Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร  (อ่าน 38666 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #45 เมื่อ: 07, กุมภาพันธ์, 2568, 08:45:03 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๒/๓) ๒๒.ปาฏิกสูตร

    ๑๘."เปลือย,พฤติพรหมจรรย์"......"ดื่มสุรา"ครัน.....เนื้อสัตว์พื้นฐาน
"ไม่กินข้าวสุก"....มิรุกขนมกราน....ไม่ล่วงเกินผลาญ...."เจดีย์สี่"ไกล

    ๑๙.เจดีย์สี่ทิศ......เวสาลีสถิตย์.......เหนือ,ออก,ตก,ใต้
พุทธ์องค์เคยเล่า.....ขอเร้าจำไว....สุนักฯนึกไหม....กฬารฯจะแปร

    ๒๐.กฬารฯนุ่งผ้า........มีภรรยา......กินข้าวสุกแน่
กินขนมสด....ทิศหมดล่วงแท้....ทั้งสี่ทิศแล....ในเวสาลี

    ๒๑.กฬารฯเสื่อมยศ.....ลาภสูญสิ้นหมด.......แล้วก็ตายรี่
เหตุก็จริงตาม....ทรงถามฤทธิ์ปรี่....สุนักฯรับมี....แสดงฤทธิ์งาม

    ๒๒.พุทธ์เจ้าตรัสเรื่อง....."ปาฏิกฯ"กระเดื่อง......ลาภ,ยศมีถาม
เป็นชีเปลือยจัด.....ในวัชชีคาม....ปาฏิกฯกล่าวนาม....ถึงพระโคดม

    ๒๓.โคดมพุทธ์เจ้า......"ญาณวาทะ"เคล้า......กอปรญาณรู้สม
ปาฏิกฯก็เหมือน....แสดงเกลื่อนฤทธิ์ชม.....ควรทำฤทธิ์คม.....ด้วยกันได้ไว

    ๒๔.โคดมครึ่งทาง.......ปาฏิกฯครึ่งกร่าง.......ทรงทำเท่าไหร่
ปาฏิกฯทำทวี....เพิ่มรี่มากไกล....กว่าโคดมไซร้.....แสดงฤทธิ์เอย

    ๒๕.สุนักฯเล่าความ......ทูลพุทธ์องค์ตาม.......ปาฏิกฯแข่งเอ่ย
ทรงให้สุนักฯ....พูดดักไว้เอย.....ปาฏิกฯละเกย....ความเห็น,ถ้อยคำ

    ๒๖.ถ้าปาฏิกฯสละ......ความคิดปะทะ......มิได้อย่าถลำ
เผชิญพุทธ์องค์....อยู่ตรงหน้านำ....มิฉะนั้นจำ....ศีรษะแตกทราม

    ๒๗.พุทธ์องค์ทรงบิณฑ์.....เวสาลีชิน.....แวะพักอาราม
สุนักฯเที่ยวบอก....กรอกหูทั่วคาม....บ้านปาฏิกฯยาม....แสดงฤทธิ์กัน

    ๒๘.กษัตริย์ลิจฉวี......เหล่าพราหมณ์,เศรษฐี......เจ้าลัทธิผลัน
เร่งดูแสดง....ฤทธิ์แจ้งแข่งขัน....ปาฏิกฯฤทธิ์ดั้น....มากกว่าพุทธ์องค์

    ๒๙.ปาฏิกฯชีเปลือย.....ทราบเรื่องก็เนือย.......ตกใจกลัวบ่ง
หนีหา"ติณทุกข์"....ชนบุกตามตรง....ให้แสดงตนคง....ก็ตกลงไป

    ๓๐.ปาฏิกฯกระเสือก.....กระสนกลิ้งเกลือก......ลุกขึ้นมิได้
อมาตย์ลิจฉวี....ให้ปรี่ลุกไป...."ชาลิ"ด่าไซร้....ปาฏิกฯนิ่งนา

    ๓๑.พุทธ์เจ้าจึงแสดง......ธรรมแก่ชนแจ้ง......เสร็จแล้วกลับหนา
ทรงถามสุนักฯ.....จักเป็นฤทธิ์กล้า....ได้หรือไม่นา...สุนักฯตอบเป็น

    ๓๒.พุทธ์เจ้าตรัสต่อ......รู้"อัคคัญญ์ฯ"จ่อ.....สิ่งที่เลิศเด่น
รู้ยิ่งกว่านั้น.....ครันไม่ยึดเข็น....ไม่ยึดจึงเผ่น....นิพพานด้วยตน

    ๓๓.เมื่อรู้แน่แล้ว.....จึงไม่เสื่อมแกล้ว......ปะเจริญผล
ทรงแสดงสิ่งเลิศ....ประเสริฐดื่นดล....ของศาสน์ฯอื่นยล....บัญญัติสี่เครือ

    ๓๔.หนึ่ง,บัญญัติสอน......"มีผู้สร้าง"จร......"ผู้ถูกสร้างถือ"
เช่นอิศวร,พรหม....ผู้สมสร้างลือ....เวลาผ่านพรือ....วิมานทลายพลัน

    ๓๕.ผู้เกิดแรกใหม่......ตนมหาพรหมใหญ่......เกิดหลังนึกฝัน
ตนพระพรหมสร้าง....เกิดคว้างต่อครัน....ในโลกได้พลัน....บวชบำเพ็ญเพียร


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, ข้าวหอม, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..

แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #46 เมื่อ: 08, กุมภาพันธ์, 2568, 09:48:45 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๓/๓) ๒๒.ปาฏิกสูตร

    ๓๖.ระลึกชาติได้......นำความรู้ไซร้......จากพรหมโลกเชียร
ระลึกได้อยู่...."มีผู้สร้าง"เนียน...."ผู้ถูกสร้าง"เวียน....ความเห็นสืบมา

    ๓๗.สอง,พราหมณ์บางกลุ่ม......บัญญัติเลิศซุ่ม.....เกี่ยว"เทพขิฑฑ์ฯ"หนา
ต้องโทษเพราะเล่น....สนุกเด่นทุกครา....ตายแล้วเกิดมา....บำเพ็ญพรตไว

    ๓๘.ระลึกชาติว่า......เป็นเทพขิฑฑ์ฯกล้า.....จุติเพราะสนุกไข
คิดว่าเทพอื่น.....นั้นชื่น"เที่ยง"ไซร้....แต่เทพขิฑฑ์ฯไกล....."ไม่เที่ยง"แท้เลย

    ๓๙.สาม,พราหมณ์บางเหล่า......บัญญัติสอนเร้า......"เทพมโนปฯ"เผย
มีโทษสุดท้าย....คิดร้ายเขาเอ่ย....เกิดใหม่แล้วเปรย.....บำเพ็ญเพียรกราน

    ๔๐.ระลึกชาติได้......เทพมโนปฯไกล.....จุติคิดร้ายผลาญ
เห็นว่าเทพอื่น....ระรื่น"เที่ยง"ชาญ....เทพอโนปฯขาน...."ไม่เที่ยง"แน่ครัน

    ๔๑.สี่,พราหมณ์บางพวก......บัญญัติลวกลวก......"มี,เป็นเอง"สรรค์
"อธิจจ์ฯ"ไม่มี....เหตุปรี่ใดกัน....เมื่อตาย,เกิดพลัน....บำเพ็ญพรตงาม

    ๔๒.สัญญา,จำเกิด......ระลึกชาติเจิด.....เดิมรูปพรหมผลาม
ไร้สัญญา,จำ....รูปนำแวววาม.....พลัน"จำ"เกิดลาม....จุติเกิดใหม่นา

    ๔๓.จึงรำลึกได้......สิ้นสุดลงไซร้.....ตอนจุติ,ตายหนา
ย้อนหลังมิมี....ใดคลี่เลยนา....ทุกสิ่งมีมา....โดยเหตุไม่มี

    ๔๔.บัญญัติสี่เน้น......เกิดทิฏฐิเด่น......รู้บางตอนรี่
มิรู้แต่ต้น....รู้ยลจบปรี่....หลงผิดทุกที....เพราะไม่เข้าใจ

    ๔๕.พุทธ์เจ้าตรัสเรื่อง......"สุภวิโมกข์"เรือง......ทำ"กสิณ"ใส
เพ่งรูปนิมิต....เพ่งจิตสีใด....เป็นอารมณ์ไซร้....เลิกยึดหยุดลง

    ๔๖.ภาษิตพุทธ์เจ้า......ภัคค์ฯนักบวชเฝ้า......สรรเสริญพุทธ์องค์
ทรงตอบสุนักฯ....ที่ปักใจพะวง....ทรงแสดงฤทธิ์ตรง....พร้อมสิ่งเลิศแล ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย ปาฏิกวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๔๓- ๓๔๔

อนุปฯ=นิคมชื่อ อนุปปิยะ แคว้นมัลละ
ภัคค์วา,ภัคค์ฯ=ภัคควโคตรปริพพาชก เป็นนักบวช นอกศาสนา,
สุนักฯ=สุนักขัตตะ เป็นบุตรเจ้าลิจฉวี ซึ่งเคยมาบวชแล้วสึกออกไป ให้เหตุผลว่า พระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงอิทธิปาฏิหารให้ดู ไม่บัญญัติและชี้สิ่งเลิศให้ดู
พระรัตน์ตรัย=พระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
โกรักฯ=โกรักขัตติยะ เป็นชีเปลือย มีวัตรเหมือนสุนัข ลงคลาน ๔ เท้า ใช้ปากงับอาหารตามพื้นดิน
กฬารฯ=กฬารมัชฌกะ เป็นชีเปลือย ภายหลังเลิกข้อวัตร ๗ ประการ หมดสิ้น
เจดีย์สี่ทิศ ในกรุงเวสาลี=๑)อุเทนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศบูรพา-ตะวันออก ๒)โคตมกเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศทักษิณ-ใต้ ๓)สัตตัมพเจดีย์ ตั้งอยู่ทิศประจิม-ตะวันตก ๔)พหุปุตตกเจดีย์ ตั้งอยู่ทิศอุดร-เหนือ
ปาฏิกฯ=ปาฏิกบุตร เป็นชีเปลือย กล่าวท้าแสดงฤทธิ์กับพระพุทธเจ้า
พระโคดมพุทธเจ้า=นามหนึ่งของพระพุทธเจ้า เรียกชื่อโคตรทางพุทธมารดา ถ้าชื่อโคตรทางพุทธบิดา คือพระโคตมพุทธเจ้า
ญาณวาทะ=ผู้กล่าวรับรองญาณความรู้
ติณทุกข=ติณทุกขานุ เป็น ปริพพาชก นักบวชนอกศาสนา
ชาลิฯ=ชาลิยะ ปริพพาชก
อัคคัญญ์ฯ=อัคคัญญะ แปลว่า สิ่งที่เลิศ หรือเป็นต้นเดิม
เทพขิฑฑ์ฯ=คือ เทพพวก ขิฑฑาปโทสิกะ(ผู้เสียหายหรือมีโทษเพราะการเล่น)
เทพมโนปฯ=คือเทพ พวกมโนปโทสิกะ(ผู้เสียหายหรือมีโทษ เพราะคิดร้ายต่อผู้อื่น)
ไม่มีเหตุ=เรียก อธิจจสมุปปันนะ การมีเป็นขึ้นมาเอง โดยไม่มีเหตุ
สุภวิโมกข์=การบำเพ็ญกสิณ คือการเพ่งรูปนิมิต แบบใช้สีต่างๆเป็นอารมณ์


