Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10402
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
เจรจาวานเอ่ยเอื้อน......อรรถแถลง กลอนเก่าวานแจกแจง.......บ่งถ้อย กลอนหายหดคลางแคลง.....พาตระหนก อกเอย มั่นจิตเว็บบ้านน้อย............รักษ์ไว้อยู่ดี ฯ : . - Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา)
กลอนไหนหายหรือครับ กระทู้ไหนหายครับผม
|
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, นักเลงกลอน, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, เนื้อนาง นิชานาถ, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, กรกช, ปลายฝน คนงาม, เนิน จำราย, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, กุพชกะ, หนูหนุงหนิง, ชลนา ทิชากร, เส้นชีวิต ดำเนินไป, Mr.music, Thammada, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
"กลอนหายหลายกระทู้" ถูกถาม ให้ช่วยขยายความ แห่งถ้อย Black Sword ad อาราม แคลงจิต หาใช่บ้านกลอนน้อย ปลอดถ้อยหมายถึง สริญ สิริรัฐ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, เนื้อนาง นิชานาถ, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, กรกช, ปลายฝน คนงาม, เนิน จำราย, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, กุพชกะ, หนูหนุงหนิง, ชลนา ทิชากร, เส้นชีวิต ดำเนินไป, รพีกาญจน์, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
Black Sword
ผู้บริหารเว็บ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 65535
ออฟไลน์ID Number: 88
จำนวนกระทู้: 10402
เมื่อ มยุรธุชกางปีกฟ้อน... มวลอักษรก็ร่อนรำ
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
ขอบคุณครับ สำหรับความกระจ่าง เพราะอ่านแล้วพาให้เข้าใจว่า กลอนหายที่เว็บบ้านน้อยนี้ ทั้งเห็นบอกให้ช่วยกู้ให้ด้วย เมื่อหายที่เว็บอื่นขอแสดงความเสียดายแทนด้วยครับผม
- Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา)
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, เนื้อนาง นิชานาถ, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, กรกช, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, เนิน จำราย, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, นักเลงกลอน, กุพชกะ, หนูหนุงหนิง, ชลนา ทิชากร, เส้นชีวิต ดำเนินไป, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
รพีกาญจน์
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
กลอนของกระผมหายเยอะเลย รู้น้อยเวลาไม่ค่อยมีเก็บไม่เป็น โชคดีที่มีอยู่บ้านนี้ครึ่งหนึ่งครับ
:a020: :a020: :a020:
