สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน บทเกริ่นนำ ** ขอนอบน้อมบูชาพระไตรรัตน์ น้อมมนัสตั้งจิตมั่นไม่หวั่นไหว กราบบูชาระลึกคุณเทิดทูนไว้ เหนือสิ่งใดเป็นสำคัญอย่างมั่นคง
** กราบพระพุทธสุดประเสริฐเลิศล้ำโลก ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก โลภ โกรธ หลง พระผู้ตื่นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์ เป็นผู้ทรงปัญญาเหนือกว่าใคร
** กราบพระธรรมคำสอนพระศาสดา น้อมนำมาปฏิบัติด้วยเลื่อมใส ชำระกายวาจาและจิตใจ ขอจงได้นำส่งสู่นิพพาน
** กราบพระสงฆ์องค์สืบต่อพระศาสนา ทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ในสงสาร ประพฤติดีประพฤติชอบตลอดกาล เป็นวงศ์วานพุทธองค์พระทรงธรรม์
** กราบพระคุณแม่พ่อผู้ก่อเกิด ให้กำเนิดชีวิตคิดรังสรรค์ เป็นพรหมและอาจารย์พร้อมพร้อมกัน พระอรหันต์สอนลูกเป็นคนดี
** เฝ้าถนอมดูแลและกล่อมเกลี้ยง แม้ทุกข์ยากเต็มใจเลี้ยงไม่หน่ายหนี เสียสละทุกอย่างแม้ชีวี เพื่อลูกมีความสุขปลอดทุกข์ภัย
** กราบแทบเท้าคุณครูและอาจารย์ ผู้ให้การอบรมบ่มนิสัย และสั่งสอนวิชาการให้ตามวัย งานวิจัยสืบค้นพร่ำบ่นเพียร
** ในวันนี้จะทำงานอย่าสับสน จงช่วยดลเกิดปัญญาขณะเขียน ท่านผู้อ่านประทับใจไม่ติเตียน หากผิดเพี้ยนก็ว่าดีมีเมตตา |
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน กษัตริย์ ๒ สหาย ** จะขอกล่าวเล่าเรื่องแต่เบื้องหลัง เมื่อคราวครั้งพุทธกาลนานหนักหนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงประทับ ณ พาราโกสัมพี
** ทรงปรารภการตายของหญิงสาว เป็นเรื่องราวในอดีตของโฉมศรี มาคันทิยา และ สามาวดี จึงทรงมีพระธรรมเทศนา
** ในครานั้นยังมีสองกษัตริย์ ครองสมบัติเริงรื่นชื่นหรรษา เป็นสหายรักกันเนิ่นนานมา ตั้งแต่เรียนวิชาครั้งยังเยาว์
** องค์หนึ่งชื่อว่า "อัลลกัปปะ" สถานะยิ่งใหญ่ไม่อับเฉา ตั้งมั่นอยู่ในธรรมไม่มัวเมา ทรงแนบเนาเป็นที่รักของทุกคน
** อีกองค์หนึ่ง "เวฏฐทีปกะ" ทรงยึดมั่นธรรมะไม่หมองหม่น ทรงปกครองไพร่ฟ้ามหาชน ไร้กังวลเกิดสุขทุกข์ห่างไกล
** ครั้นเวลาผ่านไปจึงได้คิด แสนอนาถชีวิตเสียไฉน มาปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป มัจจุราชเป็นใหญ่เฝ้ารังควาญ
** ทุกคนที่เกิดมาในหล้าโลก วิปโยคชีวิตไร้แก่นสาร ขาดที่พึ่งใดใดไม่เบิกบาน มีแต่ทุกข์อันธกาลสุดเศร้าใจ ** จึงชวนกันออกบวชเป็นฤๅษี ด้วยความหวังจะมีธรรมบทใหม่ มาชำระสะสางกายข้างใน จะเกิดความสดใสที่แท้จริง
** เพื่อเป็นการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ จึงตั้งใจแยกกันไม่สุงสิง อยู่ห่างกันคนละทิศจิตประวิง บำเพ็ญเพียรอย่างยิ่งเข้าใจกัน
** ตกลงกันไว้ว่าจะจุดไฟ ถ้าเมื่อใดไฟดับต้องคับขัน หากไม่ป่วยก็ตายลงไปพลัน เป็นสัญญาณผูกพันเพียงสองคน
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน เรียนมนต์และพิณ ** ครั้นเวลาผ่านไปไม่นานนัก ฤๅษีที่พำนักในไพรสณฑ์ "เวฎฐทีปกะ"บำเพ็ญตน ถึงเวลาต้องพ้นละโลกไป