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #47 เมื่อ: 09, กุมภาพันธ์, 2568, 05:25:13 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

ประมวลธรรม : ๒๓.อุทุมพริกสูตร(สูตรว่าด้วยเหตุการณ์ในปริพพาชการาม ซึ่งนางอุทุมพริกสร้างถวาย)

กาพย์ตุรงคธาวี

   ๑.พระพุทธ์เจ้า......พัก"คิชฌกูฏ"เขา......กรุงเพรา"ราชคฤห์"ไข
"สันธาน"นี้....เศรษฐีจะเฝ้าไว....เจอะ"นิโครธฯ".....มาโลดสามพันคน
มาชุมนุม......กล่าวถ้อยคำคลุม......มองสุ่ม"ดิรัจฯ"ยล
ด้วยเสียงดัง....จนฟังอึกทึกก่น....เห็นสันธาน....ก็พานสงบครา
     
   ๒.เพราะสันธาน......ศิษย์โคดมกราน......มิพานเสียงดังหนา
กล่าวไกล่เกลี่ย...."อัญญ์เดียรถีย์ฯ"มา....เสียงอื้ออึง....นี้จึงต่างพุทธ์องค์
ซึ่งอยู่สงัด......นิโครธกล่าวขัด......แน่ชัดตอบโต้บ่ง
แสดงปัญญา....อันกล้าแก่ใครตรง....เพราะอยู่สงบ....ไม่พบกับใครเลย

   ๓.เปรียบตาบอด......อยู่ป่าหนีรอด......ต้องดอดหนีชนผอง
ไร้ปัญญา....คบหาใครได้เอย....เหมือนโคบอด....กลัววอดถูกภัยพาล
ต้องหลบซ่อน......ในที่เปลี่ยวจร......ที่นอนสงบนาน
ขอโคดม....จงกรที่นี่พาน....มีปัญหา....จะมาถามก่อนครัน

   ๔.พุทธ์องค์กาจ......ยินถ้อยคำยาตร......โสตธาตุชัดผลัน
จากคิชฌกูฏ....เดินปรูดจงกรมพลัน....นิโครธเห็น....เตือนเด่นสงบเอย
ถ้าทรงมา......จะถามปัญหา....พฤติกล้าพรหม์จรรย์เปรย
ที่สอนศิษย์....ใกล้ชิดพระองค์เผย....พฤติพรหมจรรย์....ที่มั่นปลอดโปร่งใจ

   ๕.ทรงเสด็จด้น.....นิโครธฯนิมนต์......วางตนนั่งต่ำใกล้
พุทธ์องค์ถาม....คุยความรื่องอันใด....นิโครธฯกราบ....ขอทราบธรรมทรงแสดง
แก่สาวก......ทรงแนะสอนปก......พฤติยกพรหม์จรรย์แจง
ที่ราบรื่น....ทรงยืนยันยากแฝง....จะเข้าใจ....คนไซร้เห็นต่างแล

   ๖.พอใจอื่น......มีพฤติดาษดื่น......ครูยืนสอนต่างแฉ
ทรงขอให้....ถามไซร้ปัญหาแก้....ในลัทธิ....เจาะซิครูท่านเอง
เกี่ยวกับ"ชัง"......ความชั่วเกลียดหยั่ง.....อยู่ยั้งบำเพ็ญเร่ง
จะเหมาะกว่า....จึงพากันกล่าวเก่ง....โคดมมี....ฤทธิ์คลี่มากยืนกราน

   ๗.ทรงไม่ตอบ.....ปัญหาในกรอบ......โดยชอบของตนชาญ
แต่กลับให้....ถามไถ่ผู้อื่นกราน....นิโครธบ่ง....อย่าส่งเสียงดังเอย
นิโครธทูล.....พวกข้ายึดพูน......เพียรหนุน"ชัง,ชั่ว"เผย
โดยบำเพ็ญ....ตบะเด่นขอถามเปรย....พฤติไหนครือ....ไม่,หรือสมบูรณ์ครัน
 
   ๘.พุทธ์องค์ตรัส......"เปลือย,เลียมือ"ชัด......และจัด"ยืนถ่าย"พลัน
ทรงถามว่า....พฤติหนาเยี่ยงกระนั้น....สมบูรณ์ไหม....ตอบไวสมบูรณ์แล
ทรงตรัสรี่......ว่าสมบูรณ์นี้......จะชี้ข้อเศร้าแฉ
ยี่สิบเอ็ด....ข้อเด็ดความหมองแน่....ผู้บำเพ็ญ....ตบะเป็นผู้เศร้าตรง

   ๙.ข้อเศร้าหมอง.....บำเพ็ญตบะครอง......ใจปอง"อิ่มเอิบ"บ่ง
"ยกตนเหนือ"....ข่มเขือ,ผู้อื่นคง....เกิด"มัวเมา".....อยากเอา"ลาภ,ชื่อ"งาม
ได้ลาภ,ชื่อ......"ยกตนข่ม"ยื้อ.....พร้อมถือ"เมาลาภ"ผลาม
"แยกอาหาร".....ชอบพานติดใจวาม....ถ้าไม่ชอบ....ก็ลอบเล็งทิ้งนา

   ๑๐.บำเพ็ญตบะ......"ลาภสักการะ"......เพื่อพะพร้อมบูชา
จากกษัตริย์....พราหมณ์ชัด,เศรษฐีหนา....อมาตย์,เดียร์ถีย์....เพราะรี่หลงมัวไกล
พราหมณ์บางพวก......ถูกรุกรานจวก......เสพสวก"พืช,ผลไม้"
เกิด"ตระหนี่"....และชี้"ริษยา"ไว....เห็นเขาอยู่....มีผู้นับถือเอย


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #48 เมื่อ: 10, กุมภาพันธ์, 2568, 07:29:01 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๒/๓) ๒๓.อุทุมพริกสูตร

   ๑๑."นั่งแสดงตน".....ทางสัญจรก่น.....มิพ้นคนเห็นเผย
"พูดไม่ตรง"....ชอบบ่ง,ไม่ชอบเลย....ถ้าไม่ชอบ....จะตอบว่าชอบจริง
พุทธ์เจ้า,ศิษย์......แจงพระธรรชิด......"ไม่คิดยอมรับ"ดิ่ง
ในพุทธ์ศาสน์....กล่าวกาจถูกต้องจริง....จะยอมรับ....แม้ตรับศาสน์ฯอื่นใด

   ๑๒."คนมักโกรธ"......"ผูกโกรธ"จำโลด.....พูดโจษมิลืมไข
"ลบหลู่คุณ.....และผลุนตีเสมอ"ไว...."มักริษยา....ใจคว้าพาตระหนี่"
"คนโอ้อวด......มีมายา"ยวด......ขี้งวดอวดมั่งมี
"กระด้าง,หมิ่น"....ใจชินว่ายากรี่....ดูถูกคน....ว่าจนต่ำต้อยแล

   ๑๓."คนลามก"......หยาบช้า,ทรามปก......ใจรกพกอยากแฉ
"มีเห็นผิด....จิตยึดส่วนสุด"แท้....ยึดความคิด....มั่นจิตตนแน่วเลย
พุทธ์องค์ตรัส......แต่ละอย่างชัด.....จะมัดคนเศร้าเผย
แล้วตรัสเสริม....เผดิมชัง,ชั่วเอ่ย....จะเป็นเศร้า.....หมองเจ่าเคล้าหรือไร

   ๑๔.นิโครธรับ......เป็นความเศร้าฉับ.....และอับจนยิ่งไส
ผู้บำเพ็ญ....อาจเป็นทุกข้อไกล....มิต้องกล่าว....ว่าสาวข้อเดียวเลย
มิมีใคร.......รอดเศร้าหมองได้.......แต่ไร้เศร้าห่อนเปรย
ทรงแสดง....แถลงบำเพ็ญเผย....บริสุทธิ์....ก็รุดตรงข้ามกัน

   ๑๕.นิโครธคิด.....เกลียดชัง,ชั่วจิต....ทำกิจบำเพ็ญสรรค์
พุทธ์องค์ตรัส.....ไม่จัดแก่นสารครัน....ไม่ถึงยอด....แค่จอดสะเก็ดเอง
นิโครธขอ......พุทธ์เจ้าแจงต่อ.....แบบก่อตบะยอดเผง
พระองค์แจง....แสดง"นิวร"เร่ง....สี่ประการ....จะขานควา มยอดดี

   ๑๖."ไม่ฆ่าสัตว์".......ไม่วานฆ่าซัด......แจ่มชัดไม่ปลื้มคลี่
"ไม่ลักทรัพย์"....มิขับใครลักปรี่....ไม่ยินดี....เมื่อมีผู้ลักไป
"ไม่พูดปด".......ไม่ใช้ใครจด......ผู้คดมิเปรมไส
"ไม่เสพกาม".....มิตามใครเสพไว....ไม่ยินดี....ครามีผู้เสพเอย

   ๑๗.แล้วทรงแจง.....เสพ"เสนาสน์ฯ"แจ้ง.....มิแคลงที่อยู่เผย
เป็นที่สงัด....ขจัดนิวรณ์เอย....มีห้าอย่าง....เพื่อพรางจิตเศร้าคลาย
"อภิชฌา"......ลดอยากได้นา......"พยาบาท"ปองร้าย
"ถีน์มิทธะฯ"....พานปะหดหู่กราย...."อุทธัจจ์"พลุ่ง....เกิดฟุ้งซ่านหทัย

   ๑๘."วิจิกิจฯ"......ลังเลใจคิด......เกิดจิตนึกสงสัย
พุทธ์องค์ตรัส....ละตัดนิวรณ์ได้.....จิตเศร้าหมอง.....ลดตรองด้วยปัญญา
"พรหมวิหาร"......ธรรมสี่เจริญขาน.......แผ่ซ่านทุกทิศหนา
ทรงถามว่า.....ทำกล้าเยี่ยงนี้....บริสุทธิ์หรือ....ตอบครือสาระแล

