Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘  (อ่าน 15454 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #15 เมื่อ: 19, ธันวาคม, 2567, 09:50:08 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๘๖.สัมปทา(ความถึงพร้อมหรือความสมบูรณ์) ๕

อาวัตตฉันท์ ๑๖

  ๑.ชาวพุทธะแท้ริมั่น.................ก็"สัมป์ทา"ถึงพร้อมครัน
ประโยชน์จึงมี

  ๒.หนึ่งเชื่อและ"สัทธา"คลี่.........กะสิ่งครรลองธรรมปรี่
ลุถูกต้องหนา

   ๓.ทำดีจะได้ดีมา......................มนุษย์มีกรรมนำพา
จะต้องรับผล

  ๔.เชื่อในพระปัญญาล้น..............พระพุทธ์เจ้าตรัสรู้ดล
แนะสู่นิพพาน

  ๕.สอง"สีลสัมป์ทา"ฉาน..............ผดุงรักษ์ศีลพร้อมกราน
มิพฤติชั่วเลย

  ๖.สามยินสดับธรรมเปรย............"สุต์สัมป์ทา"บ่อยครั้งเผย
จะแจ้งชัดเจน

  ๗.สี่"จาคสัมป์ทา"เกณฑ์..............รตีให้ทานสุขเด่น
ตระหนี่ลดลง

   ๘.ห้า"ปัญญะสัมป์ทา"ส่ง..............จะพร้อมปัญญาบรรจง
ริรู้บาป,บุญ

  ๙.ห้าสัมปทาทางจุน......................ทวีสุข,ลาภหนุน
อุบัติทุกกาล ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : ปัญจนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๕๘
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๗๐

สัทธาสัมปทา=ความถึงพร้อมด้วยความเชื่อ
สีลสัมปทา=ความถึงพร้อมด้วยศีล
สุตสัมปทา=ความถึงพร้อมด้วยการสดับตรับฟัง
จาคสัมปทา=ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ
ปัญญาสัมปทา=ความถึงพร้อมด้วยปัญญา


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ลายเมฆ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..

แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #16 เมื่อ: 20, ธันวาคม, 2567, 09:44:40 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๘๗.ศีลวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ

นิรนามฉันท์ ๒๐

  ๑.เรื่อง"ศีลวิบัติ"ประพฤติละเมิด...........ทำศีลมิเฉิด
ไม่ครบอุดมวจีและกาย
  ๒.นักบวชซิหย่อนวินัยก็ฉาย.................เช่นเดียวทลาย
เรียกศีลวิบัติก็เปรียบเสมือน
   ๓.เหล่าชนตริศีลและรักษ์มิเบือน..........เคร่งศีลมิเชือน
เบื้องหน้าประโยชน์มิหล่นอบาย
  ๔.ธรรมทิฏฐิเห็นวิบัติคะคล้าย...............ทาน,ให้ บ พราย
บูชา,วิบากสิกรรมมิมี
  ๕.พ่อ,แม่คุณามิมีทวี............................."โอปปาฯ"มิชี้
พราหมณ์บรรลุธรรมมิมีสิไหน
  ๖.โลกหน้าและนี้มิมีจะไขว่.....................เห็นผิดซิไซร้
เรียก"ทิฎฐิเห็นวิบัติ"ประหลาด
  ๗.เห็นผิดกะทิฏฐิก่อพินาศ.....................ทางธรรมจะคลาด
ปิดทางลุมรรคและผลนิรันดร์ ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อภิธัมปิฎก สังคณี ๓๔/๓๓๖
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๗๙-๘๐

ศีลวิบัติ=คือความก้าวล่วง ประพฤติผิด ล่วงละเมิดข้อห้าม หรือศีลธรรม
อบาย=ทางไปสู่ที่หาความสุขได้ยากมี ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย เดียรฉาน
ทิฏฐิวิบัติ=ความเห็นผิดว่า ทานไม่มี, บริจาคไม่มี ,โอปปาติกะไม่มี,สมณพราหมณ์ที่รู้แจ้งด้วยปัญญายิ่งเอง ไม่มี
โอปปาฯ=โอปปาติกะ สัตว์ที่เกิดก็เติบโตขึ้นทันที เช่น เทพ สัตว์นรก


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ, ลายเมฆ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #17 เมื่อ: 21, ธันวาคม, 2567, 07:57:14 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๘๘.นรกที่ตา หู เป็นต้น

ภุชงคสาลินีฉันท์ ๑๑

  ๑.สกลภิกษุตรองดู.........................เป็นลาภพรูแก่ท่าน
ประพฤติพรหมจรรย์พาน..................ธรรมล้ำเลิศดีผล

  ๒.เจาะดูชัดนรกหนา.......................ชนรับอารมณ์ล้น
ทวารหกจมูกตน................................ตา,หู,ลิ้น,กาย,ใจ

   ๓.ก็ตาเห็นอะไรมาก.......................รูปไม่อยากหรือใคร่
เพราะรูปเห็นมิพอใจ..........................ไม่มีรูปใดปอง

  ๔.สดับเสียงลุกลิ่น,รส......................"โผฏฐัพฯ"จดจับต้อง
หทัยรู้สิหกผอง.................................ทั้งฟัง,ลิ้ม,เห็นตรง