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, เนื้อนาง นิชานาถ, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, กรกช, น้ำหนาว, เนิน จำราย, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, นักเลงกลอน, กุพชกะ, หนูหนุงหนิง, ชลนา ทิชากร, เส้นชีวิต ดำเนินไป, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทุกคนมีเครดิต แต่ทำลายได้ง่าย สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก ....
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
เข็นบทกลอนบทหนึ่งถึงคนหน่าย ฝากรำบายความในฤทัยหนาว ส่งถึงเธอเฟ้อเฟื่องเป็นเรื่องราว ต่อความยาวท้าวความหวามวิญญา
ยังคงรักปักจิตและคิดฝัน ถ้อยรำพันคร่ำครวญใคร่หวนหา แอบยลพักตร์จุมพิตในนิทรา จ่อมมายาความหลังสั่งให้จำ
คิดถึงเธอเพ้อหนักรักนิ่มน้อง แม่เนื้อทองเอวกลมที่คมขำ เคยเรียบเรียงเพียงกลอนป้อนลำนำ ทุกเช้าค่ำส่งนุชสุดบรรเทา
หากยังมีที่ฝัน ณ วันว่าง อย่าลาร้างเรือนฝัน ณ วันเก่า วันที่สิงอิงแอบนอนแนบเนา คืนที่เฝ้าชมจันทร์ ฉันและเธอ
อาจวันนี้มีห่างร้างลาจาก การพลัดพรากเพียงทำย้ำเสนอ ให้ปวดร้าววิญญาเจียนบ้าเบลอ ครวญพร่ำเพ้อเพียงคุณกรุ่นดวงมาน
บทกลอนมิมีคำล้ำความหมาย บอกบรรยายความในไร้แก่นสาร อาจทำใครหลายคนบ่นรำคาญ เพียงแค่อ่านแล้วจากยากเหลือบแล.สริญ สิริรัฐ .gif)
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, กุพชกะ, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, Black Sword, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กอหญ้า กอยุ่ง, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
มากแกว่..แพ้น้อย..อันหินใหญ่ มีหนึ่ง ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย กรวดทราย ตั้งหลายแสน เหมือนเหล็กแท่ง หนึ่งเดียว เกี่ยวเป็นแกน ก็เหนียวแน่น กว่าไม้ หลายท่อนซุง
แลเพชรแท้ แม้หนึ่ง พึงสูงค่า ยิ่งไปกว่า เกร็ดสี มณีหุง อันตะกั่ว ทองเหลือง เมลืองปรุง ฤาหมายมุ่ง เทียบผอง ทองนพคุณเพิ่งได้ประจักษ์ในคำว่า "ปริมาณไม่ใช่สิ่งสำคัญ"จริงๆ บางครั้ง มากกว่า อาจจะแพ้น้อยกว่าก็เป็นได้...... สริญ สิริรัฐ อะไีรบ้าง ที่มากกว่า แต่อาจจะแพ้น้อย ???
๑. การใบ้หวย คนที่บอกหลายตัว ยาวเป็นหางว่าว ย่อมจะแพ้คนที่บอกตัวเดียวตรงๆแล้วถูก ๒. การยิงปืน คนที่ใช้กระสุนหลายนัดเข้าเป้า ย่อมแพ้คนที่ใช้กระสุนนัดเดียวก็เข้าเป้า ๓. ความขี้เหร่ คนขี้เหร่มากย่อมจะแพ้คนขี้เหร่น้อย ๔. การตัดสินด้วยวิธีมติเอกฉันท์ ๑ เสียง จะชนะทุกเสียง  (อธิบาย. การลงมติด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ หมายความว่า การลงเสียงที่ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด จะมี เสียงใดเสียงหนึ่งค้านไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามี ๙ เสียง ก็ต้องให้ทั้ง ๙ เสียงนั้นเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดจึงจะถือว่าผ่าน แต่ถ้า มีแม้แต่เสียงเดียว ที่คัดค้าน ไม่เห็นด้วย แม้อีก ๘ เสียงจะบอกว่าผ่าน มตินั้นก็จะล้ม เป็นโมฆะทั้งหมด นี้คือ ๑ เสียงชนะทุกเสียง หรือเสียงข้างน้อยชนะเสียงข้างมากได้)
