ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ยาวิเศษชโลมกายร่ายพจน์ว่า “พึ่งบุญญาบารมีฤดีกุศล” คลุมกายาด้วยผ้ารัตกัมพล ออกดั้นด้นฝ่าดงมุ่งตรงไป
๏ มิคิดหวั่นพรั่นภัยไม่หยุดยั้ง พุ่งไปดังลูกธนูสู่แดนใหม่ เมื่อสมาธิมั่นมิหวั่นใด ผ่านพงไพรวิบัติอัศจรรย์
๏ หลายทิวาราตรีมิอาจนับ ต้องรุกรับนานาภัยกลางไพรสัณฑ์ มาถึงที่นทีขวางหนทางตัน สระอนันต์ปานสมุทรไกลสุดตา
๏ คิดอยู่นานการจะข้ามทำไฉน เริ่มหนักใจยินอึงอลบนเวหา เห็นช้างบินฝูงใหญ่ได้มุ่งมา จึงเอาผ้ารัตกัมพลคลุมตนพลัน ๏ สัตว์นานาชายวารินที่กินน้ำ ต่างรีบจ้ำหนีไปด้วยใจพรั่น ฝูงหัสดีลิงค์ดิ่งลงทัน จับสัตว์กันได้ถ้วนทั่วทุกตัวตน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ กำลังกลัวตัวหนึ่งตรงลงมาชิด จับพระสุธนติดเหินเวหน จำนิ่งไว้ไม่เสียงดังแม้กังวล บินข้ามพ้นสู่ไพรไกลคงคา
๏ แล้วร่อนลงตรงสถานลานหินใหญ่ คงหมายใจไว้จักกินภักษา ปรบมือร้องก้องดังทั้งสามลา วิหคใหญ่ไอยราขึ้นฟ้าจร
๏ โอ้หนทางห่างไกลมากยิ่งนักหนา มีหลายคราอิดโรยแรงโหยอ่อน ยากคะเนเวลาพนาดร มิม้วยมรณ์เสียงกลางทางจักย่างไป
๏ ฝ่าดงดานมั่นกมลมิย่นย่อ ดวงฤดียามที่ท้อหรือหวั่นไหว ธำมรงค์มโนราห์มอบมาไว้ แนบหทัยคลายเหงาเศร้าแดเดียว
๏ มาถึงแดนสัปปะ* อสรพิษ มากชนิดสีมิซ้ำดำ เหลือง เขียว บ้างรัดกันพันกายเป็นสายเกลียว แลบลิ้นหว่างกลางเขี้ยวชะงุ้มงอน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ พญาแผ่แม่เบี้ยราวเท่าใบตาล รุ่นลูกหลานมากมายคล้ายหมู่หนอน ส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อคอโยกคลอน ขยักขย่อนท่าขัดขวางหนทางนี้ ๏ พระสุธนโปรยยาตามวาตะ เมื่อปะทะงูเล็กร้อนต้องจรหนี ตัวพญากล้าแกร่งกำแหงดี ชาตินาคีมิระย่อต่อมนุษย์
๏ จึงต้องใช้ปลายดาบออกปราบสู้ จนได้รู้คือผู้พ่ายในที่สุด พระสุธนโจนไปหน้าฝ่าเร็วรุด หมู่อหิ* มิอาจหยุดพระฤทธา ๏ เมื่อผ่านพ้นภัยร้ายผ่อนคลายบ้าง เดินไปพลางดอมดมชมพฤกษา ลำดวนดง ชงโค ตะโก มะกา จิก จำปี จำปา แก้ว กันเกรา
๏ สัตตบรรณ กระบาก บุนนาค ตะแบก พันธุ์ไม้แปลกพวกเฟิร์น ปาล์ม งามหลายเหล่า พะยูง ยางสล้างไปในลำเนา เกต สาละ กระเบา ตะเคียน แค