** ครบครึ่งเดือนเพื่อนรู้ว่าตายแน่ เป็นกรรมแท้ของมนุษย์สุดแก้ไข อัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มิเว้นใคร ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
** บังเกิดเป็นเทพเจ้ามีศักดิ์ใหญ่ สถิตในวิมานสโมสร คิดไปเยี่ยมเพื่อนรักด้วยอาวรณ์ จึงรีบจรอำพรางอย่างหลงทาง
** ถึงสำนักอัลละท่านดาบส ตามกำหนดยืนไหว้อยู่ห่างห่าง ท่านอัลละมองเห็นจึงละวาง ภารกิจทุกอย่างในทันที
** ท่านเป็นใครจากไหนโปรดแถลง จงชี้แจงการเข้ามาที่นี่ เราหลงทางกลางป่าพนาลี ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าฟัน
** จึงถามว่าท่านอยู่ผู้เดียวหรือ อัลละจึงร้องฮือใช่แล้วนั่น แต่ก่อนนี้มีเพื่อนที่รักกัน ต้องจาบัลย์เศร้าโศกละโลกแล้ว
** เทพเจ้าบอกว่าคือข้านี้ ครั้นเมื่อสิ้นชีวีใจผ่องแผ้ว อุบัติในวิมานอันเพริศแพรว ปราสาทแก้วที่พักในวิมาน
** ท่านเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้าง อย่าอำพรางบอกไปรีบไขขาน มีศัตรูหมู่สัตว์มาแผ้วพาน ให้รำคาญเดือดร้อนจะผ่อนปรน
** ท่านอัลละบอกว่าข้าเดือดร้อน มีช้างจรมากมายทำลายป่น มาถ่ายมูลทิ้งไว้สุดจะทน แสนอับจนแก้ไขไม่ได้เลย
** เทพบุตรบอกว่าต่อไปนี้ ขอท่านพี่จงนั่งอยู่เฉยเฉย จะไม่มีช้างป่านะท่านเอย มารบกวนอย่างเคยอย่าห่วงใย
** จึงมอบพิณและมนต์กำกับช้าง เป็นแนวทางดูแลและแก้ไข เมื่อดีดพิณสายหนึ่งขึ้นคราใด ช้างหนีไปไม่หันมาเหลียวมอง
** ถ้าต้องการให้หันแต่วิ่งหนี กำกับมนต์พร้อมทีดีดสายสอง สายที่สามทำให้เกิดปรองดอง ช้างจะหมอบประคองอัญชุลี
** นับแต่นั้นดาบสได้ไล่ช้าง ไม่ให้มากีดขวางในพื้นที่ ความสุขและสบายจึงเกิดมี เพราะมนต์ดีมีพิณจึงสุขใจ
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน พระเจ้าอุเทนกับนกหัสดีลิงค์ ** ในกาลนี้ยังมีจอมกษัตริย์ "ปรันตปะ" ครองรัฐที่กว้างใหญ่ โกสัมพีนครขจรไกล สุขสดใสพร้อมด้วยชาวพารา
** ณ วันหนึ่งปรารภกับอัคราช อนงค์นาฏจอมนางเสน่หา ถึงเรื่องราวของครรภ์จอมขวัญตา ทรงไต่ถามชายาถึงลูกน้อย
** ขณะนั้นพญานกออกล่าเหยื่อ หัสดีลิงค์คิดว่าเนื้อคงอร่อย รีบถาโถมโจมตีไม่รอคอย จึงโผลงเสียงพลอยดังอื้ออึง
** พระราชาทรงหนีเอาตัวรอด มเหสียอดมิตรคิดไม่ถึง กรงเล็บนกขยุ้มไม่คำนึง มุ่งเพียงเหยื่อซึ่งเห็นอยู่ไกลไกล
** มเหสีตั้งสติเอาไว้มั่น มีโอกาสจะสู้มันไม่หวั่นไหว เมื่อนกนำมาวางคาคบไม้ จึงตะโกนหวังไล่ในทันที
** หัสดีตกใจไม่รอช้า รีบถลาบินไปเพื่อหลีกหนี ถึงเวลาพลบค่ำเข้าพอดี ยอดนารีปั่นป่วนในพระครรภ์
** ฟ้าคำรามดังก้องทั่วท้องฟ้า จะข่มตาให้หลับยังไหวหวั่น ตลอดคืนที่นางต้องจาบัลย์ และป่วนปั่นในอุทรพาร้อนรน
** ถึงเวลาสว่างกระจ่างใส ทรงประสูติทันใดไม่หมองหม่น มารดาทรงตั้งชื่อเป็นมงคล ว่า "อุเทน" สุขล้นเป็นเพศชาย
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน อัลลกัปปะดาบสเสียพิธี ** ส่วนอัลละฤๅษีมีกิจวัตร หาอาหารบำบัดหิวกระหาย ถึงต้นไทรใบหนาผลมากมาย เสียงเด็กชายร้องจ้าอยู่ข้างบน
** แหนหน้าดูรู้ว่ามีผู้หญิง พร้อมกับเด็กจริงจริงใช่สับสน ร้องถามว่าเป็นใครใยซุกซน ขึ้นไปอยู่ข้างบนกิ่งต้นไทร
** พระนางจึงเล่าเรื่องแต่หนหลัง ตั้งแต่เริ่มมายังต้นไม้ใหญ่ ทรงประสูติโอรสในทันใด จึงพบฤๅษีไพรพูดคุยกัน
** ต่างก็รู้อยู่ในวรรณะกษัตริย์ เคยครองเศวตฉัตรใหญ่มหันต์ ได้พึ่งพาอาศัยในปัจจุบัน อยู่กลางพนาวันแต่นั้นมา
** อันโลกีย์วิสัยใครห้ามได้ เกิดขึ้นแล้วทำให้ใจโหยหา จะติดในอารมณ์จมกามา ลืมดินฟ้าถูกผิดคิดไม่ดี
** พระดาบสศีลขาดพินาศแล้ว ร่วมสังวาสนางแก้วมเหสี รับอุเทนเป็นบุตรสุดปรานี เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงชีวีตลอดมา
** มาวันหนึ่งดาบสมองดูดาว จึงรู้ข่าว "ปะรันตปะ" แทบผวา สวรรคตลับแล้วจอมพารา พากันหลั่งน้ำตาทุกคนไป
** มเหสีฟังข่าวพาเศร้าโศก วิปโยคโสกาน้ำตาไหล พระดาบสถามว่าร้องทำไม จึงเปิดใจบอกเรื่องสวามี
** พระดาบสปลอบว่าอย่าโศกเศร้า เป็นธรรมชาตินะเจ้าแม่โฉมศรี เกิดมาแล้วต้องตายวายชีวี จะไม่มีใครหนีไปได้เลย
** มเหสีทูลว่าเข้าใจจ้า ที่ร้องไห้เพราะว่าเกินทนเฉย ราชบุตรชวดสมบัติมาชมเชย เพราะอยู่ไกลสุดเอ่ยทวงเอาคืน
** ฝ่ายดาบสรับปากจะจัดให้ ราชบุตรต้องได้ไม่อาจฝืน เริ่มสอนมนต์และพิณอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะทวงคืนพระพารา
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน กุมารอุเทนยกทัพช้าง ** ครั้นถึงวันเดินทางเยื้องย่างจาก แม่เอ่ยปากเรียกเจ้าเข้ามาหา จึงเล่าความตามจริงที่เป็นมา พร้อมสิ่งของของมารดาเพื่อยืนยัน
** ผ้ากำพลเป็นพระภูษาห่ม องค์บรมทรงประทานเป็นของขวัญ ธำมรงค์เครื่องประดับก็สำคัญ เพื่อยืนยันว่าโอรสหมดเคลือบแคลง
** พระกุมารระดมช้างด้วยเวทย์มนต์ มากมายล้นหลายพันอันเข้มแข็ง มุ่งสู่โกสัมพีเพื่อแสดง สิทธิแห่งสมบัติขัตติยวงศ์
** ถึงชายแดนเกลี้ยกล่อมพวกชาวบ้าน มาเป็นบริวารช่วยเสริมส่ง เป็นพลังมากล้นที่มั่นคง เพื่อต่อรองตกลงมอบบ้านเมือง
** ร้องประกาศไปว่าจะให้รบ หรือว่ายอมสยบเลิกคุยเขื่อง มอบสมบัติโดยดีมิขุ่นเคือง พวกชาวเมืองบอกว่าข้าไม่ยอม
** เราจะรอข่าวคราวมเหสี มิ่งโมลีดวงใจใคร่ถนอม พระโอรสประกาศว่าอย่าตรมตรอม เราคือจอมบดินทร์ปิ่นนัครา
** เป็นโอรสของท้าวปรันตปะ ผู้ดำรงซึ่งธรรมะดีนักหนา มเหสีที่จากไปเป็นมารดา จึงนำผ้ากัมพลมาให้ดู
** พร้อมทั้งธำมรงค์วงสำคัญ พวกชาวเมืองร้องลั่นกันทั้งหมู่ พวกทหารพร้อมใจเปิดประตู เชิญโอรสเข้าสู่พระราชวัง
** อภิเษกราชกุมารพระองค์ใหม่ ดอกไม้ไฟสวยดีมีมนต์ขลัง ประชาชนต่างสนุกสุขใจจัง พระราชวังดังวิมานตระการตา
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน สองผัวเมียเดินทางไปหาอาชีพ ** แคว้นอัลละกัปปะในครานั้น เกิดวิโยคโศกศัลย์เป็นนักหนา แสนประหลาดขาดแคลนทั้งข้าวปลา อหิวาต์ระบาดอนาถใจ
** สองสามีภรรยาพาลูกอ่อน เพื่อเร่ร่อนไปหาที่อยู่ใหม่ มุ่งหน้าโกสัมพีโดยเร็วไว ตัดสินใจจรลีหนีความตาย
** เวลาผ่านอาหารก็หมดสิ้น หมดเรี่ยวแรงจะดิ้นพาใจหาย คิดทิ้งลูกที่เคยโอบแนบกาย ภรรยาว่าแม้ตายก็ไม่ยอม
** สามีจึงบอกว่าถ้าไม่ตาย เราคงมีลูกหญิงชายไว้ถนอม ประดุจดังแก้วใจไม่ตรมตรอม เมื่อเราพร้อมเพียงผ่านไปไม่นานวัน
** สรุปว่าสามีทอดทิ้งลูก พ่อบุญปลูกลูกน้อยต้องอาสัญ สองสามีภรรยาเดินทางพลัน ถึงตระกูลโคบาลอันใหญ่โต
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน สามีตายไปเกิดเป็นสุนัข ** ในวันนั้นมีการทำบุญบ้าน นายโคบาลสร้างบุญอย่างสุโข นิมนต์องค์ปัจเจกพุทโธ สวดนโมถวายทานเบิกบานใจ