   ๑๙.พุทธ์องค์ตอบ.....เป็นสาระยอบ.......แค่ขอบเปลือกแท้แน่
นิโครธขอ.....ทรงคลอวิธีแจง....บำเพ็ญตบะ.....ที่จะถึงยอดแกน
ทรงแจงวน.......กระทำข้างต้น.....แจ้งผลที่ได้แทน
คือระลึก.....และตรึกชาติได้แม่น....แต่หนึ่งชาติ....มิพลาดแสน,กัปป์เอย

   ๒๐.แล้วทรงตรัส.......แค่กระพี้ชัด......ยังปัดหาใช่เผย
ทรงแสดงต่อ....จะจ่อ"ทิพย์จักษ์ฯ"เอย....บำเพ็ญนี้....ถึงรี่ยอดแก่นไว
แรกนิโครธ......ถามสอนธรรมโจษ......ใดโลดแก่ศิษย์ไข
ทรงตอบแล้ว....ให้แน่วปลอดโปร่งใจ....พฤติพรหมจรรย์....ต้นสรรค์ได้งามยล

   ๒๑.พุทธ์เจ้าตรัส......เสริมศิษย์ถึงชัด.....ฐานคัดเลิศล้ำผล
ประณีตกว่า....ยิ่งกล้ากว่าที่ก่น....พราหมณ์หลายแปลก....แต่แรกมิรู้เลย
ยังมีใด......เหนือทิพย์จักษ์ใส.....สูงไกลกว่านี้เผย
สันธานฯทูล....ความพูนนิโครธเอ่ย....ติพุทธ์องค์....แต่คงนิ่งเงียบงัน


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา)

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #49 เมื่อ: 11, กุมภาพันธ์, 2568, 08:30:16 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๓/๓) ๒๓.อุทุมพริกสูตร

   ๒๒.ทรงตรัสถาม......นิโครธจริงตาม......กล่าวลามหรือไรกัน
นิโครธตอบ....จริงนอบขออภัยพลัน....พุทธ์องค์บ่ง....ขอจงตอบจริงใจ
นักบวชเก่า......กล่าวพุทธ์เจ้าเล่า......อดีตเขาพูดแก่นไร้
ส่งเสียงดัง....หรือตั้งอยู่เงียบไซร้....นิโครธรับ....สดับยินมาก่อนกาล

   ๒๓.อดีตรู้.....พุทธ์เจ้าเลือกอยู่.....ที่ชูสงบเงียบขาน
เหมือนกาลนี้....ทรงชี้สรุปพาน....อดีตนักบวช....จะชวดรู้กิจเอย
พุทธ์เจ้าครัน......"ตรัสรู้แล้ว"พลัน.....กระชั้นแจงธรรมเผย
"ฝึกองค์แล้ว"....จึงแกล้วสอนศิษย์เปรย....ให้ฝึกตน....ธรรมล้นที่สอนตรง

   ๒๔.พุทธเจ้า......"สงบระงับ"เพรา.....ธรรมเอามาสอนบ่ง
"ทรงข้ามพ้น"....แบะด้นไกลยะยง....แจ้งธรรมศิษย์....เพื่อจิตพ้นตามไว
"ทรงดับเย็น"......แล้วจากบำเพ็ญ.....แจงเด่นธรรมศิษย์ไข
นิโครธขอ....อภัยจ่อครั้งสองไป....พุทธ์องค์ชาญ....ประทานอภัยปลง

   ๒๕.พระพุทธ์เจ้า......แจงทางลุธรรมเป้า......ชี้เฝ้าเจ็ดปีส่ง
ถึงเจ็ดวัน.....ตรัสยันมิหวังตรง....ให้นิโครธ.....มาโลดเป็นศิษย์เลย
ไม่ต้องเลิก......เป็นนักบวชเพิก......คงเกริกชีพเดิมเฉย
ไม่ต้องการ....ให้พานอกุศลเอย....ทรงแจงธรรม....กระทำตัดเลสไป

   ๒๖.ต้องการให้......คงกุศลธรรมไว้......ทำไซร้มากขึ้นไกล
อกุศล....ให้ยลทางละไว....ธรรมผ่องแผ้ว....จะแน่วเกิดปัญญา
ทำบริบูรณ์......ก่อปัญญายิ่งพูน......อาดูลย์กับธรรมหนา
ทรงตรัสเตือน....อย่าเชือนนิโครธนา....รีบแจรง....แจ่มแจ้ง,พิบูลย์เทอญ ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ ทีฆนิกาย ปาฏิกวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๔๕- ๓๔๘

คิชฌกูฏ=เขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์
สันธานฯ=สันธานคฤหบดี เป็นผู้มีบริวารมา เป็นอนาคามีบุคคล  พระอริยบุคคลชั้นที่ ๓ รองลงมาจากพระอรหันต์ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสรรเสริญว่าประกอบด้วยคุณธรรม ๖ อย่าง คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์อย่างไม่หวั่นไหว,มีศีลอันประเสริฐ,มีญาณความรู้อันประเสริฐ,มีวิมุติความหลุดพ้นอันประเสริฐ
นิโครธฯ=นิโครธปริพพาชก เป็นนักบวชนอกศาสนา
ดิรัจฯ=ดิรัจฉานกถา คือกล่าาเป็นเรื่องภายนอกของสมณะ
อัญญ์เดียรถีย์ฯ=อัญญเดียรถีย์ปริพพาชก คือนักบวชลัทธิอื่น
โคดม=พระโคดมพุทธเจ้า ในกาลปัจจุบันนี้
เสนาสน์ฯ=เสนาสนะ ที่อยู่อันเงียบสงบ
ทิพย์จักษ์ฯ=ทิพยจักษุ คือหูทิพย์ แม้ระยะไกลก็ได้ยิน
บำเพ็ญตบะ=ตโปชิคุจฉาวาทะ คือใช้ความเกลียดชังความชั่วโดยใช้ตบะเพียรอยู่ ตามลัทธิ เช่น เปลือยกาย,ยืนถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ,กินอาหารเลียมือที่เลอะเทอะแทนการล้าง เป็นต้น
สังวร =ความสังวร ๔ ประการ ที่จะให้บำเพ็ญตบะสูงสุด คือ ๑)ไม่ฆ่าสัตว์,ไม่ใช้ให้ใครฆ่า,ไม่ยินดีต่อผู้ฆ่า ๒)ไม่ลักทรัพย์,ไม่ใช้ให้ลัก,ไม่ยินดีต่อผู้ลัก ๓)ไม่พูดปด,ไม่ใช้ให้พูดปด,ไม่ยินดีต่อผู้พูดปด ๔)ไม่เสพกามคุณ,ไม่ใช้ให้ผู้อื่นเสพ,ไม่ยินดีต่อผู้เสพ
นิวรณ์ ๕=คือเครื่องขัดขวางการทำสมาธิ ต้องขจัดออกไป ได้แก่ ๑)อภิชฌา-ความอยาก ๒)พยาบาท-การปองร้าย ๓)ถีนะมิทธะ-ความหดหู่ ๔)อุทธัจจกุกกุจจะ-ความฟุ่งซ่าน ๕)วิจิกิจฉา-ความลังเล สงสัย
พรหมวิหาร ๔=เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ดำรงชีพประเสริฐดั่งพรหม เป็นแนวของผู้ปกครองและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ๑)เมตตา-รักใคร่อยากให้เขามรสุข ๒)กรุณา-สงสารคิดช่วยให้พ้นทุกข์ ๓)มุทิตา-ความยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นมีสุข ยินดีขอให้เจริญยิ่งขึ้นไป ๔)อุเบกขา-วางใจเป็นกลางไม่เอนเอียงด้วยรัก,ชัง  พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทำแล้วควรได้รับผลดี,ชั่ว สมควรแก่เหตุ แล้ววางใจมองเฉย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ข้าวหอม

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #50 เมื่อ: 12, กุมภาพันธ์, 2568, 09:06:18 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

ประมวลธรรม : ๒๔.จักกวัตติสูตรสูตร(สูตรว่าด้วยพระเจ้าจักรพรรดิ์)

กาพย์มหาตุรงคธาวี

   ๑.พุทธ์เจ้ามา......ณ "มาตุลาฯ"......แคว้นกล้า"มคธ"ปาน
ทรงตรัสตริ....สติปัฏฐาน....พิจารณ์ย่อย....เรื่องช้อยสติสี่เอย
"กายในกาย"......ลมหายใจกราย......อีกหลายสกปรกเผย
"เวทนา"รู้....ตรึกอยู่มองเอย....เก้าอารมณ์...."สุข"อม"ทุกข์,เฉยเฉย"ตรง

   ๒."จิตในจิต"........สิบหกอย่างคิด.......เช่นติดโลภ,โกรธบ่ง
"ธรรมในธรรม"....พิศซ้ำขันธ์ปลง....นิวรณ์ตริ....อริยสัจจ์สี่จริง
ตรัสเพิ่มว่า.......แก้วเจ็ดอย่างหนา......ราชา"ทัฬหะฯ"ใหญ่ยิ่ง
จักร,ม้า,ช้าง....มณีพร่างอิง....นางแก้วน้อม....พาพร้อมขุนคลัง,ขุนพล

   ๓.ทัฬหะฯเตือน......คอยดูจักรเคลื่อน......อย่าเชือนรีบมาบอกผล
จักรเคลื่อนแล้ว....ทรงแน่วบวชด้น....ฤษีนา....ตั้งราชาใหม่ครองเมือง
บวชเจ็ดวัน......จักรก็หายพลัน......แล้วครันราชาเศร้าเนือง
เสด็จปรี่....หาฤษีทูลเรื่อง....ราชฤษีปลอบ....จักรมอบกันมิได้เลย

   ๔.ราชฤษีแจง......บำเพ็ญ"จักก์ฯ"แกร่ง......กิจแห่งจักรพรรดิ์เผย
สามอย่างนบ...."เคารพธรรม"เอ่ย....คุ้มคน,สัตว์....มอบชัดความเป็นธรรมคง
ไม่ยอมให้......"พฤติอธรรม"ได้......ที่ในเมืองนี้ได้เลยบ่ง
"มอบทรัพย์ให้"....คนไซร้ยากตรง....เพิ่มทุนชอบ....ประกอบอาชีพต่อไป

   ๕."หาพราหมณ์คัด".......กอปรขันติชัด.......โสรัจจะสงบไข
พบถามผล.....กุศลสิ่งไหน....อกุศล.....โทษด้นมีโทษ,ไม่มี
สิ่งเสพควร.......หรือไม่ควรล้วน........รู้ถ้วนปัญญาคลี่
ใดทำแล้ว....ก็แคล้วคุณหนี....ตนเกิดทุกข์....จองบุกวิโยคชั่วกาล

