(ต่อหน้า ๕/๑๐) ๔๘.อลคัททูปมสูตร
๙๓.สงฆ์ใดเจาะตรงกะ"สัทธาฯ"ชี้..............จรลีเพราะเชื่อคณา
พึงบรรลุเริ่มตะโสดาฯมา.............................อภิสัจจะยิ่งลุผล
๙๔."สัทธาวิมุต"จะหลุดพ้นชัด...................อริย์สัจจธรรมเจาะท้น
ศรัทธาซินำกะปัญญาดล.............................อรหัตตผลไสว
๙๕.ชนใดซิเชื่อและรักพุทธ์องค์................คติบ่งสวรรค์คระไล
พุทธ์เจ้าซิตรัสแนะภาษิตไซร้.......................ก็พระสงฆ์รตีและชม ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา : มจร.๒.อลคัททูปมสูตรพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=12&siri=22เชตว์นาฯ = เชตวนาราม อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี
อริฏฐะ =พระอริฏฐะ รูปนี้เป็นพหูสูต เป็นธรรมกถึก ไม่รู้เรื่องอันตรายิกธรรมแห่งการล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติ เพราะเหตุที่ท่านไม่ฉลาดเรื่องวินัย ดังนั้น ท่านจึงเกิดความคิดอย่างนี้ว่า
(๑) คฤหัสถ์ที่ยุ่งเกี่ยวกับกามคุณ ที่เป็นโสดาบันก็มี เป็นสกทาคามีก็มี เป็นอนาคามีก็มี แม้พวกภิกษุก็ยังเห็นรูปที่น่าชอบใจที่จะพึงรู้ด้วยจักษุ ฯลฯ ยังถูกต้องสิ่งสัมผัสที่จะพึงรู้ด้วยกาย ยังใช้สอยผ้าปูผ้าห่มอ่อนนุ่ม สิ่งนั้นทั้งหมดยังถือว่าควร เพราะเหตุไร รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสของหญิงจึงจะไม่ควร สิ่งเหล่านั้นต้องควรแน่นอน
(๒) ครั้นเกิดทิฏฐิชั่วขึ้นแล้ว ก็โต้แย้งพระสัพพัญญุตญาณคัดค้านเวสารัชชญาณใส่ตอและหนามในอริยมรรคว่า “ไฉนพระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติปฐมปาราชิกอย่างกวดขันประดุจกั้นมหาสมุทร ในข้อนี้ไม่มีโทษ” ประหารอาณาจักรของพระชินเจ้าด้วยกล่าวว่า “เมถุนธรรม ไม่มีโทษ”
ธรรมก่ออันตราย = มี ๕ อย่าง คือ (๑) กรรม ได้แก่ อนันตริยกรรม ๕ (๒) กิเลส ได้แก่ นิยตมิจฉาทิฏฐิ (๓) วิบาก ได้แก่ การเกิดเป็นบัณเฑาะก์ สัตว์ดิรัจฉาน และสัตว์ ๒ เพศ (๔) อริยุปวาท ได้แก่ การว่าร้ายพระอริยเจ้า (๕) อาณาวีติกกมะ ได้แก่ อาบัติ ๗ กองที่ภิกษุจงใจล่วงละเมิด
นิยตมิจฉาทิฎฐิ ๓ = คือความเห็นผิดมีโทษมาก จะทำบาปได้ทุกอย่างเพราะมีความเห็นผิดเป็นปัจจัย เห็นผิดที่ดิ่ง มี ๓ อย่าง
(๑) อเหตุกทิฎฐิ = เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองเป็นเอง ไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิดให้มีขึ้น ไม่เชื่อในเหตุ
(๒) นัตถิกทิฎฐิ = เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ผลจากการทำดีทำชั่ว ไม่มีโลกนี้โลกหน้า สัตว์บุคคลไม่มี เป็นแต่ธาตุประชุมกันตายแล้วสูญไม่เกิดอีก เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น