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, เส้นชีวิต ดำเนินไป, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ หอมบุปผามาลีสักกี่ป่า พ่ายกลิ่นปรางมโนราห์น้องข้าแน่ ชมเพียงผ่านมิซ่านซึ้งตะลึงแล กลางดวงแดร้อนด้วยรักที่พรากไกล
๏ “โอ้รักเอ๋ยยามเชยชมสุขสมล้น เมื่อรักพรากจากกมลทนทุกข์ใหญ่ มีแต่ความห่วงหาเศร้าอาลัย ร้าวทรวงในเกินจะคณนา
๏ เชื่อมั่นนักมโนราห์คราจำพราก คงทุกข์มากคิดถึงคะนึงหา อเนกวิธ* จิตประหวัดภัสดา อยากให้น้องรู้ว่าพี่มาตาม”
๏ รำพึงถึงมเหสีที่แสนรัก อุปสรรคใดขวางทางจะข้าม ไกลแสนไกลไม่เหนือกว่าพยายาม น้อมนำความรักเติมเพิ่มพลัง
๏ ทุ่มเทแรงใจกายให้เต็มที่ ตราบมิสิ้นชีวียังมีหวัง แม้นปลายทางห่างไกลไม่หยุดยั้ง ต้องถึงดังใจหมายได้สักวัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, เนื้อนาง นิชานาถ, ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, เส้นชีวิต ดำเนินไป, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ หยุดผงะเงาทะมึนยืนจังก้า แหงนมองดูรู้พญายักษ์ปักหลั่น สูงราวเจ็ดชั่วลำตาลพาลกุมภัณฑ์ เพียงมองผ่านกายปานกันทรากร*
๏ ขวาถือขวานประมาณว่าฝาเรือนฟาก ซ้ายถือสากเหล็กยาวเท่าไม้ขอน ดวงตาแดงดุจแสงอาทิตย์ร้อน กายโยกคลอนประหนึ่งว่าตั้งท่ารบ
๏ พระสุธนรณฤทธิ์ครุ่นคิดว่า หากเข่นฆ่าก่อเวรไปไม่รู้จบ หยิบธนูน้อยทายาศักรภพน์* หวังสยบฤทธาพญายักษ์
๏ ศรเพียงดอกปล่อยออกให้เสียบใบหู ทั้งยืนอยู่ล้มทันทีมิมีหลัก สลบไปไร้ลีลาอาการชัก ทรลักษณ์ทั้งกายไร้สิ่งดี
๏ พระสุธนขึ้นบนกายเดินไปหน้า จนถึงเศียรยักษาอย่างเร็วรี่ กระโดดลงตรงไปในพงพี จรลีมิผันหน้ากลับมามอง
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, เส้นชีวิต ดำเนินไป, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ผ่านมากมายหลายป่าพนาเวศ พบแต่เหตุขัดขวางทางมิคล่อง จำประจันฝ่าฟันไปดั่งใจปอง อกร่ำร้องคะนึงถึงปลายทาง
๏ เมื่อค่ำลงคงพำนักเป็นหลักมั่น ใช้ชีวันเยี่ยงคนป่ามาทุกอย่าง ดงกันดารเห็นตะวันเพียงเลือนราง กาลผ่านไปในท่ามกลางหิมวา
๏ มิรู้วันผันผ่านนานแค่ไหน ยังเร่ร่อนจรในไพรพฤกษา ร้อนฝนหนาวก้าวผ่านวารเวลา วนเวียนมาวัสสานะ*เกินระกำ
๏ น้ำชุ่มโชกโกรกกายาคราฝนหนัก ต้องหยุดพักกลางวันมิทันค่ำ เมื่อเมฆฝนหม่นฟ้านภาคล้ำ ทั่ววนามามืดงำไพรอำพราง
