Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> คำประพันธ์ แยกตามประเภท >> กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม >> นิทานธรรม
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานธรรม  (อ่าน 16523 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
นิทานธรรม
« เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 03:23:39 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑  นกแขกเต้าสองพี่น้อง
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** มีนิทานชาดกยกมาเล่า
เรื่องของนกแขกเต้าในไพรสณฑ์
ตัวที่หนึ่งลมพัดจรดล
สู่วังวนโจรไพรใจทมิฬ

** อีกตัวหนึ่งพึงตกหมู่ฤๅษี
ถูกสั่งสอนให้ดีไม่ใจหิน
แตกต่างกันที่คนดังยลยิน
จะดีเลวเพราะเคยชินคบกันมา

** วันหนึ่งเจ้าผู้ครองพระนคร
เสด็จจรประพาสไพรพฤกษา
ทรงล่าเนื้อหลงไปในพนา
จนเหนื่อยล้าเข้าพักใต้ร่มไทร

** ลมเอื่อยเอื่อยพัดมาพาให้ง่วง
ใบไม้ร่วงดังเสียงกล่อมให้หลับใหล
หลับตาลงจินตนาพาไปไกล
ไม่เท่าใดเริ่มเลือนรางย่างนิทรา

** เป็นดินแดนที่นกอยู่กับโจร
ใจหยาบโลนยิ่งนักร้ายหนักหนา
เจ้านกน้อยเมื่อเห็นจอมพารา
ด้วยสันดานนกป่าเหมือนโจรไพร

** จึงพูดว่าต้องฆ่าเอาทรัพย์สิน
ตื่นบรรทมได้ยินไม่ไถล
เสด็จหนีโดยพลันในทันใด
ให้ห่างไกลนกพาลสันดานทราม

** ได้พบนกที่อยู่กับนักบวช
อย่างเร็วรวดต้อนรับมิหยาบหยาม
มีสัมมาคารวะแสนงดงาม
พระราชาชื่นชมความเป็นนกดี

** นกทั้งสองพี่น้องท้องเดียวกัน
แต่แตกต่างเพราะผูกพันคนละที่
นกที่อยู่กับโจรมีราคี
นกที่อยู่กับฤๅษีมีน้ำใจ

** คบคนพาลที่สันดานเขาหยาบช้า
แย่เสียกว่ายาเสพติดพิษยิ่งใหญ่
ยอมจะมีนิสัยชั่วตามเขาไป
คบผู้ใดก็จะเป็นเช่นผู้นั้น

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, อิงดาว พราวฟ้า, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..

สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #1 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 03:37:18 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๒  ประโยชน์ของการคบมิตร
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** ในอดีตกาลที่ผ่านมา
สมเด็จพระศาสดาเปล่งรัศมี
ทรงปรารภเรื่องมิตรจิตอารี
จึงทรงมีพระธรรมเทศนา

** พระราชอุทยานในกาลนั้น
ต่างก็มีสุขสันต์ชื่นหรรษา
โพธิสัตว์บังเกิดเป็นเทวดา
ประจำกอหญ้าคาในอุทยาน

** ได้เป็นมิตรเทวราชผู้ใหญ่ยิ่ง
ซึ่งพักพิงไม้มงคลมหาศาล
เกิดอาเพสมีเหตุพิสดาร
เสาปราสาทราชฐานไหวขึ้นมา

** ทรงรับสั่งให้ช่างรีบปรับเปลี่ยน
พวกนายช่างต่างเพียรเที่ยวเสาะหา
เมื่อพบไม้มงคลจึงหมายตา
ขออนุญาตพระราชาเพื่อจัดการ

** ทรงอนุมัติตามขอไม่รอช้า
เทวราชถึงคราน่าสงสาร
กอดคอลูกร้องไห้แทบวายปราณ
ใครหนอจะกล้าหาญมาช่วยเรา

** โพธิสัตว์บอกว่าข้าจะช่วย
ไม่ต้องตัดไม้ด้วยอย่าโศกเศร้า
ถึงเวลาฝ่ายช่างไม่ดูเบา
จึงรีบเข้าไปตัดในทันที

** โพธิสัตว์แปลงร่างเป็นกิ้งก่า
วิ่งนำหน้าเร็วไวอย่างด่วนจี๋
เข้าไปในต้นไม้โดยทันที
เปรียบประหนึ่งว่ามีโพรงข้างใน

** ฝ่ายนายช่างต่างเห็นเหตุการณ์นั้น
จึงพากันยกเลิกตัดต้นใหม่
เทวราชจึงอยู่สืบต่อไป
กล่าวสรรญสริญด้วยใจที่ช่วยตน

** บุคคลที่เสมอกันหรือสูงกว่า
ควรคบหาเอาไว้ไม่หมองหม่น
แม้ต่ำกว่าก็คบได้ไม่อับจน
มิตรทุกคนมีน้ำใจมากไมตรี

** คบมิตรดีล้วนมีแต่ความสุข
ห่างจากทุกข์ใดใดไม่หมองศรี
คบบัณฑิตปิดนรกชั่วชีวี
หนุนให้มีความสุขทุกคืนวัน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, อิงดาว พราวฟ้า, รพีกาญจน์, ลมหนาว ในสายหมอก, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #2 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 09:43:20 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๓  นายสุมนะมาลาการ
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** ในสมัยพุทธกาลกล่าวขานไว้
เป็นตัวอย่างเพื่อให้ได้ศึกษา
ขอเชิญชวนทุกท่านผู้ศรัทธา
ล้อมวงมาฟังกันขอบรรยาย

** ณ กรุงราชคฤห์แคว้นมคธ
ซึ่งงามงดโสภางค์อย่างเหลือหลาย
มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย
กระทาชายสุมนะมาลาการ

** ทำหน้าที่เป็นผู้จัดดอกไม้
เพื่อมอบให้พระเจ้าพิมพิสาร
ทำอย่างนี้ติดต่อมาเนิ่นนาน
พระราชทานเงินทองของตอบแทน

** จนวันหนึ่งได้พบพระพุทธองค์
พร้อมพระสงฆ์สาวกอีกเนืองแน่น
เกิดศรัทธาเลื่อมใสไม่คลอนแคลน
หมายวังแดนสวรรค์อันรื่นรมย์

** จึงถวายดอกไม้ให้เป็นทาน
เริ่มด้วยการแบ่งส่วนอย่างเหมาะสม
สองกำแรกโยนขึ้นไปตามลม
น่าชื่นชมได้กลายเป็นเพดาน

** สถิตอยู่เบื้องบนพระศาสดา
อีกสองกำต่อมาก็ประสาน
อยู่เบื้องหลังดูแลงามตระการ
ช่างเป็นเหตุพิสดารเกิดขึ้นมา

** ครั้งที่สามปรากฏอยู่เบื้องซ้าย
ครั้งที่สี่ก็ย้ายมาเบื้องขวา
มวลดอกไม้ลอยตามดูงามตา
เหล่าประชาโห่ร้องก้องกังวาล

** สุมนะปลื้มปิติเป็นที่ยิ่ง
ยอมทุกสิ่งแม้จะถูกประหาร
เพราะไม่มีดอกไม้ให้ภูบาล
หมือนดังวันวานและทุกวัน

** จึงเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้าเหนือหัว
ไม่เกรงกลัวแม้ภัยใหญ่มหันต์
รีบกราบทูลให้ทราบมิช้าพลัน
บังคมคัลพร้อมรับกับอาญา

** พระราชาจึงตรัสว่า “สาธุ”
จงบรรลุสิ่งพึงปรารถนา
แล้วมอบเงินทองของนานา
ทั้งช้างม้าวัวควายให้เขาไป

** การบูชาผู้ที่ควรบูชา
ย่อมได้มาซึ่งสินทรัพย์นับไม่ไหว
และย่อมเกิดความสุขเหนืออื่นใด
ทำให้ใจหายขุ่นมัวชั่วนิรันดร์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #3 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 09:53:41 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๔  พระโมคคัลลานะ   พระสารีบุตร
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** เมื่อสมัยพุทธกาลแสนนานนัก
สองเพื่อนรักสาบานเป็นสหาย
ให้สัญญารักกันจนวันตาย
เกิดเบื่อหน่ายกามคุณวุ่นโลกีย์

