พร้อมทรามวัยทมยันตีธิดานั้น
๏ “ท่านทั้งหลายกระจายตนไปค้นหา พระนลและชายากลางไพรสัณฑ์ ใครพากลับคืนวังมีรางวัล โคหนึ่งพันตัวมอบให้ตอบแทน
๏ แม้มิได้กลับมาเพียงว่ารู้ สององค์อยู่แดนใดให้มั่นแม่น ทรัพย์สินนั้นสรรให้ไม่ขาดแคลน เกินหมื่นแสนตำลึงจนพึงใจ”
๏ ในครานั้นเหล่าพราหมณ์ทำตามตรัส เที่ยวเลาะลัดค้นหากลางป่าใหญ่ บ้างเดินทางต่างแคว้นสุดแดนไกล ทั้งถามไถ่สืบค้นจุดจนสุดแคว้น
๏ กลับมาเฝ้ารายงานการณ์ทั้งหลาย แล้วแยกย้ายกันอีกคราอย่างหนาแน่น ไปถึงแทบทุกถิ่นทั่วดินแดน แต่มาตรแม้นมิสมตั้งความหวังมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๕
๏ ในครานี้สุเทพทิชพราหมณ์ ซึ่งออกตามทั่วไปในแดนป่า ย้อนกลับหลังยังเจทีพารา ติดตามหามาถึงซึ่งวังทอง
๏ จึงพบทมยันตีธิดาราช น่าอนาถราศีที่มัวหมอง ตั้งสติพินิจพิศตริตรอง ว่าถูกต้องเหมือนจิตที่คิดแท้
๏ รำพึงในใจว่านิจจาเอ๋ย วงพักตร์เคยเปล่งปลั่งดั่งดวงแข บัดนี้หมองหม่นไหม้อาลัยแล เหมือนบัวแผ่กลีบร้างอยู่กลางดิน
๏ คงครองทุกข์สาหัสที่พลัดพราก ทั้งจำจากภัสดามาไกลถิ่น เนตรเคยงามกว่าตามฤคคิน เดี๋ยวนี้สิ้นแววสุขทุกข์ล้นใจ
๏ แม้นกลับคืนธานีภีมรัฐ คงมิตัดโศกสลดออกหมดได้ หากมิพบภัสดานลราชัย แต่อย่างไรทุกข์นั้นก็พอทุเลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๖
๏ จนมั่นใจไม่คิดผิดว่าผิดพลาด พราหมณ์สามารถติดต่อขอเข้าเฝ้า คารวะพระธิดาพรรณนาเค้า ความครั้งเก่าแต่เริ่มจำเดิมมา
๏ “องค์ภีมราชาคราทราบข่าว ทุกเรื่องราวพระทรงศักดิ์เศร้านักหนา ตรัสให้พราหมณ์ทั้งหลายในนัครา ออกตามหาสองพระองค์จำนงใจ
๏ เวลาเกินเนิ่นนานมิพานพบ พระนลหลบกายพ้น ณ หนไหน ตัวหม่อมฉันนั้นเดินทางถึงกลางไพร ย้อนกลับได้พบเทวีวันนี้เลย”
๏ ทมยันตีครานี้พิไรร่ำ “เป็นเวรกรรมพระบิดรมารดาเอ๋ย มิน่าพลอยโศกเศร้าจริงเล่าเอย แล้วทรามเชยบุตรสองเราเล่าสุขดี
๏ ถามทุกข์สุขถ้วนพระประยูรญาติ ถึงทวยราษฎร์ทั่วไปในกรุงศรี ขอพราหมณ์โปรดได้แถลงแจงวาที อกข้านี้คิดถึงคะนึงครวญ”
๏ สุเทพพราหมณ์เอื้อนเอ่ยเผยความว่า “พระบิดรพระมารดาสุขทุกส่วน เพียงเรื่องของพระธิดาเป็นชนวน ทรงกระอักกระอ่วนพระหทัย”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๗