๏ พิรุณหนักพักค้างท่ามกลางฝน พระสุธนเคลิ้มไปอยู่ในห้าง สะดุ้งตื่นขึ้นมาถึงตาค้าง เห็นฝูงกวางแปลกตา พานรมฤค*
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เหลียวไปมาขวาซ้าย ฤๅในฝัน หายงงงันขยี้ตาว่ารู้สึก แลกิเลนวิ่งไล่กันมันคงคึก สัตว์พิลึกพันทางช้างกระทิง
๏ เสือ ม้า ควายกายประหลาดสัตว์ประสม น่าชื่นชมลายศิลป์ เกสรสิงห์* อีก กบิลปักษา* นภาลิง สัตว์หลายสิ่งมีปีกเหินเดินเมฆา
๏ พอฝนซาฟ้าใสทั้งหลายสงัด เห็นแต่สัตว์สามัญอันครองป่า ออกเดินทางยังไม่ย่ำสนธยา เร่งเวลามิอยากพักอยู่นาน ๏ ประลุแดนแสนสนั่นลั่นระทึก พบเห็นศึกลองกำลังสองช้างสาร จอมฉัททันต์อันใหญ่โตมโหฬาร มารอนราญรุกรับสลับกัน
๏ เหล่าสุมทุมมิทานช้างสารเหยียบ หักราบเรียบเรี่ยราดขาดสะบั้น ดูท่าทีมิลดละการประจัญ แม้นฝ่าฟันเข้าไปคงไม่ดี
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ มิอยากผลาญราญรอนใช้ศรศิลป์ ยิงผ่านหน้าคชินทร์สู่ไพรศรี กัมปนาทก้องฟ้าวนาลี ในทันทีสองช้างแยกทางจร
๏ จึงเดินหน้าฝ่าไปในดงยับ ที่ล้มทับกันมากมายเศษไม้ขอน ขึ้นเขาเขินเนินผาข้ามสาคร จนแรมรอนถึงโอฆะทะเลวน
๏ เห็นงูยักษ์ตัวยาวจ้าวละหาน ทอดกายเป็นเช่นสะพานอยู่กลางหน พระครุ่นคิดพินิจดูจึงรู้กล อันสัตว์ใดจรดลบนหลังงู
๏ ถึงหัวที่อยู่ทางฝั่งกระโน้น ลงแล้วโดนลิ้นตวัดรัดกายอยู่ ลากเหยื่อลงคอพลันมิทันรู้ ว่าเป็นผู้หลงเล่ห์เพทุบาย
๏ เดินขึ้นหลังย่างไปด้วยใจมั่น ตอนลงนั้นกระโดดไกลไม่เสียหาย พร้อมทั้งถือดาบมั่นป้องกันกาย ถ้างูร้ายลิ้นกระหวัดตัดทันที
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กอหญ้า กอยุ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เดินข้ามได้เหมือนดังตั้งประสงค์ กระโดดลงไกลจนพ้นรัศมี ลิ้นมิถึงขาดเพียงหนึ่งองคุลี ปลอดภัยดีจนลุแดนแสนอัตคัด
๏ เกินชำแรกแทรกกายเข้าไปได้ มวลหมู่ไม้ยัดเยียดเสียดขนัด ทั้งแนวผาซ้อนผากลางป่าชัฏ สุดเลาะลัดเข้าไปในวนา
๏ ต้องแผลงศรศิลป์ชัยในครานี้ ทะลวงไปในถิ่นที่ ณ เบื้องหน้า เกิดเป็นปล่องช่องทางสร้างมรรคา อุโมงค์รูภูผาให้ฝ่าไป
๏ ถึงคีรีมีพลังอย่างมหันต์ สองลูกเข้ากระทบกันดินสั่นไหว สะเก็ดหินบินว่อนเป็นฟอนไฟ มีกลิ่นไหม้ฟุ้งตลบจนอบอวล