   ๖.สิ่งใดทำ......ได้ประโยชน์ล้ำ......กระหน่ำสุขเนิ่นนาน
ฟังแล้วดิ่ง....จับสิ่งดีกราน....ตามพฤติชัด....คือวัตรประเสริฐราชา
ราชบุตรแน่ว......กระทำตามแล้ว.......จักรแก้วบังเกิดหนา
ราชาหมุน....จักรหมุนทางขวา....กล่าวเสริญจักร....เจริญนักอวยชัยพร

   ๗.เสด็จยกทัพ......กรายสี่ทิศนับ......ชัยฉับทุกทิศจร
แนะราชา....เหล่ากล้าพฤติวอน....ศีลห้าตรอง....แล้วครองเมืองต่อไปเอย
จักร์พรรดิ์องค์......ที่สอง-เจ็ดทรง......ทำยงเยี่ยงนี้เผย
องค์ที่เจ็ด....ทรงเด็ดบวชเอย....จักรหายไป....อมาตย์ไซร้แนะวัตรนำ

   ๘.ราชาองค์......ที่แปดมิทรง......จัดตรงแจกทรัพย์ซ้ำ
ยากไร้เพิ่ม....คนเริ่มลักหนา....จับไต่สวน....ทราบรวนไร้อาชีพจริง
ประทานเงิน......กอปรอาชีพเกริ่น......เลี้ยงเยิ่นครอบครัวยิ่ง
กาลต่อมา....คนพาเพิ่มดิ่ง....ราชาทรง....แจกคงทรัพย์อย่างเดิม

   ๙.เกิดข่าวลือ......ใครลักทรัพย์ยื้อ.....ได้ครือทรัพย์แทนเสริม
ราชาคิด....ให้สิทธิ์จะเหิม....จักเพิ่มมาก....จับถากโกนหัวประจาน
แล้วตัดหัว......ชนก็มิกลัว......สร้างตัวอาวุธผลาญ
ลักทรัพย์ใคร....ก็ไซร้ฆ่าราน....เกิดการปล้น....ทุกหนระแหงทั่วเมือง

   ๑๐.ไม่ให้ทรัพย์......แก่ผู้ยากนับ.......เท่ากับลักกระเดื่อง
ศัตรามาก....ฆ่ากรากนองเนือง....อายุสัตว์....และชัดผิวพรรณเสื่อมลง
อายุคน......"แปดหมื่นปี"ผล......บุตรดลเหลือครึ่งบ่ง
ลดเรื่อยเรื่อย....ชั่วเปลือยมากคง....เช่น"เท็จ"ก่อ....พูด"ส่อเสียด",ผิดในกาม


รายนามผู้เยี่ยมชม : ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม, ลิตเติลเกิร์ล

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #51 เมื่อ: 13, กุมภาพันธ์, 2568, 08:17:03 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้าค่า ๒/๔) ๒๔.จักกวัตติสูตร

   ๑๑.อายุลด......เหลือ"ห้าพัน"จด......ธรรมคดเพิ่มสองผลาม
"พูดคำหยาบ"....อีกฉาบ"เพ้อ"ลาม....อายุครัน....สองพันห้าร้อยปีเอย
อธรรมเพิ่ม......อีกสองอย่างเสริม......"โลภ"เติม"พยาบาท"เผย
อายุดั้น...."หนึ่งพันปี"เอ่ย...."มิจฉาทิฏฐ์ฯ"....เห็นผิดทำนองคลองธรรม

   ๑๒.อายุถอย.....เหลือจด"ห้าร้อย"......ชั่วพลอยเพิ่มสามนำ
"อธัมม์ราค"....จากกำหนัดทำ....ผิดธรรมเกลือก....ไม่เลือกแม่,ป้า,น้า,อา
"วิสมโลภ"......รุนแรงละโมภ......เสพโฉบดุเดือดหนา
"มิจฉาธรรม"....กระทำตนพา....พอใจชัด....กำหนัดในเพศเดียวกัน

   ๑๓.อายุจิ๊บ......"สองร้อยห้าสิบ".......ธรรมกริบกร่อนผกผัน
พฤติไม่ดี....ผู้มีคุณดั้น....พ่อ,แม่,ญาติ....แคล้วคลาดจากพระสงฆ์เอย
ไม่อ่อนน้อม......ญาติในสกุลพร้อม......เลิกค้อมเคารพเผย
อายุ,ผิว....เกิดริ้วเสื่อมเอย....อายุบุตร....เหลือรุดแค่หนึ่งร้อยปี

   ๑๔.อายุบุตร......เหลือ"สิบปี"ผุด......เกิดจุด"มิค์สัญญี"
อายุขัย....ทอนไวลงปรี่....หญิงห้าขวบ....ประจวบมีสามีครัน
รสบางอย่าง......จะหายไปจาง......"เนย"พราง"น้ำผึ้ง"พลัน
"น้ำอ้อย"หรือ....รสครือ"เค็ม"ดั้น...."กุทรุสก์ฯ"เหลือ....แค่เครือเมล็ดพืชเคียง

   ๑๕.กุทรุสก์ฯเป็น......ภัตรอันเลิศเด่น......เหมือนเช่นเนื้อสัตว์เกรียง
ข้าวสาลี....ภัตรดีเหมาะเดี้ยง....สมัยเสื่อมนี้....ไม่มีอาหารอื่นได้
คราเสื่อมจด....."กุศลกรรมบถ"......สิบลดสูญสิ้นไป
"อกุศล"....สิบดลเรืองไว...."กุศล"คำ....มิพร่ำหรือได้ยินยล

   ๑๖.ผู้พฤติรี่......กุศลมิมี......จึงหรี่สิ้นเชิงผล
ปฏิบัติ....มิชัดชอบพ้น....พ่อ,แม่,ญาติ....ก็พลาดพบสงฆ์ใดเปรย
ไม่อ่อนน้อม......เครือญาติเลิกค้อม......ทำพร้อมเหล่านี้เผย
กลับได้รับ....คำนับสรรเสริญเอย....คำเยินยอ....และจ่อบูชามากมาย

   ๑๗.คำเรียกชื่อ......ไม่มีการสื่อ.....เรียกครือพ่อ,แม่หาย
ป้า,น้า,อา....ครูอาจารย์กลาย....โลกเจือปน....เหมือนก่นสัตว์,แพะ,สุกร
มีพยาบาท......ปองร้ายอาฆาต......ฆ่าคาดแรงยากถอน
แม่ต่อบุตร....ลูกรุดแม่รอน....ลูกกับพ่อ....พ่อก่อกับ,ลูก,พี่-น้องครา

   ๑๘.พลันเกิดมี......"สัตถันกัปป์"คลี่......กัปป์ที่ก่อศัตรา
กาลเจ็ดวัน....คิดผันตนหนา...."มิคสัญญ์ฯ"เด่น....ต่างเห็นกันเป็นเนื้อกราย
ถืออาวุธ......เข่นฆ่าฟันซุด......บุกรุดกันถึงตาย
บางพวกปรี่....หลบหนีได้ฉาย....ในป่ารอด....ด้วยยอดผลไม้,เผือก,มัน

   ๑๙.คนรอดตาย......ร่าเริงใจ,กาย......ตั้งหมายกุศลสรรค์
ละเว้นฆ่า....จะพาดีครัน....ทำมากแล้ว....มิแคล้วอายุยืนยง
กระทั่งถึง......."แปดหมื่นปี"พึ่ง......หญิงตรึง"ห้าพัน"บ่ง
จึงจะรี่....สามีได้ตรง....มนุษย์มีโชค....สาม"โรค"ลามเท่านั้นพาน

   ๒๐.โรคสามคือ......"อยากอาหาร"ครือ......จะปรือ"มิอยากอาหาร"
และ"ความแก่"....อยู่แท้เรืองศานต์....ในเมืองชื่อ....เลื่องลือพาราณสีเอย
ชนคลาคล่ำ......"เกตุมตี"ล้ำ.....จดจำเมืองหลวงเผย
"สังขะ"หนา....ราชาครองเกย....ชนะสี่ทิศ....ครองชิดแก้วเจ็ดประการ


รายนามผู้เยี่ยมชม : หยาดฟ้า, ข้าวหอม, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #52 เมื่อ: 14, กุมภาพันธ์, 2568, 09:25:15 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๓/๔) ๒๔.จักกวัตติสูตร

   ๒๑.มนุษย์อายุ......"แปดหมื่นปี"ลุ......เกิดกุพุทธ์เจ้าชาญ
"เมตไตรย"หนา....วิชชาประสาร....จรณะ....มีพะพร้อมบริบูรณ์
โคดมฯตรัส......บริหารชัด......สงฆ์จัดหลักร้อยพูน
แต่เมตไตรย....ทรงไซร้เกื้อกูล....บริหาร....สงฆ์พานหลักพันมากไกล

   ๒๒.สังขะทรง......บวชสำนักบ่ง......ธำรง ณ เมตไตรย
กาลไม่ช้า....ถึงคราลุไสว....อรหันต์....รู้พลันยอดยิ่งตามเอย
โคดมฯตรัส......สอนพึ่งธรรมชัด......เจริญจัด"สติ"เผย
ตามพระองค์....จะคงเจริญเชย....ด้วยอายุ....สุขลุโภคะ,ผิวพรรณ

   ๒๓.พระโคดม......แจ้ง"อิทธิฯ"สม......ลุชมสำเร็จสันต์
มี"ฉันทะ"....รักจะทำพลัน.....ทำเสมอ....ใจเอ่อทำดียิ่งเอย
"วิริยะ"......เพียรกอปรทำดะ.......ธุระไม่ท้อเผย
มี"จิตตะ".....ใจจะมั่นเอย....พร้อมฝักใฝ่....จิตไม่ปล่อยฟุ้งซ่านไกล

   ๒๔."วิมังสะ"......ตรอง,ตรวจสอบปะ.......ปัญญะใช้แก้ไข
วางแผนท้น....วัดผลงานไว....เพื่อปรับปรุง....ผดุงงานดีขึ้นนา
อิทธิบาท......ธรรมสี่เก่งกาจ......มิพลาดสัมฤทธิ์หนา
อายุยง....อยู่คงกัปป์นา....หรือมากกว่า....นั้นพาเท่าที่ต้องการ

   ๒๕.โคดมแสดง......"ปาฏิโมกข์ฯ"แจง......ศีลแกร่งของสงฆ์ขาน
สองสองเจ็ด....ข้อเด็ดรักษ์พาน....จึงพ้นทุกข์....ที่รุกกาย,ใจทันที
โคดมพุทธ์ฯ......ทรงแสดงวุฒิ......ก้าวรุดฌานหนึ่ง-สี่
เพ่งอารมณ์....จิตบ่มแน่วคลี่....ประณีตชุก....เหตุสุขเกิดเพราะสมาธิ์