** คนที่หนึ่งคือโมคคัลลานะ
อุตสาหะดิ้นรนพ้นวิถี
อีกคนหนึ่งสารีบุตรชายชาตรี
อยากหลีกลี้หนีทุกข์ให้สุดไกล

** จับมือกันเป็นศิษย์สญชัยเฒ่า
ตั้งใจเฝ้าศึกษาหาสิ่งใหม่
ได้เรียนจบหลักสูตรในเร็วไว
เจ้าสำนักตั้งให้เป็นอาจารย์

** คอยสั่งสอนรุ่นน้องให้ท่องบ่น
และฝึกฝนวิชาพาอาจหาญ
ไม่สมปรารถนาที่ต้องการ
อยากพบพานผู้รู้โมกขธรรม์

** จึงขอลาอาจารย์ออกเสาะหา
ให้สัจจะวาจาไม่แปรผัน
แม้นใครพบผู้รู้จะบอกกัน
เป็นพันธะผูกพันตลอดไป

** ครั้นวันหนึ่งสารีบุตรสุดโชคดี
พบสมณะผู้มีกายผ่องใส
คือพระอัสสชิมิใช่ใคร
เป็นหนึ่งในกลุ่มปัญจวัคคีย์

** จึงเข้าไปสนทนาวิสาสะ
เพื่อศึกษาธรรมะพระชินศรี
จึงนิมนต์ให้แสดงธรรมวาที
จงเอื้อนเอ่ยวจีเป็นสำเนา

** พระอัสสชิบอกว่าตัวข้านี้
ผู้บวชใหม่ยังมีความโง่เขลา
พระบรมศาสดาครูของเรา
จะสั่งสอนให้เจ้าได้เข้าใจ

** สารีบุตรนมัสการกล่าวขานว่า
ขอจงโปรดเมตตาจะได้ไหม
บอกข้อธรรมเบื้องต้นเป็นสายใย
พอทำให้ก่อเกิดภูมิปัญญา

** อัสสชิภิกษุพระผู้น้อย
จึงเอ่ยถ้อยกล่าวไปไม่กังขา
อันว่าธรรมเหล่าใดย่อมไหลมา
มีตัณหาเป็นเหตุเกิดเภทภัย

** ผลของมันย่อมทำให้เกิดทุกข์
ไร้ความสุขโศกาอย่าสงสัย
ละตัณหาสิ้นทุกข์สุขฤทัย
มีโชคชัยไร้กิเลสเหตุเกิดพลัน

** สารีบุตรปล่อยใจใฝ่ธรรมะ
จิตลดละอกุศลผลเกินฝัน
จนที่สุดบรรลุโสดาบัน
ในวันนั้นด้วยธรรมองค์สัมมา

** รีบกลับไปแจ้งข่าวแก่เพื่อนรัก
แล้วชวนชักสญชัยเพื่อไปหา
กราบบังคมสมเด็จพระศาสดา
แต่สญชัยบอกว่าไม่เป็นไร

** สองสหายเข้าเฝ้าจอมโมลี
ได้ขอบวชทันทีมิหวั่นไหว
เพียรบำเพ็ญกัมมัฏฐานฝึกจิตใจ
ครั้นที่สุดก็ได้บรรลุธรรม

** สารีบุตรนั้นเลิศทางปัญญา
โมคคัลลาเลิศทางฤทธิ์จิตคมขำ
เป็นอัครสาวกองค์ผู้นำ
เพราะได้ทำคุณงามสร้างความดี

** ทั้งสองท่านประสบความสำเร็จ
ประหนึ่งเพชรส่องประกายฉายแสงสี
เป็นเพราะประเทศนั้นบังเกิดมี
พุทธศาสน์เป็นที่หลอมศรัทธา

** อันการอยู่ในประเทศที่เหมาะสม
เป็นอุดมมงคลดีหนักหนา
ประดุจดังวิมานเทพเทวา
มีความสุขทุกทิพาราตรีกาล


สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #4 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 10:02:26 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๕  ควาญช้างได้เป็นพระมหากษัตริย์
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** อดีตกาลผ่านมาเวลาผ่าน
แสนเนิ่นนานขอกล่าวเล่าความหลัง
เรื่องเกิดที่พาราณสีนครัง
นิทานังได้ฤกษ์เริ่มเบิกโรง

** ชายคนหนึ่งอาชีพตัดฟืนขาย
สุขสบายแม้จะไม่โอ่โถง
เป็นอาชีพสุจริตไม่คิดโกง
รับรองโปร่งไม่มีที่นอกใน

** ณ วันหนึ่งจึงออกไปในป่า
หวังจะตัดไม้มาไม่เหลวไหล
นำไปขายทำกินในถิ่นไพร
เพื่อจะได้ยังชีพเช่นทุกวัน

** ไม่เกียจคร้านซื่อตรงต่อหน้าที่
เป็นคนมีมานะและขยัน
ตื่นแต่เช้าเข้าป่ามิช้าพลัน
นิจนิรันดร์สุขใจไม่อาทร

** ตัดไม้เพลินเกินเวลากว่าจะกลับ
ตะวันลับขอบฟ้าพาสังหรณ์
ถ้าประตูเมืองปิดคงร้าวรอน
จึงรีบจรกลับมายังหน้าเมือง

** ถึงเวลานายประตูรู้หน้าที่
จึงรีบปิดทันทีใช่ทำเขื่อง
ปฏิบัติตามกติกาอย่าขุ่นเคือง
ไม่ใช่เรื่องเสแสร้งหรือแกล้งใคร

** คนตัดฟืนมาถึงจึงได้รู้
ว่าประตูเพิ่งปิดไปใหม่ใหม่
จึงจำเป็นจะต้องตัดสินใจ
ไม่เป็นไรยอมนอนนอกกำแพง

** ครั้นใกล้รุ่งสะดุ้งเพราะเสียงไก่
เถียงกันสนั่นไหวอวดกำแหง
อันสาเหตุทะเลาะกันรุนแรง
ไก่ตัวบนผิดสำแดงถ่ายลงมา

** ให้บังเอิญถูกหัวไก่ตัวล่าง
ความบาดหมางจึงวิ่งเข้ามาหา
เกิดโอ้อวดเถียงกันจำนรรจา
ต่างก็ว่าตัวเก่งไม่เกรงกัน

** ไก่ตัวล่างบอกว่าตัวข้านี้
มีของดีประเสริฐเกินเสกสรร
อันเนื้อข้ามีคุณนับอนันต์
ใครได้กินมีเงินพันในทันใด

** ไก่ตัวบนบอกว่าข้าแน่กว่า
เมื่อกินเนื้อของข้าจะสดใส
เป็นพระมหากษัตริย์ในเร็วไว
เป็นมเหสีหรือไม่เป็นขุนคลัง

** คนตัดฟืนได้ฟังไม่รอช้า
รีบลุกมาพร้อมกับมีความหวัง
เป็นราชาที่เข้มแข็งมีพลัง
ได้ครอบครองเวียงวังอันโอฬาร

** จึงจับไก่ตัวบนเอามาฆ่า
นำไปให้ภรรยาทำอาหาร
เล่าเรื่องราวที่เกิดแก่นงคราญ
เยาวมาลย์จะได้เป็นยอดนารี

** เมื่อเสร็จแล้วจึงบอกให้ทราบว่า
อาบน้ำก่อนดีกว่าจะเป็นศรี
จงได้นำอาหารเท่าที่มี
ไปยังริมนทีชำระกาย

** ขณะนั้นเกิดมีพายุใหญ่
พัดอาหารลอยไปเกินคาดหมาย
ลอยละล่องในธาราอย่างท้าทาย
คนตัดฟืนเสียดายอดได้กิน

** เป็นเพราะวาสนาสร้างมาน้อย
โชคจึงลอยล่องไปไกลสูญสิ้น
บุญกาลก่อนไม่ได้สร้างจึงโบยบิน
โอ้ชีวินไร้คุณค่าแทบบ้าตาย

** โชคชะตาวาสนาของควาญช้าง
ที่ได้สร้างเอาไว้ไม่สูญหาย
ขณะที่นำช้างเยื้องย่างกราย
ไปริมฝั่งของสายมหานที

** มีถาดไก่ลอยมากลางสายน้ำ
จึงได้จ้ำว่ายไปอย่างเร็วรี่
รีบคว้าเอาถาดไก่ไว้ทันที
เป็นโชคดีได้อาหารกลับบ้านตน

** ฝ่ายดาบสอาจารย์ของควาญช้าง
ญาณพิเศษนำทางไม่สับสน
รู้เรื่องราวของไก่เป็นมงคล
จรดลหาควาญช้างอย่างเร็วไว

** นายควาญช้างจึงรีบบอกภรรยา
รีบนำอาหารมาแล้วมอบให้
ฝ่ายดาบสจึงรับอาหารไป
จัดการอย่างรู้ใจให้ทุกคน

** แบ่งสันในให้แก่นายควาญช้าง
บุญบารมีที่สร้างทางกุศล
จะได้เป็นราชาของหมู่ชน
ภายใต้นพปฏลเศวตทอง

** ฝ่ายภรรยาดาบสให้สันนอก
เพื่อจะบอกชาตินี้ไม่มีหมอง
ได้เป็นมเหสีผู้ครอบครอง
ราชธานีดังปองคู่ราชา

** ส่วนดาบสเลือกเนื้อติดกระดูก
จะพันผูกรับใช้เสน่หา
เป็นเสนาบดีมีศักดา
คู่พระทัยกษัตราครองธานี

** อีกสามวันข้าศึกมาประชิด
รอบทุกทิศของกรุงพาราณสี
จอมกษัตริย์ผู้ซึ่งครองบุรี
จึงได้มีดำรัสสั่งลงมา

** ให้ควาญช้างแต่งตัวเป็นกษัตริย์
อนุมัติให้ออกศึกคึกหนักหนา
พระองค์เองเป็นทหารออกตรวจตรา
โดนธนูยิงมาถึงสิ้นใจ

** ควาญช้างเปลี่ยนอุบายการต่อสู้
เอาชนะศัตรูให้จงได้
นำทรัพย์สินเงินทองจากคลังใน
จะมอบให้แก่ผู้ออกสู้รบ

** ในที่สุดก็ได้ชัยชนะ
แต่นี้จะเกิดมีความสงบ
การกระทำแบบนี้เพิ่งเคยพบ
นายควาญช้างสยบพวกมาเยือน

** ชาวเมืองยกให้เป็นวีรบุรุษ
ยอดมนุษย์เก่งกล้าหาใครเหมือน
จึงสถาปนาไม่แชเชือน
เป็นกษัตริย์เชือดเฉือนด้วยศักดา

** ด้วยผลบุญทำไว้ในปางก่อน
จึงสะท้อนให้มีวาสนา
ดำรงศักดิ์ยิ่งใหญ่ในพารา
ทั้งสามีภรรยาและอาจารย์

** รีบสร้างบุญกันไว้ในชาตินี้
จะได้มีต้นทุนในสงสาร
เกิดชาติใดไม่ทุกข์ทรมาน
สั่งสมบุญบันดาลให้สุขใจ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #5 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 10:14:39 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๖  โกสิยะผู้ตระหนี่
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** จะขอเล่านิทานในกาลก่อน
เพื่อสะท้อนการทำดีที่สร้างสรรค์
และส่งเสริมละความชั่วอย่าผูกพัน
ใช่จะเพ้อจำนรรจ์เพียงลมลม