  ๕.ปะรู้สิ่งมิต้องการ .........................พอใจผ่านเลยบ่ง
ก็พลาดฟังกะลิ้มชง...........................ไม่รู้ทุกสิ่งอยาก ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค  ๑๘/๑๕๘
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๙๙

ทวารหก=เรียก อายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อายตนะภายนอก=มี ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์(สิ่งที่รู้ด้วยใจ)
โผฏฐัพฯ=โผฏฐัพพะ สิ่งที่ถูกต้องได้


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, ลายเมฆ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #18 เมื่อ: 22, ธันวาคม, 2567, 11:33:13 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๘๙.สวรรค์ที่ตา หู เป็นต้น

อินทรสาลินีฉันท์ ๑๑

  ๑.ขอภิกษุตรองดู..................เป็นลาภพร่างพรูของท่าน
ที่ได้ประพฤติขาน...................ถือพรหม์จรรย์ธรรมเลิศเลอ

  ๒.จงดูสวรรค์ชม....................ชนรับอารมณ์หกเจอ
ส่งผ่านจมูกเออ........................ตา,หู,ลิ้น,กาย,ใจวาน

   ๓.รูปเกิดเพราะตาเห็น...........พบแต่รูปเด่นต้องการ
ไม่ชอบมิพบพาน......................เห็นแต่รูปน่าพอใจ

  ๔.ดมกลิ่นสดับเสียง................ลิ้มรส,จับเคียงไม่ไกล
ได้ดมและลิ้มไว........................"โผฏฐัพฯ"ถูกต้องสิ่งหมาย

  ๕.ปราศ์จากะเห็น,ฟัง ..............ไป่ลิ้ม,ดมทั้งมวลกราย
พลาดเจอกะสิ่งหลาย.................ที่ไม่น่าใคร่,พอใจ ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค  ๑๘/๑๕๘
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๙๙-๑๐๐

ทวารหก=เรียก อายตนะภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อายตนะภายนอก=มี ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์(สิ่งที่รู้ด้วยใจ)
โผฏฐัพฯ=โผฏฐัพพะ สิ่งที่ถูกต้องได้


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ลายเมฆ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #19 เมื่อ: 23, ธันวาคม, 2567, 09:31:26 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๙๐.ไม่โศกในท่ามกลางแห่งความโศก

อินทรธนูฉันท์ ๑๒

  ๑.คราหนึ่งพระพุทธเจ้า..........อยู่เหย้า ณ "เวฬุรามฯ"
สงฆ์"อุปเสนะฯ"นาม.................หาที่สงัดทุเลา

  ๒.คิดทวนวะลาภกะเรา...........ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า
ทรงเป็นอร์หันต์เฉลา................ได้ดีเพราะพุทธะสอน

   ๓.ทั้งอุปเสนะบวช..................พฤติรวดพระธรรมขจร
เพื่อนสงฆ์ก็ศีลสลอน.................ตัวเราก็มั่นพระธรรม

  ๔.ทั้งหมดอร์หันต์ระดา............มีอานุภาพกระหน่ำ
มีฤทธิ์อุฬารกระทำ....................แม้อยู่และตายเจริญ

  ๕.ครานั้นพระพุทธ์ประชิด........ถ้อยคิด"พระอุปฯ"เผชิญ
ทรงเปล่งอุทานเกริ่น...................แก่สงฆ์หละหลายซิพลัน

  ๖.ผู้ใดจะอยู่มิร้อน....................ตายกร่อนมิโศกถลัน
ผู้เห็นพระธรรมศรัณย์................ความเศร้าและรุมสลาย

  ๗.เหล่าภิกษุถอนทะยาน..........."อยาก"รานทุรนมลาย
จิตใจสงบละคลาย.....................สิ้นชาติวนเกษียณฯ|ะ
  
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อุทาน ๒๕/๑๔๒
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๒

เวฬุราม=เวฬุวนาราม เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสาร สร้างถวาย ณ เมืองราชคฤห์ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต ริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดี ปัจจุบันอยู่ในรัฐพิหาร อินเดีย
อุปเสนะ,อุปฯ=พระอุปเสนเถระ วังคันตบุตร เป็นน้องชายของพระสาริบุตร ได้เพียรเจริญ วิปัสนากรรมฐานจนบรรลุ พระอรหันต์
ชาติ=การเกิด


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ, ยอดยรรยง เยี่ยมเยือน, ลายเมฆ, เฒ่าธุลี

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #20 เมื่อ: 27, มกราคม, 2568, 08:39:14 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๙๑.อกเขา อกเรา

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

  ๑.คราหนึ่ง"ปเสนฯ"ผ่าน............นฤบาล"สะวัตถีฯ"
ถาม"มัลลิกา"ชี้...........................ปฏิพัทธ์กะใครท้น

  ๒.รักกว่าซิตนไหม....................นิรไซร้พระนางก่น
ราชาก็ท่านยล...........................เสาะเลาะมีรึไม่มี

   ๓.ภูมินทร์"ปเสนฯ"เจตน์..........ปฏิเสธมิรักคลี่
ทรงเฝ้าพระพุทธ์รี่.....................พิศวงกะเนื้อความ

  ๔.พุทธ์เจ้าอุทานถ้อย..............นยคอยสิตรองตาม
จงตรวจสิทุกนาม......................ก็ซิใครจะรักผุด