   ๒๖.แล้วทรงแจง......"พรหมวิหาร"แจ้ง......แถลงครองชีพหนา
แบบอย่างพรหม....ระดม"เมตตา"....อยากให้เขา....สุขเพราเพริศตลอดไป
"กรุณา"......สงสารเขาจ้า.......ช่วยพาพ้นทุกข์ไข
"มุทิตา".....เกิดอ้าดีใจ....เห็นเขาสุข....ก็ปลุกยินดีเบิกบาน

   ๒๗."อุเบกฯ"ส่ง......ใจเป็นกลางบ่ง......เที่ยงตรงรัก-ชังกราน
ใช้ปัญญา....ตรึกพาเสร็จสาน....ทั้งสี่นี้....เหตุรี่มีทรัพย์มากเอย
ทรงแจงผล......"เจโตฯ"หลุดพ้น.......เพราะด้นสมาธิ์เผย
ด้วยอำนาจ....ฉกาจฝึกเอย....ทิ้งราคะ....ใจละกำหนัดยินดี

   ๒๘.ทรงแจงผล......"ปัญญาฯ"หลุดพ้น......ด้วยล้นปัญญาคลี่
เจริญปัญญา....รู้ว่าจิตหนี....อวิชชา....จึงพาจิตรู้ความจริง
กิเลสโข......ตัดสิ้นมิโผล่......เจโตฯและปัญญาฯยิ่ง
ทั้งสองเด่น....จะเป็นเหตุดิ่ง....มีพลัง....เยี่ยมยังทำกิจสมบูรณ์

   ๒๙.ทรงตรัสหยั่ง......ไม่เห็นกำลัง......ไหนสั่งข่มยากทูน
เหมือนพลัง...."มาร"คลั่งวิบูลย์....ยากจะทาน....และต้านอำนาจผจญ
ตรัสประสาร......การสมาทาน......ด้วยกรานธรรมกุศล
ถือมั่นคง....บุญส่งเพิ่มล้น....ภิกษุสงฆ์....ยินบ่งภาษิตชื่นชม ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ ทีฆนิกาย ปาฏิกวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๔๘- ๓๕๒


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #53 เมื่อ: 14, กุมภาพันธ์, 2568, 10:25:35 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 
(ต่อหน้า ๔/๔) ๒๔.จักกวัตติสูตร

สติปัฏฐาน ๔=คือ การตั้งสติพิจารณา กาย,  เวทนา,จิต,ธรรม ทั้งภายในภายนอก
ทัฬหะฯ=ทัฬหเนมิ พระเจ้าจักรพรรดิ์
แก้วเจ็ดอย่าง=รัตน ๗ ประการ คือ ๑)จักรแก้ว(จักกรัตนะ) ๒)ช้างแก้ว(หัตถิรัตนะ) ๓)ม้าแก้ว(อัสสรัตนะ) ๔)แก้มณี(มณีรัตนะ) ๕)นางแก้ว(อิตถีรัตนะ) ๖)ขุนคลังแก้ว(คหปติรัตนะ) ๗)ขุนพลแก้ว(ปริณายกรัตนะ)
จักก์ฯ=จักกวัตติวัตร คือ ข้อปฏิบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ์
มิจฉาทิฏฐ์ฯ=มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดตามทำนองคลองธรรม
อธัมม์ราค=อธมฺมราค คือ ความกำหนัดที่ผิดธรรม
วิสมโลภ= คือ ความโลภที่รุนแรง
มิจฉาธรรม= คือ ธรรมะที่ผิดความกำหนัดพึงใจกันระหว่าง ชายกับชาย หญิงกับหญิง
มิคค์สัญญี=มิคคสัญญี คือยุคที่ผู้คนฆ่าฟันกัน เพราะต่างฝ่ายต่างมองว่าผู้อื่นเป็นสัตว์ซึ่งต้องล่า คือไม่เห็นว่าผู้อื่นเป็นคน เมื่อต่างฝ่ายต่างมองแบบเดียวกัน จึงเกิดการฆ่าฟันโดยไม่ปรานีต่อกัน ผู้คนจึงล้มตายเป็นจำนวนมาก
กุทรุสก์ฯ=กุทรุสกะ คือ ชื่อเมล็ดพืชชนิดหนึ่ง
กุศลกรรมบท ๑๐=ทางแห่งกุศลแยกทางกายกรรม : ๑)ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทำลายชีวิตของผู้อื่น ๒)ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมย หรือยึดทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน ๓)ไม่ประพฤติผิดในกาม; ทางวจีกรรม ๔)ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก ๕) ไม่พูดส่อเสียด ๖)ไม่พูดคำหยาบคาย ๗)ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ; ทางมโนกรรม ๘)ไม่โลภคิดอยากได้ของคนอื่น ๙)ไม่พยาบาท หรือปองร้ายผู้อื่น
๑๐)มีความเห็นชอบตามคลองธรรม
อกุศลกรรมบท ๑๐=ทางแห่งอกุศลกรรม, ทางทำความชั่ว, กรรมชั่วอันเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์ หรือทุคติ
มีการกระทำทางกาย: ๑)ปาณาติบาต -การทำชีวิตให้ตกล่วง, ปลงชีวิต ๒)อทินนาทาน -การถือเอาของที่เขามิได้ให้ โดยอาการขโมย, ลักทรัพย์ ๓)กาเมสุมิจฉาจาร -ความประพฤติผิดในกาม; การกระทำทางวาจา ๔)มุสาวาท -การพูดเท็จ ๕)ปิสุณาวาจา -วาจาส่อเสียด ๖)ผรุสวาจา -วาจาหยาบ ๗)สัมผัปปลาปะ -คำพูดเพ้อเจ้อ; การกระทำทางใจ ๘)อภิชฌา -เพ่งเล็งอยากได้ของเขา ๙)พยาบาท-คิดร้ายผู้อื่น ๑๐)มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม
กัลป์,กัปป์=กำหนดอายุของโลก ระยะเวลาตั้งแต่กำเนิดของโลกจนโลกสลาย  อุปมาเปรียบเหมือนมีภูเขาศิลาล้วน กว้าง ยาว สูง ด้านละ ๑ โยชน์ ทุก ๑๐๐ ปี มีคนนำผ้าเนื้อละเอียดอย่างดีมาลูบครั้งหนึ่ง จนกว่าภูเขานั้นจะสึกหรอสิ้นไป  แต่กัปปหนึ่งยาวนานกว่านั้น
สัตถันกัปป์ฯ=สัตถันตรกัปป์ คือ กัปป์ที่อยู่ในระหว่างศัตรา ๗ วัน เป็นอันตรกัปป์ที่พินาศในระหว่างที่โลกยังไม่ถึงสังสารวัฏฏกัปป์ ก็พินาศด้วยศัตราวุธเสียก่อน
อันตรกัปป์=มี ๓ อย่าง ๑)ทุพภิกขันตรกัปป์ คือ กัปป์พินาศในระหว่างอดอาหาร ๒)โรคันทรกัปป์ คือ กัปป์พินาศในระหว่างเพราะโรค ๓)สัตถันตรกัปป์ คือกัปป์พินาศในระหว่างศัตรา
ทั้งนี้เป็นผลแห่งกรรมชั่วของมนุษย์ คือ ถ้าโลภจัด ก็พินาศเพราะอดอาหาร,หลงจัด ก็พินาศเพราะโรค,ถ้าโทสะจัดก็พินาศด้วยศัตรา
มิคสัญญ์ฯ=มิคสัญญา คือ ความสำคัญในกันและกันว่าเป็นเนื้อ
เกตุมตีฯ=เกตุมตี ราชธานี ของกรุงพาราณสี
สังขะ=พระเจ้าจักรพรรดิ์สังขะ
เมตไตรย=ว่าที่ พระเมตไตรยพุทธเจ้า จะมาตรัสรู้ในกาลถัดจากพระโคดมพุทธเจ้า
วิชชา=ความรู้แจ้งในอริยสัจจ์ ๔
จรณะ=ที่พึ่ง
อวิชชา=ความไม่รู้แจ้งในอริยสัจจ์ ๔
โคดมฯ=พระโคดมพุทธเจ้า ในกาลปัจจุบัน
อิทธิฯ=อิทธิบาท ๔ คือ คุณให้บรรลุความสำเร็จ มี ๑)ฉันทะ -ใฝ่ใจในสิ่งนั้นอยู่เสมอ ๒)วิริยะ -ทำสิ่งนั้นด้วยความเพียร อดทน เอาธุระไม่ถอย ๓)จิตตะ-ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ ไม่ปล่อยใจฟุ้งซ่าน ๔)วิมังสา-ความไตร่ตรอง หมั่นใช้ปัญญาหาเหตุผล ตรวจสอบข้อด้อย มีการวางแผน วัดผล แก้ไข
ปาฏิโมกข์ฯ=ปาฏิโมกข์สังวรศีล คือ การสำรวมระวังในศีลปาฏิโมกข์ของสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ
ฌาน=คือ ภาวะที่จิตสงบจากการเพ่งอารมณ์เป็นสมาธิ แบ่งหนึ่ง-สี่ คือ ๑)ฌานหนึ่ง หรือปฐมยาม มีวิตก(ความตรึก),วิจาร(ความตรอง) และปีติ ความอิ่มใจ ๒)ฌานที่สอง หรือทุติยฌาน ซึ่ง วิตกและ วิจาร  สงบระงับ เหลือแต่ ปีติ ๓)ฌานสาม หรือตติยฌาน  มีปีติ(ความอิ่มใจ) สงบระงับ ๔)ฌานสี่หรือ จตุตถฌาน มีอุเบกขา ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
มาร=คือสิ่งใดๆที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดี แบ่งได้  ๑)กิเลสมาร-ขัดขวางไม่ให้ทำความดี เช่น นิวรณ์ ๕. ๒)ขันธมาร-คือขันธ์ที่บกพร่องผลาญตัวเอง เช่น อยากฟังธรรมแต่หูหนวก  ๓)อภิสังขารมาร-คือความคิดนึกประกอบกับอารมณ์เป็นมาร เป็นตัวปรุงแต่งกรรมทำให้เกิด ชาติ ชรา มรณา  ขัดขวางมิให้หลุดจากทุกข์ในสังสารวัฏ ๔)เทวปุตตมาร-เทวดาที่เป็นมาร คือท้าว ววสวัตดี จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัตดี ๕)มัจจุมาร-คือความตายที่ตัดโอกาสทำความดีของตนเอง


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #54 เมื่อ: 15, กุมภาพันธ์, 2568, 04:49:49 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

ประมวลธรรม : ๒๕.อัคคัญญสูตรสูตร(สูตรว่าด้วยสิ่งที่เลิศ หรือที่เป็นต้นเดิม)