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลิตเติลเกิร์ล, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, Black Sword, ชลนา ทิชากร, ปลายฝน คนงาม, เส้นชีวิต ดำเนินไป, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
กลอนเฉยๆ กลอนธรรมดา
กลอนของฉันมันอาจมีพลาดผิด ด้วยแรงฤทธิ์มนตร์ขลังหูฟังเสียง เปรียบเทียบด้วยตรองตรึกไม่นึกเอียง ตัดสินเพียงด้วยหูรู้ด้วยยิน
จึงอาจจักหลักคลื่อนไม่เหมือนเขา เพราะหลักเราคือโสตใช่โขดหิน ย่อมเหหันส่ายไปตามใจจินต์ ยามตัดสินก็อาจมีพลาดแพลง
โอ้ละหนอกลอนเราถูกเขาว่า ถ้อยลิขิตผิดท่าภาษาแผลง ใช้ปะปนจนเลอะเปรอะแปลกแปลง ทุ่มแถลงโวหารมิผ่านเกณฑ์
คงมิใช่กลอนไทยไร้สุภาพ เป็นกลอนหยาบออกอ่าวลาวเขมร เพราะแต่งแบบผิดเยี่ยงแน่วเบี่ยงเบน ก็เป็นเวรของฉันนั้นแหละเออฯ
มีคนเขาบอกว่า กลอนที่ใช้ "เต็ม" รับสัมผัสกับ "เข้ม" หรือ "เย็น" รับสัมผัสกับ "เน้น" นั้น เป็นกลอนผิดๆ เพราะใช้สระคนละเสียงมารับสัมผัสกัน จึงผิดฉันทลักษณ์ เขาว่ามาอย่างนั้นนะ ผมอ่านแล้วก็ได้แต่รู้สึกอึดอัดใจ ใจไม่อยากจะยอมรับ เนื่องจากว่า ภาษาของเรานั้น มีสองแบบ คือ ๑. ภาษาพูด หมายถึงถ้อยคำที่เราเปล่งออกจากปาก ออกจากลำคอ ออกจากกล่องเสียง กลายเป็นคลื่นความถี่ แล้วไปเข้าหูของอีกฝ่ายหนึ่ง ภาษาพูดตัวนี้ คือเสียงที่แท้จริง และมีมาแต่ดั้งเดิม ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร เพื่อใช้แทนคำพูด
๒.ภาษาเขียน ก็คือ บรรดาตัวอักษร สระ และพยัญชนะ ที่คนเราคิดค้นขึ้นมาใช้เป็นเครื่องหมายแทนคำพูด ซึ่งก็ได้แก่ หยดหมึกที่เราเขียนลงในกระดาษหรือสิ่งอื่นๆ แทนคำพูด มีการหมายให้รู้ว่า สระ พยัญชนะ ตัวนี้ๆ ใช้แทนคำพูดที่เป็นคลื่นเสียงนี้ๆ ภาษาเขียนนี้ เกิดทีหลังภาษาพูด และใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแทนภาษาพูด
ทีนี้ปัญหาของภาษาไทยเราก็คือ คำพูดบางคำ เราพูดออกเสียงอย่างหนึ่ง แต่เขียนอีกแบบหนึ่ง พูดง่ายๆว่า เขียนไม่ตรงกับที่พูด หรืออ่านออกเสียงไม่ตรงกับที่เขียน เช่นคำว่า ใต้ เราเขียนว่าใต้ แต่เรา พูดออกเสียงว่า ต้าย หรือไม้ เราเขียนว่า ไม้ แต่เราพูดออกเสียงว่า ม้าย เจริญ เราเขียนว่าเจริญ(เจ-ริญ) แต่เราอ่านออกเสียง จะเริญ อย่างนี้ เป็นต้น
ในเมื่อคำบางคำเราเขียนอย่างหนึ่ง แต่พูดหรืออ่านออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง ไม่ตรงกันอย่างนี้ เราจะยึดถืออะไรเป็น หลัก เช่นคำว่า เห็น-กับคำว่า เล่น ซึ่งมีผู้รู้ให้ความเห็นว่า ใช้ลงสัมผัสกันในกลอนไม่ได้ เพราะเห็น กับ เล่น นั้น เป็นคนละเสียงกัน เนื่องจากมาจาก สระคนละตัว คือเห็น มาจากสระเสียงสั้น สระเอะ ส่วน เล่น มาจากสระเสียงยาว คือ สระเอ ดังนั้น สองคำนี้ ถ้าใชรับกันในการแต่งกลอนสุภาพ ถือว่า ผิด กลอนที่แต่ง ก็เลยกลายเป็นกลอนผิดๆ แต่ผมอยากจะคิดว่า คนที่กล่าวเช่นนี้ มองแค่การเขียน คือมองที่หยดน้ำหมึกที่ถูกนำมาขีดเขียนเป็นรูปตัวอักษรเท่านั้น ไม่ได้ฟังที่คนเขาพูด หรือเขาอ่านออกเสียง ว่า เย็น เห็น เป็น---- เล่น เช่น เว้น เร้น เส้น นั้นคนไทยเรา ออกเสียงเช่นไร(เสียงที่ถูกเปล่งออกจากปาก) ดังนั้น จึงบอกว่า รับสัมผัสกันไม่ได้ แต่ถ้าเราถือเอาเสียงตามที่หูได้ยินเป็นหลัก เราจะรู้ว่า คำเหล่านี้ รับสัมผัส กันได้ เพราะเราออกเสียงสั้นกระชั้นเหมือนกัน ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราฟังจากเสียงเป็นหลัก กลอนที่ใช้ คำว่า เวร เอน เลน เกณฑ์ มารับผัสกับคำว่า เผ่น เข่น เล่น เช่น เว้น เต้น เราจะรู้สึกทันทีว่า เสียงมันไม่เข้ากัน (โดยอาศัยการฟังด้วยหูเป็นหลัก)
อย่างไรก็ดี การที่มาเที่ยวชี้ว่าโน่นผิดนี่ผิดนั้น มันเลยเถิดเกินขอบเขตอำนาจของตน จนล่วงล้ำไปถึง ระดับบูรพาจารย์ด้วย ด้วยว่า กลอนเก่าๆระดับครู เช่นกลอนสุนทรภู่ กลอนของกวีรุ่นเก่าๆ ที่อายุเกิน ร้อยปีขึ้นไป ที่เรานับถือว่าเป็นกลอนของครูนั้น ท่านใช้คำเหล่านี้ด้วย ก็ในเมื่อบุคคลที่เราถือว่าเป็นครูกลอน ท่านก็ใช้ แล้วมีบุคคลบางจำพวกในยุคนี้(ซึ่งเราเอ็งก็ไม่ทราบว่า ท่านมีความปราดเปรื่องสามารถมากแค่ไหน) มาชี้ว่า นั่นผิด นี่ผิด ชี้ไปชี้มา ก็มาโดนครูอาจารย์เราด้วย เราย่อมรู้สึกอึดอัด
อย่างกลอนบนี้ในบทที่ ๓ ที่ลงท้ายว่า เกณฑ์ ซึ่งเป็นคำเสียงยาวแล้ว ถ้าจะให้ลงรับสัมผัสว่า เผ่น หรือ เข่น ก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเต็มประดา เพราะว่า ฟังดูแล้ว คล้ายเป็นคนละเสียงกัน แต่ถ้าเป็นท่านที่ว่า คิดว่าคงให้ผ่านละมั้ง ถ้าเกณฑ์ จะรับผัสด้วย เผ่น หรือ เต้น ที่เป็นแบบนี้ ก็คงจะเป็นเพราะผม แต่งกลอน โดย ใช้เสียง ใช้หู เป็นหลักในการตัดสินนั่นเอง
แต่ในคำบางคำ ที่ใช้สระเสียงสั้น สัมผัสกับสระเสียงยาว เช่น การ สัมผัสกับ กัน หรือ ปีน สัมผัส กับ บิน แบบนี้ ผมไม่เถียง เพราะว่า เสียงต่างกันจริง
"ผมคิดว่า มันคงถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องแบ่งแยกกันให้ชัดเจนระหว่าง กลอนแปดเฉยๆ กลอนแปดธรรมดา หรือกลอนแปดดั้งเดิม กลอนแปดแบบที่สุนทรภู่แต่ง กับกลอนแปดที่เป็นกลอนสุภาพ ที่กลุ่มนักกวี รุ่นใหม่บางกลุ่ม บัญญัติกฏระเบียบปลีกย่อยจนหยุมหยิม แล้วก็มาเที่ยวชี้ว่า กลอนคนนั้นผิด กลอนคนนี้ผิด ทั้งๆที่บางอย่าง โบราณท่านก็ใช้ ก็น่าจะแบ่งชนิดกันซะ ว่า เออ นี่กลอนแปดธรรมดา กลอนแปดสุนทรภู่ แต่งแบบนี้ได้ นี่กลอนแปดที่เป็นกลอนสุภาพ มีกฏระเบียบที่เคร่งครัดมากขึ้นกว่ากลอนทั่วไป ถ้าแบ่งแยกกันให้ชัดเจนอย่างนี้ มันก็จะไม่เกิดการล่วงละเมิดกันอย่างที่เป็น ไอ้ละเมิดตัวเรายังไม่เท่าไหร่ แต่ละเมิดไปจนถึงระดับที่นับถือกันว่าเป็นกลอนของ บูรพาจารย์ด้วยนี่สิ...มันน่า...."