** มองเห็นสองสามีภรรยา เดินเข้ามาให้สงเคราะห์ยิ่งเหมาะใหญ่ จึงให้ข้าวปายาสกับเนยไป ทั้งสองคนขอบใจอย่างมากมาย
** ภรรยาเห็นว่าสามีหิว จึงยกนิ้วเปิดทางอย่างมุ่งหมาย ให้สามีกินอิ่มได้สบาย ตัวเองแค่กันตายก็เพียงพอ
** ส่วนสามีหิวมากไม่ยั้งคิด กินจนเกินไปนิดน้ำลายสอ ชอบสุนัขตัวเมียที่เคลียคลอ ตกกลางคืนผู้พ่อก็ขาดใจ
** จึงไปเกิดในท้องของสุนัข ด้วยปัจจัยเกิดรักและฝักใฝ่ ภรรยาจะขออยู่ต่อไป กับโคบาลยิ่งใหญ่ผู้ใจบุญ
** ถึงเวลาสุนัขก็ออกลูก จึงพันผูกโคบาลต้องอุดหนุน คอยให้น้ำให้ข้าวเฝ้าเจือจุน จนโตใหญ่เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง
** องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้สงเคราะห์ก้อนข้าวไม่หม่นหมอง ให้สุนัขตัวดีที่เฝ้ามอง เพราะหวังปองอาหารเหมือนดังเคย
** ด้วยสาเหตุพระปัจเจกะต้องมาฉัน ทุกทุกวันตามเวลาไม่เมินเฉย นายโคบาลรับส่งไม่ละเลย จึงคุ้นเคยกับสุนัขประจักษ์จริง
** ในบางครั้งไปรับพระแทนโคบาล ดังคำขานเจ้าของบอกในทุกสิ่ง ความสัมพันธ์ใกล้ชิดจิตประวิง รักจริงจริงในพระสุดจะทน
** ครั้นถึงวันที่พระกลับภูเขา สุดบรรเทาโศกเศร้าเฝ้าหมองหม่น พระลับตาหายไปใจร้อนรน เกิดกังวลหัวใจวายตายฉับพลัน
** ด้วยเดชะกุศลตนทำไว้ จึงทำให้บังเกิดในสวรรค์ ชื่อโฆสกเทพบุตรสุดจำนรรจ์ มีเสียงดังก้องลั่นสนั่นไกล
** โฆสกะหลงใหลในเมถุน ด้วยจิตใจว้าวุ่นไม่สดใส ถึงเวลาจุติตัดเยื่อใย จากสวรรค์ลงไปเมืองมนุษย์
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน กำเนิดโฆสกเศรษฐี ** ปฏิสนธิ์ในท้องหญิงงามเมือง ที่ลือเลื่องว่างามเป็นที่สุด แห่งกรุงโกสัมพีที่สมมติ ว่างดงามประดุจเมืองเทวา
** พอรู้ว่าเป็นชายเสียดายนัก จึงให้นำลูกรักเอาไปฆ่า ประเพณีหญิงงามเมืองแต่ก่อนมา จะไม่ไว้ชีวาของลูกชาย
** มีชาวบ้านเป็นหญิงไปพบเข้า บุญของเจ้าเด็กน้อยไม่เสียหาย ยังไม่ถึงวาระจะต้องตาย รับเด็กชายเป็นลูกรักผูกพัน
** ในครั้งนั้นเศรษฐีผู้มีทรัพย์ น้อมคำนับปุโรหิตตั้งจิตมั่น อยากจะรู้เหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่ละวันเกิดอะไรในโลกา
** ปุโรหิตจึงเล่ากล่าวชี้แจง ในวันนี้ร้อนแรงเป็นหนักหนา มีเด็กชายคนหนึ่งได้เกิดมา วาสนาร่ำรวยด้วยเงินทอง
** เศรษฐีจึงส่งคนไปถามข่าว ถึงเรื่องราวภรรยาที่ตั้งท้อง เมื่อแน่ใจไม่คลอดตามทำนอง ให้กาลีไปขอร้องซื้อเด็กมา
** นางกาลีสืบดูจึงรู้เรื่อง มีเด็กเกิดนอกเมืองรีบไปหา เมื่อได้พบขอซื้อด้วยเงินตรา แล้วรับตัวเด็กมาโดยเร็วไว
** ท่านเศรษฐีวางแผนอย่างซับซ้อน ต้องได้ผลแน่นอนดีไฉน ถ้าลูกเราเป็นหญิงไม่เป็นไร ให้แต่งงานกันไปก็ได้ดี
** ถ้าลูกเราเกิดมาเป็นผู้ชาย ก็ฆ่ามันให้ตายไปเป็นผี แล้วยกย่องลูกเราโดยทันที จะได้เป็นเศรษฐีไม่อาทร
** กัมมุนา วัตตะตี โลโก องค์พุทโธ ทรงตรัสเป็นคำสอน สร้างกรรมใดได้ผลอย่างแน่นอน ตัวกรรมนั้นจะย้อนมาหาตน
** ในที่สุดภรรยาท่านเศรษฐี ได้คลอดบุตรตามที่ปฏิสนธิ์ เป็นผู้ชายไม่คาดฝันวันมงคล ท่านเศรษฐีเริ่มคิดค้นฆ่าเด็กชาย
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน เศรษฐีคิดฆ่าโฆสกะ ** จึงรีบบอกให้กาลีนำไปฆ่า วางขวางทางไปมาโคทั้งหลาย หวังให้โคเหยียบเด็กจนวอดวาย ตายไม่ตายรีบกลับมารายงาน