กาพย์กากคติ

   ๑.พระพุทธเจ้า......ประทับยะเหย้า......ณ "บุพพะราม"
ของวิสาขา....ใกล้"สาวัตฯ"คาม....มีสาม์เณรตาม....มาบวชสองคน
"วาเสฏฯ,ภารัทฯ"......อยากบวชสงฆ์ชัด......ทูลดำริตน
พุทธ์องค์ทรงถาม....เป็นพราหมณ์อยู่ก่น....หัวหน้าไม่บ่น....ด่าว่าหรือไร

   ๒.ผิเณรก็ตอบ.......จะด่ามิชอบ......สิตรัสวะไข
ทูลว่าพราหมณ์เลิศ...."ขาว"เทิดกว่าไผ....อื่น"ดำ"เลวไซร้....ล้วนมีมลทิน
บุตรพรหมกำเนิด......จากปากพรหมเจิด.....พรหมทายาทปิ่น
เณรทิ้งเผ่ายิ่ง....แล้วดิ่งลงผิน....สู่พวกเลวยิน....โกนหัวโล้นเอย

   ๓.ก็ศีรษะโล้น......เจาะไพร่ทะโมน......สิ"ดำ"และเผย
เกิดจากเท้าพรหม....ไม่สมควรเกย....ไม่ดีงามเลย....ไปบวชเรียนตรง
พุทธ์เจ้าทรงตอบ......คำกล่าวไม่ชอบ......ด้วยลืมพลอยหลง
เกิดจากพราหมณี....แท้ทีเดียวบ่ง....ไม่ใช่ปากคง....ตู่พูดเท็จเทียว

   ๔.และทรงตริคลี่......มนุษย์สิสี่......ก็วรรณะเชียว
ทั้งผองทำ"ดี"...."ชั่ว"ปรี่เช่นเดียว....เหมือนกันเลยเจียว....ไม่แตกต่างกัน
ทรงกล่าว"ปาเสนฯ"......ราชายิ่งเด่น......นบ"โคดม"ครัน
ด้วยความเคารพ.....พราหมณ์จบด้วยสรร....พวก"ดำ"ไพร่ดั้น....ดูถูกไพร่วงศ์

   ๕.พระพุทธเจ้า.......ตริหลักและเร้า.......กะศิษย์ผจง
ถ้าคนถามว่า....ใครนาตอบบ่ง.....เป็นสงฆ์"ศากย์ฯ"ตรง....บุตรของ"สัมมาฯ"
ผู้เกิดจากธรรม....ธรรม์ทายาทนำ......รับสืบทอดหนา
คำ"ธัมม์กาย"ฉาย...."พรหมกาย"ผู้กล้า...."เป็นธรรม,พรหม"นา....คือชื่อ"เรา"เอง

   ๖.ก็พุทธองค์......ซิตรัสและบ่ง.....เจาะโลกะเผง
เวียนถูกทำลาย....สัตว์หลายเกิดเด้ง....สู่"อาภัสส์ฯ"เร่ง....เป็นพรหมล่องลอย
คราโลกกลับมี......สัตว์ใหม่เกิดคลี่......เกิดจาก"ใจ"ช้อย
มีปีติเป็น....ดังเช่นภัตรคอย....อำนาจฌานปล่อย....แสงจ้าจนชิน

   ๗.อุบัติปฐม.......ก็ภัตรนิยม........สิโอชะ"ดิน"
เรียก"ง้วนดิน"มี....ทั้งสี,กลิ่นกิน....รสแซ่บซ่าจินต์....เพลินกินแสงวาย
เกิดอาทิตย์,จันทร์.......พร้อมดาวมากครัน.......มีคืนวันฉาย
มีเดือน,ปีถ้วน....กินง้วนดินพราย....เกิดความหยาบกาย....เห็นผิวพรรณทราม

   ๘.ผิผิวขจี........จะหมิ่นทวี.......วะหยาบมิงาม
ด้วยถือตัวหมิ่น....ง้วนดินหายผลาม....บ่นเสียดายลาม....เกิด"สะเก็ดดิน"แทน
มีสี,กลิ่น,รส.......เป็นอาหารจด.......กายหยาบขึ้นแสน
ดูหมิ่นกายเอ็ด....สะเก็ดดินหายแม่น....เกิด"เถาไม้"แล่น....กลิ่น,รสสมบูรณ์

   ๙.สิพรรณะทราม......กุหมิ่นซิลาม......และเถาก็สูญ
เกิด"ข้าวสาลี"....ไม่มีเปลือกนูน....กลิ่นหอมมากพูน....ข้าวสุกกินไว
ไร้แกลบ,รำเน้น......ข้าวเก็บตอนเย็น.....เช้าแก่เก็บได้
ความหยาบร่างกาย....ขยายผิวพรรณไหว....ทรามมากขึ้นไซร้.....รูปกายเปลี่ยนแปลง

   ๑๐.กุเกิดยะยิ่ง.......ก็ชายและหญิง.....ริเพ่งมิแฝง
กำหนัดเร่าร้อน....ช้อนเมถุนแกร่ง....ต่อหน้าคนแรง....ไม่ได้ปิดบัง
น่ารังเกียจหนา......ถูกเขาขว้างปา......ว่า"อธรรม"เลว,ชัง
ครานี้คิดเป็น...."ธรรม"เด่นปลูกฝัง....สร้างบ้านอยู่ดั่ง....ปิดซุกซ่อนเอย


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ข้าวหอม, ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #55 เมื่อ: 15, กุมภาพันธ์, 2568, 07:10:34 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร

(ต่อหน้า ๒/๓) ๒๕.อัคคัญญสูตร

๑๑.เสาะแผนสะสม......กะข้าวระดม......สิมากและเผย
ด้วยขี้เกียจสาว....เอาข้าวบ่อยเคย....เช้า-เย็นลดเลย....เหลือแค่ครั้งเดียว
เอาข้าวหนหนึ่ง......ใช้อีกสองถึง.......สี่,แปดวันเจียว
เมื่อเพิ่มเก็บไว....ข้าวไร้ผลเรียว....ไม่งอกอีกเชียว....ภัตรจึงเสื่อมครัน

   ๑๒.มนุษย์ประชุม......ริแก้เจาะกลุ่ม......ก็แบ่งและสรร
ที่ปลูกข้าวพราย....เป็นรายคนพลัน....การจัดการมั่น....ข้าวน่าเพียงพอ
แล้วเกิดอกุศล......เก็บรักษ์ส่วนตน.....ขโมยข้าวไม่ขอ
จึงถูกลงโทษ.....ปราบโฉดตบจ่อ....ขว้างก้อนหินล่อ....ตีด้วยไม้พลอง

   ๑๓.สิพูดและหา.......เสาะดู"ตุลาฯ".......ติเตียนและมอง
หาผู้ลักทรัพย์....แล้วขับออกตรอง....หาคนปกครอง....แบ่งข้าวให้เลย
คัดเลือกหัวหน้า.......มีศักดิ์ใหญ่นา.......ไล่คนผิดเผย
ตั้งเป็นราชา....ก่อพาสุขเอย....อิ่มใจชนเอ่ย....ตั้งแต่นั่นมา

   ๑๔.กษัตริย์อุบัติ.......กะกลุ่มซิชัด......ก็คุ้นสิหนา
มาทำหน้าที่.....ช่วยคลี่คลายนา....แก้ไขปัญหา....ปรับให้รุ่งเรือง
คนเสมอกัน......ไม่แตกต่างผัน.......เกิดด้วย"ธรรม"เปรื่อง
ไม่เกิดด้วย"อธรรม"....ธรรมนำกระเดื่อง.....ในหมู่ชนเนือง....กาลนี้,หน้ายล

   ๑๕.ก็ผู้ลิบาป.......อธรรมมิซาบ......ละเรือนลุด้น
เรียก"พราหมณ์ผู้ลอย....บาป"จ้อยทิ้งรน....อยู่กุฎีตน....สร้างด้วยหญ้ามุง
เพ่งในกุฎี......เรียก"ฌายกะ"ชี้.......ผู้เพ่งผดุง
แต่งตำราเดช..."พระเวท"สอนปรุง....ให้สวดมนต์มุ่ง....ท่องบ่นจำเอย

   ๑๖.ก็คนสิกล่าว......ละเพ่งซิฉาว.........มิทำละเลย
เรียกกันใหม่ว่า....."อัชฌาย์ฯ"แปลเอ่ย....สาธยาย,เผย.....เริ่มวรรณะพราหมณ์
อีกกลุ่มล่าสัตว์.......เป็นอาชีพชัด.......เสพเมถุนลาม
วรรณะ"ศูทร"แล....แน่แปล"พราน"ตาม....งานเล็ก,น้อยความ.....รับใช้,คนงาน

   ๑๗.ผิกลุ่มกระทำ......สิงานลุล้ำ......ประโยชน์จะขาน
วรรณะ"แพศย์"ดั้น....สำคัญยิ่งงาน....เศรษฐกิจกราน....อยู่ในมือเลย
พุทธ์องค์ตรัสย่อ......กษัตริย์,พราหมณ์จ่อ.......รวมแพศย์,ศูทรเอ่ย
เกิดจากกลุ่มนั้น.....ไม่ผันไกลเลย....ไม่ใช่อื่นเผย....เป็นพวกเดียวเพรา

   ๑๘.ซิเขาอุบัติ......นรีชะงัด.......เสมอและเท่า
ความไม่เสมอ.....ไม่เจอกลุ่มเขา.....เกิดโดยธรรมเกลา....ไม่เกิดโดยอธรรม
แบ่งวรรณะนี้......เรียกแบ่งหน้าที่.......ด้วยเต็มใจหนำ
ไม่มีผู้ใด....ยิ่งใหญ่กว่านำ....ควรลดหมิ่นทำ....ถือตัวลดลง

   ๑๙.ตริตรัสซิต่อ......นราก็จ่อ.....ผนวชซิบ่ง
"สมณ์มณฑล"เกิด....เทิดสม์ณะตรง....ล้วนมาจากพงศ์.....สี่วรรณะแล
จากพวกเดียวกัน.....เกิดเท่าเทียมครัน......ไม่ควรหมิ่นแท้
พราหมณ์เหยียดสม์ณะ....ต้องละทิ้งแช.....ไม่มีใครแน่....สูง,ต่ำกว่ากัน

   ๒๐.ผิตรัสและชี้.......ก็วรรณะสี่......ประพฤติกระชั้น
ชั่วทั้งใจพา....กาย,วาจาผัน....เห็นผิดตายพลัน....ก้าวสู่"อบาย"
ตรงข้ามพฤติดี........เกิดเห็นชอบคลี่......ถึงแดนสรวงกราย
ทำทั้งดี,ชั่ว.....ทำตัวสุขฉาย....ทั้งทุกข์ใจ,กาย....เท่าเท่ากันเลย