๏ ศรศิลป์ชัยในยามจำเป็นใช้ สมฤทัยทำลายได้ครบถ้วน เหมือนจำนงมุ่งตรงไปไม่เรรวน สิ่งกีดขวางทั้งมวลล้วนมายา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เย็นวันหนึ่งถึงวนาโอฬารึก แลพิลึกยิ่งนักยักษ์พฤกษา ลำต้นใหญ่สูงเยี่ยมเทียมเมฆา สนธยาเตรียมพักค้างกลางดงดอน
๏ พลันยลยินสัตว์บินได้ใหญ่คับฟ้า บินตรงมาเหนือเวหนเวียนวนว่อน เหมือนสอดส่ายสายตามองหาคอน ป่าโยกคลอนด้วยปีกสัตว์สะบัดลม
๏ แม้บินได้กายผิดแผกแปลกปักษิน ส่วนกายินสารพัดสัตว์ประสม ตัวเท่าเรือนเหมือนเหินฟ้าด้วยอาคม มิน่าชมราคินทั่วอินทรีย์
๏ บินวนอยู่หมู่ปักษาหารือได้ เสียงส่วนใหญ่ว่าตั้งหลักพักที่นี่ เช้าวันพรุ่งมุ่งไกรลาสราชคีรี คงพอดีหนึ่งวันบินกันไป
๏ พระสุธนกุศลชูรู้สาระ ฤๅเทวะเบื้องบนดลมาให้ พบหนทางที่หวังมุ่งสู่กรุงไกร โดยอาศัยนกยักษ์พำนักกาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ คิดดังนั้นพลันปีนป่ายต้นไม้ยักษ์ สูงยิ่งนักพักหลายหนจนเหนื่อยหาย ย่ำค่ำลงพอดีถึงที่ปลาย ค่อยย่องย้ายเข้าหากายานก ๏ แล้วแทรกกายเข้าไปในกลุ่มขน ผูกรัดตนแน่นหนาแถวหน้าอก เสมือนว่าอาศัยในชัฏรก มีกอกกหญ้าไซให้เหนี่ยวรั้ง
๏ นกผัวเมียเคลียคลอแล้วท้อถ้อย* “อันพวกเรานับร้อยคอยความหวัง บินทางไกลสู่ไกรลาสราชวัง นั้นด้วยตั้งใจปองกินของพลี
๏ เหตุแห่งความตามนั้นหรือไฉน ภักษาอื่นดาษดื่นไปกลางไพรศรี นึกมิน่าพากันไปในธานี หรือยังมีความสำคัญประการใด”
๏ นกเมียถามความให้ไขปัญหา “องค์ราชาจัดให้มีพิธีใหญ่ รับขวัญลูกมโนราห์เคยลาไกล อยู่ที่ในเมืองมนุษย์เนิ่นนานครัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ด้วยรังเกียจกลิ่นอายกายมนุษย์ ให้ยั้งหยุดชำระกายใกล้วังนั่น ครบเจ็ดปีเจ็ดเดือนกับเจ็ดวัน จึงจัดงานรับขวัญมโนราห์
๏ ขนบแห่งหิมพานต์ชานไกรลาส เมื่อมีราชพิธีดังที่ว่า เหล่าเทวะ อมนุษย์ ครุฑ นาคา เหลือคณาสัตว์สมร่างต่างพันธุ์พงศ์
๏ ร่วมพิธีพลีทานการฉลอง เนื่องสนองวโรกาสราชประสงค์ เราจึงควรสืบสานให้มั่นคง เพื่อดำรงสัมพันธ์อันยาวนาน” ๏ พระสุธนยลยินนัยใจระทึก หวนรำลึก “เกือบแปดปีที่พ้นผ่าน ผจญภัยอยู่ในแดนแสนกันดาร จากถิ่นฐานบิดรและมารดา