** อุสภะโคใหญ่เป็นหัวหน้า ใช้กายายืนคร่อมไม่ให้ผ่าน โคไม่เหยียบร่างกายของกุมาร เด็กชายไม่วายปราณเพราะมีบุญ
** ครั้งที่สองหวังให้ล้อเกวียนทับ พวกโคไม่ขยับให้ล้อหมุน รอดตายเพราะกรรมดีที่เจือจุน เด็กมีบุญคุ้มครองไม่หมองมัว
** ครั้งที่สามไปทิ้งที่ป่าช้า ด้วยหวังว่าให้สัตว์ขบกัดหัว หรือผีดิบกัดกินสิ้นทั้งตัว ช่างน่ากลัวจริงจริงทิ้งได้ลง
** ด้วยกุศลผลบุญที่เคยสร้าง สุนัขบ้างกาบ้างเหมือนลืมหลง แม้จะเห็นเด็กชายก็เกิดงง ไม่กล้าจะมุ่งตรงเข้ากัดกิน
** ชายเลี้ยงแพะพาแพะกินอาหาร เป็นทางผ่านชั่วชีวิตนิจสิน แพะเข้าไปคุกเข่าให้นมกิน เด็กไม่สิ้นชีวาน่าแปลกจัง
** ท่านเศรษฐีไม่ละพยายาม เพื่อทำตามปณิธานที่มุ่งหวัง ฆ่าเด็กน้อยทิ้งไปไม่อินัง ติดตามฟังบั้นปลายเป็นอย่างไร
** ในครั้งนี้ให้กาลีไปทิ้งเหว หวังจะให้แหลกเหลวดังฝันใฝ่ ด้วยบุญของเด็กน้อยที่สร้างไว้ รอดพ้นอันตรายได้อีกครา
** กาลเวลาผ่านไปไม่เคยนิ่ง ทุกทุกสิ่งเปลี่ยนไปไม่มุสา เด็กชายเจริญวัยใหญ่ขึ้นมา ได้ชื่อว่า “โฆสกะ” เฝ้าพะนอ
** ท่านเศรษฐีวางแผนจะฆ่าใหม่ โดยส่งไปยังบ้านนายช่างหม้อ ให้สับเป็นท่อนท่อนอย่ารีรอ แล้วใส่ไฟเผาต่อให้แหลกลาญ
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ** อันกรรมใดใครทำกรรมสนอง ผู้ทำต้องรับกรรมที่เผาผลาญ ทุกข์อะไรใครก่อให้รำคาญ อีกไม่นานทุกข์นั้นจะถึงตน
** ท่านเศรษฐีมอบหมายให้โฆสกะ ทำธุระตามแผนอย่าตกหล่น ด้วยคิดว่าอย่างไรก็ไม่พ้น ต้องอับจนถึงตายได้แน่นอน
** บอกให้ไปหานายช่างหม้อ เพื่อดำเนินการต่อเรื่องหลอกหลอน โฆสกะรับคำไม่อาทร มุ่งหน้าจรหมู่บ้านไม่ห่างไกล
** แต่พอดีลูกชายท่านเศรษฐี ร้องเอ่ยถามว่าพี่จะไปไหน มาเปลี่ยนกันตัวพี่ไม่ต้องไป ไม่เป็นไรธุระจะทำแทน
** ขอเพียงแต่พี่ชายช่วยเล่นคลี ทำคะแนนดีดีให้มากแสน เอาชนะให้ได้ด้วยคะแนน ส่วนธุระทำแทนอย่ากังวล
** เนื่องด้วยเหตุให้ทุกข์ผู้อื่นก่อน ทุกข์นั้นจึงกลับย้อนให้สับสน จะฆ่าเขาคนถูกฆ่าคือลูกตน ท่านเศรษฐีหมองหม่นในอุรา
** ธรรมชาติอสรพิษที่คิดร้าย ก็ไม่วายแผลงฤทธิ์คิดจะฆ่า ท่านเศรษฐีครุ่นคิดพิจารณา หาวิธีดูว่าฆ่าอย่างไร
** จึงส่งไปหมู่บ้านคนเก็บส่วย ยืมมือให้ช่วยฆ่าอย่าเหลวไหล ถึงกลางวันฆ่ากลางวันโดยทันใด ถึงเมื่อไรฆ่าเมื่อนั้นในทันที
** โฆสกะถือสารผ่านมาถึง หมู่บ้านซึ่งเป็นที่พักเพื่อนเศรษฐี รีบเข้าไปคารวะไม่รอรี รายงานตัวตามที่เขาบอกมา
** ภรรยาท่านเศรษฐีดีใจนัก ใจนึกรักโฆสกะเมื่อเห็นหน้า อยากจะยกลูกสาวให้เป็นภรรยา จึงต้อนรับเข้ามาด้วยใจจริง
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน ลูกสาวท่านเศรษฐีแปลงสาร ** พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า ความรักจักเกิดมาด้วยสองสิ่ง เคยอยู่ร่วมกันมาอย่าประวิง อีกหนึ่งสิ่งเกื้อกูลกันหมั่นดูแล