(๓) อกิริยทิฎฐิ = เห็นว่าการกระทำใดๆ บาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำแล้วก็เป็นอันแล้วกันไป ปฏิเสธการกระทำโดยประการทั้งปวง
กามทั้งหลาย = มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก
มีโทษยิ่งใหญ่ เปรียบเหมือน
(๑) ร่างโครงกระดูก (๒) ชิ้นเนื้อ (๓) คบเพลิงหญ้า (๔) หลุมถ่านเพลิง (๕)ความฝัน (๖) ของที่ขอยืมมา (๗) ผลไม้คาต้น (๘) เขียงหั่นเนื้อ (๙) หอกหลาว (๑๐) หัวงู
ผลไม้คาต้น = หมายถึง กามทั้งหลาย เปรียบเหมือนผลไม้มีพิษ เพราะบั่นทอนร่างกาย, อีกนัยหนึ่ง คนที่ต้องการผลไม้ เที่ยวเมื่อพบต้นไม้ผลดกจึงปีนขึ้นไปเก็บกิน เก็บใส่ห่อ, อีกคนหนึ่งเห็นต้นไม้ผลดกต้นเดียวกันนั้น แต่แทนที่จะปีนขึ้นไปเก็บผล กลับเอาขวานตัดต้นไม้ผลดกนั้นในขณะที่คนแรกยังอยู่บนต้นไม้ อันตรายจึงเกิดขึ้นแก่เขา
โมฆะฯ = โมฆบุรุษ คือบุคคลที่ว่างเปล่า ไม่มีแก่นสารเช่น (๑) ว่างเปล่าจากกุศลธรรมในขณะนั้น (๒) ว่างเปล่าจากความเห็นถูกคือเป็นผู้มีความเห็นผิด (๓) ว่างเปล่าเพราะไม่มีอุปนิสัยที่จะได้บรรลุมรรคผลในชาตินั้น (๔) ว่างเปล่าแม้จะมีอุปนิสัยจะได้บรรลุในชาตินั้น แต่ขณะนั้นเป็นอกุศลจึงว่างเปล่าจากการบรรลุในขณะนั้น
กามสัญญา = สัญญาที่ข้องในกามคุณ ๕ คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
กามวิตก = ความตรึกในทางกาม, ความนึกคิดในทางแส่หา หรือพัวพันติดข้องในสิ่งสนองความอยาก
การเรียนธรรมของโมฆบุรุษ = ได้เรียนพระสูตรต่างๆ เช่น
(๑) สุตตะ ได้แก่ อุภโตวิภังค์ นิทเทส ขันธกะ ปริวาร มงคลสูตร รตนสูตร นาฬกสูตร ตุวัฏฏกสูตร ในสุตตนิบาต และพุทธวจนะอื่นๆ ที่มีชื่อว่าสุตตะ
(๒) เคยยะ ได้แก่ พระสูตรที่มีคาถาทั้งหมด โดยเฉพาะสคาถวรรคในสังยุตตนิกาย
(๓) เวยยากรณะ ได้แก่ พระอภิธรรมปิฎกทั้งหมด พระสูตรที่ไม่มีคาถา และพุทธพจน์อื่นที่ไม่จัดเข้าในองค์ ๘ ที่เหลือ
(๔) คาถา ได้แก่ ธรรมบท เถรคาถา เถรีคาถา และคาถาล้วนในสุตตนิบาตที่ไม่มีชื่อว่าเป็นสูตร
(๕) อุทาน ได้แก่ พระสูตร ๘๒ สูตรที่เกี่ยวด้วยคาถาที่ทรงเปล่งด้วยพระหฤทัยสหรคตด้วยโสมนัสญาณ
(๖) อิติวุตตกะ ได้แก่ พระสูตร ๑๑๐ สูตร ที่ตรัสโดยนัยว่า วุตฺตมิทํ ภควตา เป็นต้น
(๗) ชาตกะ ได้แก่ ชาดก ๕๕๐ เรื่อง มีอปัณณกชาดก เป็นต้น
(๘) อัพภูตธรรม ได้แก่ พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องอัศจรรย์ ไม่เคยปรากฏ ทั้งหมด ที่ตรัสโดยนัยว่า “ภิกษุทั้งหลายข้ออัศจรรย์ไม่เคยมี ๔ อย่างนี้ หาได้ในอานนท์” ดังนี้เป็นต้น
(๙) เวทัลละ ได้แก่ พระสูตรแบบถาม-ตอบ ซึ่งผู้ถามได้ทั้งความรู้ และความพอใจ เช่น จูฬเวทัลลสูตร
(๑๐) มหาเวทัลลสูตร สัมมาทิฏฐิสูตร สักกปัญหสูตร สังขารภาชนียสูตร และมหาปุณณมสูตร
พระพุทธ์ฯ,พุทธะ = พระพุทธเจ้า