  ๕.ไม่พบเจอะใครจัก................วิมลักกวะตนรุด
รักตนผิที่สุด..............................ก็มิควรจะเบียฬไผ ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อุทาน ๒๕/๑๔๕
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๒

ปเสนฯ=พระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นกษัตริย์แห่งแคว้นโกศล
สะวัตถี=สาวัตถี เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล
มัลลิกา=พระนางมัลลิกา มเหสีองค์ที่ ๓ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ลายเมฆ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, เฒ่าธุลี, ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #21 เมื่อ: 28, มกราคม, 2568, 08:49:39 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๙๒.ประวัติสุปพุทธะ ผู้เป็นโรคเรื้อน

ธาตุมมิสสาฉันท์ ๑๑

  ๑.คราพุทธ์องค์นำ.............ขณะแจงธรรมพระสงฆ์เคียง
กรุง"ราช์คฤห์"เวียง............."ฬุวนารามฯ"คละป่าไผ่

  ๒.มีชายโรคเรื้อน.............."สุปพุทธ์"เคลื่อนผเดินใกล้
คนยากจนไซร้....................ก็ตริมีแจกกะอาหาร

   ๓.เขาจึงเข้าไป.................ซิมิมีใดจะเจือจาน
คิดฟังธรรมกราน................ก็จะดีกว่าสิผ่านเลย

  ๔.พุทธ์เจ้าเล็งญาณ..........มหชนชาญจะใครเอ่ย
น่าสำเร็จเกย.......................ประลุธรรมระเร็วด่วน

  ๕.พุทธ์องค์ทรงทราบ........"สุปพุทธ์ฯ"ทาบหทัยควร
จิตอ่อนไม่ขวน...................กะกิเลสเลวเจาะธรรมใส

  ๖.พุทธ์เจ้าแจงธรรม........."อนุบุพฯ"พร่ำสิ"ทาน"ใฝ่
"ศีล,โทษ"ทรามไกล............มทมัวกามประโยชน์บวช

  ๗.พุทธ์องค์ทรงเทศน์........คติทุกข์เดชทุรนรวด
เหตุทุกข์เกิดยวด...............ตะก็มีทางจะดับหนา

  ๘.ทรงชี้ทางเกริ่น.............ปฏิบัติเดินกะมรรคกล้า
มรรคแปดชี้พา...................ก็พระองค์พบสิตนเอง

  ๙.สิ่งใดเกิดแล้ว...............ก็จะดับแน่วซิแน่เผง
รู้แจ้งนี้เปล่ง.......................สุปพุทธ์ฯเห็นจะแจ้งไข

  ๑๐.ลำดับนั้นเล่า..............สุปพุทธ์เร้าลุธรรมไกล
ไม่สงสัยไหน.....................นยสอนของพระศาส์ดา

  ๑๑.เขาทูลพุทธ์องค์.........เพราะพระธรรมบ่งเสนาะพา
หงายของคว่ำหนา.............ฤ จะเปิดแผ่ประจักษ์ผล

  ๑๒.นำผู้หลงทาง..............เสาะประทีปพร่างละมืดมน
ข้าขอครองตน....................จิตะมั่นถึงพระรัตน์ตรัย

  ๑๓.แล้วทูลกราบลา..........สุปพุทธ์ฯล่ามิได้ไกล
ถูกโคขวิดไถ......................มรณาชีพสิทันที


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลายเมฆ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, เฒ่าธุลี, ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #22 เมื่อ: 29, มกราคม, 2568, 08:50:18 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

(ต่อหน้า ๒/๒) ๙๒.ประวัติสุปปพุทธะ ผู้เป็นโรคเรื้อน

   ๑๔.สงฆ์ถามพุทธ์เจ้า........สุปพุทธ์เค้าเสาะไหนชี้
พุทธ์องค์ตอบคลี่...............ลุพระโสดาฯมิตกต่ำ

  ๑๕.สิ้นเครื่องผูกมัด.........ก็สิสามชัดกิเลสงำ
"ไม่ยึดกาย"พร่ำ................จะลิสงสัยเกาะศีล,พรต

  ๑๖.สงฆ์ถามเหตุใด.........สุปพุทธ์ไซร้เจาะเรื้อนจด
ยากแร้นแค้นหมด.............จะลำบากยิ่งพะวงหนอ

  ๑๗.พุทธ์เจ้าชี้กาล...........ระยะก่อนนานกำเนิดรอ
บุตรเศรษฐีจ่อ...................นครา"ราชคฤห์"ใหญ่

  ๑๘.เห็นปัจเจกฯนาม........"ตครา"ตามถนนไว
ท่านบิณฑ์อยู่ไซร้..............สุปพุทธ์คิดมิเคารพ
     
  ๑๙."คนขี้เรื้อน"เร่.............ก็ริบ้วนเขฬะถ่มจบ
ผลแห่งกรรมทบ................ลุนรกสิแสนปี

  ๒๐.เศษกรรมยังเหลือ......ก็อุบัติเกื้อกุร้อนปรี่
กำพร้า,ยากรี่.....................ณ บุรีราชคฤห์พาน

  ๒๑.เขาอาศัยธรรม...........สิพระพุทธ์ฯพร่ำสมาทาน
กับ"ศีล,เชื่อ"สาน.................สุตะตรับปัญญะเพริศถึง