** ในอดีตธิดาท่านเศรษฐี เป็นผู้มีบุรพกรรมตามกระแส อยู่ร่วมกันในกาลก่อนไม่อ่อนแอ คอยดูแลโฆสกะมาจนตาย
** ครั้นมีสารสั่งฆ่าโฆสกะ เกรงเกิดความหายนะดังมั่นหมาย โฆสกะนอนหลับอย่างสบาย แม่โฉมฉายแปลงสารกาลนั้นเอง
** ถึงเมื่อใดจงจัดการจากบ้านส่วย จัดบรรณาการไปด้วยอย่าข่มเหง ทำมงคลวิวาห์ให้ครื้นเครง มีดนตรีบรรเลงให้รื่นรมย์
** ปลูกเรือนหอสองชั้นให้สวยหรู ลูกเศรษฐีเป็นคู่ดูเหมาะสม ทำสำเร็จมีของขวัญยอดนิยม ให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างแน่นอน
** โฆสกะตื่นมาลาเศรษฐี รีบเดินทางทันทีมิหยุดหย่อน เพื่อทำงานให้เสร็จได้รีบจร กลับคืนย้อนสู่เรือนเหมือนดังเดิม
** พวกนายส่วยรู้เรื่องจากจดหมาย รีบกระจายบอกกล่าวเป็นข่าวเสริม แสนยินดีช่วยกันหมั่นเพิ่มเติม จากริเริ่มจนสุดท้ายสำเร็จพลัน
** เป็นอันว่าโฆสกะเข้าพิธี วิวาห์ลูกเศรษฐีดังหมายมั่น ได้ครองเรือนเคียงคู่อยู่ด้วยกัน ทุกคืนวันมีสุขสนุกสบาย
** ฝ่ายเศรษฐีมีทุกข์เข้าโถมทับ กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ทำไมหนอจึงฆ่ามันไม่ตาย จึงทุรนทุรายจนลงแดง
** ภรรยาโฆสกะได้สั่งการ ให้พวกบริวารช่วยกันแจ้ง ถ้าข่าวคราวของเศรษฐีอย่าแสดง ให้โฆสกะได้เคลือบแคลงรับรู้เลย
** จงบอกนางคนเดียวเท่านั้นพอ ใคร่ร้องขอจงอย่าได้เปิดเผย จะเป็นคนสั่งการเหมือนที่เคย ใครละเลยต้องโทษโปรดเข้าใจ
** ท่านเศรษฐีโกรธแค้นโฆสกะ พูดจริงนะสมบัติเราไม่ให้ อยากจะพบโฆสกะโดยเร็วไว สั่งการไปรีบมาหาโดยพลัน
** ภรรยาโฆสกะจึงถามดู เพื่อให้รู้อาการอย่างไรนั่น ครั้นรูว่าไม่หนักจักป้องกัน ไม่ให้โฆสกะหันกลับไปมอง
** ท่านเศรษฐีส่งข่าวครบสามครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าพาเศร้าหมอง อาการป่วยกำเริบเข้าครอบครอง ใกล้จะต้องอาสัญอย่างมั่นคง
** จนสุดท้ายรู้ว่าอาการหนัก บอกผัวรักให้เข้าใจดังประสงค์ ถึงวาระท่านเศรษฐีคงปลดปลง วายชีพลงสิ้นใจอีกไม่นาน
** นางจึงบอกโฆสกะให้รู้ว่า เราจะไปเยี่ยมคารวะบิดาท่าน พร้อมทั้งบอกเรื่องราวและอาการ ขืนชักช้าเนิ่นนานคงสายไป
** เมื่อถึงแล้ววางอุบายให้โฆสกะ นางจะยืนด้านศรีษะเศรษฐีใหญ่ โฆสกะยืนปลายเท้าโดยเร็วไว แล้วบอกเศรษฐีใหญ่ว่าลูกมา
** ท่านเศรษฐีอยากบอกให้รับรู้ สมบัติที่มีอยู่อย่ากังขา จะไม่ให้เจ้าเลยเอ่ยวาจา กลับพูดว่า มอบให้เจ้าครอบครอง
** เมื่อกล่าวจบเศรษฐีก็สิ้นใจ ละจากโลกนี้ไปใจเศร้าหมอง ทุคติเป็นที่หวังดังใจปอง ต้องร่ำร้องรับกรรมที่ทำมา
** เมื่อปลูกข้าวได้ข้าวดังหมายมั่น เมื่อปลูกมันได้มันดังปรารถนา เมื่อทำดีมีสุขทุกเวลา เมื่อทำชั่วทุกข์พาให้ร้อนรน
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน โฆสกะรับตำแหน่งเศรษฐี ** อุเทนราชทราบข่าวท่านเศรษฐี จึงรีบมีบัญชาอุราหม่น ให้จัดการเรื่องศพในบัดดล เพื่อเป็นเกียรติแก่คนที่จากไป
** ครั้นงานศพผ่านไปดังใจหมาย จึงคิดให้ลูกชายเศรษฐีใหญ่ เป็นเศรษฐีสืบต่อโดยเร็วไว ทรงรับสั่งออกไปไม่รอรี
** ทรงโปรดให้โฆสกะได้เข้าเฝ้า เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งสมศักดิ์ศรี แต่บังเอิญฝนตกมาพอดี ที่ลานหลวงจึงมีน้ำเจิ่งนอง
** โฆสกะกระโดดข้ามน้ำไป เพื่อเข้าเฝ้าเร็วไวรับสนอง ครั้นแต่งตั้งสำเร็จไม่คะนอง เดินสำรวมท่องน้ำออกจากวัง
** พระราชาตรัสสั่งให้เรียกหา รีบตามตัวกลับมาตามรับสั่ง โฆสกะบังคมหน้าบัลลังก์ จึงทรงมีรับสั่งร้องถามไป
