เมื่อลมหนาวพัดมา
เมื่อลมหนาวมาเยือนเป็นเพื่อนฉัน
พาพัดความผูกพันให้โหยหา
ถึงความหลังวันวานที่ผ่านมา
เคยสุขในวิญญาคราหนาวลม
สูดอากาศหายใจให้ชื่นฉ่ำ
นึกถึงความทรงจำแสนสุขสม
ครั้งวัยเด็กเล็กอยู่นอนคู้กลม
ครางระงมห่มผ้าคราหนาวกาย
เก็บฟางมาก่อซุ้มมุมที่พัก
เอาไม้ปักหลักมั่นพันด้วยหวาย
เป็นสามมุมสุมฟางอย่างเรียงราย
ทบสำทับโดยหมายหลายชั้นฟาง
ปูด้านในใต้ซุ้มให้นุ่มอ่อน
เป็นที่นอนหลีกลมหนาวพรมพร่าง
ปูเสื่อสาดแล้วขยับปรับแนวทาง
ผ้าห่มวางใกล้หมอนที่นอนเรา
ทั้งเพื่อนพี่น้องกันนั้นนอนด้วย
เตรียมผ้าผวยไว้ห่มเผื่อลมเข้า
นอนในซุ้มชุ่มอุรากว่าหนาวเซา
คือเรื่องเล่าความหลังยังฝังจำ
วันนี้อากาศเริ่มหนาวเย็น ทำให้นึกถึงความหลังครั้งวัยเด็ก สมัยก่อนเด็กตามต่างจังหวัดนั้น
เมื่อถึงหน้าหนาวก็จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพอดี พวกชาวบ้านจะทำลานนวดข้าวโดยปักหลักตรงกลานลาน นำข้าวมาสุมกัน
แล้วนำควายมาผูกกับหลักให้เดินวนบนกองข้าวนั้นเพื่อนวดข้าว บางทีพวกเด็กๆก็ไปช่วยเขานวดข้าว แล้วถือโอกาส
นอนซุกตัวอยู่ใต้กองฟางนั้นเลย โดยมีผ้าห่ม(ผ้าผวย)เพียงผืนเดียว
บางปีพออากาศเริ่มหนาวเย็น พวกเด็กก็จะเอาไม้มาปักหลักเป็นสามมุมคล้ายการผูกเตนท์แบบสมัยนี้
แล้วนำฟางมาสุมเพื่อทำซุ้มไว้นอนหลบความหนาว โดยซุ้มนี้จะนอนได้ประมาน 4-5 คน พวกที่นอนก็คือเด็กๆ
แทนที่จะนอนบนบ้านกลับหลบมานอนที่พื้นดิน เพราะบนบ้านนั้นลมแรงมากและอากาศหนาวจัด
ชีวิตคนชนบทนั้นส่วนมากบ้านจะทำมาจากไม้ มุงหญ้าคาหรือมุงสังกะสีแล้วแต่ฐานะ ดังนั้นจึงกั้นความหนาวไม่ได้
ชีวิตชาวชนบทในหน้าหนาว โดยเฉพาะเด็กๆ ถ้าไม่ทำซุ้มฟางนอน ก็นอนข้างกองไฟแบบผู้ใหญ่
โดยการก่อกองไฟนั้นต้องใช้ขอนไม้ทั้งดุ้น(ปราะมาณสามดุ้น)มาก่อเป็นกองไฟซึ่งต้องคอยผลักขอนไม้เข้าไปในกองไฟเป็นระยะๆ
เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟดับ คนก็ปูเสื่อนอนใกล้กองไฟ บางทีสุนัขก็แอบมานอนขดข้างกองไฟด้วย
เป็นเสี้ยวชีวิตของเด็กตามชนบทที่ไม่ได้มีเงินทองและแสงสีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก มีบ้านก็เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น
หาได้มีสิ่งบันเทิงเริงใจอาทิเช่นวิทยุ โทรทัศน์ เกมส์หรือคอมเล่นไม่