(ต่อหน้า ๔/๔) ๕๑.นิวาปสูตร
๒๖.สงฆ์ดลลุล่วงแล้ว.........................."สัญญา เวทยิตฯ"
สงฆ์ยิ่งปัญญามา...................................เก่งพร้อม
ตัดกิเลสหมดนา.....................................มารบาป มิเห็น
สงฆ์ชื่นภาษิตน้อม..................................พุทธ์เจ้าเทิดแฉ ฯ|ะ
แสงประภัสสร
ที่มา : มจร. ๕. นิวาปสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
https://share.google/pbqOJ0EDLf52ntLAbเชตว์นาราม = เชตวนาราม ใกล้กรุงสาวัตถี อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี สร้างถวาย
กามคุณ ๕= คือ สิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้เกิดความกำหนัดยินดี มี ๕ อย่าง ได้แก่ (๑) รูปารมณ์ - สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา เช่น รูปภาพ, สีสัน, แสงสว่าง (๒) สัททารมณ์ - สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เช่น เสียงดนตรี, เสียงพูด (๓) คันธารมณ์ - สิ่งที่ได้กลิ่น เช่น กลิ่นหอมของดอกไม้, กลิ่นอาหาร (๔) รสารมณ์ - สิ่งที่ได้ลิ้มรส (๕) โผฏฐัพพารมณ์ - สิ่งที่ได้สัมผัสทางกาย เช่น ความอ่อนนุ่มของผ้า, ความเย็นของน้ำ, ความอบอุ่นของแสงแดด
ฌาน = การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิ ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก ฌานแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
(๑) รูปฌาน = ฌานมีรูปธรรมเป็นอารมณ์ คือ
(๑.๑) ปฐมฌาน - ฌานที่ ๑ ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา (๑.๒) ทุติยฌาน - ฌานที่ ๒ ประกอบด้วย ปิติ สุข เอกัคคตา (๑.๓) ตติยฌาน - ฌานที่ ๓ ประกอบด้วย สุข เอกัคคตา (๑.๔) จตุตถฌาน - ฌานที่ ๔ ประกอบด้วย อุเบกขา เอกัคคตา
(๒) อรูปฌาน = ฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ได้แก่
(๒.๑) อากาสานัญจายตนะ - มีความว่างเปล่าคืออากาสไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์ (๒.๒) วิญญาณัญจายตนะ - มีความว่างระดับนามธาตุคือความว่างในแบบที่อายตนะภายนอกและภายในไม่กระทบกันจนเกิดวิญญาณธาตุการรับรู้ขึ้นเป็นอารมณ์ (๒.๓) อากิญจัญญายตนะ - การไม่มีอะไรเลยเป็นอารมณ์ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมทั้งหลาย คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันมีอยู่ในขณะแห่งอากิญจัญญายตนฌานโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร ไม่มีสุข เป็นอาพาธ เป็นของผู้อื่น เป็นของชำรุด ว่างเปล่า เป็นอนัตตา เธอย่อมยังจิตให้ตั้งอยู่ด้วยธรรมเหล่านั้น (๒.๔) เนวสัญญานาสัญญายตนะ - จะว่ามีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ คือแม้แต่อารมณ์ว่าไม่มีอะไรเลยก็ไม่มี
สัญญาเวทยิตนิโรธ = หรือ นิโรธสมาบัติ เป็นสมาธิขั้นสูงสุดที่ดับสัญญาและเวทนา ซึ่งเป็นสมาบัติที่ผู้ปฏิบัติธรรมพึงมุ่งหวังที่จะเข้าถึง เพื่อความสงบและหลุดพ้นจากกิเลส
ทำมารให้ตาบอด = หมายถึงภิกษุนั้นมิได้ทำลายนัยน์ตาของมาร แต่จิตของภิกษุผู้เข้าถึงฌานที่เป็นบาทของวิปัสสนา อาศัยอารมณ์นี้เป็นไป (เกิดดับ) เหตุนั้น มารจึงไม่สามารถมองเห็นร่างคือญาณของภิกษุผู้เข้าฌานซึ่งเป็นบาทของวิปัสสนานั้นด้วยมังสจักษุของตนได้
รูปสัญญา = คือ สัญญาที่เกิดขึ้นยึดรูปเป็นอารมณ์ จะดับใน อากาสนญจายตนฌาณ เมื่อภิกษุล่วงรูปสัญญาทั้งปวง เพราะดับปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน เพราะคำนึงเป็นอารมณ์ว่า อากาศไม่มีที่สุด จึงดับรูปสัญญาได้
ปฏิฆสัญญา = คือ เมื่อความไม่พอใจ (ปฏิฆะ) เกิดขึ้นแล้วมีการจดจำ ความไม่พอใจนั้น ก็จะกลายเป็นปฏิฆสัญญา
นานัตตสัญญา = หมายถึงผู้ที่ได้สงบแห่งจิตที่เป็นกุศลจิตประการต่างๆ ที่เป็นสัญญาที่เกิดร่วมกับกุศลจิตต่างๆ กัน