** ตอนเข้าวังกระโดดและโลดเต้น เรามองเห็นยังขำจำได้ไหม แต่ตอนกลับสำรวมอย่างจริงใจ เพราะเหตุใดจงเฉลยเอ่ยวาจา
** โฆสกะกราบทูลเฉลยถ้อย ตอนเข้ามาข้าน้อยไร้เดียงสา รับตำแหน่งเศรษฐีประทานมา ตัวของข้าเป็นผู้ใหญ่จึงต้องเจียม
** อุเทนราชพอใจในคำตอบ คนผู้นี้ดำริชอบสงบเสงี่ยม วางตัวดีไม่มีใครทัดเทียม รู้จักเจียมเจรจาพาเจริญ
** เศรษฐีโฆสกะขมันขมี ตั้งโรงทานทันทีน่าสรรเสริญ สละทรัพย์วันละพันพร้อมชวนเชิญ คนกำพร้าคนเดินทางมาไกล
** รับประทานอาหารให้อิ่มหนำ ก่อนจะทำกิจกรรมหรือไปไหน ให้อิ่มท้องไว้ก่อนสิ่งอื่นใด เมื่อสงเคราะห์แล้วใจแสนสบาย
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน เพื่อนที่ไม่เคยพบเห็นกัน ** จะขอกล่าวถึงเศรษฐีอีกท่านหนึ่ง ผู้ที่พึงนับว่าเป็นสหาย ของท่านโฆสกะพ่อยอดชาย ทั้งสองนายไม่เคยพบหน้ากัน
** มีชื่อว่าท่านภัททวดีย์ เป็นเศรษฐียิ่งใหญ่ในเขตขันธ์ นครภัททวดีมีสัมพันธ์ เป็นเพื่อนที่รักกันแม้อยู่ไกล
** เนื่องจากการบอกกล่าวของพ่อค้า ต่างส่งบรรณาการมาอย่างยิ่งใหญ่ ผูกสัมพันธ์เป็นเพื่อนด้วยจริงใจ วันเวลาผ่านไปใจมั่นปอง
** ในกาลนั้นอหิวาตกโรค ได้ระบาดแสนโศกและเศร้าหมอง หลายหลายคนโศกาน้ำตานอง หลายหลายคนถึงต้องวายชีวา
** ภัททวดีย์เห็นว่าไม่ดีแน่ ขืนเชือนแชต้องดิ้นสิ้นสังขา พาลูกเมียหนีไปจากพารา ต่างมุ่งหน้าสู่กรุงโกสัมพี
** โฆสกะเศรษฐีเป็นที่หมาย เป็นที่พึ่งสุดท้ายในกรุงศรี เดินทางมาเสบียงหมดพอดี เข้าพักที่ศาลาประตูเมือง
** หวังบำรุงร่างกายให้ดีก่อน แล้วจึงจรพบเพื่อนเพื่อบอกเรื่อง และขอความช่วยเหลือยามฝืดเคือง เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อนพอผ่อนปรน
** ครั้นรุ่งเช้าลูกสาวไปโรงทาน เพื่อขอรับอาหารยามขัดสน พอประทังชีวิตคิดดิ้นรน เมื่อถึงคราวอับจนต้องทนไป
** มิตตกุฎุมพีผู้ดูแล ได้ร้องถามว่าแม่รับเท่าไหร่ แม่สาวน้อยรีบตอบโดยเร็วไว ขอรับไปสามส่วนควรแก่การ
** เจ้าหน้าที่จัดให้ตามที่ขอ เมื่อรับแล้วไม่รีรอเอ่ยคำขาน ขอขอบคุณที่การุณด้วยดวงมาน มอบอาหารให้ประทังยังชีพตน
** แล้วรีบกลับไปที่พักโดยทันที นำอาหารที่มีไม่หมองหม่น ไปให้พ่อและแม่ทั้งสองคน รับประทานยามจนพอพ้นตาย
** แม่และลูกผูกรักในตัวพ่อ ได้ร้องขอรีบทานก่อนจะสาย เป็นผู้นำต้องทานให้มากมาย ด้วยมุ่งหมายจะได้พึ่งไปนานนาน
** พ่อหิวมากทานมากจนหมดสิ้น ตกกลางคืนจึงดิ้นละสังขาร ทิ้งลูกเมียผจญภัยใจร้าวราน เมื่อเศรษฐีถึงกาลกิริยา
** ทั้งแม่ลูกครวญคร่ำน้ำตาไหล พ่อจากไปหวนไห้อาลัยหา เห็นหลัดหลัดต้องพลัดไปไกลตา อนิจจาเวรกรรมเฝ้าคร่ำครวญ
** วันรุ่งขึ้นจึงไปรับอาหาร เหมือนวันวารแต่รับเพียงสองส่วน รีบกลับมาที่พักไม่เรรวน จึงรีบชวนแม่ทานทันทีเลย
** แม่อดมาหลายวันคงหิวมาก ลูกจึงอยากให้อิ่มอย่านิ่งเฉย เพราะรักแม่อยากให้แม่ได้เสบย ลูกรักแม่จังเลยต้องดูแล
** เป็นเวรกรรมทำมาแต่ปางก่อน กรรมจึงย้อนมาสนองตามกระแส แสนเจ็บปวดรวดร้าวในดวงแด เพราะว่าแม่มาตายไปอีกคน
** ด้วยอาหารไม่ย่อยจึงเกิดเหตุ เป็นอาเพศมาทำลายให้ฉงน พ่อและแม่ถึงกาลต้องวายชนม์ คงอับจนหนอชีวิตเมื่อคิดไป
** ครั้นรุ่งเช้าเดินไปรับอาหาร ที่โรงทานของท่านเศรษฐีใหญ่ เมื่อถูกถามจะรับไปเท่าใด ตอบจากใจขอรับเพียงส่วนเดียว
** มิตตกุฎุมพีจึงต่อว่า จงฉิบหายเถิดหนาพาใจเสียว ทำไมจึงหยาบคายเสียจริงเจียว เพียงอาหารนิดเดียวต้องด่ากัน
** มิตตกุฎุมพีจึงชี้แจง เพื่อแสดงความจริงทุกสิ่งสรรพ์ ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสารพัน วันก่อนนั้นรับอาหารไปมากมาย
** ในวันแรกแม่รับไปสามส่วน วันที่สองเนื้อนวลมารับสาย รับเพียงแค่สองส่วนดูน่าอาย วันสุดท้ายจึงรู้ประมาณตน
** รับไปเพียงหนึ่งส่วนคงพอดี ไม่โลภมากอยากมีจนสับสน นางจึงเล่าเรื่องราวว่าสามคน พ่อแม่ลูกอับจนขอพึ่งพา
** อันที่จริงพวกเราเป็นเศรษฐี ในตระกูลภัททวดีย์มีปัญหา หนีโรคร้ายที่ชื่ออหิวาต์ หวังเข้ามาพึ่งบุญพออุ่นใจ
** มิตตกุฎุมพีเมื่อรู้เรื่อง เป็นเศรษฐีรุ่งเรืองในเมืองใหญ่ เอ่ยวาจาบอกนางในทันใด ไม่เป็นไรมาเป็นลูกสาวเรา
** จึงตั้งนางในตำแหน่งของลูกสาว พร้อมเอ่ยกล่าวจะดูแลไม่ให้เหงา มอบความรักความจริงใจไม่ดูเบา ครอบครัวเราจะมีสุขอย่างยั่งยืน
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
|
Permalink: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
 เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน เพราะทำรั้วจึงชื่อสามาวดี ** ธิดาน้อยอาศัยกุฎุมพี ชีวิตก็เริ่มมีความราบรื่น มีความสุขมากขึ้นทุกวันคืน ได้รับการหยิบยื่นสิ่งที่ดี
** มาวันหนึ่งจึงถามท่านมิตตะ ลูกเห็นว่าโรงทานเสียงอึงมี่ เราควรจะแก้ไขไม่ให้มี เสียงเหล่านี้อื้ออึงจึงจะควร
** ท่านมิตตะตอบว่าทำไม่ได้ จึงปล่อยไปไม่ใช่จะสงวน นางตอบว่าทำได้ใช่ลามลวน จึงบอกไปตามกระบวนที่คิดมา
** ท่านจงสร้างประตูเป็นสองด้าน พอประมาณไม่กว้างมากนักหนา เข้าออกได้คนเดียวเท่ากายา แล้วสั่งว่าเข้าออกคนละทาง
** กุฎุมพี่เห็นดีเห็นงามด้วย เราจะช่วยให้สำเร็จไม่ขัดขวาง รีบบอกไพร่ทำตามความคิดนาง ที่ได้วางเอาไว้ทุกประการ
** เสียงที่ดังอื้ออึงในตอนเช้า กลายเป็นความเงียบเหงาทั่วสถาน เหมือนกับไม่มีคนมาโรงทาน ผิดกับเมื่อวันวานเสียงอื้ออึง
** ธิดาน้อยได้ชื่อ "สามาวดี” เพราะธิดาคนนี้คิดไปถึง การทำรั้วแก้ไขเสียงอึงคนึง ในที่สุดเสียงจึงเงียบหายไป
** วันหนึ่งโฆสกะจึงเอ่ยถาม เมื่อต้องการรู้ความเป็นไฉน เลิกโรงทานไปแล้วหรืออย่างไร ด้วยเหตุใดเสียงเงียบไปโดยพลัน
** กุฎุมพีมิตตะจึงเฉลย ไม่เลิกโรงทานเลยดังหมายมั่น มีคนรับอาหารเหมือนทุกวัน คนเหล่านั้นเป็นอยู่อย่างสบาย
** จึงได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา ถึงบิดาของนางผู้สหาย ของโฆสกะที่ดิ้นรนเพื่อหนีตาย แต่ต้องถึงชีพวายทั้งผัวเมีย
** โฆสกะรู้ความจึงถามว่า บัดนี้เจ้าสามาไปไหนเสีย นางคงเดือดร้อนใจดังไฟเลีย อยากปลอบให้คลายละเหี่ยเลิกเสียใจ
** เมื่อได้พบสามาวดีที่น่ารัก จึงแจ้งให้ประจักษ์แถลงไข ลูกของเพื่อนเหมือนลูกพ่อก่อสายใย ต่อนี้ไปคือพ่อลูกผูกสัมพันธ์
** จุมพิตนางที่ศีรษะสื่อความหมาย พ่อจะรักไม่เสื่อมคลายนะจอมขวัญ มอบบริวารห้าร้อยให้เร็วพลัน ตั้งนางนั้นในตำแหน่งลูกคนโต
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต และแหล่งข้อมูลทั้งหลายที่นำข้อมูลและภาพมาใช้ครับ....
|
|
|
|