** ในกาลนั้นที่กรุงพาราณสี
ท่านเศรษฐียิ่งใหญ่ไม่ขื่นขม
มีทรัพย์สินเงินทองเอกอุดม
น่าชื่นชมจิตใจใสละมุน

** ตั้งโรงทานหกแห่งเพื่อช่วยเหลือ
มีจิตใจเอื้อเฟื้อช่วยเกื้อหนุน
แก่คนจนยากไร้ได้พึ่งบุญ
ต่อชีวิตเป็นทุนก้าวต่อไป

** สี่โรงทานตั้งอยู่ในสี่ทิศ
ใกล้เคียงชิดกับสี่ประตูใหญ่
มีผู้คนมากมายทั้งใกล้ไกล
พวกเขาได้อาศัยในโรงทาน

** อีกแห่งหนึ่งกลางเมืองดูเรืองรุ่ง
คนยากไร้ต่างมุ่งรับอาหาร
อีกหนึ่งแห่งตั้งอยู่หน้าเรือนชาน
พร้อมให้บริการทุกทุกวัน

** การสร้างบุญทำให้จิตผ่องใส
เมื่อตายแล้วจะได้ไปสวรรค์
ท่านเศรษฐีก็เป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อตายพลันไปเกิดเป็นพระอินทร์

** ฝ่ายลูกชายก็ได้สละทรัพย์
เช่นเดียวกับเศรษฐีเป็นนิจสิน
ทำจิตใจให้ผ่องใสไร้ราคิน
ละชีวินไปเกิดเป็นพระจันทร์

** ส่วนหลานชายได้รับมรดก
ก็หยิบยกปฏิปทามาสานฝัน
ดำเนินการทุกสิ่งให้เหมือนกัน
ไปตามที่ปู่นั้นท่านทำมา

** ครั้นสุดท้ายถึงกาลสิ้นชีวิต
ไปสถิตเทวโลกโชคหนักหนา
ชื่อพระอาทิตย์ผู้ทรงมหิทธา
เพราะบุญญาที่สร้างอย่างถาวร

** อีกหลายรุ่นผ่านไปไม่เปลี่ยนผัน
คงยึดมั่นในทานไม่ถ่ายถอน
จนกระทั่งคนสุดท้ายก็คลายคลอน
ยกเลิกสิ่งเก่าก่อนแม้โรงทาน

** โกสิยะเป็นคนที่ตระหนี่
ไม่เคยมีเมตตาและสงสาร
คิดว่าคนรุ่นเก่าโง่ดักดาน
การให้ทานสิ้นเปลืองเลิกเสียที

** การเป็นอยู่ของเขาช่างแสนเข็ญ
ทำตัวเป็นยากไร้ให้เสื่อมศรี
ใช้เสื้อผ้าเก่าเก่าคลุมกายี
การเป็นอยู่เหลือที่น่าเวทนา

** บริโภคปลายข้าวเช้าเที่ยงค่ำ
ชีวิตแสนชอกช้ำเพราะบาปหนา
เนื่องจากความตระหนี่เกินอัตรา
จึงได้พาให้คิดผิดทำนอง

** เช้าวันหนึ่งโกสิยะจะเข้าเฝ้า
เหนือหัวเจ้าพาราณสีเพื่อสนอง
นโยบายต่าง ๆ ดังใจปอง
เพื่อรับใช้ผู้ครองราชธานี

๑๓๔. ** จึงแวะหาเศรษฐีเพื่อนผู้น้อง
ซึ่งเป็นคู่ปรองดองไม่หน่ายหนี
เขาทานข้าวปายาสอยู่พอดี
ได้ชวนชี้โกสิยะทานด้วยกัน

** ความอยากทานบังเกิดอย่างจับจิต
แต่นิ่งคิดเกรงกลัวจนตัวสั่น
เราจะต้องตอบแทนเขาสักวัน
ความเสียดายเกินขั้นจะพรรณนา

** กลับถึงบ้านความอยากก็มากขึ้น
ต้องนั่งกลืนน้ำลายให้โหยหา
กลัวจะเสียทรัพย์สินจึงรอรา
จนกายาผ่ายผอมสุดตรอมตรม

** อาการไข้ได้ป่วยก็กำเริบ
เพราะอยากเปิบข้าวปายาสไม่สุขสม
จะนั่งนอนโศกเศร้าเร้าระทม
ภรรยาคู่ภิรมย์คอยปลอบใจ

** สอบถามว่าต้องการสิ่งใดหรือ
จะปรนปรือจัดให้อย่างยิ่งใหญ่
อันทรัพย์สินเรามีออกถมไป
ถ้าอยากได้จะรีบจัดหามา

** โกสิยะจึงแจ้งให้เมียรู้
เรื่องที่ข้าคิดอยู่และปรารถนา
อยากกินข้าวปายาสเพียงสักครา
ภรรยารีบตอบว่าตกลง

** ถ้าอย่างนั้นจะสั่งคนรับใช้
ให้เตรียมของเอาไว้ไม่ลืมหลง
พรุ่งนี้จะได้หุงอย่างมั่นคง
เจตน์จำนงให้ทุกคนได้รับทาน

** ท่านเศรษฐีบอกว่าไม่จำเป็น
มันสิ้นเปลืองเห็นเห็นจะร้าวฉาน
มีแต่เราไม่เปลืองงบประมาณ
คนในบ้านเขาคงไม่อดตาย

** ภรรยากล่าวว่าถ้าอย่างนั้น
ท่านกับฉันสองคนคงสมหมาย
หุงข้าวปายาสกินอย่างสบาย
ไม่มีใครวุ่นวายกับสองเรา

** โกสิยะว่าเจ้าไม่อยากกิน
ทำมากก็สูญสิ้นเสียเปล่าเปล่า
ข้าคนเดียวไม่มากพอทำเนา
ขอให้เจ้าจงได้รีบจัดการ

** เราจะไปหุงกันที่ในป่า
จะไม่มีใครมาช่วยล้างผลาญ
ทำให้เราเจ็บใจและร้าวราน
ข้าจะได้รับประทานอย่างสุขใจ

** ร้อนถึงบรรพบุรุษในชั้นสรวง
เขาทั้งปวงปรึกษากันจะแก้ไข
ความตระหนี่ถี่เหนียวโดยเร็วไว
มิฉะนั้นสิ้นใจลงอบาย

** เนรมิตกายามาเป็นพราหมณ์
ที่อุตส่าห์พยายามด้วยกระหาย
หวังส่วนแบ่งข้าวปายาสเพื่อเลี้ยงกาย
จึงทุรนทุรายมาขอกิน

** โกสิยะเสียดายไม่อยากให้
ปฏิเสธไม่ได้ดังถวิล
จำต้องยอมแบ่งให้ใจรวยริน
ต้องสูญสิ้นบางส่วนชวนเสียดาย

** แต่น่าแปลกประหลาดคาดไม่ถึง
อาหารพึงไม่พร่องหรือสลาย
โกสิยะรู้สึกหิวอย่างมากมาย
จึงมุ่งหมายรีบตักอาหารกิน

** ปัญจะสิขะเทพผู้เป็นพ่อ
ไม่รีรอแปลงร่างอย่างใจหิน
เป็นสุนัขฉี่ใส่ในหม้อดิน
โกสิยะเลยสิ้นโอกาสทาน

** จึงลุกขึ้นวิ่งไล่เจ้าสุนัข
เพราะความแค้นสุดจักจะสมาน
หวังจะตีให้เข็ดไปอีกนาน
สุนัขพาลกลายร่างเป็นพาชี

** แล้วกลับมาแสดงความดุร้าย
มุงหน้าหมายมาไล่ท่านเศรษฐี
ให้หันหลังวิ่งไปในทันที
เพราะกลัวมีอันตรายมาใกล้ตน

** พราหมณ์ทั้งห้าแสดงตัวตามฐานะ
กลับกลายเป็นเทวะใจกุศล
สั่งสอนให้ก้าวพ้นความอับจน
เป็นมงคลทำให้สุขสำราญ

** พรรณนาถึงผลความตระหนี่
ทำให้มีแต่ทุกข์ในสงสาร
จงทำดีเลื่อมใสในผลทาน
เทวโลกสถานอันพึงไป

** โกสิยะเข้าใจในคำสอน
กราบขอพรเริ่มต้นชีวิตใหม่
สร้างโรงทานสานฝันอันเกรียงไกร
ตามบรรพบุรุษน้อยใหญ่ได้ทำมา

** เมื่อละโลกไปเกิดในวิมาน
สุขสราญรมย์รื่นชื่นหรรษา
การตั้งตนไว้ชอบย่อมนำพา
ให้ชีวิตสูงค่าสุขสบาย

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #6 เมื่อ: 28, เมษายน, 2559, 10:20:20 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๗  บุรุษง่อยนักดีดก้อนหิน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** อดีตกาลผ่านมาช้านานแล้ว
 ณ เมืองแก้วชื่อว่าพาราณสี
บุรุษง่อยคนเก่งและแสนดี
เลี้ยงชีวีด้วยศิลป์ดีดหินกิน

** ทุกทุกเช้าพวกเด็กลูกชาวบ้าน
ได้พาไปสร้างงานดีดก้อนหิน
ให้กระทบใบไม้งามโสภิณ
จะเกิดภาพตามจินตนาพลัน

** เป็นวัวควายช้างม้านานาสัตว์
สาระพัดรูปร่างช่างสร้างสรรค์
คนที่ผ่านไปมาชื่นชมกัน
มอบเงินเป็นรางวัลกำนัลมา

** ครั้นวันหนึ่งกษัตริย์ทรงประพาส
พร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ใจปรารถนา
จะออกไปล่าสัตว์ในพนา
เมื่อผ่านมาได้เห็นเป็นสำคัญ