  ๒๒.หลังสิ้นชีพแล้ว...........ก็อุบัติแน่ว ณ ดาว์ดึงส์
เหนือเทพอื่นพึง..................ยศอีกวรรณะสำราญ

  ๒๓.พุทธ์องค์เปล่งคำ........ก็อุทานนำลิบาปพาล
เหมือนตาดีชาญ.................ขรุขระทางเว้นมิเดินเผย ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อุทาน ๒๕/๑๔๕
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๐๒-๑๐๔

ฬุวนารามฯ=เวฬุวนาราม เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสาร สร้างถวาย ณ เมืองราชคฤห์ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต ริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดี ปัจจุบันอยู่ในรัฐพิหาร อินเดีย
สุปพุทธ์=สุปพุทธะ คือผู้เป็นโรคเรื้อน คนยากจน ในกรุงราชคฤห์ สมัยพุทธกาล
อนุบุพฯ=อนุบุพพิกถา คือถ้อยคำที่กล่าวตามลำดับ
พระโสดาฯ=พระโสดาบัน คือพระอริยะ ขั้นแรกในพุทธศาสนา
ปัจเจกฯ=พระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้เฉพาะตัว มิได้ประกาศศาสนาพุทธ จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้นศาสนาพุทธ และตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน
ตคราฯ=ตครสิขีพระปัจเจกพุทธเจ้า


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ข้าวหอม, เฒ่าธุลี, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #23 เมื่อ: 30, มกราคม, 2568, 09:31:05 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๓.ถ้ากลัวทุกข์ก็อย่าทำชั่ว

อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

  ๑.สมัยพระพุทธ์เจ้า.................ขณะเหย้า ณ"เชต์ราม"
"อนาถบิณฯ"นาม.......................สิสฤษฏ์ถวายรี่

  ๒.พระพุทธ์ฯเสด็จบิณฑ์..........จรชิน"สะวัตถี"
พระเห็นดรุณปรี่........................ริเสาะมัจฉะเบิกบาน

   ๓.พระองค์ก็ถามเขา...............ภยเร้ากะทุกข์พาล
ประหวั่นรึไม่ขาน.......................รติรักกะทุกข์หรือ

  ๔.กุมารก็ตอบเด่น...................ภวเป็นซิดังลือ
ก็กลัวและเกลียดชื่อ..................พหุทุกข์เกาะจีรัง

  ๕.พระพุทธ์ฯอุทานเปล่ง...........ผิวะเกรงคละทุกข์ยัง
มิรักกะทุกข์ฝัง...........................ก็ละชั่วตลอดนาน

  ๖.พระองค์แนะยังทำ................ริกระหน่ำสิชั่วกราน
มิพ้นกะทุกข์ผลาญ....................ผิหทัยผละหนีไกล ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อุทาน ๒๕/๑๔๙
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๑๐๔

เชต์ราม=เชตวนาราม เป็นวัดที่อนาถบิณฑกเศรษฐี เมืองสาวัตถี ก่อสร้างบน สวนเจ้าเชต ทางใต้ของแม่น้ำราปติ(หรือแม่น้ำอจิรวดี ในสมัยพุทธกาล) เป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุด ๑๙ พรรษา
อนาถบิณฯ=อนาถบิณฑิกคฤหบดี
พระพุทธ์ฯ,พุทธ์องค์=พระพุทธเจ้า
สะวัตถี=สาวัตถี เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ปัจจุบันอยู่ใน รัฐ อุตตรประเทศ อินเดีย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #24 เมื่อ: 31, มกราคม, 2568, 08:21:00 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๔.เหตุ ๙ มีอะไรบ้าง

อุปชาติฉันท์ ๑๑

  ๑.ก็เหตุสิเก้าอย่าง................จะปะวางแตะสามฝ่าย
"ดี,ชั่ว"และ"กลาง"กราย...........จะเจาะฝ่ายละสามเผย
ฝ่ายดีกุศลโผล่........................ก็"อโลภะ"ไม่เกย
"อโทสะ"ไม่เคย........................และ"อโมหะ"เลิกหลง

  ๒.กุชั่วจะต่างท้น....................กะกุศลติสามตรง
โลภ"โลภะ"มุ่งบ่ง......................พหุปรารถนาสิง
ฆาต"โทสะ"โกรธรุด..................ริประทุษทวีดิ่ง
และ"โมหะ"หลงจริง...................ปะทะทุกข์หทัย,กาย

   ๓.ก็"อัพยากฤต"....................มิประชิดกะสองฝ่าย
ปราศ"ดีรึชั่ว"กราย...................เพราะวิบากกุศลธรรม
ไม่โลภ"อโลฯ"โข......................และ"อโทสะ"ไม่พร่ำ
"อโมหะ"หลงคลำ......................ก็มิมีกุเหตุสาม

  ๔.อุบายทุเลาพ้น.....................อกุศลละชั่วทราม
ตัดโลภะลุกลาม........................มหทานและสันโดษ
"โอตตัปปะ"เกรงกลัว.................หิริชั่วละอายโฉด
"อะชีวะ"ชอบโรจน์.....................ภวโลภะน้อยลง

  ๕.ลิโทสะศีลจ้า.......................กรุณาผจงบ่ง
มีขันติทนยง.............................ทมะข่มฤทัยนิ่ง
"อักโกธะ"ไม่โกรธ.....................สติโลดระวังพริ้ง
และสัมปชัญญ์ฯยิ่ง....................ริระลึกระงับเอย