๏ “กุมารากุมารีสองศรีนั้น เพื่อนเล่นห้อมล้อมกันสุขสดใส พระราชวงศ์ทุกองค์ยังห่วงใย ชนทั่วไปเป็นอยู่ยั้งดั่งเคยมา” ๏ พราหมณ์กล่าวความตามนัยแต่ใจแห้ง มิอาจแจ้งข่าวพระนลใดคืบหน้า ทมยันตียังมีความโศกา ร้อนอุราด้วยห่วงหวงพระนล
๏ จำทูลเชิญเดินทางยังวิทรรภ์ โศกคงบรรเทาไปในเบื้องต้น สนทนาพาหม่นหมองทั้งสองคน เห็นพิกลสุนันทากุมารี
๏ กราบทูลพระราชมารดารู้ แล้วทั้งคู่รีบมาหาถึงที่ แลตรัสถามสุเทพพราหมณ์แต่โดยดี “สองท่านนี้รู้จักกันหรือฉันใด ๏ ขอชี้แจงแถลงความไปตามสัจ ปฏิพัทธ์สัมพันธ์กันไฉน” พระราชเสาวนีย์ให้เผยนัย พราหมณ์จึงได้ถวายความตามสัจจา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๘
๏ “ขอเดชะพระมารดาอย่าสงสัย จะเผยนัยให้ฟังดังปุจฉา พระนางนี้ทมยันตีราชธิดา แห่งภีมราชากรุงวิทรรภ์
๏ สยมพรกับพระนลราชาชัย ครองนิษัธกรุงไกรไอศวรรย์ สิบสองปีสุขีมาจนครานั้น ต้องมีอันย่อยยับอัปรา
๏ ด้วยพระนลกมลจิตผิดปกติ สิ้นดำริราชกิจปิดยิหวา ทรงมุ่งมั่นแต่จะเล่นสกา จนต้องเสียพาราออกแรมไพร
๏ พร้อมชายาธิดาทมยันตี ความจงรักสวามีนั้นยิ่งใหญ่ เกิดวิบัติพลัดพรากจากกันไกล องค์พระนลอยู่ไหนยังไม่พบ
๏ ภีมราชระดมพราหมณ์ออกตามหา ทั้งวนาเมืองทั้งหลายไม่ประสบ เป็นโชคฉันสมมั่นหมายได้นอบนบ พระธิดาอีกคำรบ ณ ครานี้
๏ ขอพระราชมารดาอย่าฉงน เหตุและผลแห่งธิดามารศรี หว่างขนงแต่กำเนิดเกิดไฝดี อันพระพรหมปรานีประทานมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘๙
๏ พระจันทร์เสี้ยวหนึ่งในไฝมงคล คือปิ่นชนประเสริฐล้ำเลิศหล้า เมื่อมีกรรมจำจรซ่อนกายา ผงแป้งทาหนาปิดด้วยจิตจง
๏ หากเอาน้ำมนต์มาชำระพักตร์ จะประจักษ์ด้วยจิตสิทธิ์ประสงค์ นี่คือสัจวาจาข้าพระองค์ สุดแต่ความจำนงประการใด”
๏ พระมารดาฟังวาทีที่เฉลย มิอาจเอ่ยอึ้งอยู่สุชลไหล เผลอยกมือทุบออกชกหทัย เหมือนเสียใจและโกรธโทษตัวตน
๏ สุนันทาหาน้ำขอชำระ จึงเห็นจะแจ้งงามตามนุสนธิ์ พระมารดา สุนันทาซึ้งกมล ความฉงนฉงายสูญหายพลัน
๏ “น้าเสียใจในกาลผ่านไปแล้ว โอ้หลานแก้วทูนหัวของตัวฉัน” พระมารดากล้ำกลืนฝืนรำพัน นัยสำคัญมากกว่าคำพาที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|