** เห็นรูปสัตว์ต่างต่างช่างงามนัก
เป็นประจักษ์ศิลปะหฤหรรษ์
เมื่อได้พบชายง่อยค่อยจำนรรจ์
จึงเสกสรรค์ตรัสถามเนื้อความไป

** ปุโรหิตของเราเขาพูดมาก
เราจึงอยากให้ช่วยจะได้ไหม
บุรุษง่อยรีบตอบในทันใด
คงจะพอช่วยได้นะพระองค์

** พระราชาจึงพาคนง่อยเปลี้ย
ไม่ให้เสียเวลาตามประสงค์
ทรงยกเลิกเที่ยวป่าดังจำนง
จึงมุ่งตรงกลับไปยังในวัง

** พระองค์ทรงรับสั่งให้เจาะม่าน
เพื่อให้ชายพิการอยู่ข้างหลัง
มีผ้าม่านเป็นส่วนที่ปิดบัง
จัดที่นั่งปุโรหิตตรงพอดี

** ถึงเวลาราชาประทับนั่ง
ที่เหนือราชบัลลังก์คชสีห์
ปุโรหิตอำมาตย์มุขมนตรี
ต่างกล่าวราชสดุดีองค์ราชัน

** องค์ราชาเริ่มมีพระดำรัส
พระทรงตรัสราชกิจจิตสุขสันต์
ปุโรหิตพูดมากเหมือนทุกวัน
ทุกคนต่างพากันเอือมระอา

** กล่าวฝ่ายชายพิการผู้มีศิลป์
ในการดีดก้อนหินชื่นหรรษา
เมื่อได้รับมูลแพะจากราชา
นั่งหลังม่านบังตาดำเนินการ

** ครั้นท่านปุโรหิตอ้าปากพูด
จึงดีดคูถของแพะดังกล่าวขาน
เป็นศิลปะที่มีความชำนาญ
เข้าในปากของท่านโดยทันที

** ปุโรหิตรู้ตัวนึกอับอาย
ไม่กล้าคายออกมาหน้าเช่นผี
จึงต้องกลืนมูลแพะแต่โดยดี
จนอิ่มท้องเต็มที่สุดพรรณนา

** พระราชาตรัสว่าปุโรหิต
ท่านจงคิดให้ดีด้วยเถิดหนา
เนื่องจากท่านได้เอ่ยเผยวาจา
จนเกินกว่าพอดีที่ควรเป็น

** ในท้องท่านจึงเต็มด้วยมูลแพะ
ขอชี้แนะอย่าทนความทุกข์เข็ญ
จงรีบทำในสิ่งที่จำเป็น
คือดื่มน้ำเย็นเย็นสำรอกมัน

** นับแต่นั้นปุโรหิตสงบเสงี่ยม
รู้จักเจียมกายใจไม่หุนหัน
จะพูดเฉพาะเรื่องที่สำคัญ
ไม่พูดมากเหมือนวันที่ผ่านมา

** พระราชาขอบใจชายพิการ
พระราชทานรางวัลมากนักหนา
มอบหมู่บ้านสี่ตำบลไม่รอรา
ทั้งเงินทองของมีค่านับอนันต์

** อันความรู้รู้กระจ่างเพียงอย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเห็นเป็นมิ่งขวัญ
ศิลปะเป็นมงคลนิจนิรัดร์
นานกัปกัลป์มีคุณค่ากว่าสิ่งใด

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, หนูหนุงหนิง, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #7 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 11:03:05 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๘  นิทานเรื่องเสนกะบัณฑิต
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** ขอย้อนกล่าวถึงพระโพธิสัตว์
ครั้งเสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ใหญ่
ชื่อว่า “เสนกะ” ผ่องอำไพ
เรียนรู้จากแดนไกลตักสิลา