  ๖.ลิโมหะบำเพ็ญ.....................ตบะเด่นสมาธิ์เผย
พร้อมด้วยวิปัสส์ฯเชย................หฤทัยสงบหนา
ปัญญาสิรู้เหตุ............................สติเดชระลึกพา
"วิมังสะ"คิดหา...........................มทะหลงละไปไกล ฯ|ะ
  
แสงประภัสสร
 
ที่มา : วิภังค์ อภิธัมมปิฎก ๓๕/๕๔๓
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๑๑๕-๑๑๖

เหตุที่เป็นฝ่ายกุศล=ฝ่ายดี มี ๓ อย่าง ๑)อโลภะ ไม่โลภ ๒)อโทสะ ความไม่คิดประทุษร้าย ๓)อโมหะ ความไม่หลง
เหตุที่เป็นฝ่ายอกุศล=ฝ่ายชั่ว มี ๓ อย่าง ๑)โลภะ ความโลภ ๒)โทสะ ความคิดประทุษร้าย ๓)โมหะ ความหลง
เหตุที่เป็นอัพยากฤต=ไม่ชี้ลงไปว่าดีหรือชั่ว มี ๓ อย่าง ๑)อโลภะ ไม่โลภ ๒)อโทสะ ความไม่คิดประทุษร้าย ๓)อโมหะ ความไม่หลง
ทั้ง ๓ เกิดจากวิบากคือผลของกุศลกรรม หรือซึ่งเกิดในอัพยากตธรรมที่เป็นกิริยา
หิริ=ความละอายต่อบาป
โอตตัปปะ=ความเกรงกลัวต่อบาป
อะชีวะ=อาชีวะ คือ อาชีพที่สุจริต
ขันติ=ความอดทน
ทมะ=ความข่มใจ
อักโกธะ=ความไม่โกรธ
สติ=ความระลึกได้
สัมปชัญญ์ฯ=สัมปชัญญะ คือความรู้ตัว
วิมังสะ=วิมังสา คือ ความหมั่นพิจารณา


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #25 เมื่อ: 01, กุมภาพันธ์, 2568, 08:17:01 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๕.ภิกษุผู้มี กัลยาณศีล กัลยาณธรรม กัลยาณปัญญา

กาพย์มหาตรังคนที

  ๑.ภิกษุจงดูก่อน................ผู้จรธรรมงามสามกสานติ์
"กัล์ยาณศีล"งาน................"กัล์ยาณธรรม"นำสุขใจ
"กัล์ยาณปัญญา".................อันยิ่งพาตนพ้นเกิดไว
ใครครบจบสามไซร้.............เรียก"อุดมบุรุษ"รุดนา

  ๒.กัล์ยาณ์ศีลสงฆ์มี...........สำรวมดี"ปาฏิโมกข์"หนา
สมบูรณ์พูนสมา-..................ทานสิกขาบทสง่างาม
สงฆ์มีกัล์ยาณธรรม.............อบรมพร่ำ"โพธิปักข์ฯ"ตาม
สามสิบเจ็ดเพื่อลาม..............สู่การตรัสรู้พรูพร้อมไกล

   ๓.กัล์ยาณปัญญา............สงฆ์คว้า"ปัญญาวิมุติฯ"ใส
สิ้น"อาสวกิเลส"ไว...............ด้วยปัญญาเลิศบรรเจิดจริง
สงฆ์มีสามสิ่งเลิศ.................ประเสริฐเสร็จกิจมิประวิง
จบพรหมจรรย์อิง................เรียกอุดมบุรุษเทิดทูน ฯ|ะ
  
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อิติวุตตก ๒๕/๓๐๓
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๕๑-๕๒

กัล์ยาณศีล=กัลยาณศีล คือศีลอันดีงาม
กัล์ยาณธรรม=กัลยาณธรรม คือ ธรรมอันดีงาม
กัลยาณปัญญา=คือ ปัญญาอันดีงาม
ปาฏิโมกข์=ศีลที่สำคัญของภิกษุ
สมาทาน=ถือปฏิบัติ
โพธิปักข์ฯ=โพธิปักขิยธรรม คือธรรมอันเป็นไปในฝ่ายการตรัสรู้ ๓๗ ประการ คือ ๑)อิทธิบาท ๔-ธรรมที่ให้ประสบความสำเร็จ อย่าง  ๒)สติปัฏฐาน ๔ -การตั้งสติ ๓)สัมมัปปธาน ๔-การเพียรชอบ ๔)อินทรีย์ ๕-ธรรมอันเป็นใหญ่ ๕)พละ ๕-ธรรมอันเป็นกำลัง ๖)โพชฌงค์ ๗-ธรรมเป็นตัวประกอบแห่งการตรัสรู้ ๗)มรรค ๘-ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
ปัญญาวิมุติ=ความหลุดพ้นเพราะปัญญา
อาสว์กิเลส=อาสวกิเลส คือกิเลสที่หมักดองอยู่ในจิต ชุบย้อมจิตให้เศร้าหมอง ขุ่นมัว


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, ข้าวหอม, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #26 เมื่อ: 04, มีนาคม, 2568, 11:00:27 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๖.คำอธิบายเรื่อง ตถาคต

กาพย์ตรังควชิราวดี(ตรังคนที)