๏ โอ้เราหลงอนงค์หนึ่งถึงเพียงนี้ เฝ้าโศกีร้องร่ำคร่ำครวญหา ทิ้งบุพการีที่เกิดมา ตามชายามิสักนิดคิดชีวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ หากพบภยันตรายมลายล้ม กระดูกถมจมดินถิ่นไพรสัณฑ์ มิมีคนส่งข่าวคราวถึงกัน กาลผ่านผันสวาทแปรไม่แน่นอน
๏ โอ้ใครเล่าเฝ้าโหยหาโศกอาลัย ความห่างไกลทำให้เลือนไม่เหมือนก่อน แต่บิดามารดาคงอาวรณ์ อกสะท้อนอนิจจามิน่าเลย
๏ เวรกรรมใดดลบันดาลในการณ์นี้ ร้ายหรือดีต่อไปใครเฉลย คิดขึ้นมาน่าละเหี่ยเสียจริงเอย” ลมรำเพยยินคำพระรำพัน
๏ เกิดฉุกคิดสะกิดใจ “กระไรหนา ดั้นด้นมาจนใกล้ชายเขตขัณฑ์ คิดใจน้อยปล่อยวางเสียกลางคัน ทิ้งคืนวันที่ฟันฝ่ามาเปล่าดาย
๏ พึงสรรค์สร้างพลังใจให้แน่วแน่ ใกล้แล้วแท้พรุ่งนี้ถึงที่หมาย” เมื่อคิดตกพร้อมนกนอนพักผ่อนกาย จิตวุ่นวายสงบไปในนิทรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ รอจนรุ่งสุริยาฟ้าแจ่มใส กลุ่มนกใหญ่จากคอนร่อนถลา บินวนอยู่จนหมู่พร้อมจอมพญา ออกนำหน้ามุ่งไกรลาสราชธานี
๏ เร่งเต็มฤทธิ์ติดลมบนด้นเวหา ข้ามเมฆาอย่างเจนจบนภวิถี สุริยันมิทันลับกับคีรี ร่อนลงที่พนาเวศเขตกรุงไกร
๏ พระสุธนเร้นตนพรากออกจากอก โดยที่นกจะนำพาก็หาไม่ ด้วยบุตรากายินเช่นริ้นไร ซึ่งอาศัยเกาะกินเคยชินมา
๏ ทรงมุ่งสู่หมู่ไม้ใกล้สระน้ำ ที่งามล้ำมาลีวัลย์พันธุ์บุปผา ขอหยุดยั้งตั้งหลักสักเพลา ก่อนคิดหาทางต่อไปฉันใดกัน
๏ กรุงไกรลาสประกาศจัดงานใหญ่ ตามฤกษ์ชัยประเดิมเฉลิมขวัญ ชาวนครต้อนรับกลับพงศ์พันธุ์ ราชบุตรีคนสำคัญสิ้นราคี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เมื่อชำระสนานธารสวรรค์ ครบเจ็ดปี เดือน วันคืนศักดิ์ศรี แขกเหรื่อทุกเหล่ามาเต็มธานี ร่วมพิธีรับขวัญกัลยา
๏ ฝ่ายสาวใช้ห้าร้อยนางตั้งแถวพร้อม มีกระออมถ้วนทุกนางวางเกศา ด้วยล้วนมีหน้าที่หลักตักคงคา สรงให้น้องมโนราห์วันสุดท้าย
๏ นางทั้งหมู่สู่คงคาในครานั้น พูดคุยกันครึกครื้นชื่นมื่นหลาย รับหน้าที่เดือนปีผ่านนานมากมาย เสร็จสมหมายบารนีจึงดีใจ
๏ พระสุธนสนใจอยู่รู้สาระ ใคร่ครวญจะน้อมนำทำไฉน ฝากอนงค์ส่งสารประการใด เมื่อสาวใช้ท้ายสุดจะรุดจร
๏ จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากบุญญาข้านี้มีมาก่อน กระออมท้ายหมายใจให้บังอร แรงสองกรยกมิไหวดั่งใจจง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|