** รับราชการที่กรุงพาราณสี
ทำหน้าที่อนุศาสน์ไขปัญหา
ได้ขยายอรรถธรรมแก่ราชา
บรรยายธรรมแก่บรรดาเหล่าปวงชน

** มีพราหมณ์แก่ขอทานเลี้ยงชีวิต
หากินสุจริตไม่หมองหม่น
เดินขอไปในย่านของผู้คน
ได้เงินมาเหลือล้นเกินรำพัน

** จึงหวนกลับเคหาเคยอาศัย
แสนอาลัยหนักหนาพาไหวหวั่น
ต้องจากไปขอทานเสียนานครัน
เพื่อครอบครัวสุขสันต์ทุกวันวาร

** ระหว่างทางแวะเข้าใต้ต้นไม้
เพื่อจะได้หยุดพักทานอาหาร
หยิบข้าวตังออกมารับประทาน
แล้วลนลานรีบออกไปล้างมือ

** จนทำให้เขาลืมปิดปากถุง
จิตใจมุ่งติดถึงบ้านประสาซื่อ
งูพิษร้ายได้กลิ่นหอมกระพือ
เป้าหมายคือถุงผ้าของขอทาน

** ฝ่ายพราหมณ์แก่กลับมาไม่ได้คิด
จึงรีบปิดถุงผ้ากลับถิ่นฐาน
ทันใดนั้นมีเสียงก้องกังวาน
เพื่อบอกให้ขอทานระวังตัว

** ถ้าวันนี้หยุดพักระหว่างทาง
ชีพจะต้องวายวางใช่พูดมั่ว
ถ้าถึงบ้านเมียตายอย่างน่ากลัว
ดีหรือชั่วสร้างไว้ได้แน่นอน

** พราหมณ์แก่ได้ทราบเรื่องเดินร้องไห้
มีใครบ้างช่วยได้ช่วยถ่ายถอน
ให้พ้นจากทุกข์ภัยใจสั่นคลอน
แสนอาวรณ์ต่อชีวิตอนิจจัง

** จนกระทั่งถึงเมืองพาราณสี
เห็นผู้คนมากมีต่างมุ่งหวัง
ได้มุ่งหน้าไปสู่พระราชวัง
เพื่อรับฟังธรรมบรรยายให้สุขใจ

** จึงเดินตามฝูงชนไปห่างห่าง
จะฟังธรรมนำทางจิตผ่องใส
เพื่อบรรเทาความเศร้าที่ภายใน
คิดหาใครมาช่วยคงไม่มี

** เสนกะมองเห็นขอทานแก่
ก็รู้แน่มีทุกข์ไม่สุขี
จึงรีบถามเรื่องราวในทันที
รู้ได้ดีมีเหตุให้ร้อนรน

** เริ่มสอบถามเรื่องราวสาวสาเหตุ
เพื่อสังเกตพื้นฐานไม่สับสน
ที่ในถุงมีข้าวตังใส่ปะปน
เป็นเสบียงยามจนต้องทนเอา

** ขอทานเฒ่ารีบตอบว่าถูกต้อง
เป็นครรลองยามเดินทางที่เงียบเหงา
ทานอาหารหรือไม่จงบอกเรา
ที่ในกลางลำเนาตอนเดินทาง

** จึงบอกว่าได้ทานที่กลางป่า
ใต้พฤกษาต้นใหญ่ยามฟ้าสาง
ก่อนดื่มน้ำล้างมือให้สะอาง
ปิดปากถุงที่เปิดกว้างหรือไม่เอย

** จึงตอบว่าข้านี้ไม่ได้ปิด
เสนกะครุ่นคิดแล้วเฉลย
อสรพิษได้กลิ่นลมรำเพย
หอมจังเลยเลื้อยเข้าถุงข้าวตัง

** ถ้าหากท่านกินอาหารในเย็นนี้
จะต้องสิ้นชีวีตามคาดหวัง
เป็นเพราะถูกงูพิษกัดอย่างจัง
แต่ถ้าถึงเคหังจะรอดตาย

** ภรรยาจะเป็นผู้ถูกงูกัด
เพราะย่อมจัดของในถุงดังมุ่งหมาย
ให้ขอทานวางถุงบนพื้นทราย
ใช้วิธิง่ายง่ายคอยไล่งู

** ใช้ไม้เคาะเบาเบาที่ถุงผ้า
มันจึงเลื้อยออกมาส่งเสียงขู่
แผ่พังพานแล้วร้องดัง ฟู  ฟู
บอกให้รู้เข้ามาข้ากัดจริง

** เมื่อจัดการเรื่องงูสำเร็จแล้ว
ใจขอทานผ่องแผ้วเป็นสุขยิ่ง
เกิดศรัทธาเสนกะไม่ประวิง
มอบทุกสิ่งที่ได้มาบูชาคุณ

** พร้อมทั้งเงินเจ็ดร้อยกหาปณะ
เสนกะไม่ขอรับอย่าเคืองขุ่น
เพิ่มให้อีกสามร้อยเพื่อทำบุญ
ครบหนึ่งพันเป็นทุนให้ขอทาน

** แล้วถามว่ามีใครให้ไปขอ
ไม่รีรอรีบตอบเพื่อไขขาน
ภรรยาโฉมงามแม่นงคราญ
โฉมสราญให้ไปขอพอมีกิน

** เสนกะรู้ว่าเธอยังสาว
จึงได้บอกเรื่องราวดังถวิล
จงเก็บเงินนอกบ้านเป็นอาจิณ
อย่าปล่อยให้ยุพินได้รับรู้

** มิฉะนั้นคู่นอนของโฉมศรี
จะเอาเงินที่มีไม่อดสู
พราหมณ์ขอทานเชื่อฟังคำของครู
เก็บเงินแล้วเดินสู่ประตูเรือน

** ตะโกนเรียกเมียสาวเจ้าอยู่ไหน
มัวแต่ทำอะไรใยเชือดเฉือน
ไม่สนใจผัวเจ้าเฝ้าแช เชือน
ที่ผัวกลับมาเหมือนไม่สนใจ

** ฝ่ายภรรยาเริงร่าอยู่กับชู้
ครั้นพอรู้ผัวมาพาวุ่นใหญ่
จึงบอกชู้จงรีบไปปิดไฟ
แล้วจงรีบหนีไปค่อยย้อนมา

** รีบออกมารับหน้าสามีไว้
แล้วถามไถ่เรื่องเงินที่ไปหา
เงินอยู่ไหนเร็วไวเผยวาจา
จงรีบเอาเงินมาอย่ารอรี

** เฒ่าขอทานกล่าวว่าอยู่ข้างนอก
เอ่ยปากบอกถึงที่ฝังอย่างถ้วนถี่
ฝ่ายชายชู้รีบไปในทันที
ขุดเอาเงินที่มีเป็นของตน

** เช้าขึ้นมาจึงรู้ว่าเงินหาย
แสนเสียดายหนักหนาพาหมองหม่น
จึงไปพบเสนกะในบัดดล
เพื่อจะแจ้งยุบลเรื่องเงินทอง

** เสนกะครั้นรู้เรื่องทั้งหมด
ให้รู้สึกรันทดและหม่นหมอง
จึงได้แจ้งอุบายให้ไปลอง
ตามทำนองคนดีมีปัญญา

** ตามเนื้อหาของอุบายให้เริ่มต้น
เชิญผู้คนทั้งสองฝ่ายให้มาหา
เพื่อกินเลี้ยงทุกวันหนึ่งสัปดาห์
โดยต้องลดอัตราลงมาพลัน

** ฝ่ายละหนึ่งพึงลดงดเชิญต่อ
แล้วจงรอครบเวลาใครขยัน
จะพึงมีหนึ่งคนมาทุกวัน
จงพาคนผู้นั้นมาหาเรา

** ครั้นได้ตัวรีบไปหาเสนกะ
เพื่อชำระความผิดคิดร้ายเขา
ขโมยเงินขอทานพาลมัวเมา
จงนำเอาเงินมาคืนให้ครบพัน

** เสนกะลงโทษกับชายชู้
ตามกระทู้กระบวนความอย่างกวดขัน
คนทำดีได้ดีเป็นรางวัล
คนทำชั่วโทษทัณฑ์ติดตามมา

** คนอ่านมาก  ฟังมาก  ย่อมรู้มาก
เป็นผลจากการตั้งใจใฝ่ศึกษา
คือพื้นฐานอันประเสริฐเกิดปัญญา
วัฒนารุ่งเรืองประเทืองบุญ

** ดังเช่นกับตัวท่านเสนกะ
ใช่ว่าจะมีฤทธามาช่วยหนุน
แต่เป็นเพราะสังเกตเป็นต้นทุน
ช่วยเจือจุนสมมุติฐานการควรเป็น

** นี่คือผู้ที่เป็นพหูสูต
มิใช่คิดและพูดเพียงได้เห็น
ต้องมีเหตุมีผลเกิดประเด็น
พิจารณาจากที่เป็นข้อเท็จจริง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #8 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 11:25:35 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๙  นกกระจาบแตกสามัคคี
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** จะขอยกนิทานในการก่อน
อุทาหรณ์น้อมนำคำเฉลย
มาเปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเช่นเคย
ติดตามเลยจะรู้ว่าค่าอนันต์

** พุทธองค์ได้ประทับกบิลพัสดุ์
ณ ที่วัดโครธารามงามเกินฝัน
ทรงปรารภพระญาติทะเลาะกัน
จึงเลือกสรรค์นิทานมาแสดง

** ณ กาลนั้นยังมีฝูงกระจาบ
หวังบินคาบหาเหยื่อเสาะแสวง
นับจำนวนหลายพันล้วนแข็งแรง
รวมเป็นแก็งกลุ่มใหญ่ในพนา

** นกหัวหน้าเป็นห่วงจึงบอกกล่าว
ถ้าถึงคราวติดบ่วงของพรานป่า
ให้จงรีบเอาหัวสอดเข้ามา
ที่ในช่องตาข่ายของนายพราน

** แล้วออกแรงบินขึ้นพร้อมพร้อมกัน
เอาตาข่ายไปพันอย่างอาจหาญ
กับต้นไม้ต้นใหญ่ไม่ร้าวราน
แล้วบินผ่านลงต่ำจำเอาไว้

** ถ้าทุกท่านมีวินัยไม่ตายแน่
สามัคคีช่วยแก้วิกฤตได้
จงรักกันช่วยกันด้วยห่วงใย
อันตรายใดใดไม่กล้ำกราย

** ฝ่ายนายพรานดักนกเป็นอาชีพ
จึงได้รีบจัดการวางตาข่าย
เกณฑ์ชะตาของนกไม่ถึงตาย
ปฏิบัติตามนัดหมายจึงปลอดภัย

** แต่อยู่อยู่วันหนึ่งจึงเกิดเหตุ
เป็นอาเพศแล้วหนาพาสงสัย
ความแตกแยกกัดกินสิ้นอาลัย
ถึงสมัยต้องพินาศอนาถครัน

** เหตุเพราะว่าขณะกินอาหาร
มีเหตุการณ์เกิดขึ้นดังอาถรรพ์
นกตังหนึ่งบินโผลงมาพลัน
ไปเหยียบหัวเพื่อนกันไม่เจตนา

** นกถูกเหยียบโวยวายสนั่นทุ่ง
พวกเพื่อนเพื่อนต่างมุ่งเข้ามาหา
แบ่งออกเป็นสองฝ่ายไม่รอรา
ต่างต่อว่าอีกฝ่ายน่าอายจริง

** จึงกลายเป็นน้ำผึ้งเพียงหยดเดียว
มาขับเคี่ยวกันไปในทุกสิ่ง
สามัคคีมลายคลายประวิง
อันวินัยถูกทิ้งไม่ไยดี

** นกหัวหน้าพูดจาคอยเกลี้ยกล่อม
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ้างศักดิ์ศรี
นกหัวหน้าเห็นว่าไม่เข้าที
ความพินาศจักมีอย่างแน่นอน

** จึงได้พาสมาชิกที่เป็นกลาง
หลีกหนีห่างออกไปใจทอดถอน
แม้นจากไปมิใช่ไม่อาวรณ์
แสนเร้ารอนจากไปจำใจลา

** ครั้นเวลาผ่านไปไม่นานนัก
นายพรานวางข่ายดักหมู่ปักษา
กระจาบติดตาข่ายดังเจตนา
ของพรานป่าเพื่อนำไปฆ่าแกง

** ฝ่ายกระจาบต่างเถียงกันและกัน
พวกเจ้านั้นเก่งกาจอาจกำแหง
อย่าชักช้านะเจ้ารีบแสดง
จงออกแรงดันตาข่ายให้พ้นไป

** เอาแต่เกี่ยงไม่สนใจในภาระ
ขาดธรรมะสามัคคีนี่ไฉน
ตกเป็นเหยื่อเป็นอาหารของพรานไพร
ขาดอะไรก็ไม่ร้ายเท่าขาดธรรม

** พรานจึงกล่าวคาถาว่าดังนี้
เมื่อเจ้ามีความร่าเริงช่างคมขำ
ก็สามารถดันตาข่ายได้ประจำ
ต่างก็ทำได้ดังใจไม่ร้อนรน

** แต่เมื่อใดที่พวกเจ้าเฝ้าทะเลาะ
เหมือนมีเคราะห์บาปกรรมอกุศล
ต้องเป็นเหยื่อของข้าพาอับจน
ขาดมงคลขาดใจในทันที

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #9 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 11:35:12 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๐  วาทศิลป์
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** อดีตกาลผ่านมาพระโพธิสัตว์
ได้อุบัติในตระกูลที่สุขสันต์
เป็นบุตรของเศรษฐีชื่นชีวัน
มีสินทรัพย์อนันต์สุขสบาย

** ครั้นวันหนึ่งจึงออกไปเดินเล่น
เพื่อรับลมเย็นเย็นกับสหาย
อีกสามคนที่รักกันมากมาย
เพื่อผ่อนคลายอารมณ์สมอุรา

** ขณะนั้นนายพรานบรรทุกเนื้อ
มากมายเหลือนำไปใจปรารถนา
เพื่อจะขายให้แก่ชาวพารา
จึงมุ่งหน้าตรงไปภายในเมือง

** สี่สหายเมื่อเห็นนายพรานป่า
จึงหันมาปรึกษาดำเนินเรื่อง
การใช้วาทศิลป์จินต์ประเทือง
ว่าใครจะปราดเปรื่องยิ่งกว่ากัน

** คนที่หนึ่งจึงเดินเข้าไปหา
นายพรานป่าด้วยหวังอย่างแม่นมั่น
แล้วจึงเริ่มเจรจาโดยเร็วพลัน
เฮ้ย ! พรานจงแบ่งปันเนื้อให้เรา