  ๑.ดูก่อนสงฆ์จรด..............."ตถาคต"ตรัสรู้ใส
ปลีกตนจากโลกได้..............ละเหตุให้เกิดทันที
ความดับตถาคต..................รู้แจ้งหมดทับทวี
ทางดับในโลกนี้...................ตถาคตฝึกดับลง

  ๒.ทุกสิ่งที่สงฆ์ยิน...............ชน,เทพสิ้นพรหม,มารเห็น
ใจตรอง,ทราบ,หาเด่น...........ลุด้วยเหตุตรัส์รู้บ่ง
จึงเรียกพุทธ์องค์จด..............ตถาคตรู้แจ้งตรง
คือสรรพ์นามดำรง................ของพุทธ์เจ้าเรียกตนเอง

   ๓.ตถาคตตรัส์รู้.................."อนุตต์ฯ"พรูราตรีไหน
กระทั่งนิพพานไกล................ด้วย"อนุปาฯ"ละขันธ์เผง
ถ้อยคำแต่ตรัส์รู้....................กายดับซู่มิโคลงเคลง
ย่อมเป็นอย่างนั้นเปล่ง...........จึงเรียกตถาคตเอย

  ๔.สงฆ์ตรองกับถ้อยพจน์......ตถาคตพูดอย่างไหน
ก็ทำได้ตรงไกล......................ผลอย่างที่พูดแล้วเผย
เมื่อทำได้อย่างใด...................ก็พูดได้อย่างนั้นเลย
เหตุพูด,ทำได้เคย...................จึงรียกตถาคตแท้จริง

  ๕.สงฆ์ดูตถาคต....................ธรรมเยี่ยมยศคุณไสว
คุณธรรมยิ่งใหญ่....................ไม่มีใครครอบงำอิง
อำนาจธรรมพร่างพรู..............."สัพพัญญู"รอบรู้ระวิง
มีเดชพลังพิง...........................เรียกตถาคตนั่นเทียว ฯ|ะ
  
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อิติวุตตก ๒๕/๓๒๑
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๕๓

ตถาคต=พระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง
อนุตต์ฯ=อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ญาณอันประเสริฐเป็นเครื่องตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระผู้ตรัสรู้โดยชอบ
อนุปาฯ=อนุปาทิเสสนิพพาน คือดับกิเลสพร้อมทั้งเบญจขันธ์
สัพพัญญู=ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งปวงอย่างสมบูรณ์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #27 เมื่อ: 05, มีนาคม, 2568, 08:59:07 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๗.มูลรากแห่งอกุศล ๓ อย่าง

อาขยานิกาฉันท์ ๑๑

  ๑.ขอภิกษุจงยล.........................อกุศลติสามอย่าง
เจาะรากเพาะชั่วผาง....................ทุจริตวจี,กาย,ใจ

  ๒.หนึ่ง"โลภะ"ความอยาก...........พหุกรากมิพอไซร้
ริปรารถนาไกล............................ระดะทรัพย์สิของเขา

   ๓.อยากมีคะคล้ายไผ................จะมุใฝ่และเล็งเอา
วิธีลิ"อยาก"เบา............................สติรู้ระงับตน

  ๔.สอง"โทสะ"คิดร้าย.................ภิทะกรายและโกรธท้น
ริฆาตชิวิตชน...............................หฤทัยตริแค้นนาน

๕.หงุดหงิด,พยาบาท..................ก็พินาศแหละแหลกลาญ
วิถีลิล้างผลาญ.............................กรุณาและรักยิ่ง

๖.สาม"โมหะ"ไม่รู้.......................มทะอยู่กะความจริง
เพราะมัวตะหลงสิง.......................มิคะนึงพระคุณใคร

  ๗.ถือตัวซิเหนือล้ำ......................นยธรรมมิเคยใฝ่
ก็ทางสิแก้ไข...............................อธิปัญญ์สมาธิ์เพริศ

  ๘.บาปสามซิต้นหตุ....................พละเดชสิแดนเกิด
กุทุกขะร้อนเริด...........................มระแล้ว"อบาย"เขลา

  ๙.เปรียบพฤกษะถูกพัน..............เจาะเกาะมั่นติสามเถา
ปะคลุมและรัดเอา........................ก็ตรุไม้มิจำเริญ ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อิติวุตตก ๒๕/๒๖๔
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๕๒

อกุศล ๓ อย่าง=คือ โลภะ โทสะ และ โมหะ
ปัญญ์=ปัญญา
สมาธิ์=สมาธิ
อบาย=ภพที่หาความสุขได้ยาก มี ๔ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และเดียรฉาน


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #28 เมื่อ: 06, มีนาคม, 2568, 08:05:27 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘

ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๘.พระธรรมเทศนา ๒ อย่าง

วังสัฏฐฉันท์ ๑๒

  ๑.พระสงฆ์ริตรองนำ..............ก็พระธรรมสิ"เรา"แสดง
จะมีและแยกแจง.....................ทวิสองก็"บาป"กะ"หน่าย"

  ๒.ซิหนึ่งริเห็นบาป..................ก็เจาะทราบจะแจ้งขยาย
แหละสองก็หน่ายคลาย............ริวิมุติกะบาปมิหวน

   ๓.ผิบาปพระพุทธ์ฯเห็น..........พหุเด่นสิโทษเจาะถ้วน
พิฆาตกะสัตว์ป่วน....................จะอุบัตินรกถลัน