สริญ สิริรัฐ
:045:
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, Black Sword, ชลนา ทิชากร, เส้นชีวิต ดำเนินไป, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, เนื้อนาง นิชานาถ, ก้าง ปลาทู, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
*กาพย์ ดอกแคร่วง**ฉันใช่นักกลอน ศิษย์ครูสนทร- ภู่ทั่น ฝึกหัดประพันธ์ ถ้อยคำจำนรรจ์ แถลง กาพย์กลอนจัดแจง อ่านเรียนเขียนแต่ง ร่ำไป ฉันแสนสุขใจ ยิ่งกว่าสิ่งใด ในโลก ฉันเหมือนมีโชค ทิ้งความเศร้าโศก เบื้องหลัง ตัวฉันจริงจัง ขอร้องดังดัง ซักทีฯ*
ฯลฯ จะมีรึไม่มีใครอ่าน ก็ช่างหัวมัน เป็นเรื่องของฉันท์ ไม่เกี่ยวกับใคร แต่ขออย่างเดียวเลยท่าน ได้โปรดสงสาร ในถ้อยขับขาน ฉันหน่อยได้ไหม ได้โปรดจงเห็นใจ อย่าโห่ขับไล่ กันเลยเอย. สริญ สิริรัฐ หมายเหตุ กาพย์ดอกแคร่วง เป็นกาพย์ที่ คุณ ศิวกานต์ ปทุมสูตรประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในหนังสือ เพื่อนแก้วคำกาพย์
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, กอหญ้า กอยุ่ง, ลมหนาว ในสายหมอก, ชลนา ทิชากร, Black Sword, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, เนื้อนาง นิชานาถ, ก้าง ปลาทู, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
กาพย์ดอกแคร่วง นกยูงรำแพน
กาพย์ดอกแคร่วง ๑๐
นกยูงรำแพน ช่างสวยสุดแสน งามตา
เปรียบดวงดารา พราวพริบวิบฟ้า นับพัน
ช่างเอยวาดฝัน ธรรรมชาติจัดสรร เจ้ายูง
ไยเจ้าอยู่สูง ผิดนกแผกฝูง ทั่วไป
เจ้างามวิไล เพลิดเพลินพึงใจ ผู้ดู
อทลิทท์ บทนี้แต่งไว้ที่ เว็บไซต์อารมณ์กลอนครับ โดย ผู้แต่ง นาม อทลิทท์ กับ สริญ เป็นคนๆเดียวกันครับ ทั้งชื่อบัญชี รหัสผ่าน และอีเมล์ เดียวกัน
http://aromklon.com/index.php?topic=7242.msg31750#msg31750
รายนามผู้เยี่ยมชม : เนื้อนาง นิชานาถ, ชลนา ทิชากร, Black Sword, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
สริญชวนกาพย์(อ่านว่า สริญ-ชะ-วะ-นะ-กาพย์)
ฉันทลักษณ์
OOOO OOOO OOOO OOOO OOOO OO
OOOO OOOO OOOO OOOO OOOO OO
๑ บทมี ๒๒ คำ ท่อนแรก เป็นกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ท่อนหลังมี ฉันทลักษณ์ แบบ กาพย์ ดอกแคร่วง
กาพย์นี้เกิดจากความผิดพลาดที่เดิมตั้งใจจะแต่งกาพย์นางกราย แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด้กิดความผิดพลาด กลายเป็นฉันทลักษณ์อีกแบบหนึ่ง จึง ขอตั้งชื่อจากนามผู้แต่งว่า "สริญชวนกาพย์" เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้คค้นพบ
กาพย์นี้มีนาม ปรารภนิยาม ผู้ชื่อสริญ ผิดแผกเคยชิน เปิดม่านดวงจินต์ ประพันธ์
เป็นกาพย์รวมกัน หนึ่งบทสองชั้น สองแบบแตกต่าง นำมาจัดวาง แนะช่องชี้ทาง สุนทรีย์
เกื้อเหล่ากวี ฝากฝังวลี ฝึกคิดฝึกเขียน ของเก่าจำเนียร นำมาวนเวียน ปรับปรุง
ด้วยใจหมายมุ่ง จักช่วยผดุง เสริมส่งวงวรรณ สู่ทางสร้างสรรค์ วิมานในฝัน ลานคำ