** นายพรานจึงร้องตอบออกไปว่า
ช่างหยาบคายหนักหนานะคนเขลา
เปรียบได้กับพังผืดตามทำเนา
จงรับเอาพังผืดอย่ารีรอ

** คนที่สองลองเอ่ยเผยวจี
นี่แนะ ! พี่จงแบ่งเนื้อนะเราขอ
ไปประกอบอาหารให้เพียงพอ
แก่ครอบครัวเถิดหนอโปรดเห็นใจ

** นายพรานจึงเอ่ยว่าคำว่าพี่
ฟังแล้วไพเราะดีจะมีไหน
ซึ่งเป็นส่วนประกอบมนุษย์ไง
ใช้เรียกขานทั่วไปในสังคม

**  คำพูดท่านเป็นเหมือนส่วนประกอบ
เราจะมอบเนื้อให้ตามเหมาะสม
คือเนื้อส่วนประกอบน่ารื่นรมย์
ตามคารมที่เอ่ยเผยออกมา

** คนที่สามมุ่งหมายได้ร้องขอ
พูดว่าพ่อให้เนื้อบ้างเถิดหนา
ตามที่เห็นสมควรจะกรุณา
โปรดเมตตาเถิดท่านวานแบ่งปัน

** นายพรานจึงพูดว่าคำว่าพ่อ
น่าชื่นใจยิ่งหนออกไหวหวั่น
ได้ยินคำว่าพ่อพอใจครัน
นิจนิรันดร์สุขใจหาใดปาน

** วาจาท่านนั้นเป็นเช่นน้ำใจ
เราจะให้ตอบแทนแสนไพศาล
ได้แก่เนื้อหัวใจใสตระการ
มอบให้ท่านรับไว้ได้อิ่มเอม

** คนสุดท้ายได้แก่โพธิสัตว์
ปฏิบัติด้วยใจอันเกษม
ภารกิจที่นับว่าเป็นเกม
เยื้องงกรายดังหงส์เหมชวนให้มอง

** จึงเอื้อนเอ่ยวาจาว่าเพื่อนเอ๋ย
อย่าช้าเลยโปรดได้ตอบสนอง
ให้เรานี้มีเนื้อเพื่อครอบครอง
เป็นเจ้าของสักนิดจิตเปรมปรีดิ์

** นายพรานฟังวาจาพาขนลุก
มีความสุขเกินคิดจิตผ่องศรี
วาจาโพธิสัตว์ฟังเข้าที
เอ่ยวจีกล่าวคาถาช่างน่าฟัง

** บ้านใดไม่มีเพื่อนเหมือนกับป่า
อันวาจาท่านนี้มีความหวัง
เปรียบได้เหมือนสมบัติทั้งเวียงวัง
โปรดจงฟังนะสหายให้หมดเลย

** อันเนื้อที่มีอยู่เราให้ท่าน
เพื่อนำกลับไปบ้านอย่างเปิดเผย
จงไปยังบ้านข้าอย่าละเลย
รีบขึ้นเกวียนเพื่อนเอ๋ยไปด้วยกัน

** เมื่อถึงแล้วโพธิสัตว์จึงจัดการ
พานายพรานไปบ้านของเขานั่น
พร้อมทั้งบุตรธิดามิช้าพลัน
อาศัยอยู่ด้วยกันทุกวันมา

** แล้วจึงให้ละเลิกการฆ่าสัตว์
สร้างแต่บุญเป็นวัตรดีหนักหนา
เกื้อกูลกันและกันมั่นสัญญา
ความเป็นเพื่อนเหนือกว่าจะบรรยาย

** ทั้งหมดนี้ที่เล่ากล่าวมานั้น
เพื่อที่จะยืนยันด้วยมุ่งหมาย
ว่าวาจาสุภาษิตดีมากมาย
ท่านทั้งหลายลองคิดดูจะรู้ดี

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #10 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 11:47:20 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๑  นกแขกเต้าเลี้ยงพ่อแม่
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** ณ หมู่บ้านชื่อว่า “สาลินทิยะ”
เศรษฐีมีภาระทำนาสวน
ได้จ้างให้คนทำตามกระบวน
ถึงเวลาอันควรก็งอกงาม

** ชื่อว่า “โกสิยะ” ทำนาข้าว
ประมาณราวพันไร่ไว้หาบหาม
ข้าวเจริญเติบโตทุกโมงยาม
ท่ามกลางฟ้าสีครามเขียวขจี

** ไม่ไกลจากทุ่งนาเป็นป่าเขา
ภูมิลำเนาของสัตว์เช่นปักษี
นับเป็นที่อาศัยปลอดภัยดี
อีกลิงค่างชะนีมีมากมาย

** อันพระโพธิสัตว์ถือกำเนิด
จุติลงมาเกิดเลิศเหลือหลาย
เป็นพญานกแขกเต้าเพริดพราวพราย
บริวารมากมายหลายร้อยตัว

** พญานกแขกเต้ามีพ่อแม่
ต้องดูแลและเทิดไว้เหนือหัว
มีลูกน้อยกลอยใจไม่หมองมัว
ต้องเลี้ยงดูจนทั่วทุกตัวตน

** คาบรวงข้าวมาฝากแม่และพ่อ
อีกลูกน้อยที่รอไม่หมองหม่น
แม้จะยากจะเหนื่อยก็สู้ทน
จิตใจช่างงามล้นเกินบรรยาย

** ครั้นวันหนึ่งพญานกแขกเต้า
ได้พาเหล่าบริวารสิ้นทั้งหลาย
มุ่งหน้าสู่ท้องนาอย่างสบาย
เพราะมีข้าวมากมายให้จิกกิน

** จึงบินลงที่นาของเศรษฐี
มองเห็นมีอาหารดังถวิล
นับจากนั้นก็มาเป็นอาจิณ
ทั้งจิกกินและคาบเอากลับไป

** คนเฝ้านามองเห็นตะโกนก้อง
ส่งเสียงร้องดังลั่นสนั่นไหว
เพื่อให้นกทั้งสิ้นรีบบินไป
แต่นกไพรไม่หนีดังที่คิด

** ในที่สุดยอมแพ้แก่ฝูงนก
แสนวิตกหนักหนาพาหงุดหงิด
จึงแจ้งแก่เศรษฐีให้พินิจ
แก้เหตุการณ์วิกฤตให้คืนดี

** ฝ่ายเศรษฐีทราบเรื่องขุ่นเคืองยิ่ง
ช่างเจ็บใจจริงจริงไม่สุขี
จึงได้มีคำสั่งในทันที
จงจับนกเหล่านี้มาให้เรา

** ลูกจ้างจึงรีบไปจัดการ
หมู่นกที่คอยผลาญเม็ดข้าวเขา
วางกับดักจับนกเพื่อบรรเทา
ภัยจากนกแขกเต้าเข้ารุกราน

** เป็นวาระโชคร้ายพญานก
เกิดดวงตกก้าวล่วงบ่วงสังหาร
ติดบ่วงดิ้นไม่หลุดสุดทรมาน
เพราะผลกรรมบันดาลให้เป็นไป

** ด้วยภาวะผู้นำจำทนนิ่ง
นึกเกรงกริ่งบริวารจะหวั่นไหว
หากรู้ว่าบัดนี้เกิดอะไร
คงจะบินหนีไปเพราะความกลัว

** จึงปล่อยให้พวกนกกินอาหาร
จนอิ่มหนำสำราญกันถ้วนทั่ว
ต่างพากันสดใสไม่หมองมัว
ให้สัญญาณทุกตัวรู้ถึงภัย

** บรรดานกตกใจรีบบินหนี
อย่างเร็วรี่เพื่อกลับที่อาศัย
พญานกก้มหน้าทอดอาลัย
ห้วงหทัยร้อนเร่าเฝ้ากังวล

** คนเฝ้านามาจับพญานก
เอาขึ้นมาแนบอกแล้วลูบขน
นำไปให้เศรษฐีมิวกวน
ดีใจล้นได้ขจัดเหล่าศัตรู

** โกสิยะจับนกแล้ววางไว้
แล้วจึงได้เอ่ยถามไม่ข่มขู่
มาคุยกันดีดีทดลองดู
เราอยากรู้ตอบได้จะปล่อยไป

** ทำไมหรือเจ้าจึงโลภมากหนอ
กินไม่พอยังคาบเอาไปไหน
หรือมียุ้งเพื่อเก็บตุนเอาไว้
เจ้าจึงได้คาบกลับไปรวงรัง

** พญานกจึงตอบว่าท่านเอ๋ย
ยุ้งข้าวไม่มีเลยตามคาดหวัง
ไม่โลภมากอยากได้เกินกำลัง
โปรดจงฟังเถิดหนอขอสาธยาย

** ประการหนึ่งพึงทราบเพื่อใช้หนี้
ประการสองนั้นมีจุดมุ่งหมาย
ให้เขากู้วันหน้าจะสบาย
ประการสามจะขยายเนื้อนาบุญ

** นำเอาไปฝังไว้เป็นขุมทรัพย์
เพื่อผลลัพธ์เบื้องหน้ามาอุดหนุน
จะมีผลยิ่งใหญ่ได้เจือจุน
นับเป็นการลงทุนที่สุนทร

** โกสิยะบอกว่าไม่เข้าใจ
จงรีบเผยเงื่อนไขอย่าหลอกหลอน
ฟังง่ายง่ายรู้เรื่องขออ้อนวอน
เป็นขั้นตอนว่ามาอย่ารีรอ

** จึงเอื้อนเอ่ยวจีมีความว่า
ท่านเจ้าขาโปรดฟังดังร้องขอ
ท่านผู้ให้กำเนิดได้เกิดก่อ
คือแม่พ่อมีคุณเจือจุนมา

** เวลาผ่านท่านก็แก่ลงมาก
ออกหากินลำบากยากหนักหนา
ต้องเลี้ยงดูตอบแทนตอนชรา
ข้าเรียกว่าใช้หนี้ผู้มีคุณ

** ส่วนลูกน้อยคอยพ่อรออาหาร
ต้องจัดการสรรหามาเกื้อหนุน
นำอาหารไปให้ด้วยการุณ
หวังพึ่งบุญตอนแก่และใกล้ตาย

** ข้าจึงได้เรียกการกระทำนี้
ว่าก่อหนี้มิใช่เรื่องเสียหาย
เป็นเรื่องดีมีคุณอย่างมากมาย
จะสบายได้พึ่งพาคราอ่อนแรง

** ยังมีนกชราและป่วยไข้
ข้าจึงได้เที่ยวไปเสาะแสวง
หาอาหารไปฝากอย่าเคลือบแคลง
เพื่อแสดงน้ำใจและไมตรี

** ได้ชื่อว่าขุมทรัพย์ที่ฝังไว้
หวังจะได้เป็นทุนบุญราศรี
การสั่งสมซึ่งบุญเป็นสิ่งดี
ส่งให้มีความสุขทุกวันคืน

** โกสิยะได้ฟังถึงนั่งอึ้ง
เกิดซาบซึ้งน้ำตาไหลไม่อาจฝืน
นกตัวนี้มีธรรมเป็นจุดยืน
เลี้ยงพ่อแม่และนกอื่นไม่เหมือนใคร

** โกสิยะกล่าวว่าต่อแต่นี้
ข้าวในนาที่มีเรายกให้
ลงมากินและจัดการเอาตามใจ
คาบกลับไปดังปรารถนาและต้องการ

** พญานกกล่าวตอบว่าขอบคุณ
ที่ค้ำจุนช่วยเหลือดังกล่าวขาน
ขอให้ท่านไร้ทุกข์สุขสำราญ
เป็นที่พึ่งอันเบิกบานและรื่นรมย์

** นกแขกเต้าปลอดภัยในครั้งนี้
เป็นเพราะคุณความดีที่สั่งสม
เลี้ยงบิดามารดาน่าชื่นชม
ให้ทุกคนในสังคมพึงสังวรณ์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #11 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 11:56:58 AM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๒  ตำราเลือกลูกเขย
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** อดีตกาลมีนิทานนำมาเล่า
เป็นเรื่องเก่าการเลือกคู่ดูเหมาะสม
จะอยู่ดีกินดีเอกอุดม
แสนสุขสมชื่นใจหาใดปาน