   ๒๑.พระองค์สิชี้......ก็วรรณะสี่......ผิพฤติซิเคย
สำรวมกายนา.....วาจา,ใจเผย....สู่"โพธิ์ปักฯ"เปรย....ทั้งเจ็ดประการ
ถึงอรหันต์........ณ ปัจจุบัน......ผู้สำเร็จงาน
จากวรรณะใด.....นับไซร้เยี่ยมปาน....เสร็จโดยธรรมสาน....ไม่ใช่อธรรมแล


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า, ต้นฝ้าย, คิดถึงเสมอ, ขวัญฤทัย (กุ้งนา)

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #56 เมื่อ: 16, กุมภาพันธ์, 2568, 11:05:13 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
(ต่อหน้า ๓/๓) ๒๕.อัคคญญสูตร

   ๒๒.สรุปซิตรัส......พระธรรมจะวัด......ประเสริฐสิแฉ
สู่หมู่ชนชัด....ปัจจุบันแน่....อนาคตแท้.....เป็นจริงแน่นอน
ทรงยกภาษิต......"สนังกุมาร"คิด......เหมือนพระองค์สอน
หมู่วรรณะหนา....ราชากระฉ่อน.....ผู้เลิศล้ำพร....เหนือกว่ากลุ่มใด

   ๒๓.ตะวิทยา........ประพฤติลุหล้า......วิเศษชไม
ใครมีความรู้....และชูพฤติไสว....ยอดเยี่ยมสุดไกล.....เหนือคน,เทวา
พิเศษไม่มี.......เหล่าวรรณะสี่......พวกเดียวกันหนา
ความเข้าใจผิด....คิดเหยียดกันพา....หลงตนหมิ่นว่า....ดูถูกกันเอง ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ ทีฆนิกาย ปาฏิกวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๕๒-๓๕๕

บุพพะราม=บุพพาราม ที่ตั้งปราสาท ของ นางวิสาขา
สาวัตฯ=กรุงสาวัตถี
วาเสฏฯ=วาเสฏฐะ คือชื่อของสามเณร เดิมนับถือศาสนาอื่น
ภารัทฯ=ภารัทวาชะ คือชื่อของสามเณร  ทั้งวาเสฏฐะและภารัทวาชะนั้นเป็นพราหมณ์ในกรุงเวสาลี ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน วาเสฏฐะนั้นเป็นศิษย์ของ โปกขรสาติพราหมณ์ ส่วนภารัทวาชะเป็นศิษย์ของตารุกขพราหมณ์
ปาเสนฯ=พระเจ้าปเสนทิโกศล
โคดม=พระโคดมพุทธเจ้า ในกาลปัจจุบัน
ศากย์ฯ=ศากยบุตร หรือ สักยปุตตะ หมายถึงพระพุทธเจ้า โดยใจความ คือ ผู้เป็นลูกพระพุทธเจ้า ได้แก่พระภิกษุ (ภิกษุณีเรียกว่า สักยธิดา)
สัมมาฯ=พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นชื่อเรียกพระพุทธเจ้า เข่นเดียวกับชื่อ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ธรรม์ทายาท=ธรรมทายาท แปลว่า ผู้รับมรดกธรรม
ธัมม์กาย=ธัมมกาย(กายธรรม) ผู้มีธรรมเป็นกาย เป็นพระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า หมายความว่า พระองค์ทรงคิดพุทธพจน์คำสอนด้วยพระหทัยแล้วทรงนำออกเผยแพร่ด้วยพระวาจา เป็นเหตุให้พระองค์ก็คือพระธรรมเพราะทรงเป็นแหล่งที่ประมวลหรือที่ประชุมอยู่แห่งพระธรรมอันปรากฏเปิดเผยออกมาแก่ชาวโลก
พรหมกาย=(กายพรหม) คือพระกายประเสริฐ, พระนามของพระพุทธเจ้า.
อาภัสส์ฯ=อาภัสสรพรหม คือพรหมชั้นทุติยฌานภูมิ ซึ่งตอนโลกพินาศพรหมชั้นนี้ยังอยู่
ตุลา=ตุลาการ
ฌายกะ=คือ ผู้ไม่เพ่ง
พระเวท=คัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า มีอยู่ ๓ คือ ๑)ฤคเวท เป็นบทสวดสรรเสริญพระเจ้า ๒)ยชุรเวท ว่าด้วยพิธีบูชายัญ ๓)สามเวท ว่าด้วยบทสวดสำหรับใช้ทั่วไปในกลุ่มประชาชนในพิธีกรรมต่างๆ
อัชฌาย์ฯ=อัชฌายกะ แปลว่า ผู้สาธยาย
สมณ์มณฑล=สมณมณฑล
โพธิ์ปักฯ=โพธิปักขิยธรรม ๗  หรือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ เป็นธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค มี (๑)สติปัฏฐาน ๔;(๒)สัมมัปปธาน ๔; (๓)อิทธิบาท ๔;(๔)อินทรีย์ ๕;(๕)
พละ ๕;(๖)โพชฌงค์ ๗; (๗)มรรคมีองค์ ๘
สนังกุมาร=สนังกุมารพรหม ได้กล่าวภาษิตว่า กษัตริย์เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่ชนผู้รังเกียจด้วยโคตร แต่ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา(ความรู้)และจรณะ(ความประพฤติ) เป็นผู้ประเสริฐที่สุดในเทวดาและมนุษย์


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, หยาดฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ต้นฝ้าย, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #57 เมื่อ: 09, มีนาคม, 2568, 09:29:38 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
ประมวลธรรม : ๒๖.สัมปสาทนียสูตร(สูตรว่าด้วยคุณธรรมที่น่าเลื่อมใสของพระพุทธเจ้า)

กาพย์ตรังควชิราวดี(ตรังคนที)

   ๑.พุทธ์เจ้าเสด็จมา.............ณ "ปาวาริกัมพ์วัน"
"สาริบุตร"เฝ้าพลัน................ทูลว่าเลื่อมใสพุทธ์องค์
ไม่มีสมณะใด........................ทุกกาลในอดีตบ่ง
กาลนี้,ข้างหน้าคง..................ตรัสรู้เหมือนเอย

   ๒.พุทธ์องค์ตรัส"สาริฯ".......วาจาซิอาจหาญเผย
รู้จิตพุทธ์เจ้าเปรย..................ทั้งสามกาลหรืออ ย่างไร
ว่ามีศีล,ธรรมมา......................มีปัญญาธรรมอยู่ไข
ใจหลุดพ้นแล้วไกล.................สาริบุตรตอบเปล่าเลย

   ๓.พุทธ์องค์ทรงถามว่า.........เหตุใดนาจึงพูดเอ่ย
เปล่งวาจากล้าเปรย................บันลือสีหนาทยัน
สาริบุตรทูลแน่ใจ....................เปรียบผู้ใฝ่เฝ้าดูครัน
ประตูเข้า-ออกกัน....................มีทางเดียวจะออกไป

   ๔.นายประตูทราบดี..............แม้"แมว"หนีออกมิได้
สัตว์ใหญ่แน่ออกไว..................แค่ประตูนี้เองครัน
ดังข้าสาริบุตร..........................เปรียบประดุจเป็นเช่นนั้น
รู้นัยแห่งธรรมพลัน...................แด่อรหันต์ทุกกาล

   ๕.ทั้งพระพุทธเจ้าล้วน...........สามกาลขวนละห้าขาน
"นิวรณ์"ทำจิตพาน....................เศร้า,ปัญญาด้อยพลัง
ดำรงจิต"สติปัฏฯ"......................"โพชฌงค์ฯ"จัดรู้จริงพลัง
จึงรู้"อนุตต์ฯ"ดัง.........................ญาณอันยอดเยี่ยมเลยแล

   ๖.พระสาริบุตรเล่า..................ได้ไปเฝ้าฟังธรรมแน่
รู้แท้ธรรมมิแปร.........................อริยสัจจ์ธรรมจริง
จึงเกิดเลื่อมใสนา.......................พระศาส์ดาตรัส์รู้ยิ่ง
รู้เองโดยชอบอิง.........................สงฆ์พฤติลุตามแน่นอน

   ๗.สาริบุตรแจงธรรม................อันเลิศล้ำพุทธ์องค์สอน
สิบห้าข้อมิคลอน........................ไร้ข้อควรรู้อีกเลย
หนึ่ง"โพธิปักฯ"เด็ด......................สามสิบเจ็ดทางไปเผย
สู่อรหันต์เกย..............................ด้วยจาก"สติปัฏฯ"กราน

   ๘.สอง,ธรรม"อายะฯ"วาง.........ใน-นอกอย่างละหกผ่าน
ส่งต่อกิเลสซาน.........................เช่นตา-รูป,หู-เสียงเอย
สาม,ธรรมก้าวสู่ครรภ์................มีสี่ดั้นรู้สึกเอ่ย
"ไม่รู้ตัว"ก้าวลงเลย....................ตั้งอยู่หรือออกจากครรภ์

   ๙.ก้าวสู่ครรภ์"รู้ตัว".................อยู่,ออกมัวมิรู้กัน
"รู้ตัว"ก้าว,อยู่ครัน......................มิรู้เมื่อครรภ์ตกลง
"รู้ตัว"ทั้งสามข้อ.........................ก้าวลงจ่อ,อยู่,ครรภ์บ่ง
อยู่ในครรภ์ชื่อคง.......................กามราคะมิพ้นเลย

   ๑๐.สี่,ธรรมดักใจคน................มีสี่ล้น"นิมิต"เผย
"ฟังเสียง"คน,เทพเปรย..............."ฟังเสียงละเมอ"พล่านใจ
"รู้ใจผู้สมาธิ์"มี.............................วิตกคลี่วิจารไข
รู้จิตผู้นั้นไว.................................จะได้แก้ผ่านด้วยดี

   ๑๑.ห้า,ธรรม"ทัสสนะฯ"เป็น.......ญาณที่เห็นอารมณ์ปรี่
สี่อย่างเพียรมั่นมี.........................จนลุ"เจโตสมาธิ์ฯ"
"พิศกายแต่พื้นเท้า.......................ถึงผม"เกล้ามีสิ่งหนา
"ใต้หนังสกปรก"นา.......................เช่นปอด,ตับ,เนื้อ,หัวใจ

   ๑๒."พิจารณ์กระดูก"คาด...........ไม่สะอาดผ่านหนังไข
"ดูแนววิญญาณไว........................ตั้ง"ในโลกนี้,หน้าครา
"ดูแนววิญญาณชู.........................มิตั้ง"อยู่โลกนี้,หน้า
ทัสส์นะฯธรรมเยี่ยมนา.................ทรงสอนตัดกิเลสลง


รายนามผู้เยี่ยมชม : ขวัญฤทัย (กุ้งนา), ลิตเติลเกิร์ล, ข้าวหอม, หยาดฟ้า, คิดถึงเสมอ

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #58 เมื่อ: 10, มีนาคม, 2568, 12:27:37 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
(ต่อหน้า ๒/๕) ๒๖.สัมปสาทนียสูตร