นี้เป็นตัวอย่าง สริญชวนกาพย์ แบบ ๒๒ คำ ๒๒ พยางค์ ความจริงยังมีบางอย่างเพิ่มเติมอีก เอาไว้กล่าวภายหลัง
สริญ สิริรัฐ
รายนามผู้เยี่ยมชม : เนื้อนาง นิชานาถ, ชลนา ทิชากร, Black Sword, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, Mr.music, ปลายฝน คนงาม, Thammada, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"
กาพย์ ยานี ๑๐ สริญชาติย์
หลง..อยู่ในถ้ำ เนื่องจากน้ำมาท่วมทาง เกิด...สิ่งกีดขวาง เข้ากั้นกลางมิให้ไป ติด...ณ ซอกหลืบ คลานกระดืบขึ้นอาศัย มืด...มนหนใด แม้เแสงไฟก็ไร้แวว
ติด....อยู่ในถ้ำ เพราะหลากน้ำท่วมถ่องแถว สุด..จะพายแจว เสาะหาแนวทางมืดมน หิว...ขาดอาหาร ข้าวสักจานก็อับจน ทั้ง...สิบสามคน แสนขัดสนรอความตาย
ไม่...รู้วันพรุ่ง ดวงจะรุ่งและเฉิดฉาย หรือ...จักวางวาย ณ ถ้ำเขาลำเนาไพร แต่...ในวันนี้ นั้นข่าวดีเป็นข่าวใหญ่ หน่วย..ทีมกู้ภัย ช่วยมาได้รอดทุกคน
เป็นเพราะความบังเอิญ ที่พบว่า บทประพันธ์ปีะเภท กาพย์ยานี ๑๑ ที่มีจำนวนคำ ท่อนหน้า ๕ คำ ท่่อนหลัง ๖ นั้น สามารถปรับลดท่อนหน้าลง ๑ คำ ให้เหลือ ๔ กลายเป็น กาพย์ ๑๐ คำ และอ่านลงจังหวะได้ และเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวผมเอง ในฐานะผู้แต่ง จึงขอตั้งชื่อกาพย์ชนิดนี้ว่า กาพย์ยานี ๑๐ สริญชาติย์(อ่านว่า สะรินยะชาติ) ในฐานะที่ตัวกระผมเอง ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยได้รับการยกย่องเชิดชูจากผู้ใดมาก่อน ฉะนั้น ก็ขอยกย่องตัวเองไว้ เป็นเกียรติแก่ประวัติศาสตร์ผลงานของตัวกระผม....
สริญ สิริรัฐ
:13:
จังหวะการอ่าน ๑---/ ๓ ๓/๓ ต้องหยุดที่คำแรกนิดนึง
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, Black Sword, เฒ่าธุลี, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, น้ำหนาว, Thammada, ก้าง ปลาทู, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ" (ทางสายเก่า)
กลอนบทนี้แต่งไว้ที่ เว็บไซต์อารมณ์กลอนครับ โดย ผู้แต่ง นาม อทลิทท์ กับ สริญ เป็นคนๆเดียวกันครับ ทั้งชื่อบัญชี รหัสผ่าน และอีเมล์ เดียวกัน http://aromklon.com/index.php?topic=7239.msg31737#msg31737
ทางสายเก่า
:059: :059: :059: :059: :059:
๘ ทางที่เธอเดินนั้นฉันเคยผ่าน ตั้งแต่นานนักหนาคราครั้งก่อน ครั้งแรกเริ่มเดิมมีพจีวอน เคยออดอ้อนบาทาอย่าเอ็ดไป
๙ จนหลายคนเคืองแค้นแสนสาหัส ร่วมรุมอัดฉันพบสลบไสล เป็นกระท้อนอ่อนบวมอ่วมฤทัย คือโชคชัยชี้ทางอย่างจำยอม
๑๐ มวลบุปผามาลีที่เกิดใหม่ เกรงก้านใบร่วงพรูสู้ถนอม รักษา-ริ้นอย่าไต่ไรอย่าตอม จำอดออมเจียมตนให้คนชม
๑๑ หากชอกช้ำกล้ำกลืนเพราะฝืนฝ่า ทางข้างหน้ามืดมัวสลัวล่ม อนาคตเห็นไร้ใครนิยม จะตรอมตรมตรองตรึกนึกจงดี
๑๒ ทางที่เธอเดินนั้นฉันเคยผ่าน ตั้งแต่นานเนิ่นแล้วแน่ววิถี มิได้เห็นเป็นคุณหนุนชีวี ฟังรุ่นพี่บอกเถิดประเสริฐเอย.