** ครั้งนั้นสมเด็จพระโพธิสัตว์
ได้อุบัติเป็นครูที่เรียกขาน
ว่าทิศาปาโมกข์ชำนาญการ
ผู้เชี่ยวชาญศิลปะวิทยา

** พราหมณ์คนหนึ่งมีลูกสาวสี่ใบเถา
งามเทียบเท่านางสวรรค์ชื่นหรรษา
ชายใดเห็นเป็นต้องถูกชะตา
อยากได้มาสมสู่เป็นคู่ครอง

** ในบรรดาชายหนุ่มที่รุมล้อม
หวังดมดอมเชยชมภิรมย์สอง
พราหมณ์ผู้พ่อจับตาเฝ้าคอยมอง
เลือกคู่เคียงประคองให้ลูกตน

๓๕๑. ** มีชายหนุ่มสี่คนน่าสนใจ
คุณสมบัติต่างกันไปตามกุศล
เคยทำดีได้ดีมีมงคล
เคยทำชั่วไม่พ้นผลไม่ดี

** คนที่หนึ่งรูปหล่อเป็นยิ่งนัก
ช่างน่ารักงามสง่ามีราศี
ทั้งกิริยาวาจาก็เข้าที
เอ่ยวจีอรรถรสปรากฏไกล

** คนที่สองผ่านโลกมาหลายฝน
อายุพ้นวัยเด็กเป็นผู้ใหญ่
สัมผัสสุขและทุกข์ผลัดเปลี่ยนไป
สุดหาใครเป็นคู่ครองอกหมองตรม

** คนที่สามร่ำรวยลูกเศรษฐี
ตระกูลดีเป็นผู้ที่เหมาะสม
เป็นคู่ครองสาวสาวร่วมภิรมย์
คงสุขสมฤดีมิเสื่อมคลาย

** คนที่สี่มีศีลธรรมแสนล้ำเลิศ
ก่อให้เกิดกุศลผลมากหลาย
งามสง่าอำไพทั้งใจกาย
หญิงมากมายหมายจองครองคู่กัน

** พราหมณ์พ่อไม่สามารถเลือกใครได้
เพื่อจะให้ลูกสาวร่วมสร้างฝัน
เป็นเพื่อนคิดคู่ใจไปนานวัน
สายสัมพันธ์มั่นคงยิ่งยืนนาน

** จึงไปหาอาจารย์ท่านปาโมกข์
ผู้เข้าใจเรื่องโลกโชคไพศาล
เริ่มปรึกษาหารือผู้เชี่ยวชาญ
เล่าเหตุการณ์ทั้งหลายให้ได้ฟัง

** หลังจากนั้นจึงถามถึงความเห็น
ควรเลือกเฟ้นคนใดจึงสมหวัง
ผู้ที่ควรครองคู่อยู่จีรัง
โปรดแนะนำสักครั้งเป็นพระคุณ

** ฝ่ายพระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า
แม้รูปร่างร่างกายาเป็นส่วนหนุน
ให้ดูดีมีค่ามาเจือจุน
แต่ขาดศีลเป็นทุนก็สิ้นงาม

** ถ้าเป็นเราจะเลือกคนมีศีล
เป็นไทยจีนก็สูงค่าน่าเกรงขาม
กลิ่นของศีลหอมฟุ้งทุกโมงยาม
ไม่ผลีผลามยามเดินและนั่งนอน

** แล้วจึงเอ่ยวจีเป็นคาถา
เจตนาให้ฟังดังคำสอน
รูปสวยตระกูลดีมีคลายคลอน
ถ้ามีศีลถาวรปราศจากภัย

** พราหมณ์ได้ฟังชอบใจไม่รอช้า
รีบกลับคืนเคหาที่อาศัย
ครั้นถึงจึงบอกสี่อรทัย
เรื่องคู่ครองทรามวัยโดยเร็วพลัน

** พราหมณ์จึงยกสี่สาวที่สดใส
ให้คนมีศีลไปด้วยใจมั่น
ต้องอยู่ดีมีสุขชั่วนิรันดร์
ทุกคืนวันก้าวหน้าพาเพลิดเพลิน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #12 เมื่อ: 29, เมษายน, 2559, 12:13:05 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๓  พญาเนื้อทอง
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** ณ ชายป่ายังมีพญาเนื้อ
ผิวดังทองงามเหลือหาใครเหมือน
มีกวางสาวเนื้อเย็นเป็นขวัญเรือน
อยู่เคียงคู่เป็นเพื่อนที่รู้ใจ

** ครอบครองบริวารราวแปดหมื่น
คอยหยิบยื่นสิ่งดีดีมีมอบให้
รักบริวารเท่ากันทุกตัวไป
มีจิตใจเป็นธรรมไม่ลำเอียง

** ครั้นวันหนึ่งจึงได้พาลูกน้อง
ที่ปกครองไปหากินในถิ่นเสี่ยง
ปากเล็มหญ้าตาจ้องคอยมองเมียง
หูฟังเสียงต่างต่างอย่างจริงจัง

** ด้วยผลกรรมทำไว้ในกาลก่อน
กลับมาย้อนส่งผลดังมนต์ขลัง
กินใบไม้เพลินไปไม่ระวัง
ก้าวสู่ฝั่งวังวนบ่วงนายพราน

** เผลอก้าวเท้าเข้าบ่วงพรานดักไว้
รู้ตัวได้ถึงภัยใจร้าวฉาน
รีบสลัดให้หลุดสุดทรมาน
น่าสงสารเจ็บปวดรวดร้าวกาย

** จึงร้องบอกพวกพ้องทั้งน้องพี่
ที่แห่งนี้มีภัยรีบผันผาย
จงหนีไปให้ไกลก่อนวางวาย
มีความตายรอท่าอย่าช้าพลัน

** อันตัวเราติดบ่วงของพรานแล้ว
ไม่คลาดแคล้วชีวาต้องอาสัญ
เป็นอาหารพรานไพรใจฉกรรจ์
อย่าห่วงฉันรีบหนีไปไวไว

** เหล่าบริวารตกใจไม่ยั้งคิด
ต่างก็รักชีวิตกว่าสิ่งไหน
ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ยาวไกล
ทิ้งหัวหน้าเอาไว้เพียงตัวเดียว

** ฝ่ายนางกวางภรรยาบ่ายหน้าหนี
เพื่อรักษาชีวีไม่เฉลียว
ถึงกวางผู้สามีสักนิดเทียว
จึงปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวอย่างเดียวดาย

** เมื่อหนีไปนิดหนึ่งพึงสังหรณ์
นึกอาวรณ์ถึงสามีที่เงียบหาย
ไม่ติดตามกันมาหรือว่าตาย
จึงย่างกรายกลับไปใจไม่ดี

** มองเห็นกวางสามีที่ยืนอยู่
จึงได้รู้ไม่ตายให้สุขี
เข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเผยวจี
เหตุไฉนหนอพี่จึงไม่ไป

** พญากวางจึงเผยเอ่ยวาจา
อันตัวพี่นี่หนาไปไม่ได้
ขาของพี่ติดบ่วงของพรานไพร
เมื่อเข้าใจอย่าช้าจะอันตราย

** นางกวางน้อยจึงตอบขอบคุณพี่
ตัวน้องนี้ไม่กลัวภัยทั้งหลาย
จะขออยู่ที่นี่กับพี่ชาย
ถ้าต้องตายขอตายไปด้วยกัน

** ไม่ช้านานพรานป่าก็มาถึง
นางกวางจึงเอ่ยถ้อยค่อยเสกสรร
ขอจงได้เมตตาอย่าฆ่าฟัน
โปรดเถอะไว้ชีวันพญากวาง

** ถ้าจะฆ่าโปรดจงฆ่าเราก่อน
ให้ม้วยมรณ์สิ้นใจไม่ขัดขวาง
แล้วค่อยฆ่าสามีให้วายวาง
ชีพอับปางดับไปไม่เสียดาย

** พรานป่าฟังน้ำคำชื่นฉ่ำนัก
เป็นความรักยิ่งใหญ่สมใจหมาย
กล่าววาจาจับใจไม่เสื่อมคลาย
แม้ความตายไม่หวั่นพรั่นพรึงเลย

** ไม่เคยเห็นมีใครในโลกนี้
ยอมสละชีวีหน้าตาเฉย
เพื่อผัวที่ตนรักจักเสบย
จึงได้เอ่ยวาจาน่าชื่นใจ

** พรานป่าชอบจึงตอบวจีว่า
เราไม่ฆ่าเจ้าทั้งสองหยุดร้องไห้
จะปล่อยเจ้าทั้งสองเข้าป่าไป
ขอจงได้สุขสันต์นิรันดร์กาล

** นางกวางป่าจึงตอบขอบคุณมาก
ก่อนลาจากอยากขอจงสงสาร
อย่าทำร้ายสัตว์ป่าให้ร้าวราน
จงหยุดการฆ่าฟันให้บรรลัย

** ก่อนจากไปพญากวางจึงมอบแก้ว
ให้พรานแล้วจึงได้เอ่ยปราศรัย
เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้อภัย
ตลอดอายุขัยจงทำดี