   ๔.ผิบาปมิหนักหนา................ภวหน้าก็ชีพจะสั้น
เกาะบาปกุทุกข์หวั่น.................ลิประโยชน์เพราะบาปสิชั่ว

  ๕.เพาะบาปหทัยหมอง............ประลุครองกระวนและมัว
กุทุกข์สิต้องกลัว......................ลุวิบากจะเกิดเฉวียน

  ๖.ก็บาปสิธรรม์ชาติ................จะมิพลาดเตะสัตว์และเวียน
ณ ภูมิซิสามเบียน......................จะริทุกข์กะวัฏฏะแฉ

  ๗.ผิบาปก็รู้ชัด.........................จะอุบัติกุผลซิแน่
ฉลาดสิหน่ายแล........................และทลายกะบาปมลาน

  ๘.วิปัสสนาเพียร......................วตะเรียนกะมรรคประทาน
กุปัญญะทุกข์ผลาญ..................ก็วิโมกข์ผละวัฏฏะเอย ฯ|ะ
 
แสงประภัสสร
 
ที่มา : อิติวุตตก ๒๕/๒๕๕
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้าที่ ๕๒

เรา=หมายถึง พระพุทธเจ้า
วิมุติ,วิโมกข์=ความหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
วัฏฏะ=วัฏฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด
อบาย=ภพที่หาความสุขได้ยาก มี ๔ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และเดียรฉาน
ภูมิสาม=ไตรภูมิ คือสามโลก ได้แก่ กามโลก รูปโลก และ อรูปโลก ถ้ายังไม่บรรลุพระอรหันต์ สัตว์ก็จะต้องวนอยู่ในสามโลกนี้
วิปัสสนา=คือ การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งในสังขาร ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น อนัตตา
ปัญญะ=ปัญญา
มรรค=มรรค ๘ คือ ทางดับทุกข์


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, ข้าวหอม, หยาดฟ้า

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4463
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
« ตอบ #29 เมื่อ: 07, มีนาคม, 2568, 09:08:00 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๗๔.เวทนา ๒ ถึง ๑๘
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๙๙.อะไรเป็นหัวหน้าอกุศลธรรม และ กุศลธรรม

อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒

  ๑.สงฆ์พึงตริตรองชิด............ก็"อวิชฯ"มิรู้ประธาน
นำธรรมมิดีซ่าน......................อกุศลหละหลายจะตาม
  ๒."โนตตัปฯ"มิกลัวบาป.........."อหิฯ"ซาบมิอายมิขาม
นำผิดลุทางทราม....................ตะละอัฏฐะทางประกอบ
   ๓.มิจฉาสิแปดผิด.................ภวทิฏฐิผิดมิชอบ
"สังกัปปะฯ"คิดยอบ.................จะระรานตริเรื่องมิดี
 ๔."วาจา"ผรุสวาท.................."ปิสุฯ"ดาษยุแยงทวี
"สัมผัปฯ"ริพูดรี่........................ลิประโยชน์และชอบมุสา
  ๕."กัมมันตะฯ"ทำผิด...............ทุจริตขโมยลิฆ่า
"กาเมสุมิจฉาฯ"........................ลุประเวณิผิดมิเว้น
  ๖."อาชีวะฯ"ชีพผิด.................จะริกิจมิเลือกรึเฟ้น
ค้าขายกะสัตว์เด่น...................ฤ เจาะค้าอะวุธตราย
  ๗."วายามะฯ"ก่อบาป..............พิรซาบกะบาปกระจาย
"มิจฉาสมาธิ์ฯ"หมาย................ฐิติจิตซิหลงทะนง
  ๘.รำลึกสิผิดทาง....................สติขวางกะดีประสงค์
เกิดโลภะมาตรง.......................อกุศลจะเกิดกำหนัด
  ๙.พุทธ์องค์แสดง"วิชชา"........วิทยาประธานสิชัด
พรั่งพร้อมกุศลจัด....................."หิริ,ตัปปะฯ"ตามกระชั้น
  ๑๐.สู่ทางประเสริฐมรรค.........ซิประจักษ์"อรียะ"ดั้น
มีแปดประการสรรค์..................คติอัฏฐะถึงนิร์วาณ
  ๑๑.หนึ่ง"สัมมะทิฏฐ์ฯ"เห็น.......ลุประเด็นจะแจ้งกะงาน
รู้ทุกข์และดับผลาญ.................ปะวิธีละดับกิเลส
๑๒."สังกัปปะฯ"สอง,คิด.............ริมิผิดอโลภะเจตน์
ปราศข้องกะ"อยาก"เภท............มิอะฆาตตะการุณา
  ๑๓.สาม"สัมมะวาจาฯ"ชิด.........สุจริตวจีเพราะจ้า
เว้นพูดเลอะเท็จหนา...................ละวจีผรุสวิวาท
  ๑๔.สี่"สัมมะกัมฯ"จัด.................ปฏิบัติะงานฉกาจ
พฤติเว้นสิกามดาษ.....................นิรมุ่งขโมยประหาร
  ๑๕.ห้า"สัมมะอาชีฯ".................กิจที่สะอาดตระการ
เว้นค้ามนุษย์ผลาญ....................ธุระค้ากะสัตว์อะวุธ
  ๑๖.หก"สัมมะวายาฯ"................พิระกล้าหทัยริรุด
ตั้งมั่นกุศลผุด.............................อกุศลทลายสลาย
  ๑๗."สัมมาสตี"เจ็ด....................สติเด็ดจะเห็นขจาย
ในเวทนา,กาย.............................หฤทัย,พระธรรมซิชาญ
  ๑๘.นึกสี่สิเนื่องชัด....................ก็ขจัดกิเลสมลาน
รู้ทันมิหลงกราน..........................ก็อโลภะ,เศร้าลิทอน
  ๑๙.แปด"สัมสมาธิ์ฯ"กิจ.............ฐิติจิตสงัดขจร
เกิดฌานปฐมก่อน.......................ชระฌานซิสองและสาม
  ๒๐.ฌานสี่ลุพราวพร่าง..............สติวาง"อุเบกฯ"ลิกาม
ดีใจและเศร้าหวาม.......................ก็มิมีมุก้าวคระไล ฯ|ะ
  