อทลิทท์

รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, เส้นชีวิต ดำเนินไป, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, Mr.music, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, เฒ่าธุลี, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"(อำนาจ อย่านำไปสู่ความพินาจ)
กลอนบทนี้แต่งไว้ที่ เว็บไซต์อารมณ์กลอนครับ โดย ผู้แต่ง นาม อทลิทท์ กับ สริญ เป็นคนๆเดียวกันครับ ทั้งชื่อบัญชี รหัสผ่าน และอีเมล์ เดียวกัน ขออนุญาตนำมาลงซเำอีกที
http://aromklon.com/index.php?topic=7265.msg31854#msg31854
"อำนาจ"อย่านำไปสู่ความ"พินาศ"
มี"อำนาจ"บาตรใหญ่ใช้ให้ถูก จึงจะปลูกสิ่งดีมีคุณค่า และเจริญงอกงามตามเวลา ผลออกมางดงามตามใจตน
หากหลงเหลิง"อำนาจ"ขาดสติ คอยดำริสิ่งทรามขาดงามผล ใช้"อำนาจ"เมามัวชั่วปะปน ทั่วแห่งหนสาปแช่งด้วยแรงกรรม
คนที่มี"อำนาจ"วาสนา หากทำการชั่วช้าย่อมพาต่ำ จัก"พินาศ"ล่มจมสมดังคำ ว่าใครทำชั่วได้ชั่วจงกลัวเกรง
มี"อำนาจ"บาตรใหญ่ใช้ทางชอบ เว้นประกอบบาปกรรมทำข่มเหง สู้สรรสร้างดีงามตามเบลง คนยำเยงใน"อำนาจ"ประกาศชัย.
อทลิทท์
:020:
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, เฒ่าธุลี, น้ำหนาว, ฟองเมฆ, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กลอน123, ก้าง ปลาทู, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
นักเลงกลอน
ผู้มีจินตนาการ
  
จำนวนผู้เยี่ยมชม: 5736
ออฟไลน์ID Number: 520
จำนวนกระทู้: 463
100+20=120
|
Permalink: Re: รวมบทประพันธ์ของ"สริญ"(....คนบ้า.....)
......คนบ้า..... (กลอนเจ็ดอ่านแบบ 2/3/2)
อ่านกลอนของตัวเองทีไร หัวใจมันช่างแสนสุขสันต์ อารมณ์นักกวีประพันธ์ เข้าขั้นศิลปินลือนาม
อยากรู้ว่าแต่งเก่งแค่ไหน เชิญได้มาพิสูจน์อย่าถาม ลองอ่านและพินิจเนื้อความ งดงามสื่อภาษาสุนทรี
ร้อยกรองท่วงทำนองไพเราะ แสนเพราะจับจิตใจวิถี เพลิดเพลินทุกเวลานาที แว่วหวานกล่อมชีวีเศร้าคลาย
คือบทแห่งนิพนธ์เลิศหล้า ภาษาส่งไพเราะเหมาะหมาย ซาบซึ่งตรึงอุรารำบาย คล้ายคล้ายเสียงสวรรค์บรรเลง.
สริญ สิริรัฐ
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, น้ำหนาว, กลอน123, ฟองเมฆ, ก้าง ปลาทู, ธมกรก, เป็นกันเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"แม้นรู้หนึ่งพึงสู้เรียนรู้สอง ให้ช่ำชองถึงสามจึงงามสม เรียนรู้ที่สี่ห้าน่านิยม หกเจ็ดบ่มแปดเก้าไต่เต้าไป" สริญ สิริรัฐ :068:
|
|
|
|
|