** หมั่นทำทานรักษาศีลภาวนา
มีเมตตาเอื้อเฟื้อเพื่อสุขศรี
จงเอาแก้วที่ให้เลี้ยงชีวี
ทำบุญตามที่มีโอกาสทำ

** ขอลาทีวันนี้ขอลาแล้ว
ทำให้ใจแน่แน่วอย่าถลำ
แล้วตั้งตนตั้งใจมั่นในธรรม
ละเวรกรรมห่างอบายได้สุขเลย

** การสงเคราะห์แก่กันพลันเกิดสุข
ห่างจากทุกข์ดังที่ได้เปิดเผย
เรื่องของกวางทั้งคู่ชื่นชูเชย
ต่างก็ไม่ละเลยความสัมพันธ์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, หนูหนุงหนิง, Black Sword, หญิงหนิง พราววลี, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #13 เมื่อ: 30, เมษายน, 2559, 05:55:54 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๔  การทำงานไม่ถูกขั้นตอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** สมัยหนึ่งที่องค์พระศาสดา
เสด็จยังพาราสาวัตถี
ประทับที่เชตวันอันโสภี
แล้วทรงมีดำรัสตรัสเรื่องราว

** ทรงปรารภภิกษุผู้เกียจคร้าน
จึงได้ยกตำนานที่อื้อฉาว
ในกาลก่อนก็เกียจคร้านมานานยาว
โดยบอกกล่าวเป็นนิทานเล่าขานมา

** ในเมืองตักศิลาคราครั้งก่อน
มีผู้สอนศิลปะเก่งหนักหนา
คือทิศาปาโมกข์ยอดวิทยา
ผู้เก่งกล้าวิชาเชี่ยวชำนาญ

** มีลูกศิษย์ประมาณห้าร้อยคน
คอยสั่งสอนฝึกฝนจนแตกฉาน
จนขึ้นชื่อลือชาวิชาการ
ผู้อาจารย์ชื่นสุขทุกทิวา

** ครั้นวันหนึ่งบรรดาสานุศิษย์
จึงได้คิดร่วมใจกันเข้าป่า
เพื่อเก็บผักหักฟืนไม่รอรา
รีบมุ่งหน้าเข้าไพรดังใจปอง

** เมื่อถึงป่าต่างพากันเก็บฟืน
อย่างราบรื่นสดใสไม่หม่นหมอง
ต่างส่งเสียงล้อกันอย่างคะนอง
บ้างก็ร้องเพลงเล่นไม่เป็นภัย

** อีกนายหนึ่งซึ่งเป็นคนเกียจคร้าน
หลบหลีกการทำงานเป็นนิสัย
ในวันนี้ทิ้งเพื่อนไม่อาลัย
อีกสมัยที่แอบหนีไปนอน

** ตกเย็นเพื่อนมัดฟืนขึ้นใสบ่า
ได้เดินมาสะดุดเข้าคิดว่าขอน
สะดุ้งตื่นขึ้นมาพาร้าวรอน
ใจอาวรณ์ไม่มีฟืนยืนเศร้าตรม

** ตะลีตะลานปีนป่ายขึ้นต้นกุ่ม
ดังไฟสุมร้อนเร่าเศร้าขื่นขม
รีบดึงกิ่งมาหักไม่รื่นรมย์
กิ่งกลมกลมดีดตาพาบอดเลย

** ได้กิ่งไม้สดสดมาหน่อยหนึ่ง
แล้วรีบบึ่งกลับสำนักไม่อยู่เฉย
ความเกียจคร้านพาลเสียเหมือนเช่นเคย
จะขอเผยฉากสุดท้ายให้ได้ฟัง

** เย็นวันนั้นอาจารย์ได้รับเชิญ
นับเป็นเหตุบังเอิญแต่หนหลัง
ต้องรีบทานข้าวเช้าเพิ่มพลัง
จึงได้สั่งแม่ครัวฝีมือดี

** พรุ่งนี้เช้าจงรีบทำอาหาร
เราจะต้องรีบทานอย่างด่วนจี๋
ก่อนจะไปประกอบกิจพิธี
เพื่อให้มีมงคลไม่ลนลาน

** ครั้นรุ่งเช้าแม่ครัวรีบก่อไฟ
เพื่อจะได้ประกอบมวลอาหาร
จึงหยิบฟืนที่นำมาเมื่อวาน
ของลูกศิษย์ที่เกียจคร้านไม่รอรา

** ก่ออย่างไรแต่ไฟไม่ยอมติด
เป็นเพราะฟืนทำพิษสร้างปัญหา
เพราะฟืนสดทำให้จนปัญญา
จนเวลาผ่านไปไม่ได้กิน

** ศิษย์ผู้ที่เกียจคร้านในกาลนั้น
คือภิกษุปัจจุบันถูกติฉิน
ว่าเกียจคร้านการงานเป็นอาจิณ
เกิดมลทินงานอากูลอาดูรเกิน

** ต้องขยันอย่าเกียจคร้านงานทั้งหลาย
ได้สบายนับอนันต์ชนสรรเสริญ
จะก้าวหน้าพบแต่ความเจริญ
และเพลิดเพลินอุดมผลเป็นมงคล

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : อิงดาว พราวฟ้า, หญิงหนิง พราววลี, Black Sword, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
ผู้มีจินตนาการ
****

จำนวนผู้เยี่ยมชม:879
ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID Number: 124
จำนวนกระทู้: 134



เว็บไซต์
| |
Re: นิทานธรรม
« ตอบ #14 เมื่อ: 30, เมษายน, 2559, 06:06:47 PM »
บ้านกลอนน้อยฯบ้านกลอนน้อยฯ

Permalink: Re: นิทานธรรม

นิทานธรรม
เรื่องที่ ๑๕  ยอดทาน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
** สมัยหนึ่งสมเด็จพระศาสดา
หวังให้ชาวประชามีสุขสันต์
เสด็จมาประทับ ณ เชตวัน
สาวัตถีจอมราชันพระทรงชัย

** ในครั้งนั้นยังมีอุบาสิกา
ชื่อ “นันทมารดา” พิสมัย
ได้ถวายทักษิณาทานมัย
โดยไม่ต้องสงสัยเพราะศรัทธา

** เป็นทานที่ประกอบด้วยองค์หก
จึงได้ยกพระธรรมเทศนา   (เทศนา  อ่านว่า  เทด-สะ-หนา)
แสดงแก่ภิกษุที่ได้มา
ณ ธรรมสภาพร้อมหน้ากัน

** ภิกษุเอ๋ย....จงฟังเราจะกล่าว
ถึงเรื่องราวทักษิณาอย่าไหวหวั่น
แบ่งออกเป็นสองส่วนที่สำคัญ
ส่วนประกอบย่อยนั้นมีหกองค์

** ส่วนประกอบที่หนึ่งคือ “ผู้ให้”
เรียกง่ายง่ายว่า “ทายก” ผู้ประสงค์
จะแบ่งปันส่วนที่มีโดยจำนง
แบ่งเป็นองค์ย่อยย่อยสามประการ

** หนึ่ง “ก่อนให้เป็นผู้ที่จิตใจดี”
เอื้ออารีเมตตามาประสาน
ปราศจากอกุศลคนใจพาล
การทำทานเป็นมงคลผลอุดม

** สอง “ขณะให้มีจิตใจที่เลื่อมใส”
ประกอบไปด้วยศรัทธาอันเหมาะสม
เชื่อมั่นในความดีน่านิยม
เป็นปฐมของการให้ได้ผลบุญ

** สาม “ปลื้มใจในการที่ได้ให้”
กุศลที่ทำไว้ได้อุดหนุน
การสั่งสมความดีย่อมมีคุณ
คอยเจือจุนส่งให้ได้วิมาน

** ส่วนประกอบที่สองคือ “ผู้รับ”
“ปฏิคาหก” เป็นศัพท์ที่เรียกขาน
มีผู้ให้ขาดผู้รับก็ป่วยการ
สองประสานจึงเกิดผลดังใจ

** อันผู้รับนั้นมีสามส่วนย่อย
ดูเหมือนน้อยแต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่
ลองศึกษากันดูเรื่อยเรื่อยไป
แล้วจะได้รู้ว่าค่ามากมาย

** หนึ่ง “เป็นผู้ปราศจากตัวราคะ”
หรือโลภะตัณหาพาฉิบหาย
ความกำหนัดยินดีในรูปกาย
หรือความหมายกรงขังทางปัญญา

** สอง “เป็นผู้ปราศจากตัวโทสะ”
คือความโกรธมักจะสร้างปัญหา
ทุจริตทั้งใจกายวาจา
ขาดเมตตาการุณและปราณี

** สาม “เป็นผู้ปราศจากตัวโมหะ”
คือความหลงไม่ละพาหมองศรี
ความมัวเมายึดมั่นเป็นราคี
ล้วนไม่ดีมีกิเลสเหตุงมงาย

** ภิกษุเอ๋ย...ทักษิณาที่ว่านี้
ย่อมจะมีคุณค่าดังมุ่งหมาย
มีความสุขสงบทั้งใจกาย
ทั้งผลบุญมากมายเกินประมาณ

** เปรียบดังน้ำในห้วงมหาสมุทร
มันมากสุดที่จะบวกลบคูณหาร
ดุจดังผลของทักษิณาทาน
แม้จักรวาลไม่อาจเปรียบเทียบผลบุญ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา



รายนามผู้เยี่ยมชม : หญิงหนิง พราววลี, Black Sword, ปลาย อักษร

บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ  ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต  และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ
..
สารบัญบทกลอน  "สมพงศ์ ชูสุวรรณ"
..
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.339 วินาที กับ 292 คำสั่ง
กำลังโหลด...