   ๑๓.หก,ธรรมบัญญัติคน.............เจ็ดอย่างล้น"อรีย์"บ่ง
"อุภ์โตภาคฯ"ผู้คง.........................หลุดพ้นทั้งสองส่วนเลย
จากรูปกายหนหนึ่ง.......................อีกครั้งถึงนามกายเผย
กิเลสหมดสิ้นเอย..........................ลุอรหันต์ด้วยปัญญา

   ๑๔."ปัญญาวิมุต"ท้น...................ผู้หลุดพ้นรูปกายหนา
ลุอรหันต์มา..................................ด้วยปัญญาอย่างเดียวเลย
"กายสักขี"ผู้เป็น...........................พยานเด่นนามกายเผย
กิเลสบางส่วนเอย.........................สิ้นดังหมายเริ่มโสดาฯ

   ๑๕."ทิฏฐิปฯ"ผู้ลุกิจ....................สัมมาทิฏฐิคล่องหนา
กิเลสบางส่วนมา...........................สิ้นไปหมายโสดาฯครัน
"สัทธาวิมุต"ดล..............................จะหลุดพ้นศรัทธาสรรค์
กิเลสบางส่วนยัน...........................สิ้นไปหมายโสดาฯตรง

   ๑๖.กายสักขี,ทิฏฐิปฯ..................สัทธาฯลิบผู้ถึงบ่ง
ตั้งแต่โสดาฯคง..............................สกทาฯ,อนาคาฯ
"ธัมมานุสารี"..................................ผู้แล่นปรี่ตามธรรมหนา
แก่กล้าด้วยปัญญา.........................ลุแล้วเป็นทิฎฐิปฯเลย

   ๑๗."สัทธานุสารี".........................ผู้แล่นรี่ศรัทธาเผย
ศรัทธากล้ายิ่งเอย..........................ลุแล้วเป็นสัทธาฯ
ธัมมานุสารี.....................................โสดาฯรี่ด้วยปัญญา
สัทธาฯลุโสดาฯ..............................ด้วยอินทรีย์ศรัทธามี

   ๑๘.เจ็ด,ธรรม"โพชฌงค์ฯ"เป็น.....ปัญญาเด่นตรัสรู้คลี่
มีเจ็ดอย่างที่ดี................................เช่นสติ,เพียร,สมาธิ์
แปด,ธรรมปฎิบัติ............................มีสี่จัดลำบาก,รู้ช้า
มี"ทุกขาทันธาฯ".............................ลำบากเพราะรู้ช้าเลย

   ๑๙."ทุกขาขิปปาฯ"แน่..................ลำบากแต่รู้เร็วเผย
"สุขาทันธาฯ"เอย............................ทำสะดวกรู้ช้าทราม
"สุขาขิปปาฯ"ชู...............................ง่ายรู้เร็วประณีตผลาม
สุขาขิปปาฯวาม..............................ละเอียดนอกนั้นหยาบแล

   ๒๐.เก้า,ธรรมเกี่ยววาจา...............สี่อย่างนา"ไม่ปด"แน่
"ไม่ส่อเสียด"ยุแปร.........................ให้แตกร้าววิวาทกัน
"ไม่พูดแข่งดี"ดัง.............................ได้ชัยจังอ้างโน่นผัน
"พูดด้วยปัญญา"ยัน.......................มีหลักฐานพร้อมอ้างอิง

   ๒๑.สิบ,ธรรมวิธีสอน...................ให้ขจร"อริย์"ยิ่ง
เป็น"โสดาฯ"เที่ยงจริง....................ละสังโยชน์สามสิ้นไป
"สกทาฯ"ได้เสริม...........................โสดาฯเติมละสามไข
ราคะ,โทสะไว...............................โมหะคืนโลกครั้งเดียว

   ๒๒."อนาคาฯ"ตัดนา...................สังโยชน์ห้าสิ้นไปเจียว
จะนิพพานแน่เทียว........................มิต้องกลับมาเกิดเลย
"พระอรหันต์"โชติ..........................ละสังโยชน์สิบได้เผย
บรรลุนิพพานเอย...........................ออกจากวัฏฏะห่างไกล

   ๒๓.สิบเอ็ด,ธรรมหยั่งรู้................หลุดพ้นอยู่ของคนไหน
รู้ว่า"โสดาฯ"ไง...............................จะสำเร็จวันหน้าแล
"สกทาฯ"คืนมา..............................สู่โลกหล้าครั้งเดียวแฉ
"อนาคาฯ"นี้แปร............................มิคืนสู่โลกอีกเลย

   ๒๔."อรหันต์"รู้ว่า........................คนนี้นาจะแจ้งเอ่ย
"เจโตวิมุตฯ"เอย............................"ปัญญาฯ"เยี่ยมกิเลสราน
สิบสอง,ธรรม"สัสส์ตะฯ"................ลัทธิปะ"ตน,โลก"สาน
"ว่าเที่ยง"มีสามพาน.......................ระลึกหนึ่ง-แสนชาติแล


รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, คิดถึงเสมอ, ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), หยาดฟ้า

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
แสงประภัสสร
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:4468
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 1076
จำนวนกระทู้: 624



| |
Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
« ตอบ #59 เมื่อ: 11, มีนาคม, 2568, 09:19:28 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
(ต่อหน้า ๓/๕) ๒๖.สัมปสาทนียสูตร

   ๒๕.ระลึกหนึ่ง-สิบกัปป์.........แต่สิบนับสี่สิบแฉ
ตน,โลกเที่ยงมิแปร..................เพราะระลึกชาติได้นาน
สิบสาม,ธรรมหยั่งรู้..................เกิด,ตายกรูของสัตว์ขาน
พุทธองค์พะพาน......................เห็นสัตว์ดี,ชั่วตามกรรม

   ๒๖.สิบสี่,ธรรมแจงฤทธิ์.........แสดงกิจยอดเยี่ยมล้ำ
แยกสอง,แบบแรกนำ................ฤทธิ์กอปรกิเลสมิเป็น
ฤทธิ์ของอริยะ..........................ตรงข้ามกะแบบหลังเด่น
มิกอปรกิเลสเร้น.......................ด้วยเป็นของพระอริย์

   ๒๗.สิบห้า,ธรรมพุทธ์องค์.......บรรลุบ่งด้วยเพียรปรี่
กำลังบากบั่นมี..........................ไม่ชุ่มด้วยกามรน
ไม่ทรมานองค์...........................พะวงลำบากลำบน
ทรงได้ฌานสี่ดล.......................จึงเป็นสุขปัจจุบัน

   ๒๘.สาริบุตรแน่ใจ..................ยืนยันได้ไม่มีผัน
ไร้สมณะใดครัน........................เหนือพุทธ์เจ้าทุกกาลเลย
ถ้าถูกถามสมณะ.......................มีปะเท่าพุทธ์เจ้าได้เผย
อดีต,กาลหน้าเอย......................ตอบว่า"มี"เทียมพระองค์

   ๒๙.ถ้าถามปัจจุบัน..................มีใครสรรเท่าเทียมบ่ง
ตอบว่า"ไม่มี"ตรง.......................ถูกถามอีกเหตุใดนา
สาริบุตรตอบว่า.........................อดีต,กาลหน้าจะมีหนา
พุทธ์เจ้าตรัสรู้มา........................เสมอพระพุทธองค์

   ๓๐.แต่ปัจจุบันนี้......................จะไม่มีพุทธ์เจ้าบ่ง
อุบัติพร้อมสองคง.......................ในโลกธาตุเดียวกัน
ไม่ใช่โอกาสหรือ.........................ฐานะครือจะมีดั้น
พุทธ์เจ้าตรัสรับครัน....................ภาษิตของสาริฯเอย

   ๓๑."อุทายีฯ"สรรเสริญ.............อัศ์จรรย์เกริ่นมากมายเผย
พุทธ์เจ้าขัดเกลาเคย...................มักน้อยอานุภาพแรง
มิแสดงปรากฏ.............................เดียร์ถีย์จดแค่หนึ่งแกร่ง
ย่อมประกาศสำแดง.....................ด้วยเหตุข้อเดียวนา

   ๓๒.พุทธเจ้าตรัสแก่..................สาริฯแน่แจงธรรมหนา
แก่ชนเนืองเนืองพา.....................หายแคลงตถาคตลง
กล่าวกับสงฆ์หลายให้.................สันโดษไซร้คล้ายพุทธ์องค์
ขัดเกลามีฤทธิ์ตรง......................แต่มิแสดงตนเผยแล ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ ทีฆนิกาย ปาฏิกวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๕๕-๓๕๗

ปาวาริกัมพ์วัน=ณ ป่ามะม่วง ซึ่งเศรษฐีขายผ้าเป็นผู้ถวาย
สาริบุตร=พระอัคครสาวกเบื้องขวา ของพระพุทธเจ้า ผู้เลิศด้วยปัญญา
นิวรณ์=นิวรณ์ ๕ คือกิเลสอันกั้นจิตไม่ให้ลุความดี แยกเป็น ๑)กามฉันทะ ความพึงพอใจ ติดใจ ลุ่มหลง ๒)พยาบาท เเค้นเคือง ผูกโกรธ ๓)ถีนมิทธะ หดหู่ ท้อถอย เซื่องซึม ๔)อุทธัจจะกุกกุจจะ ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ กังวลใจ ๕)วิจิกิจฉา ความไม่เเน่ใจ ความลังเล สงสัย
อนุตต์ฯ=อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือญาณที่ตรัสรู้เองโดยชอบ
โพธิปักฯ=โพธิปักขยธรรม ๓๗ เป็นธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค มี
๑)สติปัฏฐาน ๔ ฐานเป็นที่กำหนดของสติ ๑.๑.กายานุปัสสนา-การตั้งสติพิจารณากาย;
๑.๒.เวทนานุปัสสนา-การตั้งสติพิจารณาเวทนา; ๑.๓.จิตตานุปัสสนา-การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต;๑.๔.ธรรมานุปัสสนา-การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม;
๒)สัมมัปปธาน ๔ หลักในการรักษากุศลธรรมไม่ให้เสื่อม ๒.๑.สังวรปธาน-การเพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในตน; ๒.๒.ปหานปธาน-การเพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว; ๒.๓.ภาวนาปธาน-การเพียรสร้างกุศลให้เกิดขึ้นในตน; ๒.๔.อนุรักขปธาน-การเพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมไป;


รายนามผู้เยี่ยมชม : ข้าวหอม, ขวัญฤทัย (กุ้งนา), คิดถึงเสมอ, ลิตเติลเกิร์ล, หยาดฟ้า

บันทึกการเข้า

..
สารบัญบทกลอน  "แสงประภัสสร"
..
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.211 วินาที กับ 191 คำสั่ง
กำลังโหลด...