แสงประภัสสร

ที่มา : อิติวุตตก ๒๕/๒๕๕
พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๕๒

อวิชฯ=อวิชชา คือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔
โนตตัปฯ=โนตตัปปะ=ความไม่เกรงกลัวต่อบาป
อหิฯ=อหิริกะ คือ ความไม่ละอายต่อบาป
ทิฏฐิ=มิจฉาทิฎฐิ คือ ความเห็นผิด
สังกัปปะฯ=มิจฉาสังกัปปะ คือ ดำริผิด เช่นเบียดเบียนผู้อื่น,ดำริเรื่องกาม
วาจา=มิจฉาวาจา คือ ประพฤติวจีทุจริต ๑) ปิสุณาวาจา-พูดส่อเสียด ๒)สัมผัปปลาป-พูดเพ้อเจ้อ ๓)ผรุสวาท-พูดคำหยาบ ๔)พูดปด
กัมมันตะฯ=มิจฉากัมมันตะ คือประพฤติทุจริต ๓ อย่าง ๑)ฆ่าสัตว์ ๒)ลักทรัพย์ ๓)ผิดในกาม
อาชีวะฯ=มิจฉาอาชีวะ คือเลี้ยงชีพผิด เช่นเลี้ยงชีพด้วยฆ่าสัตว์ พูดเท็จขณะค้าขาย
วายามะฯ=มิจฉาวายามะ คือ พยายามทำสิ่งผิด เช่น ทำบาป
มิจฉาสมาธิ์=มิจฉาสมาธิ คือ ความตั้งใจผิด,สมาธิผิด,มีเป้าหมายที่ผิด
รำลึกผิด=มิจฉาสติ คือ ระลึกผิดไปทางอกุศล เกี่ยวกับความโลภ
วิชชา=ความรอบรู้ในอริยสัจ ๔
หิริ=ความละอายต่อบาป
ตัปปะฯ=โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
อรียะ=อริยะ
มรรค=มรรค ๘ คือ ทางดับทุกข์
นิร์วาณ=นิรวาณ คือ นิพพาน
สัมมะทิฏฐ์ฯ=สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบ แนวคิดที่ถูกต้อง รู้ว่าทำดี ได้ดี,รู้รากเหง้าของอกุศล คือ โลภะ โทสะ โมหะ,รู้อกุศลกรรมบท ๑๐
สังกัปปะฯ=สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ ความนึกคิดที่ถูกต้อง ปลอดจากโลภะ,มิพยาบาท,มิเบียดเบียน
สัมมะวาจาฯ=สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ มีเจตนางดเว้น พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด
สัมมะกัมฯ=สัมมากัมมันตะ คือ ทำงานชอบ การกระทำที่เว้นทุจริตทางกาย 3 อย่าง ๑)ฆ่าสัตว์ ๒) ขโมย ๓)เว้นประพฤติผิดในกาม
สัมมะอาชีฯ=สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ ด้วยอาชีพสุจริต เช่น ๑)ไม่ค้ามนุษย์ ๒)ไม่ค้าสัตว์ ๓)ไม่ขายยาพิษ ๔)ไม่ค้าอาวุธ ๕)ไม่ค้าน้ำเมา
สัมมะวายาฯ=สัมมาวายามะ คือ ความพยายามชอบ ทำความเพียร ประคองจิต ๓ อย่าง ๑)อกุศลกรรมที่ยังไม่เกิด ก็คุมมิให้เกิด ๒)ละอกุศลธรรมที่เกิดแล้ว ๓)ทำให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด จงเกิดขึ้น
สัมมาสตีฯ=สัมมาสติ คือ การระลึกชอบ มีสติกำหนดว่ากำลังทำอะไร มี ๔ อย่าง ๑)เห็น กายในกาย ๒)เห็นเวทนาในเวทนา ๓)เห็นจิตในจิต ๔)เห็นธรรมในธรรม
ทั้ง ๔ จะทำให้มีสติขจัด โลภ โศก ได้
สัมสมาธิ์ฯ=สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งจิตมั่นชอบ สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุฌาน ๔ ได้แก่ ๑)ปฐมยาม ๒)ทุติยฌาน ๓)ตติยฌาน ๔)จตุตฌาน
อุเบกฯ=อุเบกขา ความวางเฉย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.148 วินาที กับ 226 คำสั่ง
กำลังโหลด...